"ท่านราพณาสูร ท่านช่างมีจิตใจที่ดำมืดยิ่งนัก ข้าอภิเษกกับท่านแลอยู่กินกันมานับร้อยๆปีท่านมิเคยยินยอมให้ข้าเรียกท่านว่าท่านพี่เลยสักครา แต่แล้วเพราะเหตุใด เหตุใดท่านถึงยินยอมให้...(ยินยอมให่นางเรียกท่านว่าท่านพี่กันเล่า)" กล่าวจบกมลเนตรก็ได้ยมมือเรียวขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่กำลังรินไหลพร้อมสงสายตาไปให้ราพณาสูร แต่ราพณาสูรกลับมีเพียงใบหน้าที่เฉยชาส่งมาให้ เหมือนมิได้สยใจในสิ่งที่กมลเนตรกล่าวเลยแม้แต่น้อย
"นัเนเป็นเพราะว่าท่านเป็นชายาที่ท่านพี่ราพณาสูรต้องจำใจอภิเษกด้วยตามรับสั่งของเสด็จพ่อรากษสยังไงละเพคะ แลท่านพี่ก็มิได้ชอบพอท่านเฉกเช่นตัวน้อง ใช่หรือไม่เจ้าค่ะท่านพี่...(หึ!อกแตกตายไปเถอะนางกมลเนตร)" อัปสราสวรรคกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยันกมลเนตรที่ราพณาสูรไม่ได้ให้ความสนใจและอภิสิทธิพิเศษเช่นตน พลางกอดที่แขนและซบลงที่ไหล่ของราพณาสูรอย่างออดอ้อน
.
.
.
"ฮึกๆ ฮื่อออ~ อสุราข้าปวดใจเหลือเกิน ที่ข้าทำมาทั้งหมดมิมีค่าเลยงั้นรึ ข้าทั้งเฝ้ารัก ถนุถนอมบูชาท่านราพณาสูรมานับร้อยๆปีนานนับเพียงนี้ แล้วเหตุใดท่านราพณาสูรถึงมิเคยมองลงมาที่ข้าสักคราเลยเล่า ฮึกๆ ฮื่อออ~" กมลเนตรร้องไห้อย่างหนัก พลางเล่าถึงความอัดอั่นตันใจในสิ่งที่ตนเพิ่งได้ประสบพบเจอมาให้อสุราสหายเพียงหนึ่งเดียวของตนฟังพร้อมใทั้งน้ำตาที่รินไหลไม่มีทีท่าจะหยุดไหลง่ายๆ
"เฮ้อออ~ข้าก็มิรู้จักปลอบเจ้าเช่นไรดีกมลเนตร ตัวข้าเองก็สงสารเจ้ายิ่งนัก(นี้ละหนาที่เขาว่ามีรักย่อมมีเจ็บ อันตัวข้ามิเคยคิดอยากมีจริงจริ๊งงงงง~)"อสุรากล่าวกับกมลเนตรอย่างเหนื่อยอ่อน
"ถ้าเช่นนั้น เจ้าจักสามารถช่วยข้าสักเรื่องได้หรือไม่ อสุรา" กมลเนตรกล่าวกับอสุราอย่างมีความหวัง
"ได้แน่นอน เพราะเจ้าคือสหายรักของข้านิ" อสุรากล่าวกับกมลเนตรอย่างฉับพลัน
"เช่นนั้น เจ้าจักช่วยส่งให้ข้าไปเกิดใหม่ในเมืองมนุษย์จักได้หรือไม่" กมลเนตรกล่าวขึ้นด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม
"หากเป็นเรื่องนี้ข้าเกรงว่าคงจักช่วยเจ้ามิได้ดอกหนา เพราะการจะไปเกิดได้ก็มีแค่วิญญาณเท่านั้นแล แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องการที่จะไปเกิดใหม่กันเล่า" อสุราตอบกลับสหายด้วยสีหน้าที่ขอโทษสุดใจ และถามกลับกมลเนตรอย่างสงสัยในความคิดของสหาย
"นั้นเป็นเพราะ หากข้าได้ไปเกิดใหม่ข้าก็จักได้ดื่มน้ำจากแม่น้ำแห่งการลืมเลือนใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นั้นข้าจักได้ลืมเลือนสิ้นเสียในเรื่องราวความเจ็บปวดนี้ เจ้ามิมีวิธีอื่นเลยงั้นรึ" กลมเนตรตอบออกมาอย่างเศร้าสร้อยพลางถามกลับด้วยความหวังอันน้อยนิด
"อืม~ ที่จริงก็มิใช่ว่าจักมิมีวิธีดอกหนา เพียงแต่ตัวข้าก็มิแน่ใจสักเท่าใดว่ามันจะสัมฤทธฺ์ผลจริง" อสุรากล่าวออกมาหลังจากใช้ความดิดตรองดูสักพัก
"ดี เช่นนั้นใช้วิธีนี้แล่ะ ข้าจักทำมิว่าจะมีผลเป็นเช่นใดก็ตาม " กมลเนตรกล่าวด้วยความหวังที่กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
.
.
.
หลังจากที่กมลเนตรได้หายตัวไปหลายปี ราพณาสูรก็ได้เฝ้าตามหาตัวนางจากแค่ในทิศที่ตนเองปกครองอยู่ก็ลุกลามเป็นทั่วทั้งเมืองยักษ์ แต่แม้ราพณาสูรจะตามหาตัวนางแทบพลิกแผ่นดินหาก็มิอาจหาตัวนางพบได้ ทำให้ยักษ์หลายๆตนเริ่มที่จะเป็นห่วงร่างกายของราพณาสูรจึงได้ขอให้พระอนุชาของท่านราพณาสูรมาปกครองแทนชั่วคราว เนื่องจากเขาได้แต่เฝ้าตามหากมลเนตรแทบไม่ได้พัก กินไม่เคยอิ่ม นอนหลับได้ไม่ถึง2ชั่วยาม ทำให้ร่างการของราพณาสูรทรุดโทรมลงอย่างมาก มองดูแล้วไร้ซึ่งสง่าราศรีของผู้ปกครองทิศ
"น้องหญิงเจ้าอยู่แห่งหนใดกันหนอ เจ้าจักคิดถึงพี่เช่นเดียวกับที่พี่คิดถึงเจ้าหรือไม่" ราพณาสูรกล่าวออกมาอย่างคนเพ้อหนัก เพราะเมามายในฤทธิ์ของน้ำจันทร์ที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปหมดไห
"ท่านพี่จักเศร้าโสกาไปทำไมเล้าเพคะ ในเมื่อท่านที่ยังมีน้องอยู่ทั้งตนนะเพคะ น้องจักอยู่เคียงข้างท่านพี่เอง...(เพราะถึงท่านพี่จะพลิกแผ่นดินหานางไป ท่านพี่ก็จักมิมีวันพบเจอนางไงเพคะ)" อัปสรสวรรคกล่าวปลอบราพณาสูรพรางรินเหล้าให้ดื่ม โดนที่ในใจนั้นรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นเพราะรู้ว่าต่อให้ราพณาสูรจะตามหานางยังไงก็ไม่มีวันพบแน่ และที่ไม่พบก็เป็นเพราะนางไม่ได้อยู่ในเมืองยักษ์แล้วเช่นไรเล่า
ชี้แจงเครื่องหมายจ้า
"............" หมายถึง บทความพูดคุย
(...........) หมายถึง การพูดหรือ คำพูดในใจ
....... ~ หมายถึง การลากเสียงยาว
........!!! หมายถึง การใช้เสียงที่ดังขึ้น หรืออาการตกใจ
//.........// หมายถึง การกระซิบ หรือคำพูดกระซิบ
คำชี้เเจง
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องการสมมติจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับชีวิตจริงหรือในประวัติศาสตร์
ในเนื้อหาบางตอนอาจมีการใช้ความรุนเเรง หรือการฆาตกรรมขึ้น ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ในเนื้อหาบางตอนอาจมีการร่วมรัก หรือการร่วมรักที่มีการใช้ความรุนเเรงร่วมด้วย ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า18ปีควรได้รับคำแนะนำ
เนื้อเรื่องเป็นการสมมติขั้น หากมีการกระทบกระเทือนถึงบุคคลอื่น หรือผู้อื่นต้องขออภัยมา ณ ที่นี้