ข้าไม่ใช่สตรีที่ไร้สมอง (ฉบับ ebook)
8
ตอน
1.11K
เข้าชม
2
ถูกใจ
3
ความคิดเห็น
31
เพิ่มลงคลัง

ร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่งแบกถังน้ำขึ้นบ่า แต่ร่างกายไม่แข็งแรงจึงแบกมาได้ทีละน้อย ทว่าแต่ละก้าวที่เดินล้วนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเองแล้ว ในท้องของนางมีทารกน้อย ๆ อาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นคิดทำสิ่งใดย่อมต้องระวัง

แต่เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต นางจึงต้องเดินมาตักน้ำไปไว้ใช้ดื่มกินทุกวัน

 

มู่หรงอี้เหยียน คือชื่อเดิมของนาง

ที่บอกว่าชื่อเดิม เป็นเพราะขณะนางกำลังเดินทางไปหาท่านป้าหญิงที่จวนอดีตรองแม่ทัพ จู่ ๆ ม้าที่นางขี่ก็เกิดพยศจนไม่สามารถควบคุมได้

มันพานางวิ่งเตลิดออกนอกเมือง โดยนางไม่รู้เลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีคนจงใจ

รู้ตัวอีกทีเมื่อนักฆ่าสิบกว่าคนที่สะกดรอยตามนางมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จู่โจมเข้ารุมทำร้ายนางพร้อมกันแล้ว

 

แม้จะเป็นคุณหนูจวนราชครู แต่ด้วยความที่นางชอบฝึกวิทยายุทธ์ ชอบขี่ม้าล่าสัตว์ เวลาเดินทางไปไหนก็มักจะไปเพียงลำพัง ไม่ชอบให้มีผู้ติดตาม เพราะนางคิดว่านางอยู่เพียงในเมืองหลวง ผู้ใดจะกล้าทำร้ายนางบุตรสาวท่านราชครู

แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ววันนี้ จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากตัวเองที่ประมาทเกินไป

ในที่สุด น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ

ดาบคมเล่มหนึ่งแทงทะลุตัดขั้วหัวใจนาง ขาดใจตายทันที

 

แต่เมื่อหมดลมหายใจแล้ว แทนที่นางจะได้ไปเยือนน้ำพุเหลืองและดื่มน้ำแกงยายเมิ่งตามสูตร วิญญาณของนางกลับล่องลอยไปมาอย่างไร้จุดหมาย

นางจึงตัดสินใจจะกลับจวน

ไม่รู้ตอนนี้ท่านพ่อและพี่ใหญ่จะได้ข่าวหรือยังว่า นางตายแล้ว

 

เพียงแค่ตั้งจิต ร่างโปร่งแสงของนางก็มาปรากฏขึ้นที่จวนราชครูทันที ภายในจวนที่วันนี้ตกแต่งด้วยสีดำขาว

เห็นเช่นนั้นก็แสดงว่าพวกเขารู้ว่านางตายไปแล้วสินะ

เพราะนางเองกว่าจะรู้ตัวว่าตาย เวลาก็ผ่านไปถึงสามวันแล้ว

นางเห็นพี่ใหญ่สวมชุดไว้ทุกข์นั่งอยู่หน้าป้ายวิญญาณของนาง ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

นางรู้ว่าเขาเป็นคนที่รักนางมากที่สุด รองจากท่านพ่อ

เมื่อหันไปมองด้านข้างก็เห็นบรรดาอนุภรรยาของท่านพ่อนั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แปลกที่ในจำนวนนั้น ไม่มีหย่งอี๋เหนียงอยู่ตรงนั้นด้วย

ทันทีที่นางคิดถึงหย่งอี๋เหนียง ร่างของนางก็หายวับมายังคนที่นางนึกถึงทันที

 

แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ หย่งอี๋เหนียงกำลังเสพสุขอยู่กับท่านอาฟ่งเทียน องครักษ์คนสนิทของท่านพ่อ และเป็นหนึ่งในคนที่สอนวรยุทธ์ให้นาง

อี้เหยียนยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงร้องด้วยความตกใจ นางไม่คิดว่าหย่งอี๋เหนียงสตรีแสนดีที่รักและเอ็นดูนางมาตลอด กับท่านอาฟ่งเทียนจะมีพฤติกรรมต่ำทรามลับหลังท่านพ่อเช่นนี้

 

“ข้าให้รางวัลท่านแล้วนะเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้าง พอใจหรือไม่”

“ข้าพอใจ แต่ข้ายังไม่พอนี่ฟางเอ๋อ"

“พอก่อนเถอะเจ้าค่ะ ผู้คนอยู่เต็มบ้าน อาจจะมีผู้ใดมาเห็นเข้า”

“จะมีใครมากันเล่า พวกเขาล้วนอยู่กับศพนังเด็กนั่น”

“หึ! ต้องขอบคุณที่ท่านจัดการนังเด็กเหลือขอให้พ้นทางลูกอี้ของเราได้” หย่งฟางกล่าวขึ้นอย่างสะใจ

เพราะหากนังเด็กนั่นยังอยู่ ลูกอี้ของนางก็จะได้ชื่อเป็นลูกภรรยารองอยู่ร่ำไป เมื่อนังเด็กนั่นไม่อยู่แล้วเช่นนี้ ตำแหน่งคุณหนูคนเดียวของจวนราชครูก็ย่อมตกเป็นของลูกสาวนางคนเดียว

“เพื่อเจ้าและลูกหลิง ข้าย่อมทำได้ทุกอย่าง”

 

ที่พวกมันพูด หมายความเช่นไร

มู่หรงอี้หลิงไม่ใช่บุตรีที่เกิดจากนางแพศยาและท่านพ่อของนางหรอกหรือ อี้หลิงเป็นลูกที่เกิดจากฟ่งเทียนเช่นนั้นรึ

ความตกใจที่ได้รู้ว่า คนสั่งสังหารนางคือใครไม่ทันจาง การได้รับรู้เรื่องน้องสาวต่างมารดาที่ถูกปิดไว้กว่าสิบห้าปี ยิ่งทำให้นางตกตะลึง

 

“คงต้องให้น้องหญิงเร่งมือทำให้เจ้าแก่นั่นยกเจ้าขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ให้ได้โดยเร็ว ลูกหลิงของเราจะได้มีคู่ครองที่คู่ควรไม่น้อยหน้าผู้ใด” ฟ่งเทียนกล่าวพร้อมลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าด้วยความหลงใหล

“เจ้าค่ะ น้องกำลังพยายาม แต่อย่างไรก็ยังยากในตอนนี้ อีกทั้งยังมีเจ้าอี้หานคอยขัดขวางอีก เราคงต้องกำจัดพวกมันเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจจะใจร้อนไปกว่านี้ได้”

ที่พวกมันคุยกันหมายถึงความปลอดภัยของชีวิตท่านพ่อและพี่ใหญ่

ไม่ได้การ! นางต้องรีบไปเตือน!

แต่ยังไม่ทันจะทำสิ่งใด วิญญาณของนางก็เหมือนถูกดูดเข้าอุโมงค์ที่ทอดยาวไม่มีจุดสิ้นสุด นางรู้สึกเหมือนกำลังลอยหมุนคว้าง แต่กลับไม่มีอาการมึนหัว

ทว่า...ในความหมุนคว้างนั้น นางเห็นภาพเรื่องราวของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้น

 

เห็นภาพบ้านแสนทรุดโทรมหลังหนึ่ง เห็นพี่ชายและน้องสาวอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างยากลำบากเพียงสองคนพี่น้อง

น้องสาวชื่อ เซี่ยหนิง

วันหนึ่งพี่ชายถูกเกณฑ์ทหาร จำต้องออกเดินทางไปเป็นทหารที่ชายแดน เขาต้องปล่อยให้น้องสาววัยสิบหกหนาวใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนั้นเพียงลำพัง

ทุกวันผ่านไป นางหาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บสมุนไพรและผลไม้ป่าไปขายในเมือง

ทุกสามเดือนจะมีทหารส่งสารของกองทัพนำเบี้ยเลี้ยงมามอบให้แต่ละบ้านที่มีผู้ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร นับว่าชีวิตนางไม่อัตคัดนัก เพราะเบี้ยเลี้ยงของพี่ชายถูกนำมาส่งให้ไม่เคยขาด

 

ผ่านมาไม่นาน นางตื่นมาพบว่าหน้าบ้านมีชายผู้หนึ่งมานอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ แม้นางจะหวาดกลัวแต่มโนธรรมในใจก็บอกให้นางยื่นมือช่วยเหลือเขา นางจึงลากร่างชายผู้นั้นเข้ามาในบ้าน เฝ้าดูแลรักษาบาดแผลและอาการพิษไข้จนเขาฟื้นคืนสติ

ชายคนนั้นบอกนางว่าตนเองความจำเสื่อมและไม่มีที่ไป นางจึงยอมให้เขาพักอาศัยอยู่ร่วมบ้าน เพราะจะปล่อยไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ด้วยเขายังไม่แข็งแรง

แม้ชายหญิงอยู่กันตามลำพังจะไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง แต่โชคดีที่บ้านของนางตั้งอยู่ห่างหมู่บ้านออกมาค่อนข้างไกล จึงไม่มีใครมาคอยสอดส่องให้นางต้องลำบากใจ เขาและนางจึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกระทั่งเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน

ในที่สุดนางก็ยอมทอดกายให้เขาเชยชมด้วยความเต็มใจ

แต่หลังจากนั้นเพียงยี่สิบวัน นางตื่นมาพบว่าที่นอนข้างกายว่างเปล่า สามีของนางหายไป

ข้างหมอนมีเพียงสารสั้น ๆ ฉบับหนึ่งวางทิ้งไว้ ข้างม้วนกระดาษแผ่นนั้นมีหยกสีม่วง ดูงดงามล้ำค่าเกินหยกทั่วไป ลักษณะคล้ายหยกพกประจำตัวชนชั้นสูง ในกระดาษเขียนข้อความไว้เพียงสั้น ๆ ว่า

“รอ อีกไม่นานจะกลับมารับ”

 

เซี่ยหนิงแม้จะทุกข์ระทมที่ถูกทอดทิ้งไว้กับข้อความสั้น ๆ และหยกชิ้นเดียว แต่นางก็ยังเก็บรักษาทั้งสองสิ่งไว้อย่างดี

นางเฝ้าอดทนรอตามที่เขาบอกไว้อย่างเงียบ ๆ

แต่แล้วสงครามที่เกิดขึ้นก็แผ่ขยายวงกว้างขึ้นเพราะเกิดข่าวลือว่า เทพสงครามอย่างชินอ๋องหายสาบสูญไป ข้าศึกจึงเกิดความฮึกเหิมยกทัพบุกมาจนถึงหมู่บ้านที่นางอาศัยอยู่

ทุกคนในหมู่บ้านจำเป็นต้องอพยพหนีเอาชีวิตรอด

 

คราแรกนางเกาะกลุ่มหนีสงครามไปกับคนในหมู่บ้าน การไปเป็นขบวนใหญ่ย่อมปลอดภัยกว่า แต่เพียงไม่กี่วัน ทุกคนก็ต้องระเห็จกันไปคนละทาง เมื่อโจรป่าดักปล้นจนชาวบ้านที่นางรู้จักเสียชีวิตไปเกือบหมด

นางโชคดีที่อาศัยความเป็นสตรีตัวเล็ก ๆ และความมืดมิดรอบด้านยามนั้น พาตัวเองซอกซอนออกมาจากกลุ่มชาวบ้านแล้วตัดสินใจมุดเข้าไปหลบในโพรงไม้ทัน จึงรอดชีวิตพ้นจากเงื้อมมือพวกโจรมาได้

 

ผ่านไปหนึ่งคืนเต็ม ๆ เมื่อยามเช้ามาเยือน นางฟังว่าเสียงทุกอย่างเงียบลงแล้ว จึงค่อย ๆ คลานออกจากโพรงไม้ เห็นศพของคนในหมู่บ้านนอนตายเกลื่อน

เมื่อพบว่าเหลือรอดเพียงคนเดียว นางจึงออกเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ อาศัยเก็บผักป่าและผลไม้ป่ากินประทังชีวิต

โชคดีที่นางพอจะรู้จักต้นไม้และสมุนไพรหลายอย่างจากตำราที่บิดาทิ้งไว้ในบ้าน ด้วยพี่ใหญ่ที่เรียนรู้หนังสือมาจากบิดา ได้สอนให้นางอ่านออกเขียนได้บ้างแล้ว

 

นางรอนแรมอยู่กลางป่านานนับเดือน กระทั่งเดินมาพบกระท่อมนายพรานหลังหนึ่งที่สภาพทรุดโทรมมากจนไม่น่าจะมีใครกลับมาใช้งานอีก นางจึงตัดสินใจจะใช้กระท่อมหลังนี้เป็นที่พักพิงชั่วคราว

แต่ด้วยสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าและอ่อนแรงอย่างยิ่ง บวกกับพิษไข้รุมเร้า นางไม่อาจฝืนลมหายใจต่อไปได้อีก จึงสิ้นใจอย่างโดดเดี่ยวในกระท่อมหลังนั้น

โดยไม่รู้เลยว่าภายในท้องของนางบัดนี้ ชีวิตเล็ก ๆ ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

จะนับเป็นโชคดีก็ไม่ผิด เมื่อเรื่องราวชีวิตเซี่ยหนิงที่อี้เหยียนมองเห็นนั้นหมดลมหายใจลง วิญญาณของอี้เหยียนก็ถูกแรงบางอย่างดึงให้พุ่งเข้าสู่ร่างสตรีนามว่าเซี่ยหนิงทันที

ทำให้ ‘ทารก’ ในท้องของนางยังปลอดภัย

 

เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่มู่หรงอี้เหยียนทำก็คือ คลำหน้าท้องที่ยังคงแบนราบ

นางรู้ว่าเด็กน้อยในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ถามว่ารู้ได้อย่างไรนั้น นางไม่คิดจะหาคำตอบ

ลำพังเรื่องที่วิญญาณของนางต้องมาอยู่ในร่างนี้ก็ยากจะหาคำตอบแล้ว ยังดีที่พอจะมีภาพเรื่องราวเดิมให้นางได้รับรู้ที่มาที่ไปบ้างว่า ชีวิตนี้เคยผ่านพบอะไรมาบ้าง ไม่ใช่จู่ ๆ ก็มาโผล่ในร่างคนอื่นเลย

นี่นับว่าสวรรค์ยังเมตตานาง

 

มู่หรงอี้เหยียนเดิมไม่ใช่สตรีเรียบร้อย และไม่ชอบสุงสิงกับบรรดาคุณหนูทั้งหลายในเมืองหลวง แต่เหตุใดถึงมักมีข่าวลือออกมาว่า นางร้ายกาจ ชอบแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของตน ชอบรังแกน้องสาวต่างมารดา และมีอีกหลายข่าวเสียหายที่ลือกันจนนางกลายเป็นสตรีร้ายกาจไปโดยปริยาย

แต่ที่ผ่านมานางก็ไม่เคยคิดจะแก้ข่าว เพราะนางไม่ใส่ใจ

สวรรค์คงกำหนดเอาไว้แล้วว่าชีวิตของนางต้องเจอเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อตายแล้วเข้ามาอยู่ในร่างนี้ นางก็ต้องยอมรับความเป็นไป และต้องดูแลเจ้าก้อนแป้งในท้องให้มีชีวิตรอดปลอดภัยให้ได้ก่อน

ส่วนเรื่องพี่ใหญ่และท่านพ่อตอนนี้นางยอมรับว่าจนปัญญา เพราะจนบัดนี้นางเองก็ไม่รู้เลยว่า ที่ที่นางอยู่ คือส่วนไหนของแคว้นซ่ง

แต่ก่อนจะคิดทำสิ่งอื่นใด ต้องบำรุงร่างกายนี้ให้แข็งแรงก่อนเป็นดีที่สุด

 

 

 

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

  

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว