ยามราตรีเยื้องเข้า สุดใจเจ้าเคลื่อนเฝ้ากาล
ยามใดหนอจักขาน เรียกร้องสารสงบเสียไป
อากาสเย็นกับสีดำรอบตัวที่ทำให้รู้สึกสงบ สัมผัสที่นอนที่นุ่มราวกับปุยเมฆแน่นอนว่าต้องทำให้ใครต่อใครอยากนอนหลับเสียไปนานๆ แต่ไม่ใช่กับฉัน ยามใดที่ตาปิด เสียงรอบตัวเงียบสงัด เป็นอันที่เข้าใจได้ว่าฉันจะไม่ได้รับความสงบอีกต่อไป เฉกเช่นวันนี้
“ไหนเล่ามาสิ”
อากาศเย็นวูบทำฉันหัน แล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าวันนี้ทำไมรอบตัวเชื้อเชิญให้ทิ้งตัวลงนอนเสียจริงๆ เพราะมีลูกค้าต่อคิวรออย่างนี้นี่เอง แต่ดูเหมือนลูกค้าคนนี้จะไม่สงบเอาเสียเลย ฉันได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าร้องไห้ เพราะนางพยายามพูดแต่ไม่มีเสียง เนื้อตัวมีดินแดง การแต่งตัวไทยโบราณ ดูจากลักษณะแล้ว
“นางไม้เพิ่งเดบิวต์แล้วโดนคนถู”
สรุปง่ายๆได้ใจความ โคตรน่าสงสาร แต่ก็เก่งมากที่มาปรากฏตัวให้ได้ขนาดนี้ ท่าทางหญิงสาวที่ตีโพยตีพาย แทบจะรำไปคุยไป ฉันที่ทำได้แค่อ่านปากไปพลางๆ ดูเขาจะลำบาก และเป็นฉันที่เพิ่มออพชั่นเทคแคร์เข้าไปมือสองข้างปาดน้ำตาให้สาวตรงหน้า น่าสงสารแต่แอบชิน เพราะไม่ใช่แม่สาวนางแรกที่มาร่ำร้องแบบนี้ แต่ละตนก็คงจะมีเรื่องลำบากใจไม่น้อย แต่ใครละจะฟังพวกเขาได้ คงอัดอั้นน่าดู
“หือ?จะกลับแล้วหรือ”
จู่ๆสาวตรงหน้าก็พยักหน้าแทบคอจะหัก โอะ หักทิ้งลงมือเลยทันทีที่ทักในใจ คาดว่ารีบ ตามองตามหัวที่หล่น มือสองข้างรีบเก็บขึ้นประดิษฐ์ซ่อมโดยเร็ว
"ฉันต้องไปแล้วเหมือนกัน เอาไว้แรมเจอกันนะ อย่าเที่ยวหลอกใคร อย่าเที่ยวกวนคน ยึดถือยึดมั่นต่อไปนะจ้ะ"
สิ้นเสียงดวงตาสองข้างเปิดออกทักทายแสงตอนเช้า เสียงนกกับเสียงคนแลกเปลี่ยนความคิดรอใส่บาตรทำเอาอยากม้วนตัวเป็นก้อนแล้วขุดดินอยู่เสียจริง แต่ก็นะ วันใหม่ก็เริ่มอีกครั้ง
สวัสดีค่ะ ฉันริน รดาวลัย เหมือนอย่างที่เห็นฉันมีชีวิตกลางวันและยามฝัน เรื่องราวของฉันเหมือนมันแค่เรื่องเล่าบนเว็บ แต่มันคือการเดินทางและแก้ไขสำหรับฉัน ครั้งหนึ่งมันคือสิ่งจำเป็นต้องทำ แต่ตอนนี้คือหน้าที่ จากเล็กสู่ใหญ่ จากใหญ่สู่มหาศาล จากเรื่องราวสู่กรรมที่วนเวียนไม่มีสิ้นสุด แค่พูดก็หายใจไม่เต็มปอดแล้ว
ยามรุ่งสางโหยทัก เฉกนกจับเจื้อยแจ้ว
ยามอรุณว่าสุขแล้ว ไม่อาจแคล้วราตรีหม่น