(18+ไม่มี sex)
**
บ่ายแล้ว..
ผมลืมตามองออกไปบนถนนที่ทอดยาวเบื้องหน้า ดึงสติกลับมาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
ก่อนจะเอื้อมมือเข้าเกียร์อย่างเหนื่อยล้า เปิดไฟเลี้ยวขวาและค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง เหม่อมองไปข้างทางหาลูกค้าคนต่อไป..
ผมมีอาชีพขับรถแท็กซี่ ปากกัดตีนถีบเก็บหอมรอมริบ บางวันได้เยอะบางวันได้น้อยพออยู่พอกินคลุกเคล้ากันไป
ชีวิตหลังพวงมาลัยในแต่ละวันย่อมพบเจอกับผู้คนมากมาย หลายคนก็หลายเรื่องหลายอารมณ์ บางคนเป็นมิตรบางคนไม่น่าคบ บางเหตุการณ์ก็ดี บางเหตุการณ์ก็เหลือจะรับประทาน พยายามมองโลกในแง่ดี ทำให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขถึงแม้จะถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่บ้างในบางครั้งบางคราว
แต่ข้อเสียของผมก็มี ผมจะขี้โมโห โกรธง่าย ขี้ใจน้อยทั้งๆ ที่หัวก็ไม่ล้าน เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรขัดหูขัดตาจนเกินงามเมื่อใดก็จะหัวร้อน เจ้าเคียดเจ้าแค้น และสุดท้ายก็จะทำในสิ่งที่ไม่คาดฝัน
กลายเป็น " ฆาตรกร " อย่างที่ไม่น่าจะเกิด....
.............
เมื่อเที่ยงวัน...
บนถนนสี่เลนส์ชาญเมืองเบื้องหน้ารถค่อนข้างโล่ง อาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด
ผมกวาดตามองหาใครสักคนเบื้องหน้าที่จะเรียกใช้บริการอย่างเฉกเช่นทุกว้น
ครู่เดียวไม่นานเกินรอก็มองเห็นอยู่ไกลๆ
ป้าสูงวัยยืนยกแขนกวักมืออยู่ไหวๆ ผมไม่รีรอรีบเปิดไฟเลี้ยวซ้ายหมุนพวงมาลัยเข้าข้างทาง
ค่อยๆ ชะลอรถไหลไปหาป้าคนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงบีบแตรไล่ด้านหลังก็ดังลั่นถนน
ผมสะดุ้งตกใจ แหงนมองกระจกมองหลังก็เห็นรถหรูสีแดงจ่อประชิดติดท้ายแถมยังยกไฟสูงใส่ว่าบๆ
ผมจอดตรงที่ป้ายืนรอพอดี รถหรูคันนั้นก็ปาดแซงขวาออกมาและจอดขนาบข้างอย่างไว
น่าจะมีอะไร ผมนึกในใจ
ผมลดกระจก รถหรูสีแดงก็ลดกระจก ผมมองเข้าไปก็เห็นคนขับวัยรุ่นอายุไม่น่าจะเกิน 25 ปี หน้าตายียวนกวนประสาทจ้องเขม็งมาที่ผมจากนั้นก็ชะโงกหน้าตะโกนเสียงดังออกมาจากรถ
“ เกะกะโว้ยไอ้แท็กซี่ เหี้ยแม่ง..ห่า..คนยิ่งรีบๆ ไปไกลๆเลย ” โอ้โห ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมา มันเริ่มต้นผูกสัมพันธ์ด้วยถ้อยคำผรุสวาทอย่างไม่เกรงอกใจผู้หลักผู้ใหญ่เลยสักนิด
จากนั้นมันก็ขยับรถเคลื่อนตัวจะแซงไป
เอาแล้วไง.. จบแค่นี้หรือ..
จะมาหลอกด่าแล้วจากไปซะงั้น
เรื่องน่าจะจบแค่นี้ใช่ไหม ไม่น่าจะใช่แล้วมั้ง..
มันทำผมโกรธหัวร้อนผ่าว
ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน เดี๋ยวผมจะสอนมันเอง
“ รีบไปหาพ่อมึงเหรอ " ผมปากไวตะโกนด่าไล่หลังมันไป
เท่านั้นแหละ รถหรูเบรคเอี๊ยด แล้วถอยหลังกลับมาประจันหน้ากันที่เดิมอีกครั้ง
มันคงนึกว่าผมไม่กล้า
“เมื่อกี้มึงเล่นถึงพ่อกูเหรอ " มันว่า "ไอ้แก่ ไอ้หงอก สัด” มันชี้หน้าด่าเป็นชุด พยักหน้าเลิกคิ้วยังกับงิ้ว
เล่นยามารึไงไอ้นี่ ผมนึกในใจ แล้วผมก็ยังไม่แก่เท่าไรเพิ่งจะ 50 กว่าๆ เพียงแต่มีผมหงอกรำไร
“แล้วมึงมีอะไร อยู่ๆมาด่า กูแก่คราวพ่อมึงนะ " ผมเสียงดังขึ้น
มันส่ายหัวดิกๆ
“ก็มึงเกะกะ สัด ขวางทางน่ารำคาญ แท็กซี่เหี้ยแม่งเป็นงี้ทุกตัว ” คำก็สัด สองคำก็สัด
“มึงก็แซงไปดี้ แซงไม่เป็นรึ " ผมทำท่าชี้มือไปข้างหน้า
มันโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“โถ่ไอ้แก่..มึงไม่ใช่พ่ออย่ามาสั่ง อยากรีบตายใช่มั๊ย ไอ้แท็กซี่กระจอก ไอ้แก่บ้านนอก "
“อ้าวมึง..เกินไปแล้วม้าง … " ผมเลือดขึ้นหน้าชี้หน้าไอ้เด็กเมื่อวานซืน
ผมเสียลูกค้าไปแล้ว ป้าที่เรียกเมื่อตะกี้เดินหนีไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ไอ้วัยรุ่นกร่างนั่นจ้องหน้าผมเอาเป็นเอาตายกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน มันขับรถพุ่งพรวดไปจอดขวางข้างหน้า เปิดประตูเดินจ้ำอาดๆ ตรงมายังผมที่ยังคงติดเครื่องเปิดกระจกอยู่ ผมจ้องตาไม่กระพริบมือกำพวงมาลัยแน่น
พอเดินมาถึงมันก็ทุบรถผมอย่างแรงเสียงดังปัง จากนั้นก็มายืนค้ำเท้าแขนที่ขอบหน้าต่างทำคอเอียงแสดงความเป็นนักเลงเจ้าของถนน ผมไม่ทันสังเกตุว่าผู้คนแถวนั้นยืนดูมากน้อยแค่ไหน แต่เหมือนมีมอเตอร์ไซด์จอดดูอยู่สองสามคัน
“เอาใช่มั๊ยไอ้แก่ มึงกับกูคนละระดับอย่ามากวนตีน ”
ผมจ้องหน้ามันชั่วครู่ พยายามสะกดใจ นับหนึ่งถึงสิบถึงร้อยถึงพัน
"กลับไปเหอะน้อง " ผมโบกมือไล่มัน
ไม่คาดฝัน มันกระชากคอเสื้อผม อีกมือเงื้อมหมัดทำท่าจะตั้นหน้า ผมผงะนิดนึง
“เฮ้ย..ปล่อย...” ผมตะหวาดเสียงดัง พยามแกะมือ ความอดทนกำลังจะหมดไป
มันไม่ปล่อยแถมยังกระชากซ้ำ ปากก็ด่าต่อไม่หยุด ไม่มีความเคารพกันแม้แต่น้อย
“ไอ้แท็กซี่จนๆ มึงมันไอ้แก่ทุเรศ เกะกะสังคม ชีวิตมึงก็มีอยู่แค่นี้ อย่ามาสะเออะ ”
วินาทีนั้นเหมือนโลกเริ่มลุกเป็นไฟ ผมไม่เหลือความอดทนอีกแล้ว หูอื้อฟังอะไรไม่ได้ยินอีกต่อไปเห็นแต่ปากมันขยับ
“ไอ้เด็กเวร.. ” ผมแผดเสียงแรงสุดเท่าที่มีเหมือนคนบ้าคลั่งสติแตก
จากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความคิดกับร่างกายตอบสนองกันจนไอ้วัยรุ่นนั่นไม่ทันตั้งตัว
มือขวาของผมเอื้อมไปคว้าคอเสื้อของมันจับไว้แน่น มือซ้ายรีบใส่เกียร์แล้วมาจับพวงมาลัย เท้ากระแทกคันเร่งอย่างแรง รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างเร็วปานพายุพร้อมกับหิ้วลากตัวมันไปด้วย พุ่งเข้าชนรถของมันที่จอดอยู่ข้างหน้าเต็มแรงจนกระเด็นไถลไปไกล จากนั้นกดคันเร่งจนมิดอีกครั้งแล้วหมุนพวงมาลัยเบี่ยงออกขวา รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างเร็วเสียงล้อหมุนบดถนนดังเอี๊ยด.. มือมันหลุดจากผมไปแล้ว แต่มือผมยังคว้าคอเสื้อมันไว้แน่น ร่างของมันถูกลากไปกับพื้นถนนห้อยต่องแต่งครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ข้างรถ มือมันโบกสะเปะสะปะพยายามไขว่คว้าหาขอบหน้าต่างยึดเหนี่ยว ขาก็ครูดไปบนพื้นคอนกรีตที่ร้อนระอุและหยาบกระด้าง
"โอ๊ย..พอแล้ว" เสียงแว่วๆ ดังมาจากข้างรถ มันคงเจ็บปวด
ผมหมุนพวงมาลัยเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาหลายรอบอย่างเมามัน รถส่ายซ้ายทีขวาที ร่างไอ้หนุ่มนั่นครูดไปกับพื้นพร้อมปลิวกระแทกกับรถตามแรงเหวี่ยงอย่างแรง มันพยายามจะแกะมือผมออก ไม่มีทาง ผมคว้ามันไว้แน่นพอที่จะพามันไปไหนต่อไหนได้อีกไกล
ข้างหน้าเป็นรถใหญ่ ผมแฉลบเบียดเข้าไปใกล้ด้านข้าง ร่างมันเฉียดกระแทกกับรถนั่นอย่างแรงจนมันร้องลั้นถนน
"โอ๊ย.."
กระอักเลือดแน่เลยมึง
ผมคิดอะไรไม่ออกอีกแล้วนอกจากจะฆ่ามันให้ตายให้หายแค้น แต่ก่อนที่จะมันจะตายต้องทำอะไรที่สะใจให้มันเจ็บและทรมาน ให้สาสมกับที่มันทำกับผมเมื่อครู่
หูผมอื้อไปหมดแทบไม่ได้ยินอะไรแต่ก็ไม่สนใจฟังว่ามันร้องว่าอย่างไร ยังคงเหยียบคันเร่งขับตะบึงส่ายไปส่ายมา โดยมีร่างของมันห้อยลากครูดกับถนนอยู่ข้างรถอย่างไม่แคร์ต่อสายตาใคร คงจะดูสยองพิลึก
มาได้ไกลสักพัก ข้างหน้าเหมือนจะติดไฟแดง ผมรีบเลี้ยวเข้าซอยเล็กซ้ายมือ เป็นถนนแคบรถวิ่งสวนทาง
คนรอบข้างร้องเอะอะโวยวายชี้ไม้ชี้มือมองมาเป็นตาเดียวกัน
ผมยังไม่หยุด ยังคงเร่งความเร็วเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างกับรถซิ่งในหนัง
มาได้ไกลพอสมควร
ได้ยินเสียงไอ้เวรนั่นร้องขอชีวิตอยู่ข้างรถอย่างแผ่วเบา สงสัยสำนึกผิดกลัวตายแล้วมั้ง แต่ไม่ทันแล้ว บอกแล้วว่าให้เลิกลากันตั้งแต่แรก แต่กลับมาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
รู้สึกได้ว่ามันพยายามใช้แรงเท่าที่เหลือเอื้อมมือมาจับมือผม
“ปล่อยกูเถอะ ” เสียงมันแว่วๆ แทบฟังไม่ได้ศัพท์
"ไปตายซะไอ้เด็กเปรต " ผมตวาดออกไป
สติผมหลุดเกินกว่าจะกู่ให้กลับแล้ว
ผ่านมาพักใหญ่ มันคงจะหลาบจำในสิ่งที่เกิดขึ้นกับมัน
ข้างหน้ามีรถสิบล้อวิ่งสวนมาไกลๆ ได้การละ คงต้องเผด็จศึกซะที
ผมกำคอเสื้อม้นให้แน่นขึ้น เร่งความเร็ว เครื่องยนต์แผดเสียงดังปานจะระเบิด พอได้จังหวะผมก็หมุนพวงมาลัยเบี่ยงวูบไปหารถสิบล้อนั่น รถสิบล้อตกใจยกไฟสูงใส่ เค้าคงสงสัยว่าผมจะทำอะไร ผมไม่สน วิ่งเข้าเฉียดตามที่ตั้งใจ
เสียงดัง ปุบ โครม รถสิบล้อเบียดครูดฟาดร่างมันอย่างแรง ผมเกือบจะทำหลุดมือแต่ยังคว้าไว้ได้
"ตายยังมึง " ผมตะโกนเหมือนคนบ้า
ไม่มีเสียงหรือคำตอบใดๆ จากมัน
ข้างหน้าไกลๆ เป็นสี่แยกถนนใหญ่ สงสัยคงต้องพอแค่นี้ ผมลดความเร็วลงแล้วชะโงกหน้าออกไปดูร่างมัน
หมดสภาพไอ้วัยรุ่นกร่าง หมดสภาพคนรวยรถหรูขี้โอ่จอมข่ม หัวมันน่าจะแตกหนังหัวถลอกปอกเปิกเห็นกระโหลก เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยเลือดโชกทั้งตัว แขนสองข้างห้อยหมดแรงลากกับพื้นเลือดเปียกชุ่มไม่มีปัญญามาไขว่คว้าหาอะไรได้อีกต่อไป มองเลยไปดูขาสองข้างของมันปลายเท้าหลุดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เดาว่าสิบล้อน่าจะเอาไปพร้อมกับรองเท้าของมัน เห็นมีแต่กระดูกขาวโพลนโผล่จากส่วนที่ขาดหายไป เลือดกระฉูดไหลนองไปตามพื้นถนนเป็นทางยาว ดูเละไม่เป็นท่า
“เข็ดมั้ยไอ้เด็กเวร ” ผมแผดเสียงออกไป
ตายรึยังก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ มันคงเข็ดไปอีกนาน มันคงไม่กล้าทำกับใครแบบที่ทำกับผมอีก
แต่เห็นสถาพมันแบบนี้ไม่น่าจะมีโอกาศได้ทำอีกแล้วละมั้ง
พอแค่นี้แล้วกัน
ผมปล่อยมือจากคอเสื้อ มองผ่านกระจกข้าง ร่างมันร่วงหล่นลงพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆ ไปบนถนนไม่เป็นท่าเหมือนก้อนเนื้อไร้ค่าก้อนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ รถที่ตามมาหลบกันจ้าละหวั่น รถเก๋งสีดำรีบเบี่ยงหลบทันจนเกือบจะเสียหลัก ตามมาอีกคันเป็นกระบะคันใหญ่สีเทาเจอแจ๊ตพ็อตหลบไม่ทันทับร่างมันอย่างจัง ก่อนจะเข้าจอดข้างทาง
ผมมองตามร่างอาบเลือดที่นอนแน่นิ่งนั่นค่อยๆ ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับสายตา...
ไอ้วัยรุ่นนั่นได้รับการสั่งสอนจากผมอย่างสาสมแล้ว
........
บนถนนสี่เลนส์สายเดิมที่แดดยามบ่ายแก่ๆ ยังทาทาบบนพื้นคอนกรีตที่ร้อนระอุ ผมยังคงขับไปเรื่อยๆ ไม่มีใครริมทางจะเรียกใช้บริการสักคน นึกเสียดายป้าคนนั้นเหมือนกัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์น่าเบื่อเมื่อตอนเที่ยง ก็คงจะได้สตางค์จากแกบ้าง
ป้าคงเดินหนีไปตอนที่ไอ้วัยรุ่นนักเลงนั่นเปิดกระจกตะโกนด่าเสียงดัง..
..เมื่อตอนเที่ยง..
"คราวหลังอย่าเกะกะ เวลาจะจอดดูด้วย " มันเอะอะโวยวายยิ่งใหญ่คับฟ้า
"โอเค โอเค.. ลุงขอโทษนะพ่อหนุ่ม ลุงไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ "
ผมพูดพร้อมพยักหน้าหงึกๆ ยอมสิโรราบแต่โดยดี
จากนั้นมันก็ขับจากไป..
มันจบแค่นี้..มาชี้หน้าไม่เกรงใจแล้วก็จากไป..
แต่ผมไม่จบ
มันทำผมโกรธหัวร้อนเผ่า
คงจะต้องสั่งสอนไอ้เด็กเวรนั่นสักหน่อย ให้รู้จักที่ผู้หลักผู้ใหญ่เสียบ้าง
ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
ผมถอนหายเฮือกใหญ่
หลับตา...แล้วเริ่ม " จิตนาการ เป็นฆาตกร.." อย่างสาสมใจ
จบ.