ราชการลับ20 รักและผิดหวัง
0
ตอน
443
เข้าชม
7
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

 

 

 

..........................อกอัครราชทูตอิหร่านทำหนังสือด่วนที่สุดถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทยขอให้ปล่อยตัวนางสาวนาสริน กีเบอร์สพลเมืองเชื้อชาติและสัญชาติอิหร่านเข้ามาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว ถูกจับกุมคุมขังโดยคนไทยกลุ่มหนึ่งในเวลาเช้ามืดของวันที่ 30 พฤศจิกายน ขอให้รัฐบาลไทยสั่งปล่อยตัวโดยทันที 

กระทรวงการต่างประเทศให้โฆษกกรมตำรวจมีคำตอบโดยแถลงอย่างเป็นทางการ

“นางสาวนาสริน กีเบอร์สชาวอิหร่านเข้ามาในประเทศไทยถือพาสปอร์ตมีวีซ่านักท่องเที่ยว เธอโดยอาชีพสังกัดกองทัพเพื่อปิติภูมิประเทศอิหร่านเขามาประเทศไทยไม่ได้มีจุดประสงค์มาท่องเที่ยวแต่มาจัดหาเยาวชนไทยจำนวน10คนไปฝึกอาวุธในประเทศที่สามและจะนำกลับมาเพื่อก่อการร้ายล้มล้างการปกครองในประเทศไทยเป็นอันตรายต่อรัฐบาลและประชาชนไทย

เด็กเยาวชนเหล่านี้นอกจากจะกลับมาทำการรบญิฮาดแล้วยังจะมาจัดตั้งการฝึกเยาวชนให้ทำแบบเดียวกันในประเทศไทยด้วย

นอกจากนั้นนางสาวนาสริน กีเบอร์สยังบุกรุกในยามวิกาลเข้าไปในบ้านนายสิทธิเดช บุณฑริกาผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติเพื่อขโมยทรัพยสินมีค่าจนถูกจับตัวได้

นางสาวนาสริน กีเบอร์สจึงเป็นบุคคลอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศไทย

อนึ่งเพื่อรับทราบ อิหร่านไม่มีรายชื่อประเทศอยู่ในคู่สัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างประเทศดังนั้นเราขอปฏิเสธในการส่งตัวนางสาวนาสริน กีเบอร์สให้แก่สถานทูตอิหร่านด้วยประการนี้”

มีรายงานข่าวสดโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์บีบีซีเวิร์ลเซอร์วิสว่า (BBC World Service)

“ของมีค่าที่รัฐบาลและตำรวจไทยแถลงนั้นคือเหรียญเดวิด เบน-กูเรียนน่าจะมีแบบสำเนาต้นแบบรหัสนำร่องหัวรบขีปนาวุธทางไกลข้ามทวีป(ICBM)*1 ชนิดกระจายหัวรบลงเป้าอิสระ(MIRV)*2 ใช่หรือไม่?”

“ไม่ขอยืนยันข่าวครับ ในที่เกิดเหตุตำรวจตรวจสอบแล้ว ไม่มีหลักฐานโยงใยถึงเหรียญเดวิด เบน-กูเรียนนะครับแต่พบภาพถ่ายขนาดใหญ่ของท่านรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเองโมเช แอเร็นส์มอบเหรียญนี้ให้กับท่านสิทธิเดชครับ”

“เธอถูกขังไว้ที่ไหน”นักข่าวบีบีซีซักต่อ

“ทางการไทยระบุเพียงว่าเธออยู่ในที่ปลอดภัยและได้รับการดูแลอย่างดี”โฆษกกรมตำรวจตอบบีบีซี

                                   ....................................................

*1 Inter-Continental Ballistic Missile *2 Multiple Independently Reentry Vehicle                

 

......ริชมอนด์, อินเวอร์คากิล นิวซีแลนด์ 

           คิมเบอร์ลี่ตื่นแต่เช้าอารมณ์สดชื่นแม้รู้ตัวว่ามะเร็งโรคร้ายกำลังลุกลามภายในน่าวิตก 

           “แม่ขา แม่ช่วยหยิบกล่องเอกสารในห้องนอนหนูอยู่ในตู้ลิ้นชักสุดท้ายโต๊ะวางเอกสารค่ะแม่ หนูมีเรื่องขอปรึกษาแม่นะคะ 

ห้องรับแขกบัดนี้ถูกแปรสภาพเป็นห้องตั้งเตียงคนไข้หลังเธอมารักษาด้วยการฉายแสงที่โรงพยาบาลเซ้าท์แลนด์บนถนนหมายเลข1ในเมืองเล็กๆริชมอนด์ 

นางมาร์การ์เร็ตเข้าไปค้นกล่องที่ลูกเธอต้องการจนเจอ เธอนำมาให้คิมเบอร์ลี่ขณะที่คิมนั่งอยู่บนเตียง 

“หนูรู้ว่าจะอยู่ไม่นานอยากจัดการเรื่องสำคัญๆให้หมดตอนยังอยู่เสียให้หมด” 

เธอค่อยๆหยิบเอกสารมาปึกหนึ่งเป็นเอกสารที่ถูกเก็บไว้อย่างดี มี2ชุดใหญ่ๆ 

“ชุดแรกนะแม่เป็นใบหุ้นจาวิสแอนด์ดีนหนูไม่ได้นับละเอียดแต่ประมาณว่ามีมูลค่าหลายหมื่นมีสองชุด ประมาณแสนกว่า หนูได้มาทุกปีเพราะหนูไม่รับเงินโบนัสซึ่งเป็นจำนวนมาก บริษัทฯเลยจ่ายเป็นหุ้นเท่ากับโบนัส แต่ละปีได้หุ้นมาตามอายุงานเกือบ25ปีคิดว่าเป็นหุ้น2-3หมื่นหุ้นแต่ละชุด คิดเป็น18เปอร์เซ็นต์ซึ่งมากพอจะเป็นกรรมการบอร์ด หนูสลักหลักโอนลอยไว้ให้แม่โอนลอยไว้สำหรับตุลยาเมื่อเธอโตขึ้น” 

เธอหยุดพักเพื่อดื่มน้ำชาพอให้หายระคายเคืองในลำคอ 

“ชุดที่สองสำคัญมาก หนูและเพื่อนที่แม่ก็รู้จักเพราะเขาเคยมากินข้าวที่บ้านเรา พอล อิลลิงเวิร์ธตามเก็บหุ้นมาร์ตินแอนด์เคนตั้งแต่รู้ว่ามีคนในบริษัทฯนั้นพยายามทำลายหนูและจาวิสฯเป็นการส่วนตัว ผู้ถือหุ้นบริษัทมาร์ตินแอนด์เคนมีหุ้นมากบ้างน้อยบ้างเสนอขายให้หนูเป็นหมื่นหุ้น หนูซื้อเก็บไว้หมด นอกจากนั้นเมื่อมาร์ตินฯเข้าตลาดหลักทรัพย์ในจังหวะที่หุ้นตก หนูใช้เงินส่วนตัวซื้อหุ้นไว้จำนวนมากถึง3หมื่นหุ้นแต่ปริมาณหุ้นในตลาดของมาร์ตินฯมีหลายแสนหุ้น ลูกก็ตามเก็บตามสภาพการณ์โดยได้คุณสนิทที่เขารักหนูและซื่อสัตย์กับเราคอยกว้านซื้อเมื่อมีหุ้นในตลาดราคาดีมาขาย เวลานี้หนูมีหลายหมื่นหุ้นแล้วน่าจะพอสำหรับให้ตุลยาเมื่อโตขึ้นไปนั่งอยู่ในบอร์ดมาร์ตินแอนด์เคนได้ด้วย 

คุณสนิทจะดูแลหุ้นมาร์ตินฯต่อไปแม้ว่าเขาจะเกษียณอายุจากจาวิสฯและเขาสัญญาจะช่วยดูแลตุลยาด้วยหากเธอไปเมืองไทย 

           คิมเบอร์ลี่เอนตัวลงนอน เธอพูดมากไปจนรู้สึกเหนื่อย ท้องว่างอีกแล้วเริ่มหิวอีกแล้วทั้งๆที่เพิ่งรับประทานอาหารเช้า 

ตุลยามีคุณพ่อเป็นนักนิเทศศาสตร์และมีพื้นฐานที่ดีด้านเศรษฐศาสตร์เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเคยทำงานพิเศษให้รัฐบาลยาวนานถึง20ปี เคยเสียชีวิตและฟื้นขึ้นมาได้ ดังนั้นพ่อของตุลยาจะต้องมีความสามารถในการฝึกคนให้เก่งเป็นนักธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงินที่เฉียบคม 

ตุลยาต้องเป็นตัวแทนของแม่และต้องมีฝีมือในการบริหารทุนให้เก่ง 

เธออาจจะมีพื้นที่หรือสนามรบอยู่กรุงเทพฯดูแลจาวิสฯต่อจากสนิทที่คงเกษียณไปเมื่อตุลยาโตเป็นสาวแล้ว 

“ตุลยาต้องได้รับการศึกษาที่ดีเลิศ หนูสำรองที่เรียนไว้หลายปีล่วงหน้าที่โรงเรียนโอ๊คแลนด์        แกรมม่าสำหับผู้หญิง เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดแล้วเด็กนิวซีแลนด์แข่งขันกันเข้าโรงเรียนนี้ 

เวลานี้ตุลยาเพิ่งย่างเข้า 2 ขวบเล็กมากเหลือเกินแต่รู้เรื่องเกินวัย ฉลาดคิดอะไรได้เองมีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน เธอพูดช้ามากไม่ทราบสาเหตุว่าทำไม” เธอพัก เว้นระยะไว้ครู่หนึ่ง 

“ตุลยาเป็นของขวัญที่หนูมอบให้ตุลย์แต่เมื่อแม่ของเธอจากโลกนี้ไปแล้ว ตุลย์ต้องคิดเองว่าจะรักษาตุลยาไว้ในประเทศนิวซีแลนด์หรือให้ไปอยู่ในกรุงเทพฯซึ่งยากมากทั้งไม่เหมาะในด้านภูมิอากาศ คุณภาพชีวิตการศึกษาและผู้คนแม้แต่การเดินทาง” 

นางมาร์การ์เร็ตนึกถึงวันที่ตุลย์เคยมาค้างที่บ้านในฤดูหนาว 

ระหว่างที่ตุลย์กำลังออกไปโกยหิมะอยู่หน้าบ้านเพื่อให้รถออกจากโรงรถได้ง่ายขึ้นและเขาไปหาเศษไม้เป็นท่อนๆโดยช่วยกันกับคุณโรเบิร์ตตัดไว้ก่อนหิมะจะลง ท่อนไม้เหล่านี้จะนำมาใส่เตาผิงในบ้าน 

คิมจูงแม่เข้ามาคุยกันเงียบๆในครัว 

“แม่จ๋าหนูท้องได้เกือบเดือนแล้วแต่อย่าบอกตุลย์นะคะ หนูรู้ว่ามีลูกแน่ตอนมีอะไรกันเพราะหนูไม่ได้คุมเหมือนทุกครั้งเมื่อเราไปเที่ยวกันที่รีสอร์ทในจังหวัดเชียงราย หนูตั้งใจเอง หนูอยากมีลูกค่ะเพราะอายุมากแล้ว” 

มาร์การ์เร็ตยิ้มด้วยความปลื้มใจที่ได้ข่าวดี เธอเข้ามากอดลูกและจูบคิมเป็นการใหญ่ 

“นี่เป็นข่าวดีที่สุดของแม่และครอบครัวเราเลย ต้องบอกพ่อและพี่ให้รู้กันในครอบครัวเราเท่านั้น” 

“หนูคิดชื่อไว้บ้างหรือยัง” มาร์การ์เร็ตถามขึ้นมาเฉยๆ 

“คิดไว้แล้วค่ะ ชื่อตามพ่อค่ะ ตุลยาน่าจะใช้ได้ทั้งหญิงและชาย” 

“โตมาให้เป็นคริสเตียนหรือพุทธเป็นไปพร้อมๆกันได้ทั้งนั้นแม่เต็มใจขอให้เป็นคนดีก็พอ” มาร์การ์เร็ตยอมรับในสิ่งที่เธอพูด

“หนูเสียดายที่หนูจะไม่ได้เห็นแกโตมาอย่างไร เดินเมื่อไร ไปโรงเรียนอย่างไร” คิมพูดทั้งน้ำตาขณะที่แม่โผเข้าปลอบลูก

“ตุลยายังมีสายเลือดหนูอยู่ครึ่งหนึ่งของตุลย์อีกครึ่งหนึ่ง เขาจะดูแลแทนลูกและตุลย์เป็นคนดีเขาเลี้ยงตุลยาให้เป็นคนดีได้แน่นอนลูกอย่าห่วงเลย”

“แม่มาดูนี่ซิ”คิมเบอร์ลี่เปิดอัลบั้มภาพให้แม่เธอดู

“ภาพนี้ตุลย์แกว่งชิงช้าให้หนูนั่งที่ดวงฤดีไม่รู้ใครถ่ายไว้ อีกภาพหนูกำลังวิ่งหนี เขากำลังจะเปิดกระโปรงหนู จนหนูชกเขาล้มคว่ำลงกับพื้นเลย” คิมหัวเราะเธอสดชื่นไม่เหมือนคนป่วย

“นี่กอดกับตุลย์ตอนเราจากกันเพราะหนูออกจากดวงฤดีกลับมาเรียนต่อที่นิวซีแลนด์” คิมถอนหายใจ

“ดูรูปนี้ดีกว่าแม่ อายุ14เป็นแฟนกันแล้วเห็นไหมเดินจูงมือกันอยู่ไฮสกูลกลับมาเที่ยวนิวซีแลนด์แอบไม่ให้แม่เห็นแทบแย่”

“หนูแก่แดดละไม่ว่า” มาร์การ์เร็ตหัวเราะ ถามคิมว่าจะเติมน้ำชาอีกไหม?

                                   ...............................................

..........หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

“มัมมี่”ตุลยาหยิบอัลบั้มรูปถ่ายส่งให้คิมเบอร์ลี่ ดูอยู่หลายรูปแล้วชี้ไปที่รูปตุลย์ 

คิมมองหน้าตุลยาชี้ไปที่รูปตุลย์.... “แดดดี้...แดดดี้” เรียกซี “แดดดี้” 

ตุลยาเรียก “แดดดี้” 

คิมหัวเราะชอบใจ 

“ใช่จ้ะ แดดดี้ เรียกอีกทีแดดดี้” ตุลยากลับกลิ้งตัวลงนอนหยิบรูปตุลย์มาดูด้วยความสนใจอาจเพราะไม่เคยเห็นตัวจริงของคนในรูปเลย 

คิมเบอร์ลี่สอนลูกให้รู้จักตุลย์ทุกวัน ทุกมุมห้องจะมีรูปตุลย์อยู่ทั่วไป ตุลยาคือของขวัญที่เธอมอบให้แก่เขาเมื่อเธอจากโลกนี้ไป 

แต่ร่างกายเธอไม่ได้แย่นัก คิมยังดำเนินชีวิตไปตามปรกติธรรมดา มีความสุข หัวเราะได้ทุกวันในบั้นปลายชีวิตเธอออกจากบ้านเข็นรถสำหรับเด็กพาตุลยาไปสวนพฤกษชาติและสวนเด็กเล่นหรือศูนย์การค้าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ 

ในเมืองมีลำธารเล็กๆตุลยาชอบมองดูปลาในสระ เมื่อขับรถออกนอกเมืองของชอบสำหรับตุลยาคือไอสครีมสตอเบอร์ลี่  

แขกประจำบ้านคือพนักงานและผู้บริหารจากบริษัทจาวิสแอนด์ดีนบินมาจากโอ๊คแลนด์เพื่อเยี่ยมผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในบริษัทฯและมักถามปัญหาการตลาดให้เธอช่วยหาวิธีแก้ไขเสมอเพื่อนำไปปฏิบัติทุกครั้งและปรากฏว่าได้ผลดีจริงๆ 

ในงานประชุมประจำปีที่จะมาถึงอีกไม่นานทีมงานพรีเซ็นเทชั่นยกเครื่องมือถ่ายทำระบบวีดีทัศน์ในชุดพาโนวิชั่นพร้อมทีมงานมืออาชีพพาเธอมาสวนสาธารณะในอินเวอร์คากิลเพื่อถ่ายทำคำปราศรัยของเธอต่อพนักงานบริษัทฯในการประชุมใหญ่ทั่วโลก.....เธอกล่าวว่า 

           “เพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะผู้ทำงานในสาขาต่างประเทศที่เคยพบกับดิฉันทุกครั้งที่ไปสำรวจตลาด 

ดิฉันคิดเสมอและหัวใจของฉันยังคงเป็นพนักงานจาวิสแอนด์ดีนตลอดเวลาทุกวันหายใจเข้าออกนึกถึงว่าเรากำลังได้ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นเพราะฝีมือของเราแท้ๆตามกลไกในตลาดแข่งขันเสรี จาวิสฯได้ 

พิสูจน์ให้โลกธุรกิจเห็นว่าจริยธรรมและความซื่อสัตย์ในวงการธุรกิจและความรับผิดชอบต่อลูกค้าเราสามารถยืนหยัดอยู่ได้โดยมีกำไรไม่ต้องมากมายอะไร แต่เราก้าวมาไกลกว่าคำว่าการแข่งขันที่ปราศจากความเป็นธรรม 

จาวิสแอนด์ดีนไม่กลัวการต่อสู้ที่แข่งกันตามกติกา สินค้าเราประกันคุณภาพพร้อมจะคืนทันทีหากลูกค้าไม่พอใจ แต่ละปีเราให้ฟรีสินค้าที่จำเป็นแก่เด็กยากจนและขาดแคลนในหลายประเทศ บ้านพักคนชราหลายแห่งในหลายประเทศมีสินค้าจาวิสฯที่ได้คุณภาพซึ่งจำเป็นสำหรับผู้สูงวัย คนเหล่านี้ได้รับบริการจากเราอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีค่าใช้จ่าย นักเรียนที่ห่างไกลหลายแห่งที่ทุรกันดารในประเทศไทยได้ดื่มนมฟรีทุกอาทิตย์โดยอภินันทนาการจากจาวิสแอนด์ดีนและเราไม่นำพวกเขามาโฆษณา 

เราภูมิใจกับสิ่งที่เราทำเพราะทุกคนมีส่วนช่วยคนเหล่านี้ให้ได้รับในสิ่งที่เขาไม่นึกว่าจะได้รับจากบริษัทฯที่เขาไม่รู้จัก ในประเทศที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ในโลกนี้ 

ขอให้รัฐบาลนิวซีแลนด์ภูมิใจในภารกิจของเราด้วย 

พนักงานของชาวจาวิสฯต่อไปเมื่อมีครอบครัวและมีลูก บอกให้เขามาสมัครงานที่มีพ่อแม่เคยทำงานที่นี่และเป็นส่วนหนึ่งของงานที่มีเกียรติแห่งนี้ ในประเทศที่น่าอยู่แห่งนี้บนโลกใบนี้ 

สวัสดีและขอบคุณค่ะ 

“......ครับเพื่อนพนักงานที่ได้ยินและได้เห็นเรารายงานจากอินเวอร์คากิล โดยเราอยู่กับท่านผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดคุณคิมเบอร์ลี่ แอนเดอร์สัน เธอยังคงเป็นหัวหน้าคนเก่งของเรา คุณคิมเบอร์ลี่อยู่กับเรามา25ปีและยังอยู่กับเรานะครับไม่ได้ไปไหน” 

..........สวัสดีครับผมเจรามี่ กิบสันรายงานจากสวนสาธารณะริชมอนด์ อินเวอร์คากิล” 

หลังจากทีมงานกลับไปโอ๊คแลนด์ บรรยากาศเงียบขรึม คิมเดินออกจากสวนสาธารณะปฏิเสธรถยนต์ของเพื่อนที่จะพาเธอมาบ้านที่ริชมอนด์ 

เธอร้องไห้มิใช่เพราะเสียใจ แต่ด้วยความซาบซึ้งใจที่เธอรู้ว่าวีดีทัศน์ชุดนี้จะถูกนำไปฉายบนจอขนาดใหญ่ท่ามกลางพนักงานทั้งบริษัทฯที่มาประชุมจากทั่วโลกนับหมื่นคน วีดีโอของเธอจะเป็นไฮไลท์หนึ่งของงาน 

25ปีกับการทำงานให้กับจาวิสฯเธอมีเงินเดือนสูงที่สุดในบริษัทฯได้ให้โบนัสก้อนใหญ่ที่เธอรับเป็นหุ้นส่วนเป็นเจ้าของคนหนึ่งของบริษัทฯ เจ้าของหุ้นส่วนทุกคนที่มีอายุเรียกเธอว่าลูกทุกคนและเผื่อแผ่ความรักมาถึงคนรักของเธอ 

ในงานเลี้ยงประจำปีตุลย์ได้รับเชิญนั่งโต๊ะร่วมกับฝ่ายบริหารระดับสูงถือเป็นเกียรติที่สุดที่ฝ่ายบริหารให้กับเธอ 

.................วันที่14พฤษภาคม 2539 

สุภาพสตรีในร่างกายไม่แข็งแรงเข้าตรวจบัตรบัตรโดยสารที่เค้าเตอร์เช็คอินของสายการบินไทยเพื่อเดินทางมาประเทศไทยและถึงกรุงเทพฯวันที่15เดือนเดียวกัน

ก่อนหน้านั้นเธอไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลเซ้าท์แลนด์ หมอบอกว่ามันเสี่ยงเกินไปถ้าคิดจะเดินทางไกลไปประเทศไทยจะอันตรายต่อสุขภาพ คิมอธิบายถึงกรุงเทพฯเมื่อไรเธอจะเข้าตรวจสุขภาพทันทีในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดพร้อมกันนั้นเธอขอประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลไปด้วย

ออกจากสนามบินคิมเบอร์ลี่ตรงไปยังบ้านเกษตรบ้านของครอบครัวฤทธิ์ดำรงที่เธอมาแจ้งล่วงหน้าว่าเธอขอมาพักด้วย

ทันทีที่พบหน้าแม่ลาวัลย์ก็ตรงเข้ามาสวมกอดและถอยดูคิมห่างๆ

“ลูกดูเหมือนไม่สบาย หนูเป็นอะไรคิมไม่สบายหรือ”

“แม่ยังเรียกว่าหนูอีก คิมโตแล้วค่ะ คิมไม่สบายค่ะแต่เดินทางได้”

“ตุลย์ไปทำงานน่ะลูก จะไปหาเขาไหมแม่มีที่อยู่”

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”

คิมเบอร์ลี่พักผ่อนเพราะเดินทางมาเหนื่อยเมื่อยล้ามาตลอดการเดินทาง เธอรื้อกระเป๋ามีของที่ระลึกสำหรับทุกคน ส่วนของตุลย์เธอเก็บไว้จะมอบให้ด้วยตัวเอง

..............เย็นวันนั้นคิมต้องตกใจและเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อตุลย์กลับมาบ้านพร้อมผู้หญิงไทยที่เธอเคยเห็นครั้งหนึ่งและเคยเห็นจากรูปถ่ายว่าชื่อพิมรา

ตุลย์สะดุ้งเฮือก!เมื่อพบคิมเบอร์ลี่เหมือนผีหลอกเขาไม่ได้พบเธอมาเกือบ2ปี คิมยืนอยู่กับแม่ คุณลาวัลย์ทำสีหน้าบึ้งตึงใส่เขา

“แม่ครับทำไมแม่ไม่บอกผมว่าคิมมาจากนิวซีแลนด์วันนี้” ตุลย์หน้าเสีย

“มันเรื่องของฉัน คิมเป็นแขกของฉันไม่ใช่แขกของแก ไปหาข้าวเย็นกินที่อื่น ไป๊!” เธอไล่ลูกไม่ใยดี

และไม่ไว้หน้าพิมราที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างตุลย์

นางลาวัลย์จูงมือคิมเบอร์ลี่ที่หน้าซีดเผือดมานั่งบนโต๊ะอาหารที่มีถ้วยน้ำชาตั้งอยู่

“ดื่มชาร้อนๆก่อน..แม่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง”

“ค่ะ”

“ฟังแม่นะคิม ผู้หญิงคนนั้นชื่อพิมราเป็นเพื่อนร่วมงานของตุลย์ ความที่สนิทกับเพราะทำงานด้วยกันใกล้ชิดกันมานานผู้หญิงมีใจให้ตุลย์ถึงขั้นขอตุลย์หมั้นหรือแต่งงานด้วย คิมก็รู้ใช่ไหมลูก ตุลย์มีลูกอยู่ในหัวใจมาตลอด30ปีจะถึง40ปีอยู่แล้ว ตุลย์มั่นคงกับหนูมาตลอด เขาปฏิเสธการหมั้นหมาย ไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาดกับผู้หญิงคนนั้น อีกอย่างนะแม่ดูคู่นี้ออก ตุลย์ไม่มีความสัมพันธ์ถึงขั้นเกินเลยแบบนั้น หนูคงเข้าใจ”

“ค่ะ”

แม้คำตอบชัดเจนแล้ว คิมก็เข้าห้องพักแล้วร้องให้ เธอเดินทางพันกว่าไมล์เพื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจ ตุลย์ นอกใจเธอได้อย่างไรและทำมากกว่านั้นด้วยการพาผู้หญิงคนนั้นมาถึงบ้าน

เธอลงมือเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า มองบัตรโดยสารเครื่องบิน คงอยู่ไม่ได้แล้วละ เธอกลับบ้านดีกว่า หมดกันที นึกได้แค่นี้ มีเสียงเคาะที่ประตูห้อง.................“ค่ะ” เธอเดินไปจะเปิดประตู

ไม่ทันแล้ว ตุลย์ผลักประตูเปิดออก ยืนจ้องหน้าเธอแล้วตรงเข้ามาสวมกอด พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก

คิมเบอร์ลี่ตัวสั่นในอ้อมกอดของตุลย์ เธอให้อภัยให้เขานึกอยากจะชกหน้าเขาเหมือนตอนเด็กที่เธอเคยทำที่อนุบาลดวงฤดีให้หายโกรธ

“ปล่อยฉัน” คิมผลักตุลย์ให้ถอยออกไป

“นั่นคุณคิดจะทำอะไร”ตุลย์ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทาง

“ฉันจะกลับบ้าน”

“นี่ก็บ้านเธอเหมือนกัน...อย่าโกรธกันเลยมาดีกันนะ” ตุลย์ง้อ

ตุลย์พาเธอออกจากห้องมาพบแม่ซึ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อเห็นลูกชายตัวดีกลับออกมาเร็ว เธอออกปากถามตรงๆว่า

“เอาพิมราไว้ไหน”

“ให้นั่งแท็กซี่กลับบ้านไปซีครับแม่”

“วันนี้วันเดียว เธอทำให้ผู้หญิงสองคนเสียใจ ไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษเลยนะ”

“ตอนผมเป็นเด็กครูอนุบาลก็เคยบอกผมแบบนี้เหมือนกันครับแม่”เขาหัวเราะ

“ยังจะหน้าเป็นอีก ไม่ต้องหัวเราะ นิสัยเสียจริงๆลูกใครไม่รู้”

ตุลย์พาคิมเบอร์ลี่ไปนั่งคุยเงียบๆที่ระเบียงเขามีเรื่องที่จะพูดเรื่องพิมราส่วนคิมเบอร์ลี่มีเรื่องใหญ่กว่าที่ต้องการให้เขารับทราบเช่นกัน

“ตุลย์กับผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง...เอ่อลึกซึ้งแค่ไหน...ไม่ใช่สิ ยังไม่ชัดถามใหม่นะ..อยากรู้ว่ามีอะไรลึกซึ้งกันหรือยัง”

“ยัง..ไม่เคยมี”

“แน่นะ”

“ไม่มีจริงๆ...คิมเชื่อผมได้” คิมฟังแล้วเธอเดินไปดูต้นมะลิที่ออกดอกหอมละมุน พร้อมกันนั้นก็พูดเบาๆขณะที่ตุลย์กำลังจะลุกขึ้น

“อย่างเพิ่งไป...มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน....ตุลย์ต้องฟังคิมนะวันนี้จะบอกว่ามีสิ่งสำคัญสองสามเรื่องที่ตุลย์ต้องช่วยคิมจัดการและดูแลและมันเป็นสิ่งที่ตุลย์ต้องทำจะเลี่ยงไม่ทำไม่ได้”

เธอบอกตุลย์ให้รู้ว่าเธอเป็นโรคร้ายมะเร็งรักษาไม่หายจะมีชีวิตอยู่ไม่นานอาจเป็นเดือนเท่านั้นตุลย์มีเวลาให้เธอน้อยมาก เวลามีจำกัด

เรื่องที่สองคือการเงินของคิมนั้นเธอมีเงินในธนาคารส่วนหนึ่งเธอให้พ่อแม่อีกส่วนหนึ่งเธอจะให้ตุลย์รักษาไว้ในอีกบัญชีหนึ่งเป็นบัญชีเงินฝากประจำที่นิวซีแลนด์และอีกบัญชีหนึ่งอยู่ที่ธนาคารกรุงไทย

สาขาทองหล่อมีเงินอยู่7ล้านบาททั้งสองประเทศรวมแล้ว 25 ล้านบาทไทยไม่มาก แต่ที่มากจริงๆและตุลย์ต้องช่วยคือในข้อต่อไป

เรื่องที่สาม หุ้นใน2บริษัทฯ บริษัทจาวิสฯจ่ายโบนัสปีละมากๆแต่เธอรับเป็นหุ้นมาตลอด25ปี คิดแล้วเป็นร้อยละ18เปอร์เซ็นต์ของหุ้นส่วนบริษัทฯ ถ้าคิดเป็นเงินไทยจะมีมูลค่าประมาณ3-400ล้านบาทหรือมากกว่าเมื่อเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรานิวซีแลนด์

ยังมีหุ้นของบริษัทมาร์ตินฯ ที่เธอแอบซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายรายที่ผ่านมาหลายปีแล้วหลัง มาร์ตินฯเข้าตลาดหลักทรัพย์ นายสนิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดที่ตุลย์รู้จัก เป็นคนดำเนินการซื้อหุ้นเมื่อหุ้นตกก็ซื้อไว้ เหตุผลเพราะเธอถูกคนในมาร์ตินฯกลั่นแกล้งบ่อนทำลายเธอ

มูลค่าหุ้นเท่ากับหุ้นที่มีอยู่คิดได้5-6หมื่นหุ้นราคาถ้าขายในตลาดเมื่อหุ้นขึ้นจะได้เงินประมาณอีก2-300ล้านบาทแต่นายสนิทยังคงเก็บหุ้นมาร์ตินฯต่อไปคาดว่าในอนาคตจะได้หุ้นในมูลค่า6-7ร้อยล้านบาท

นี่คือสถานะทางการเงินของคิมเบอร์ลี่ที่ไม่เคยบอกใครยกเว้นคนในครอบครัวและมีตุลย์เท่านั้นที่เป็นหุ้นส่วนชีวิต

“เห็นไหมคิมมีเงินถึง1,000กว่าล้านจากน้ำพักน้ำแรงของคิมจริงๆ”

“เธอเก่งจริงๆ น่าพิศวงและเธอเป็นมนุษย์มหัศจรรย์มากที่รัก”ตุลย์กล่าวชมจากใจ

คราวนี้คิมเบอร์ลี่เขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆตุลย์

“เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้สำคัญกับคิมและตุลย์มาก เรื่องเงินแม้มันสำคัญยังไม่เท่ากับเรื่องนี้ จำได้ไหมที่เชียงรายที่คิมบอกตุลย์ว่าขอบใจที่ตุลย์ให้ของขวัญกับคิมน่ะ”

“จำไม่ได้”

“นี้แน่ะ”เธอยกมือตีตุลย์ดังลั่น

“ของขวัญได้มาเป็นของขวัญของเราคิมรักษามันไว้อย่างดีมีมากกว่าราคา ต่อไปเมื่อตุลย์ได้พบจะต้องดูแลรักษามันยิ่งชีวิตเพราะมันเป็นของคิมส่วนหนึ่งตุลย์เห็นตุลย์จะนึกถึงคิมได้ตลอดเวลา”

“มันมีค่ามากเช่นนั้นเลยหรือคิม ถ้าหายไปผมซื้อมาใหม่ได้ไหม”

“มีค่ามากไม่หายไปไหนหรอกแต่จะอยู่กับตุลย์ไปตลอดชีวิตและตุลย์จะรักอาจมากกว่าคิมด้วย”

คิมเบอร์ลี่อยู่บ้านเกษตรเพียง10วันเธอไม่เป็นอะไร แข็งแรงมีกำลังใจดี ไม่มีห่วง หลังจากพบหมอที่โรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทยแล้วเธอกลับนิวซีแลนด์โดยสวัสดิภาพ

ตุลย์ยอมรับว่าคิมเบอร์ลี่เป็นนักการตลาดที่เก่งมากรอบรู้และลุยงานตลอดจนคิดการณ์ไกลถึงขั้นเก็บหุ้นจนกลายเป็นผู้หุ้นในบริษัทที่เธอทำงานและเข้ามาถือหุ้นในบริษัทคู่แข่ง

ปริมาณการเงินของเธอ1,000กว่าล้านนั้นมากเกินตัวที่เขาจะแบกรับไว้ได้เขาจึงนำเรื่องนี้ปรึกษากับพ่อและแม่ซึ่งเห็นว่าควรจะหาคนที่รู้กฏหมาย

ตุลย์ไปพบสนิทที่จาวิสฯเพื่อซักถามเรื่องหุ้นและการจัดการเงินๆทองๆและถามเรื่องกฎหมาย

“เงินและใบหุ้นที่ผมทำให้คุณคิมนั้นผมให้ทางสำนักงานทนายความดูแลครับ”สนิทบอกตุลย์

“สำนักทนายความชื่ออะไรนะสนิท”

“เป็นสำนักทนายความสาขาของบริษัทใหญ่อยู่ที่นิวซีแลนด์คุณคิมให้มาจัดการเรื่องหุ้นครับมีชื่อเสียงมากชื่อสำนักงานกฏหมายอิลลิงเวิร์ธและบราวน์ครับ”

“เอ๊ะ..อิลลิงเวิร์ธนี่เป็นเพื่อนคุณคิมไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ครับ สำนักกฎหมายนี้เป็นของคุณพ่อคุณพอลและเพื่อนคุณพอลขายหุ้นเพื่อให้คุณคิมมีหุ้นส่วนอยู่ในสำนักงานนี้ด้วยมีผู้ถือหุ้นแค่7คนเท่านั้นคือตระกูลอิลลิงเวิร์ธ3คนพวกบราวน์3คนและคุณคิมเบอร์ลี่เท่านั้น

ในประเทศไทยสำนักกฎหมายนี้ตั้งอยู่ที่ถนนสีลมเป็นอาคารเช่าไว้โอ่อ่าใหญ่โตลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างประเทศในไทยและบริษัทใหญ่ๆของไทยที่ค้าขายกับต่างประเทศครับ

                       ...................................................................

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว