หนึึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งคัมภีร์เคล็ดวิชาดรรชนี
สุริยันจันทราปรากฏในปถพี
สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑณ
วลีสี่ประโยควิปโยคโศกนาฏกรรมแห่งบู้ลิ้ม วลีสี่ประโยคชนวนเหตุเภทภัยของชาวยุทธ์ สุริยันจันทราปรากฏผู้ใดกล้าต่อกร
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นใหม่ทั้งหมด เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์สุย ต่อเนื่องถึงช่วงต้นราชวงศ์ถัง ดังนั้นตัวละครบางท่านมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ในรัชสมัยราชวงศ์สุย บ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ฮ่องเต้ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ ขุนนางต่างเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ภัยสงครามลุกลามไปทั่วหัวระแหง ราษฎรยากจนข้นแค้นแสนสาหัส บุรุษถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร สตรีถูกข่มเหงรังแก ทารกและเด็กวัยเยาว์ถูกทอดทิ้ง คนชรากลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น
แม้แต่ยุทธภพซึ่งสงบสันติมาระยะหนึ่ง กลับมาถึงยุคมารอธรรมมีกำลังกล้าแข็ง สำนักอันดับหนึ่งซึ่งมีชื่อกระเดื่องเลื่องลือ ผู้เป็นเจ้าสำนักมีฝีมือสูงเยี่ยมเทียมฟ้า เป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งบู๊ลิ้ม ด้วยเภทภัยแห่งคัมภีร์ยุทธ์สุริยันจันทรา อันเป็นที่หมายตาของบรรดาชาวยุทธ์ ในที่สุดต้องมาล่มสลายลง
เพ็ญสิบห้าค่ำเดือนแปด ซึ่งตรงกับเทศกาลสารทตงชิว ในเทียบเชิญ เจ้าสำนักตำหนักหมื่นเทพใช้ชื่อว่า “งานอำลาบู๊ลิ้ม ทำลายคัมภีร์ยุทธ์” ท่านได้ทำลายคัมภีร์ยุทธ์ลงใต้ผาเทพนิรันดร์ พร้อมฝังสังขารของท่านไปพร้อม ๆ กับคัมภีร์ยุทธ์สุดยอดวิชา
ยุทธภพจึงสงบลงอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับการหายตัวไปไร้ร่องรอย ของศิษย์ทั้งห้าของสำนักแห่งนี้ ศิษย์ทั้งห้าคนได้รับการถ่ายทอดวิชาตามธาตุทั้งสี่ นั้นคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และศิษย์คนหนึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชาดาวดึงส์ ซึ่งหลอมรวมจักรวาลเอาไว้ด้วยกัน นอกจากนั้นศิษย์แต่ละคนยังได้รับการถ่ายทอดศาสตร์ทั้งห้าต่างกันอีกด้วย ตามความถนัดอันได้แก่ ศาสตร์โหราพยากรณ์ บทกลอนกวี ดนตรีศิลปะ ตำรับยาโอสถ และอาวุธลับค่ายกล
จวบจนกระทั่งวลีสี่ประโยค ปรากฏขึ้นในยุทธจักรอีกครั้ง “หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล” วลีสี่ประโยค วิปโยคโศกนาฏกรรมแห่งบู๊ลิ้ม สุริยันจันทราปรากฏผู้ใดกล้าต่อกร
ยุทธภพที่หลับใหลมิอาจไม่มีการเคลื่อนไหว ชุดดำลึกลับปรากฏตัวขึ้นในยุทธภพ พร้อมกับฝ่ามือพญายมที่สาบสูญ คนดีคนร้ายไม่อาจแยกแยะ ธัมมะและอธรรมมิอาจตัดสินได้เพียงชั่วแล่น เมื่อยุทธภพถูกแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร
จ้าวจ่านจือ คือชื่อของเด็กน้อยธรรมดาสามัญผู้หนึ่ง เด็กน้อยผู้ซึ่งไม่ทราบชาติกำเนิดของตนเอง มีสมบัติติดตัวอยู่เพียงชิ้นเดียว นั่นก็คือหยกเหินลมสลักอักษรคำเดียว หมู่บ้านเย้ยอรุณที่เขาอาศัย ไม่มีส่วนข้องแวะกับยุทธจักรมาก่อน กระทั่งปรากฏชนชั้นอันธพาลปลายแถว เดินทางเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้
จากนั้น จ้าวจ่านจือ เด็กน้อยกตัญญูเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมน้ำใจ ถูกเหตุการณ์ชักนำเข้าสู่วังวนยุทธจักร กระทั่งได้คบหากับเหล่าชาวบู๊ลิ้มมากมาย อีกทั้งยังได้รับการถ่ายทอดวิชาจากยอดฝีมือหลายท่าน ชะตาพบพานกับมารน้อยสำนักมาร ซึ่งมีส่วนนำพาเขาเข้าสู่การแย่งชิงคัมภีร์ยุทธ์สุดยอดวิชาที่หายสาบสูญ
ในยุทธจักรแบ่งออกเป็นฝ่ายเทพและมาร ฝ่ายเทพประกอบด้วยสามสำนักใหญ่ หุบเขาผาพยัคฆ์ขาว สำนักเมฆฟ้าพิรุณ พรรคไผ่หลิว โดยมีเส้าหลินเป็นเสาหลักยุทธภพ ฝ่ายมารประกอบด้วยสามสำนักใหญ่เช่นกัน สำนักอสรพิษดำ สำนักอินทรีขาว สำนักฝ่ามือโลหิต อีกทั้งยังมีเก้าสำนักเล็กกระจัดกระจายอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย
ในยุทธจักรยังมีคำกล่าวขาน “สุริยันจันทราปรากฏผู้ใดกล้าต่อกร เทพอสูรจุติปกครองทั่วหล้า วานรผยองมังกรสยบ” จ้าวจ่านจือ จากเด็กน้อยธรรมดาสามัญผู้หนึ่ง วาสนาในคราเคราะห์ หรือชะตาฟ้ากำหนด ทำให้เขามีโอกาสได้พบเจอกับสุดยอดฝีมือที่ซ่อนกาย
เหตุการณ์หลังจากนี้ กระบี่วิเศษ คัมภีร์ยุทธ์ โอสถพิสดาร ซึ่งต้องผสานระหว่างตัวยาเก้าพิษกร่อนวิญญาณ กับดีงูมรกตเก้าหัว ผู้ใดได้กลืนกินจักเพิ่มพลังวัตรสูงล้ำสุดหยั่งคาด เทพและมารมิอาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน การห้ำหั่น ช่วงชิง แก่งแย่ง จึงมิอาจหลีกเลี่ยง เรื่องราวของเด็กน้อยผู้หนึ่ง เส้นทางของเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร โปรดติดตามได้ในหนังสือเรื่อง “จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร”
หยกเหินลม