เรื่องราวของจระเข้ยักษ์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจระเข้ ที่ได้ฆ่าและกินผู้คนไปเป็นจำนวนมากในอดีต
จนมีเสียงเล่าลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็นจระเข้ผีสิง ซึ่งคล้ายคลึงกับตำนานเสือสมิงเป็นอย่างมาก
เรื่องราวของ จ้าววังโนราห์ ตำนานเล่าขานแห่งเมืองใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่คลองอิปัน คือคลองธรรมชาติที่แยกมาจากแม่น้ำตาปี ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป็นลำคลองขนาดใหญ่ ที่กล่าวกันว่า ในอดีตนั้น ชุกชุมไปด้วยจระเข้น้อยใหญ่ และหนึ่งในนั้น ที่ถือเปนตำนานเล่าขานของสองฟากฝั่งคลอง ก็คือสถานที่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วังโนราห์”
ที่มาที่ไปของชื่อคลองแห่งนี้ ก็มาจากเหตการณ์ ในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่คณะมโนราห์
ได้กลับจากการไปแสดงในยามดึกนั้น จำเป็นต้องล่องเรือผ่านเข้าสู่เวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่ของคลองอิปัน
แต่ทันใดนั้น ก็ปรากฏจระเข้ขนาดใหญ่ซึ่งเร้นกายอยู่ในวังน้ำ
เข้าจู่โจมหมุนเรือจนเรือพลิกคว่ำ
และขย้ำฉีกกิน เหล่ามโนราห์เคราะห์ร้าย เสียจนหมดทั้งลำเรือ อย่างน่าสยดสยอง
ลำน้ำทั้งสายเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด นับตั้งแต่นั้นมา ที่แห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า “วังโนราห์”
และเรียกขานจระเข้ผู้ครอบครองวังน้ำแห่งนั้นว่า “จ้าววังโนราห์"
ว่ากันว่าดวงวิญญานของเหล่านางมโนราห์ ได้สิงสู่อยู่ในร่างของจระเข้ยักษ์
ยิ่งกินคนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้จระเข้ตัวนั้นเฮี้ยนและมีอาคมแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
มันจึงเป็นจระเข้ผีสิง ที่ชาวบ้านต่างหวาดผวาและหวาดกลัวไปทั่วคุ้งน้ำ
ชาวบ้านบางคนก็ตักน้ำขึ้นไปอาบบนฝั่ง บางคนก็อาบที่ท่าน้ำ จำต้องมีคนมาคอยเฝ้า
ต่างก็คอยระแวดระวังให้กันและกัน คอยเป็นหูเป็นตาไม่ให้ถูกจระเข้ร้ายลากตัวไปกิน
ดังเช่นผัวหนุ่มและเมียสาวคู่นี้ แต่เหมือนจ้าววังโนราห์จะมีความคิด
มันนิ่งสงบซุ่มดูเหยื่ออย่างเงียบเชียบ อยู่ใต้ท้องน้ำ และกว่าเหยื่อสาวจะรู้ตัว มันก็ได้เข้าจู่โจมจนประชิดตัว สุดที่จะช่วยเหลือได้ทันเวลาตกเป็นอาหารอันโอชะของมันอย่างง่ายดาย
เสียงเล่าลือออกไปว่า มันปรากฎกายและโจมตีเหยื่ออย่างเงียบเชียบ
แทบไม่ต่างจากจระเข้ผีเลยทีเดียว
อีกหนึ่งวิธีการบางครั้งก็ปรากฎกายในร่างผู้หญิง อาบน้ำคนเดียวที่ท่าน้ำ
มันล่อเหยื่อให้เข้ามาใกล้ บริเวณแหล่งน้ำที่มันเฝ้ารออยู่
"โพล้เพล้อย่างนี้ ทำไมมาอาบน้ำล่ะน้องสาว" "นั่นสิจระเข้ผีออกอาละวาดรีบอาบรีบกลับบ้านเสียเถอะน้อง"
บางคนอาจไม่ทันระวังตัว จ้าววังโนราห์โผล่เข้าจู่โจมทันที
หวังจะได้กินเนื้อของมนุษย์ที่มันชื่นชอบ มันวางเหยื่อล่อไว้ราวกับนายพรานล่อเหยื่อเข้ามาติดกับ สร้างความอกสั่นขวัญแขวงไปทั่วแทบทั้งบาง
พรานจระเข้ชื่อดังเก่งๆหลายท่าน เสนอตัวเข้ามาปราบเจ้าจระเข้ผีสิงจ้าวแห่งวังโนราห์ตัวนี้
แต่ก็ไม่เป็นผล ล้วนแต่ถูกทำร้าย บ้างก็เสียชีวิตไปแทบทั้งสิ้น
การที่มันกินคนเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้อาคมยิ่งแก่กล้าขึ้นไปเรื่อยๆ
แม้ชาวบ้านจะรวมตัวออกไล่ล่าก็ไม่สามารถสยบความโหดของมันลงได้
แม้แต่ลูกปืนก็แทบไม่ระคายผิวของมันได้เลย
ยิ่งตอกย้ำความเป็นจระเข้ผีสิงได้ชัดเจนขึ้น
นับวันชาวบ้านก็ต้องอยู่ด้วยความหวาดผวา สร้างความเดิอดร้อนกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ต่างก็หวังว่า สักวันอาจมีหมอจระเข้อาคมฝีดี มากำจัดเจ้าจระเข้ร้ายตัวนี้ให้สิ้นซาก
ไม่นานนักพรานจระเข้หนุ่ม อย่าง โอม ชุมทอง ได้อาสาเข้ามาปราบความอำมหิตของเจ้าจระเข้ตัวนี้ เค้ามั่นใจว่าจะสามารถกำราบเจ้าจระเข้ร้ายตัวนี้ให้มันสิ้นชื่อไปให้จงได้ ชาวบ้านก็ต่างเป็นห่วงเพราะแม้แต่พรานจรเข้แก่ฝีมือดีหลายคนที่ผ่านมา ก็ล้วนแต่พ่ายแพ้ให้แก่จ้าววังโนราห์ตัวนี้
โอม ชุมทอง ท่องมนต์เรียกเจ้าจระเข้ยักษตามวิชาที่อาจารย์ของเค้าได้สั่งสอนมา
ลมกรรโชกแรง พร้อมเสียงโหยหวน ปรากฎร่างนางมโนราห์หลายตน บนผืนน้ำ
วิญญานนางมโนราห์ที่ขณะนี้ได้กลายเป็นบริวารของจระเข้ผีตัวนี้ไปแล้ว
ได้ปรากฎกายออกมาเป็นด่านหน้า โอมชุมทอง ตั้งใจที่จะปลดปล่อยวิญญานเหล่านี้ให้ได้รับอิสระ ไม่ให้ตกเป็นทาสของจระเข้ผีสิงตัวนี้
เพราะเชื่อว่าเป็นเพราะวิญญานผู้คนมากมายที่ถูกกลืนกินและยังไม่สามารถหลุดพ้น จากบ่วงกรรม ดวงจิตจึงยังติดอยู่กับร่างสัตว์ร้ายตัวนี้
เป็นตัวช่วยเสริมและทำให้จระเข้ตัวนี้มีอาคมที่แข็งแกร่งขึ้น
หอกที่มีวิชาฟันเข้าร่างเหล่าโนราห์ ก็ร้องล่าถอยกันเสียงดังระงม
เมื่อเหล่ามโนราห์ล่าถอย ร่างของจ้าววังโนราห์ก็ปรากฎกายขึ้น
มันกำลังโกรธ..
ที่มีคนทำลายบริวารของมัน พรานหนุ่มกระโจนลงจากสะพาน ด้วยความว่องไวหมายพิชิตจรเข้ร้ายให้ไวที่สุด
จระเข้ร้ายไม่ได้มีท่าทีที่จะกลัว มันมีความลำพองและคิดว่าตัวมันคือผู้ยิ่งใหญ่ของวังน้ำแห่งนี้ พรานหนุ่มและจระเข้ร้ายเข้าใกล้กันจนเกือบได้ยินแม้เสียงหายใจ
โอม ชุมทอง มีแผน
เค้ากระโจนขึ้นไปบนหลังของจระเข้ยักษ์ ไปยังจุดที่อันตรายที่สุด และมันก็เป็นจุดอ่อนแอที่สุดของจระเข้เช่นกัน
หอกอาคมที่อาจารย์มอบให้ พร้อมบริกรรมคาถาปราบจระเข้
จ้วงแทงเข้าที่หัวและแผ่นหลังของมัน ล้วนแต่เป็แผลฉกรรท์แทบทั้งสิ้น
พรานโอม รับรู้ถึงวิญญานที่กำลังได้รับการปลดปล่อย เมื่อมันไม่มีภูตผีสิงสู่
จ้าววังโนราห์ก็เป็นเพียงแค่จระเข้ธรรมดาๆ
บัดนี้เค้ารู้สึกได้ถึงพลัง ของจ้าววังโนราห์ที่เริ่มอ่อนกำลังลง
พรานหนุ่มปักหอกอาคมเข้าที่หัวจระยักษ์ พร้อมร่ายอาคมสะกด
มันดิ้นทุรนทุรายไม่นานก็สงบลง ดับดิ้นสิ้นชื่อคาท้องน้ำที่มันเองเคยเป็นใหญ่
เหนือฟ้าย่อมมีฟ้ามันสิ้นชื่อเหลือเพียงแค่ตำนานจากฝีมือพรานหนุ่ม อย่าง โอม ชุมทอง นั่นเอง
ชาวบ้านต่างโล่งใจ ปิดฉากตำนานจระเข้กินคนแห่งเมืองสุราษฎร์ธานี
เหลือไว้เพียงตำนานเล่าขานถึงความโหดร้ายอำมหิตของเจ้าจระเข้ยักษ์ที่ชื่อว่า “จ้าววังโนราห์”
และเรื่องเล่าขานตำนานที่น่าตื่นเต้น ไว้ให้ลูกหลานได้รับฟังสืบทอดต่อกันมา....
จบบริบูรณ์