[Shot fic] Photo
0
ตอน
2K
เข้าชม
81
ถูกใจ
3
ความคิดเห็น
11
เพิ่มลงคลัง

[Shot fic] Photo

Fandom : Yowamushi Pedal

Pairing: Manami SangakuX Toudou Jinapachi

Rate : PG

 

 

โทโด จินปาจิ มอปลายปี 3 เอสไคลม์เบอร์ เจ้าแห่งภูเขาของโรงเรียนฮาโกเนะ ผู้ที่เก่งทั้งการปั่นจักรยานและการพูด หนุ่มหน้าตาดีที่มั่นใจในตัวเองมากถึงมากที่สุด และเป็นที่รักของสาวๆมากมายในโรงเรียน ซึ่งที่บ้านเขาเป็นเรียวกังขนาดใหญ่ในฮาโกเนะเลยทีเดียว เขาดูเป็นคนที่เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง เว้นแต่.. ค่าขนมรายเดือนของเขา ที่ได้เพียงเดือนละ 4,500 เยน !

ใครจะไปคิดว่าลูกเจ้าของเรียวกังอย่างเขา หน้าหล่อบ้านรวยคนนี้จะได้ค่าขนมเพียง 4,500 เยน ต่อเดือน หลายคนคงคิดว่าเขาคงมีเงินใช้ได้อย่างสบายๆ เลยล่ะสิ อะไรกันเล่า ! นี่น่ะ แค่เติมเงินค่าโทรศัพท์ ไว้โทรหามาคิจังแค่นั้นก็แทบจะไม่พอแล้ว ! ไหนจะค่าอาหาร ค่านู่นค่านี่ที่ใช้จ่ายแต่ละวัน มันพอซะที่ไหนกัน ! ที่บ้านขี้งกกับเขาชะมัด !

แต่ถึงจะไม่พอใช้ก็เถอะ มันก็ไม่ได้ทำให้ โทโด จินปาจิ คนนี้ลำบากซักเท่าไหร่ เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะฉันคนนี้ได้หาทางในการหาเงินอย่างง่ายๆ ไว้เรียบร้อยแล้วยังไงล่ะ และดูเหมือนธุรกิจนี้ของฉันจะไปได้สวยซะด้วย  ฉันทำธุรกิจอะไรน่ะเหรอ ? ฮึฮื่อ ~ ฉันก็นำรูปตัวเองไปขายให้กับสาวๆ แฟนคลับยังไงล่ะ ! เป็นธุรกิจที่เรียบง่ายแล้วกำไลดีใช่ไหมล่ะ ฉันคนนี้นี่เก่งจริงๆ ทั้งรูปหล่อแถมฉลาดอีกด้วย อ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ

แต่จะว่าไป ช่วงนี้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจซักเท่าไหร่เลย เพราะช่วงนี้เหมือนจะมีแฟนคลับที่กระหน่ำซื้อรูปของเขาเป็นจำนวนมาก หรือพูดง่ายๆ คือแทบจะเหมารูปของเขาหมดเลยดีกว่า เขาก็ดีใจอยู่หรอก ที่มีคนรักเขามากถึงขนาดนี้น่ะ ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ ใครล่ะจนไม่หลงไปกับใบหน้าที่หล่อเหลา ดูดีพร้อมด้วยความสามารถที่ติดตัวมา ไม่มีอีกแล้ว เกิดมาเป็นคนหน้าตาดี มันก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจกันบ้างนั่นล่ะ สเน่ห์ของเขานี่มันช่างร้ายกาจจริงๆ ไม่ไหวๆ เกิดเป็นคนหล่อมันสุดแสนจะลำบาก

โทโด จินปาจิผู้ที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตนเองโดยสมบูรณ์ส่ายหัวเบาๆ กับความคิดที่ว่า ความดูดีของเขานั้นทำให้เขารู้สึกจะมาเจอกับการที่ทำให้เขาคิดมากขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แต่จะว่าไป.. แล้วคนที่เหมาซื้อรูปของเขาไปเนี้ย เป็นคนประเภทไหนกัน แล้วเอารูปของเขาไปทำอะไรเยอะแยะกันนะ.. คงต้องเป็นลูกคนรวยล่ะมั้ง ถึงได้เหมารูปของเขาจำนวนมากๆ และเวลาที่ซื้อแต่ละครั้งก็ไม่ได้ห่างกันมากพอจะหาเองได้ง่ายๆ เงินจากลูกค้าคนนี้ทำให้เขาใช้เงินได้อย่างเต็มที่ไปเลยตลอดเดือน ไม่สิ ถ้าให้เทียบกันล่ะก็ เขาสามารถไปเติมเงินคุยกับมาคิจังได้ทั้งวันเลยต่างหากล่ะ !

และคำถามต่อมา.. คนๆ นี้จะเอารูปของเขาไปทำอะไรกันล่ะ ? คงไม่ได้เอาไปติดผนังห้องตัวเองจนมีแต่รูปเขาเต็มห้องแบบพวกสโตรกเกอร์หรอกนะ ? ไม่หรอกๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนมีใครมองเขาอยู่ตลอดเวลาเสียหน่อย หรืออาจจะเอารูปของเข้าไปปลุกเสก ? แบบว่า พวกให้รักให้หลงอะไรแบบนั้น.. ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ดีแน่ แต่เดี๋ยวก่อนนะ เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนไปรักใครเข้าซักหน่อย งั้นข้อนี้คงไม่ใช่หรอก..  หรือว่า !! คนๆ นั้นจะเอารูปของเข้าไปทำพิธีสาปแช่งกัน ! อย่างเช่นสาปเขาให้หน้าหล่อๆ ของเขาต้องหมดไปเพราะความอิจฉา ? แบบนั้นไม่ดีแน่ๆ ..

โทโด จินปาจิใช้เวลาอยู่กับความคิดตัวเองอยู่นานพอสมควรแล้วถึงได้เริ่มคิดได้ ถ้าหากเป็นอย่างที่เขาคิดมาทั้งหมดจริง ป่านนี้เขาคงอยู่ไม่ครบ 32 แล้วล่ะ เขาตัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนจะนึกถึงอีกเรื่องขึ้นได้

ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องไปซ้อมที่ชมรมซะแล้ว เขาเก็บของส่วนตัวหลังจากเลิกเรียนใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเรียน เป้าหมายของเขาคือ ห้องชมรมจักรยานของโรงเรียน และระหว่างทางเขาก็เจอกับเพื่อนของเขา ชินไค ฮายาโตะ เอสสปรินเตอร์ของโรงเรียนนั่นเอง ชินไคถือถุงใส่ผักมาด้วย หมอนี่คงแวะไปให้อาหารกระต่ายที่ชื่อ อุซาคิจิ ก่อนแน่ๆ ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่เขาคิด เมื่อถึงชมรม ชินไคก็ขอตัวแยกไปที่กรงกระต่ายก่อนจะโบกมือให้เขา ส่วนตัวเขาก็เดินแยกไปทางห้องชมรม เมื่อเข้ามาในห้องแล้วก็พบกับอิซึมิดะที่กำลังเตรียมตัวและอาราคิตะที่กำลังนั่งดื่มเป๊ปซี่อยู่อย่างสบายๆ

“อาราคิตะ เป๊ปซี่มันมีแต่น้ำตาลเต็มไปหมด กินบ่อยเดี๋ยวก็เป็นเบาหวานเอาหรอก” โทโดทักขึ้นแล้วหันไปเปิดล็อคเกอร์ของตัวเอง

“หนวกหูตั้งแต่เข้ามาเชียว โทโด เรื่องของฉันน่า” อาราคิตะจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วยีหัวตัวเองและเดินออกไปที่ห้องซ้อม

อะไรกัน คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง ยังจะมาหาว่าเขาพูดมากอีก !

โทโดขมวดคิ้วมุ่ยพร้อมกับหยิบเสื้อออกมาเปลี่ยนให้เรียบร้อยสำหรับการฝึกซ้อมในวันนี้ และแน่นอน เขาไม่ลืมที่จะให้ความสนใจกับกระจกที่อยู่ในล็อคเกอร์ตรงหน้า มองความหล่อเหลาที่อยู่ในนั้นอย่างชื่นชมภูมิใจ แล้วถอดที่คาดผมที่ใช้มาทั้งวันเก็บไว้ในตู้ หันซ้ายที ขวาที พลางมองในกระจกไปด้วยอย่างพอใจว่าตนนั้นยังดูดีและเพอร์เฟคทุกมุมมอง

เอาล่ะ นี่ก็ช้ามากแล้ว เขาควรจะออกไปซ้อมกับคนอื่นๆ ซักที

เมื่อคิดได้ดังนั้น โทโดจึงเดินไปที่ประตูและกำลังจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิด แต่ก็มีคนจากอีกด้านหนึ่งเปิดประตูก่อนเขาเสียก่อน โทโดหยุดมือแล้วมองว่าคนตรงหน้าเขาเป็นใคร และมันก็เป็นคนคุ้นหน้าที่เขาพอจะเดาได้ กับการมาในเวลาที่สายแบบนี้

“โฮ่ย มาสายนะ มานามิ !” คนเป็นรุ่นพี่โวยทันทีที่เห็นหน้ารุ่นน้องที่พึ่งจะเข้าชมรมเอาป่านนี้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงพลางเปลี่ยนท่ายืนมาอยู่ในท่าเท้าเอวอัตโนมัติ

“อา.. ฮ่ะๆ ขอโทษคร้าบ โทโดซัง ผมจะรีบไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้เลยคร้าบ ~” มานามิตอบรุ่นพี่ตรงหน้าของเขาด้วยใบหน้าระรื่นแบบที่ใครเห็นก็ต้องหมั่นไส้เสียให้ได้ โทโดถอนหายใจหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากห้องชมรมไปทิ้งให้รุ่นน้องอยู่ในห้องชมรมเพียงคนเดียว

.

.

.

.

.

เวลานี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว สมาชิกในชมรมต่างกลับเข้ามาในห้องและเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมกลับ โทโดยังคงให้ความสำคัญกับกระจกในล็อคเกอร์ของเข้าไม่ต่างกับตอนแรก ก่อนจะมีเสียงบางอย่างดึงความสนใจของเขาออกจากกระจกได้ แล้วกันไปมองยังต้นเสียง ซึ่งดูจะไม่ได้มาไกลจากที่ไหนมาก เสียงท้องร้องของรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั่นเอง

 

จ๊อกกกกกกกกกกก..............

 

เสียงท้องร้องของรุ่นน้องจอมระรื่นข้างๆ เขานี่เอง....

“ไม่ได้กินข้าวรึไง มานามิ แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่มีแรงซ้อมหรอก” โทโดพูดกับรุ่นน้องตรงหน้าด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย ส่วยเจ้าตัวที่โดนว่าก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ แบบทุกที

“ช่วงนี้ผมขัดสนเรื่องเงินนิดหน่อยน่ะครับ วันนี้เลยยังไม่ได้กินอะไรเลย” พูดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูไม่ทุกข์ร้อนผิดกับคำพูดและการประท้วงของท้องเอาซะเลย โทโดถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะยื่นข้อเสนอให้

“งั้นเย็นนี้ไปหาอะไรกินด้วยกันไหม ฉันเลี้ยงเอง” พูดจบประโยคอย่างไม่คิดอะไรมากแล้วต้องชะงักไปกับออร่าความหวังที่เปร่งประกายออกมาจากเจ้ารุ่นน้องตัวแสบ เหมือนเขาได้ยื่นข้อเสนอที่แสนล้ำค่าให้กับรุ่นน้องตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น โทโดยื่นมือไปยีหัวรุ่นน้องตรงหน้าเขาอย่างอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้แล้วหันกลับไปที่ล็อคเกอร์เพื่อเก็บของต่อ ปล่อยให้มานามิยืนงงที่โดนลูบหัวอยู่อย่างนั้นก่อนจะได้สติกลับมาแล้วหันไปหยิบของในล็อคเกอร์ มานามิหยิบกระดาษแผ่นเล็กแผ่นหนึ่งที่วางไว้ในล็อคเกอร์พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยไม่รู้ว่ารุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆ นั้นมองอยู่ โทโดขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปทางล็อคเกอร์ของตนแล้วพูดขึ้น

“ถ้านายไม่เก็บของ ฉันจะไม่รอนายนะ” คนเป็นรุ่นพี่พูดขึ้นขณะที่กำลังหยิบของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าของตนเองแล้วจัดการรูดซิปปิดมันเรียบร้อย พร้อมกับยกมันขึ้นมาสะพายบนไหล่

เมื่อได้ยินดังนั้น มานามิจึงรีบแต่งตัวและเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋า เช็คทุกอย่างให้เรียบร้อยว่าไม่ลืมอะไร พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นรุ่นพี่ของเขาเดินไปที่ประตูห้องชมรมเสียแล้ว มานามิจึงรีบยกกระเป๋าขึ้นมาสะพายและวิ่งตามรุ่นพี่ที่บอกจะเลี้ยงข้าวเขาไป

“รอด้วยสิครับ โทโดซัง !”

“ก็นายดันยืดยาดเองนี่”

โทโดหันไปพูดตอบรุ่นน้องพลางเปิดประตูออกไป ทั้งคู่เดินไปตามทางข้างถนนที่มีผู้คนมากมาย ทั้งนักเรียนที่เที่ยวกับเพื่อนๆ หรือผู้คนวัยทำงานที่พึ่งเลิกจากงาน ทั้งคู่เดินมองร้านอาหารไปพลาง ก่อนที่โทโดจะหันไปหารุ่นน้องที่มาด้วยกัน

“นายอยากกินอะไรน่ะ มานามิ ?” โทโดถามออกไปโดยสายตายังคงมองไปตามร้านค้าต่างๆ อย่างไม่ใส่ใจ มานามิที่ได้ยินคำถามก็มองรุ่นพี่ที่เดินนำหน้าตนไป เงียบและใช้ความคิดซักพักสำหรับคำตอบ พลางดวงตากลมโตสีน้ำเงินก็สบเข้ากับป้ายร้านอาหารร้านหนึ่งที่เขียนว่า “ราเม็ง”

“อ่ะ กินราเม็งกันเถอะครับ โทโดซัง !” มานามิพูดพลางชี้นิ้วไปทางร้านราเม็งที่อยู่ฟากตรงข้ามของถนน โทโดหันไปมองตามที่รุ่นน้องชี้ไปพร้อมกับพยักหน้า

“เอาสิ ถ้างั้นก็ข้ามกันเถอะ” มานามิพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่มและเดินข้ามถนนตรงไปยังร้านที่ตนเองเป็นคนชวนไปพร้อมๆ กับรุ่นพี่ของเขา

ทั้งสองเดินเข้าไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้าน หลังจากนั้นไม่นานก็มีพนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์ เมื่อสั่งเมนูที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ไม่ลืมที่โทโดจะยิ้มหว่านสเน่ห์ให้กับพนักงานสาวคนนั้นไปด้วย พนักงานสาวเองก็ยิ้มตอบให้อย่างน่ารัก ก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ มานามิที่มองอยู่อีกฟากของโต๊ะขมวดคิ้วมุ้ยพร้อมทำแก้มป่องชัดเจนจนโทโดที่หันไปมองเห็นอาการแบบนั้นก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้

“เป็นอะไรน่ะ มานามิ ทำหน้าหยั่งกับไม่พอใจอะไรมาอย่างนั้นล่ะ ?” โทโดเลิกคิ้วถามรุ่นน้องที่อยู่อีกฟากของโต๊ะอย่างไม่เข้าใจ

“เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไร” มานามิตอบและเปลี่ยนใบหน้าให้มีรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โทโดมองนิ่งอยู่ซักพักก่อนจะละความสนใจจากเรื่องนี้แล้วนึกถึงประเด็นอื่นขึ้นมา

“ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ นายถึงได้ขัดสนเรื่องเงินขึ้นมาซะอย่างนั้นล่ะ มีปัญหาทางบ้านเหรอ ?”

โทโดเปิดประเด็นขึ้นถึงสาเหตุที่รุ่นน้องของเขาไม่มีอันจะกิน หากลืมเอากระเป๋าตังมานั่นก็ว่าไปอย่าง เพราะนั่นมันปกติของหมอนี่

“ฮ่ะๆ ไม่ใช่ปัญหาทางบ้านหรือเรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ โทโดซังไม่ต้องห่วงผมหรอก ~” มานามิยังคงยิ้ม คำตอบของรุ่นน้องไม่ได้ทำให้เขาหายสงสัยขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย

“ถ้างั้น แล้วนายเอาเงินไปทำอะไรหมดล่ะ ?” โทโดยังคงถามต่อไปอย่างต้องการคำตอบ พร้อมจ้องมองรุ่นน้องที่นั่งฟากตรงข้ามเขาไม่วางตา ทำเอามานามิที่กำลังยิ้มระรื่นอยู่นิ่งเงียบไปซักพัก

“อ่า.. เรื่องนั้นน่ะเหรอ ผมเอาไปทำอะไรกันน้า ~”

“อย่ามาทำเป็นกวนฉันสิ มานามิ ไม่งั้นมื้อนี้นายจ่ายเองไปเลย !” โทโดเริ่มรู้สึกหยุดหงิดขึ้นมา ทั้งที่เขาถามอย่างจริงจังแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกับมากวนเขาซะได้

“หวา ~ อย่าพึ่งโกรธผมสิครับ โทโดซังงง “ มานามิเริ่มรนลานว่าควรจะบอกดีไหมอยู่นั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานกำลังยกของที่สั่งมาเสริฟพอดี

“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ” พนักงานสาวคนเดิมพูดพร้อมรอยยิ้มน่ารักพลางเสริฟของในถาดที่ถือมาวางบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะโค้งให้เล็กน้อยเมื่อทำหน้าที่เส็จเรียบร้อยแล้ว

“อ๊ะ อาหารมาแล้ว กินกันเถอะครับ โทโดซัง !” มานามิฉวยโอกาสเปลี่ยนเรื่องพร้อมตั้งท่าเตรียมกินเสียเสร็จสัพ โทโดขมวดคิ้วรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน มองรุ่นน้องตรงหน้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัวก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาหักมันเป็นสองท่อนแล้วลงมือทานอาหารตรงหน้าโดยไม่พูดหรือถามอะไรต่อ

ใช้เวลาเพียงไม่นาน ราเม็งในชามของมานามิก็หมดลงอย่างรวดเร็วเพราะความหิวโหยที่สะสมมาทั้งแต่เที่ยง นี่ยังดีที่มื้อเช้าเขายังได้ทานขนมปังจากบ้านมาบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะได้สั่งราเม็งมากินอีกชามแน่ๆ

“ขอบคุณสำหรับอาหารครับบบ” มานามิพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีพลางพนมมือให้กับถ้วยที่เกลี้ยงตรงหน้า ก่อนจะวางตะเกียบลงแล้วเหลือบมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเขา ที่กำลังกินอยู่เรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ ที่เขากินหมดก่อนโทโดซัง คงเป็นเพราะความหิวโหยของเขาเป็นแน่ ดีนะที่ไม่รีบกินจนสำลักเส้นราเม็งซะก่อน ไม่งั้นได้ขายหน้าแย่เลยล่ะ

มานามิยังคงนั่งมองรุ่นพี่ตรงหน้าเขาไม่วางตาจนคนที่ถูกมองเริ่มรู้สึกตัวจนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก็สบตาเข้ากับสายตากลมโตสีฟ้าของอีกฝ่ายทันที จนมานามิเผลอสะดุ้ง โทโดมุ้ยหน้าก่อนจะทักอีกฝ่ายขึ้น

“หน้าของฉันมันมีอะไรติดอยู่เหรอ ถึงได้จ้องขนาดนั้น ?” แน่นอน มันเป็นคำถามปกติที่จะถามออกไปเมื่อโดนจ้อง มานามิที่ได้ยินคำถามนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ พลางส่ายหัวไปมาเพื่อสื่อว่าไม่มีอะไร

ไม่นานนัก ราเม็งในชามของโทโดก็หมด ตามด้วยการเรียกพนักงานมาเก็บเงินให้เรียบร้อย และแน่นอนว่าครั้งนี้ คนที่ออกเงินทั้งหมดก็คือรุ่นพี่ใจปล้ำที่บอกว่าจะเลี้ยงนั่นเอง ทั้งคู่เดินออกมาจากร้านราเม็ง ไม่วายโบกมือลาให้กับพนักงานสาวในร้าน ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่ทางแยกซึ่งโทโดนั้นต้องกลับไปที่หอในโรงเรียน ส่วนานามินั้นต้องกลับไปที่บ้าน

“ถ้างั้นก็แยกกันตรงนี้ล่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” โทโดพูดบอกอีกฝ่ายพร้อมโบกมือลาให้ มานามิยิ้มพร้อมตอบรับคำของอีกฝ่าย

“คร้าบบ ~” มานามิหันหลังเตรียมเดินกลับ แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำให้เขาเดินสะดุดพื้นจนหน้าคว่ำ ของที่อยู่ในกระเป๋าหล่นร่วงลงมาเต็มพื้น

“โฮ่ย ! เป็นอะไรรึเปล่าน่ะ มานา-----“ เสียงของโทโดขาดช่วงท้ายไปด้วยความอึ้งปนตกใจกับของในกระเป๋าของอีกฝ่ายที่ร่วงหล่นเต็มพื้น

 

รูปของเขา..

 

รูปของโทโด จินปาจิ ที่เขาถ่ายออกมาเพื่อขายให้กับแฟนคลับสาวๆ ในโรงเรียนจำนวนมากมาย ร่วงออกมาจากกระเป๋าของรุ่นน้องเขา

 

อะไรน่ะ แฟนคลับที่เหมารูปของเขาคือมานามิเหรอ ?

 

โทโดยืนนิ่งมองมานามิที่พึ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำความลับแตกซะแล้ว ก่อนจะรีบลุกขึ้นมากวาดรูปของรุ่นพี่ตรงหน้าเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว โดยหวังว่าคนตรงหน้าเขาจะไม่ทันได้มองรูปพวกนี้ว่าเป็นรูปของตัวเอง แต่พอดูปฎิกิริยาของรุ่นพี่ตรงหน้าเขาแล้ว จะไม่ทันซะแล้ว.. เห็นหมดแล้วแหงๆ

มานามิได้แต่ยิ้มแห้งพลางหัวเราะ แฮะ               ๆ ออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง และไม่รู้ว่าควรจะพูดแก้ตัวยังไงด้วย ในเมื่อหลักฐานมันมัดตัวเขาขนาดนี้แล้ว

“รูปพวกนั้นมันอะไรน่ะ มานามิ ?” โทโดเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นขึ้นจากความเงียบ มานามิที่เริ่มจะไปไม่ถูกก็เก็บกระเป๋าตัวเองขึ้นมาสะพายไว้พร้อมจ้องไปที่รุ่นพี่ตรงหน้า นิ่งเงียบเพื่อคิดหาคำตอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบออกไป

“รูปของโทโดซังไงล่ะครับ ~ รูปที่โทโดซังขายให้กับแฟนคลับน่ะ ผมเหมามาเองหมดเลยล่ะ” มานามิยังคงยิ้มออกมาอย่างปกติ เหมือนเรื่องที่พูดมันไม่ได้แปลกอะไร นั่นทำให้โทโดงุนงงยิ่งกว่าเดิม

“แล้วนายก็ซื้อรูปของฉันหมด จนไม่มีเงินกินข้าวเนี้ยนะ ? บ้ารึเปล่า” โทโดยังคงมองรุ่นน้องตรงหน้าพร้อมบ่นออกมาตามนิสัย เขาคิดว่าการกระทำแบบนี้ มานามิจะได้ประโยชน์อะไร แล้วทำไปเพื่ออะไร

“อา.. ฮ่ะๆ ผมอาจจะบ้าจริงๆ ก็ได้ ที่ผมเก็บรูปของคุณทั้งหมดไว้ เพราะผมไม่อยากให้คุณไปเป็นของใครนี่นา”

“หา..”

โทโดส่งเสียงออกมาอย่างงุนงงยิ่งกว่าเดิม ทำไมหมอนี่ต้องมาหวงเขา ? หวงในฐานะรุ่นพี่เหรอ ถ้าแบบนั้นคงไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาด้วยวิธีกวาดซื้อรูปเขาหรอก

“ฉันก็ไม่ได้เป็นของใครซักหน่อย คิดมากไปเองแล้ว เจ้าบ้า”

“แต่แบบนั้นผมก็หวงคุณอยู่ดีนี่นา ไม่ว่าจะเวลาที่คุณยิ้มให้พนักงานในร้านเมื่อกี้ หรือเวลาที่คุณให้ความสำคัญกับแฟนคลับ” มานามิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายไม่ได้ร้อนรนอะไร โทโดที่ได้ยินแบบนั้นก็ยืนนิ่งไปพลางประมวลผลคำพูดของรุ่นน้องในหัว

“หมายความว่ายังไง ?” คิ้วของคนที่ได้ชื่อว่าเจ้าแห่งภูเขาแทบจะชนกัน เขาเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่รุ่นน้องตรงหน้าพูด ว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันแน่

“ผมชอบคุณครับ โทโดซัง” มานามิพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเรียบง่าย ไร้ความเคอะเขิน ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองมาที่รุ่นพี่ของเขาเพื่อจะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด

“.......” โทโดยืนนิ่งอีกครั้งกับคำตอบของมานามิ

 

ชอบ...?

 

มานามิกำลังหมายถึง ชอบและนับถือเขาแบบรุ่นพี่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีงั้นเหรอ ? ถ้าแบบนั้นไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นเลยนี่ เจ้าบ้าเอ๊ย อย่ามองแบบนั้นสิ ! ฉันทำตัวไม่ถูกนะ !!

“ผมน่ะ ชอบโทโดซังในแบบที่อยากจะคบหา ในแบบที่เป็นคนรักนะครับ..” มานามิที่เห็นรุ่นพี่ของตนดูจะสับสน จึงบอกทั้งหมดออกไปเพื่อให้อีกฝ่ายหายงงเสียที และดูเหมือนรุ่นพี่ของเขาจะเข้าใจความหมายนั้นโดยทันที เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าใบหน้าของโทโดซังตอนนี้น่ะ แดงเป็นลูกแอปเปิ้ลเชียวล่ะ

“พะ.. พูดบ้าอะไรน่ะ มานามิ ไม่ต้องมาล้อเล่นกันแบบนี้เลย !!”

หวา ~ น่ารักจังเลย ใบหน้าของโทโดซังที่กำลังเขินจนหน้าแดงไปถึงหูแบบนั้นน่ะ เล่นเอาผมอยากจะขบใบหูแสนน่ารักนั่นจริงๆเลย ...

“ผมไม่ได้พูดเล่นซักหน่อย ผมพูดจริงๆ น้า~” ใบหน้ายิ้มระรื่นยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของมานามิไม่หายไป

ไม่ไหวเลย แกล้งโทโดซังนี่สนุกชะมัด ทำยังไงดีล่ะ ผมเริ่มจะหยุดไม่ได้ซะแล้วสิ ขอผมแกล้งคุณอีกหน่อยจะได้ไหมนะ เวลาที่เห็นคุณเขินแบบนี้น่ะ หาได้ง่ายๆ ซะที่ไหนกัน

มานามิขยับเข้าไปหาโทโดช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแก้มคนตรงหน้าเบาๆ อย่างเผลอไผล แก้มขาวเนียนนุ่มที่ตอนนี้แดงไปหมด เขารับรู้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน

โทโดที่นิ่งค้างไปจากการกระทำของอีกฝ่ายเริ่มจะมีสติกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่รู้สึกว่า เจ้ารุ่นน้องคนนี้ชักจะรุกรานเขามากเกินไปแล้ว โทโดก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนจะเงื้อนมือขึ้นมาพร้อมเขกหัวรุ่นน้องตรงหน้าอย่างเต็มแรง จนมานามิผละออกจากอีกฝ่ายพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ แล้วร้องครวนครางออกมาเบาๆ

“ผมเจ็บนะครับ โทโดซัง ~” มานามิกุมหัวตัวเองไว้ และยังไม่วายยิ้มให้กับรุ่นพี่ที่พึ่งทำร้ายร่างกายเขาไปเมื่อซักครู่

“ช่างนายสิ ! ฉันกลับแล้ว !” พูดเสร็จ โทโดก็หันหลังแล้วรีบเดินจ้ำออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเดินตามเขามาหรือไม่

“อ่ะ เดี๋ยวสิครับ โทโดซัง ! ผมยังไม่ได้คำตอบจากคุณเลยอ่ะ !” มานามิตะโกนไล่หลังออกไป เผื่อรุ่นพี่จะยอมให้คำตอบกับเขา แต่คงไม่ได้โกรธเขาไปแล้วหรอกนะ...

โทโดหยุดนิ่งก่อนจะหันหลังก่อนจะตะโกนตอบมานามิด้วยน้ำเสียงที่มีความดังไม่แพ้กันเลยซักนิด

“คิดเอาเองสิ ! เจ้าบ้า !” หลังจากพูดจบ โทโดก็หันหลังกลับแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้มานามิยืนนิ่งอยู่คนเดียวอย่างไม่รู้คำตอบ

 

“เอ๋?”

 

มานามิยืนมองตาปริบๆ ไปตามทางที่รุ่นพี่ของเขาจากไปพลางอมยิ้มหน่อยๆ กับการกระทำของอีกฝ่าย

.

.

.

.

.

ในเมื่อคุณไม่ได้ปฎิเสธผม แสดงว่าผมก็ยังมีความหวังสินะ...

 

END

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว