กรงรักมาเฟีย
2
ตอน
174
เข้าชม
0
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
7
เพิ่มลงคลัง
เหตุการณ์เพียงครั้งเดียวส่งผลให้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี่เลยเหรอ การกระทำของเธอทำให้ชีวิตต้องพัวพันกับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ความผิดพลาดก่อเกิดสายสัมพันธ์ที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู

บทนำ

 

ปล่อย…

ปล่อยผม ...ปล่อยผมนะ

ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย ใครก็ได้ช่วยผมที…

เสียง เสียงใครนะ

หญิงสาวหันหน้าไปมาเพื่อหาต้นเสียงที่เธอได้ยิน แต่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาก็ไม่มีเสียงที่เธอได้ยิน แต่เธอคิดว่าเธอไม่ได้หูฝาดนะ เสียงนั้นเป็นเสียงขอความช่วยเหลือและเท่าที่ได้ยินดูเหมือนจะเป็นเสียงของเด็ก แต่แถวนี้ก็ไม่มีเสียงเด็กที่ไหน ที่จริงบริเวณนี้อย่างว่าแต่เด็กแม้แต่คนทั่วไปก็ยังบางตา หรือเธอจะแค่หูแว่วไปจริงๆ ก็คงใช่นะ แถวซอยแคบๆ เปี่ยวๆ แบบนี้คงไม่มีเด็กมาเดินลำพังหรอก แต่ถ้ามีเด็กหลงทางละ

เพล้ง

เสียงดังแทรกความคิดแรกของเธอ กวาดสายตามองไปทางต้นเสียง รู้สึกเสียงจะมาจากซอยด้านหลังของเธอจริงๆ สินะ เธอพยายามมองเข้าไปแต่มันมืดมาก แม้ว่าตรงที่เธอยืนจะสว่างแต่ในซอยแคบนั้ยกลับมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไร เธอยังคงสงสัยแต่ก็พยายามไม่สนใจและนั่งรอรถประจำทางของเธอต่อไป

แต่แล้วในที่สุด ความรู้สึกสงสัยก็ชนะความกลัว เธอลุกออกจากป้ายรอรถและเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าปากซอยต้นเสียงนั้น เธอคิดว่าเสียงที่ได้ยินดังมาจากในนี้แน่ แล้วถ้ามันใช่อย่างที่เธอคิด นั้นมันหมายถึงมีเด็กกำลังได้รับอันตรายเหรอ แล้วทำยังไงดี ถ้าเป็นแค่การหลงทางธรรมดา หรือเจอสัตว์อันตรายทั่วไปเธอก็คงช่วยได้ไม่ยาก แต่ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นละจะทำยังไง ถ้าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างพวกเรื่องลักพาตัวเด็กแบบที่ชอบเห็นในข่าวจะทำยังไงดี เธอคนเดียวก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้หรอกมั้ง

ไม่สิ อาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายๆ อย่างที่คิดก็ได้

 

“ปล่อยผม ปล่อยเดี๋ยวนี้”

“เงียบ พวกมึงจับไว้ให้ดี เอาอะไรยัดปากมันด้วย เสียงดังนักนะ”

คงจะไม่ใช่ ไม่ได้แล้ว หญิงสาวที่ได้เห็นเหตุการณ์ยืนนิ่งมองภาพเห็นตรงหน้า ชายฉกรรจ์ประมาณ 4-5 คน กำลังจับเด็กเล็กอายุไม่น่าเกิน 5 ขวบ ขึ้นรถตู้ไปแล้วรถก็ยังออกไปแล้วด้วย ต่อหน้าต่อตาเธอ ดีที่ในซอยมันมืดพวกนั้นเลยไม่ทันสังเกตเห็นเธอ แต่เมื่อกี้แววตาเด็กคนนั้นเหมือนมองมาที่เธอ เหมือนเราสบตากันใช่ไหม

“เมื่อกี้ทะเบียนรถอะไรนะ XX-XXXX ใช่ไหมนะ”

ด้วยความที่มืดบวกกับความตกใจ ทำให้เธอมองทะเบียนรถคันนั้นไม่ค่อยชัด แต่ก็นะหากผิดก็คงแค่สลับกันไม่มาก เธอจึงรีบคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาแล้วรีบแจ้งตำรวจ ข้างหน้านี้มีสถานีตำรวจอยู่ยังไงรถคันนั้นก็ต้องผ่านตรงนั้น

 

“สวัสดีค่ะ พี่บอมคะ นี่น้ำผึ้งพนักงานส่งของค่ะพี่ หนูมีเรื่องจะแจ้งค่ะ ตอนนี้พี่อยู่ที่สถานีหรือเปล่าคะ”

“อ่อ น้องผึ้งเอง ว่าไง พี่เข้าเวรอยู่มีอะไรล่ะ” ปลายสายตอบกลับอย่างเป็นกันเอง

“พี่บอมรีบออกมาดักรถตู้ที่กำลังจะวิ่งผ่านสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมค่ะ รถตู้คันนั้นสีขาว ป้ายทะเบียน XX-XXXX รถคันนั้นลักพาตัวเด็กไปค่ะ” เธอรีบแจ้งเหตุการณ์ให้ปลายสายทราบ

“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม” ตำรวจหนุ่มย้ำกลับ

“ค่ะหนูเห็นชัดเลย พวกนั้นอุ้มเด็กผู้ชายอายุประมาณ 5 ขวบขึ้นรถไปค่ะ”

“โอเค ทางนี้พี่ดูต่อเอง เราก็ระวังตัวด้วยเผื่อพวกของมันอยู่แถวนั้น ยังไงก็รีบมาที่สถานีแล้วกัน”

ตำรวจหนุ่มรับเรื่องแล้วรีบรายงานสถานการณ์ให้ตำรวจที่อยู่เวรประจำอีก 3 คน ให้ทำการตั้งด่านสกัดรถคันดังกล่าว

 

เพียงครู่รถกันดังกล่าวก็ได้วิ่งผ่านตรงนั้นจริงๆ แต่ดูเหมือนพวกนั้นจะรู้ว่ามีด่านเลยเร่งความเร็วเต็มที และนั้นทำให้อุปกรณ์ที่วางกั้นด่านโดนชนเข้าอย่างจัง แต่เหตุการณ์นั้นไม่อยู่เหนือการคาดหมาย เพราะเหล่าตำรวจได้เตรียมพร้อมที่จะดสกัดรถคันนั้นไว้อยู่แล้ว ห่างออกไปจากด่านกั้นประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ได้มีการเตรียมปิดถนน ไว้แล้วพร้อมกับรถตำรวจที่รอดักรออยู่ ทำให้รถตู้คันนั้นถูกสกัดจับอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเข้าตรวจค้นก็พบเด็กคนดังกล่าวอยู่ในรถจริงๆ ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่ยังพบเด็กชายรุ่นเดียวกันอีกหลายคน ทุกคนถูกช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย ไม่นานก็พบกับการตามมาของผู้ปกครอง

 

ฝั่งผู้เห็นเหตุการณ์ เธอที่รีบนั่งรถมอเตอร์ไซต์รับจ้างมาถึงที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อมาถึงสถานที่ตอนนี้ได้เต็มไปด้วยกลุ่มคน ทั้งที่ก่อนหน้านี้แถวนี้คนเบาบาง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รถขับฝ่าด่าน คนจึงรีบออกมามุ่งดูสถานการณ์ ยิ่งพอรู้ว่าจับคนร้ายที่เป็นแก็งลักพาตัวเด็กยิ่งทำให้เป็นจุดสนใจของผู้คน

หญิงสาวที่เพิ่งมาถึงดูเหมือนจะตามเรื่องราวไม่ทันเพราะเมื่อมาถึงเรื่องราวมันก็แทบจะจบลงแล้วถึงขนาดที่จับตัวคนร้ายได้แล้ว นี่เธอมาช้าหรือทางตำรวจดำเนินเรื่องได้เร็วกันแน่

เธอยังคงมองแอบเฝ้ามองพวกคนร้ายอยู่ในกลุ่มฝูงคนแม้จะมองไม่ค่อยชัด แต่เธอก็พยายามมองไปทั่วจนแทบจะกลายเป็นที่น่าสงสัยแทนคนร้ายเสียแล้ว และการกระทำนั้นทำให้เธอนึกคำพูดของพี่ตำรวจที่พูดก่อนหน้านั้นว่าให้ระวังตัวไว้ด้วย เผื่อมีพวกของมันอยู่แถวนั้นอยู่อีก จริงสิ ถ้าพวกของมันรู้ว่าเธอเป็นคนแจ้งข่าว แล้วจะมาอยู่ในเหตุการณ์อีกมันจะไม่เป็นการเสี่ยงมากไปหน่อยเหรอ ทางที่ดีเธอควรจะรีบแอบเข้าไปหาพี่ตำรวจที่เธอรู้จัก เพื่อให้ปากคำก่อนจะดีกว่าที่จะมายืนอยู่แถวนี้

 

หญิงสาวแอบหลบฝูงคนออกไปด้วยท่าทีระแวดระวัง ทว่าการกระทำนั้นไม่อยู่นอกสายตาคนๆ หนึ่งได้ ชายหนุ่มที่ยืนมองเธอทำปฏิกิริยาที่ดูน่าสงสัย สนใจเข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนเกินไป และรีบปลีกตัวหนีทันทีที่เห็นคนร้ายโดนจับ เขาไม่ปล่อยให้ความสงสัยแม้เพียงนิดเดียวของเขาหลุดไป เขาจึงเดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว

 

เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาทันทีที่เธอหลบออกจากฝูงคนเตรียมจะเดินไปในซอยที่จะเข้าไปทะลุทางด้านหลังของสถานีตำรวจ กลับถูกกระชากตัวไปด้านหลังอย่างแรง เธอไม่ทันเห็นหน้าคนๆ นั้นหรือพูดได้ว่าไม่ทันที่จะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง โลกข้างหน้าเธอก็ได้ดับวูบไปทันที

ชายหนุ่มใช้จังหวะนั้นรั้งตัวเธอเข้าหาตัวก่อนจะจับเธอกดไปที่กำแพงเพื่อถามเรื่องราว แต่แรงปะทะที่เขาใช้มันแรงไปสำหรับเธอความโกรธแค้นจากเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลให้เขาไม่ไม่ยับยั้งอารมณ์จึงเผลอใช้แรงทั้งหมดไปกับเธอ เมื่อเธอถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังร่างผอมบางในมือเขาก็อ่อนแรงลงทันทีเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ตกใจเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรมากนัก เพียงมองคนตรงหน้าผ่านแสงไฟที่สลัวและคิดว่าเพราะศีรษะได้รับแรงกระแทกจนทำให้เธอสลบไป แต่นั้นมันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเขาในช่วงที่อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก บางทีการที่เธอสลบไปทั้งๆ แบบนี้อาจดีสำหรับเธอแล้ว ถ้าเธอเผลอทำให้เขาโมโหอีกเพียงนิดเขาอาจจะลงมือฆ่าคนตรงหน้าเป็นได้

 

“ท่าน มีเรื่อง…” บอดีการ์ดหนุ่มที่รีบเดินตามมาทันทีหลังจากเห็นเจ้านายตนเดินตามใครบางคนออกมา แต่ไม่ทันที่จะได้ถาม ชายหนุ่มได้สั่งเขากลับทันที

“พาตัวเธอไป”

เขาโยนร่างเล็กที่สลบอยู่ข้างตัวเขาให้อีกฝ่ายอย่างรังเกียจ บอดีการ์ดหนุ่มรับตัวเธอไว้ก่อนรีบพาเธอตามคำสั่งเจ้านาย

 

“ไม่เห็นเด็กคนนั้นเลยนะ โทรมาแจ้งแล้วก็หายไปเลย” นายตำรวจที่เพิ่งส่งตัวผู้ต้องหาให้อีกฝ่ายดำเนินการต่อ ออกมาถามหากับเพื่อนนายตำรวจที่อยู่ด้วยกัน

“นั่นสิ นี่ฉันก็โทรตามอยู่นะ ทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าให้รีบตามมา แต่ที่น่าห่วงคือโทรไปก็ไม่รับนี่แหละ ติดต่อไม่ได้เลย” นายตำรวจที่ได้โทรคุยกับเธอเป็นคนสุดท้ายกล่าว

“นี่จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ถ้ามีพวกของมันอยู่ แล้วเธอโดนลากตัวไปเกี่ยวข้องด้วยล่ะ” เพื่อนตำรวจอีกนายแสดงความเห็น

“รีบบอกให้หน่วยตรวจออกตามดูด้วยดีกว่า” เขาเริ่มหวั่นใจ เพราะเรื่องคราวนี้ดูจะเป็นเรื่องราวใหญ่ทั้งฝ่ายกระทำและผู้เสียหายไม่ธรรมทั้งคู่ ไม่ว่าฝั่งไหนหากเข้าไปเกี่ยวข้องก็ไม่น่าปลอดภัยทั้งนั้น เธอน่าจะกำลังเอาตัวเองไปพัวผันกับบุคคลที่ไม่ควรยุ่งเสียแล้ว

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว