(จบแล้ว)Love oracle –สีน้ำกับรังสี (yaoi) #ธัญล่าฝันตอนเรื่องสั้นสายมู

เรื่องสั้น

(จบแล้ว)Love oracle –สีน้ำกับรังสี  (yaoi) #ธัญล่าฝันตอนเรื่องสั้นสายมู

(จบแล้ว)Love oracle –สีน้ำกับรังสี (yaoi) #ธัญล่าฝันตอนเรื่องสั้นสายมู

CareYreN

เรื่องสั้น

0
ตอน
212
เข้าชม
11
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
2
เพิ่มลงคลัง

Love oracle –สีน้ำกับรังสี  (yaoi) #ธัญล่าฝันตอนเรื่องสั้นสายมู 

   ในช่วงวันเทศกาลตรุษจีนครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็มีภารกิจมากมายให้ทำทั้งการแต่งกายสีแดงสีมงคล การไหว้บรรพบุรุษการไหว้พระไหว้เจ้า เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ทำบุญทำทานเหมือนกับผมตอนนี้แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าอากาศเมืองไทยไม่ต่างจากเตาย่างหมูกระทะขอบพระคุณทางวัดที่ยังมีต้นไม้อยู่เยอะทำให้ผมมายืนรอญาติๆพร้อมเปิดพัดลมจิ๋วได้เพราะข้างในคนแน่นมากครับ ผมขอสละสิทธิ์แต่ดูท่าจะไม่รอดเพราะอาม่าเดินมาตามผมแล้ว 

“อาเรย์! ลื้อมายืนทำอะไรตรงนี้ ไปๆไปไหว้พระ ให้อาหารปลาแล้วเสี่ยงเซียมซีเป็นเพื่อนม่าหน่อย” 

“อั๊วไม่อยากไปอะอาม่า ม่าไปกับไอ้เฟย์ได้ไหม อั๊วขอยืนรอตรงนี้นะ นะครับนะ”ผมกอดแขนอ้อนอาม่า

 “ไม่ได้! ไปไหว้พระแล้วเสี่ยงเซียมซีกับม่า อาเฟย์เข้าไปพร้อมอาเหมยแล้วน้องยังรู้เรื่องเลย ลื้อเป็นพี่ไม่ได้ทำบุญเข้าวัดเข้าวามานาน ไปทำซะบ้าง”แกพูดพลางเอาพัดตีแขนผม เฟย์กับเหมยน้องผมเองครับเป็นแฝดชายหญิงตอนนี้อยู่ม.ปลายกันแล้ว ห่างกับผมประมาณ2-3ปี 

“แต่อั้ว---” “ไม่มีแต่ ไปกับม่า”ยังไม่ทันพูดจบผมก็โดนอาม่าลากเข้าซื้อดอกธูปเทียนเลยได้แต่ตามใจแก

    20นาทีผ่านไป ถึงตอนแรกผมจะเบื่อแต่พอได้เข้าไปไหว้พระรู้สึกสบายใจขึ้นจริงๆครับ ตอนถวายสังฆทานน้ำมนต์ที่พระท่านพรมให้เย็นมากๆครับชื่นใจ จากนั้นก็เดินปิดทองตรงนี้สนุกดีครับนึกถึงตอนเด็กๆที่ยังปิดทองครึ่งบนของพระพุทธรูปไม่ถึงแต่สิบปีต่อมาผมสามารถปิดทองที่เศียรได้แล้ว ถ้าใครอยากสูงขึ้นก็อย่าลืมออกกำลังกายดื่มนมจืดและไม่นอนดึกนะครับ

“อาเรย์มานี่ๆ ”อาม่านั่งพับเพียบกวักมือเรียกส่วนอีกข้างถือกระบอกไม้ไผ่สีแดงพอผมนั่งคุกเข่าลงข้างๆแกก็ถามขึ้น

“ลื้อเสี่ยงเซียมซีเป็นรึเปล่า”

“ม่าทำยังไงอั๊วก็ทำตามม่านั่นแหละ แค่เขย่าๆกระบอกนี่ใช่ไหมล่ะง่ายมาก”ผมตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน อาม่ายกพัดตีแขนผมก่อนแกจะเริ่มเล่าเรื่องให้ผมฟัง เอาล่ะทุกคนเตรียมหมอนมาได้เลยครับ

“นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อาม่าเจอกับอากงของลื้อเลยนา ‘เซียมซี’ คือคำภาษาจีนที่มารวมกัน  ‘เซียม’ แปลว่าแผ่นไม้เล็กๆที่ใช้เสี่ยงทาย ก็คือไม้ในกระบอกที่มีเขียนเลขกำกับไว้นั่นแหละเขาเรียกกันว่า‘ไม้ติ้ว’ ส่วน ‘ซี’ แปลว่าโคลงกลอน พอเอาสองคำมารวมกันเลยได้ความหมายว่า ‘สลากบอกผลเสี่ยงทาย’ ซึ่งเก่าแก่เป็นพันๆปีเชียวนะปรากฏครั้งแรกที่ประเทศจีนสมัยราชวงศ์ซ้อง ถ้าอั๊วจำไม่ผิดเหมือนจะเข้ามาในไทยสมัยรัชกาลที่ห้าโดยมีคนแซ่ซ้องมาแปลคำทำนายภาษาจีนเป็นไทยให้”พอเล่าจบอาม่าก็ส่งกระบอกเซียมซีมาให้

“ปกติในกระบอกไม้ไผ่จะมีไม้ติ้วทั้งหมด25หรือ28ไม้ ลื้อนับไม้ติ้วให้ม่าหน่อยว่ามีกี่ไม้แล้วมีเลขซ้ำไหม” ผมรับมาอย่าง งงๆเอาไม้ติ้วออกมาวางที่พื้นพรม วางเรียงกันเป็นแนวนอนตามลำดับตัวเลขพอครบสิบก็ขึ้นแถวใหม่ได้เป็นสามแถวมีแค่แถวสุดท้ายที่มีแปดไม้รวมทั้งหมด28ไม้และไม่มีเลขซ้ำกัน “มี28ไม้ครับม่าไม่มีซ้ำ” หลังจากนั้นผมก็เก็บไม้ติ้วใส่กระบอก

“อะทีนี้ลื้อตั้งสมาธิแล้วเขย่าเอียงกระบอกลงนิดนึง” ผมตั้งสมาธิแล้วเริ่มเขย่าตามที่อาม่าบอก

แกร๊กๆๆ

“เขย่าแรงกว่านี้อาเรย์”

แกร๊กๆๆๆๆ

“แรงอีก ไม่ต้องกลัวไม้เจ็บ”ผมสูดหายใจเข้าลึกๆรวบรวมแรงทั้งหมดหลับตาเริ่มเขย่าอีกครั้ง

แกร๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!! แปร๊ก!!!!!!!! กร๊อกๆๆๆๆ!

“อาเรย์ อาเรย์ลืมตาก่อน ลื้อไปโกรธใครมาไม้กระเด็นออกมาเป็นแทบทั้งกระบอกคำทำนายของลื้อมันจะเยอะไปแล้วม้าง”ผมลืมตาเห็นไม้ติ้วอยู่ในกระบอกแค่สี่ไม้ที่เหลือกองอยู่บนพื้นพรมด้านหน้าและเต็มขาผม

5นาทีผ่านไป อาม่าช่วยผมเก็บไม้พอผมนับเช็คเรียบร้อยแกก็ให้เขย่าใหม่แบบพอดีๆ

แกร๊กๆๆๆๆๆๆ!!!!!ปุบแกร๊กๆๆๆ!!!

“ตกมาหนึ่งไม้แล้วอาเรย์ ลื้อหยุดเขย่าลืมตามองเลข”ผมวางกระบอกไว้ข้างอาม่าก่อนจะหยิบไม้ขึ้นมาดูเลขที่กำกับไว้

“ได้เลข7ครับอาม่า”

“ลื้อถือไว้ก่อนนะ”ผมพยักหน้ามองอาม่าเอื้อมมือไปหยิบแท่งไม้เล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดงสองอันบนโต๊ะจิ๋วก่อนที่จะยื่นให้สงสัยเพราะผมทำหน้างงระหว่างรับไม้มาแกเลยอธิบายให้ฟัง

“นี่เรียกว่า ‘ไม้ปวย’ เอาไว้ตรวจว่าไม้ติ้วที่ได้เป็นเรารึเปล่า ถ้าลื้อโยนไม้ปวยทั้งสองอันพร้อมกันแล้วอันนึงหงายอันนึงคว่ำแสดงว่าไม้ติ้วเลขนี้เป็นของลื้อแต่ถ้าผมออกมาว่าหมายทั้งคู่หรือคว่ำทั้งคู่แสดงว่าไม้ติ้วเลขนี้ไม่ใช่ของลื้อ ทีนี้ลื้อโยนเลย”

 ตุบ ตุบ ผมโยนทันทีเมื่อสิ้นเสียงอาม่าผลคือคว่ำกับหงายแสดงว่าไม้นี้เป็นของผมสินะ

“ต่อไปก็อ่านคำทำนาย ลุกๆตามม่ามาเก็บไม้ติ้วใส่กระบอกด้วย” ผมใส่ไม้ติ้วหมายเลขเจ็ดลงไปในกระบอกแล้วนำกลับเข้าที่เดิมพร้อมกับไม้ปวย พอเรียบร้อยก็ลุกขึ้นเดินตามอาม่าไปที่ชั้นอะไรสักอย่างมีกระดาษแผ่นเล็กเป็นปึกอยู่ทุกช่องแต่ละช่องจะมีหมายเลขกำกับไว้ด้านบน นี่น่าจะเป็นกระดาษคำทำนาย

“ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ลื้อก็ดูว่าช่องไหนที่เลขตรงกับไม้ติ้วที่ลื้อได้แล้วก็หยิบกระดาษไหนนั้นมาแผ่นนึง ถ้าทำนายดีก็เก็บไว้ถ้าไม่ดีก็ทิ้งลงถังขยะ ลื้อจำได้ใช่ไหมว่าได้เลขอะไร” ผมพยักหน้าตอบ มองหาตามช่องไม่นานก็เจอหมายเลขเจ็ดผมจึงหยิบออกมาหนึ่งแผ่นก่อนจะอ่านผมก็หันมาถามอาม่า “แล้วม่าเจอกับกงได้ไงอะ”อาม่าส่งยิ้มบางๆให้ผม

“เมื่อก่อนเขาไม่มีกระดาษแบบนี้ให้ คำทำนายจะติดเป็นป้ายบนกระดานต้องไล่อ่านหาเลขที่ได้เอา ถ้าได้เลขที่อยู่บนๆก็จะอ่านลำบากหน่อยเพราะมันอยู่สูงคนที่ตัวเตี้ยก็ต้องเขย่ง วันนั้นม่ากับอากงของลื้อได้เลขเดียวกันเขาเลยอาสาอ่านให้ม่าฟัง ด้วยความที่เขาตัวสูงเหมือนนักกีฬาทำให้อ่านคำทำนายได้สบายๆ ม่าตั้งใจฟังมากๆน้ำเสียงของเขาในตอนนั้นมันนุ่มทุ้มพาหลุดเขาไปในภวังค์ หลังจากนั้นก็คุยทำความรู้จักกันเพราะเขาพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ บังเอิญว่าบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน     อากงของลื้อขี้อายมากๆเลยนาเขาบอกเจอม่าหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่กล้าทัก กว่าจะเดินมาอาสาอ่านคำทำนายให้ก็ยืนทำใจอยู่นานสองนาน”ผมรู้สึกได้ถึงความสุขแสนหวานผ่านน้ำเสียงที่อาม่าเล่า ผมจึงถามแซวๆ

“ฮั่นแน่ ยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วนะครับว่าแต่ตอนนั้นม่าอายุเท่าไหร่อะ” อาม่ากางพัดปิดหน้าพลางตอบผม

“ตอนนั้นอั๊วอายุ20ส่วนอากงของลื้อก็18ย่าง19” ผมหลุดขำแล้วแซวอาม่าต่อ “ตอนแรกอั๊วนึกว่าม่าอายุน้อยกว่าที่ไหนได้คนสวยกินเด็กเฉยเลย อาม่านี่น้าร้ายไม่เบาเลยนะคร้าบ โอ๊ย ม่าอ่าทำไมคราวนี้อั๊วแรงหลานรักของม่าก็เจ็บเป็นนะ”ผมแสร้งยกมือลูบแขนตัวเองปอยเพราะถูกอาม่าเอาพัดตี จริงๆมันไม่แรงหรอกครับ

“กินเด็กที่ไหนกันห่างแค่เกือบ2ปีเองแล้วอากงของลื้อก็18แล้วนา”

“แล้วมีแฟนอายุน้อยกว่าทำไมเข้ากันได้อะม่า เคยมีปัญหากันไหม”อยู่ๆผมก็ถามออกไป

“อายุไม่ค่อยเกี่ยวหรอกอาเรย์เพราะทั้งสองคนก็ต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่แล้ว บางครั้งอากงของลื้อดูเป็นผู้ใหญ่กว่าม่าอีกนาแต่ก็มีบ้างที่จะมีมุมอ่อนแอของตัวเองหรือปัญหา เราก็ต้องทำความเข้าใจในความต่าง ช่วยกันแก้ปัญหาแล้วผ่านมันไปด้วยกัน อุปสรรคก็เหมือนเครื่องพิสูจน์ความรักที่มีต่อกันนั่นแหละอาเรย์ เวลาคนรักมีความสุขเราก็สุขไปด้วยเวลาทุกข์ก็ทุกข์ด้วย ความรักมันเพิ่มขึ้นในทุกๆวันเพราะม่าตกหลุมรักตัวตนของเขาเรื่อยๆแม้ว่าเขาจะทำม่าร้องไห้บ้างแต่เขาก็จะมาง้อมาขอโทษม่าก็พร้อมให้อภัย ความสุขที่เรามีให้กันมันมากกว่าความทุกข์หลายเท่า ลื้อต้องถามใจตัวเองว่ารักเขาเพราะอะไรรักเขาตรงไหน ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เราต้องการไม่ได้หรอกนะอาเรย์ ทุกคนมีอิสระ มีหัวใจมีร่างกาย มีความคิดและมีความรู้สึก อย่าปล่อยให้ความเอาแต่ใจของเรามาทำลายความสัมพันธ์ ด้ายที่มัดไว้คนละข้างต่อให้ยื้อไว้แต่อีกข้างมันหลวมมันก็แยกออกจากกันอยู่ดีหรือถ้าต่างพากันดึงแน่นมันก็อาจขาดได้ อาเรย์..ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับคนที่สำนึกผิดและพร้อมที่จะเริ่มใหม่หรอกนะ ไหนคำทายนายดีไหม” แรงสะกิดจากพัดของอาม่าทำให้ออกมาจากความทรงจำและความเหม่อลอย ผมส่ายหน้าเบาๆ “อั๊วยังไม่ได้อ่านเลยอาม่า”

‘เลขที่7 เสร็จหวังดังประสงค์ ที่จะจำนงจะได้ดังหมายมั่น อีกไม่ช้าม้าตัวทองของสำคัญ จะมาพลันพาเหาะไปเหมาะใจ 

คนที่หนีของที่หายก็ได้กลับ คู่ที่รักห่างชิดพิสมัยจะกลับคืนชื่นสนิทใน คิดสิ่งไรก็จะเสร็จสำเร็จการตามตำราท่านว่าได้ 

เมื่อพระราเมศร์ได้ดวงเนตรสีดามาสถาน ตั้งแต่นี้มีสุขทุกข์ไม่นานที่คิดการหามิตรสมคิด เอย’ 

. 

 

3วันต่อมา 

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr 

“ฮาโหลอาม่า ม่ากดโทรเป็นด้วยเหรอเนี่ย” ผมกดรับวิดีโอคอล อาม่าให้ผมมาดูดวงเพิ่มกับแม่หมอที่แกมาประจำครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันพึ่งเคยมาครั้งแรกด้วยแต่ดีหน่อยที่ใกล้กับมหาลัยเลยถามทางมาได้  

  “อั๊วให้อาเฟย์กดให้ อาเรย์ลื้อถึงร้านของแม่หมอเอรึยัง” อาม่าถามขณะพยายามถือโทรศัพท์ให้ถ่ายหน้าตัวเองชัดๆ ผมเดินไปที่ป้ายหน้าประตูของร้านก่อนจะหันกล้องให้ม่าดูพลางชี้ “นี่ไงม่าอั๊วถึงแล้ว นี่ไงประตูส่วนนี่ชื่อร้านและนี่เรย์หลานรักของอาม่า”ปิดท้ายด้วยการชี้ตัวเองไม่ลืมฉีกยิ้มให้อาม่า  เห็นนะว่าไอ้เฟย์เดินมาเบะปากใส่ข้างหลังอาม่าอะ 

“ดีๆลื้อเข้าไปเลยรับรองว่าแม่นมากๆ อาเฟย์กดปิดให้อาม่าหน่อย”

 ติ๊ด!

แกร๊ก กริ๊งๆ ! เสียงกระดิ่งที่แขวนประตูดังขึ้นเมื่อผมเข้ามาในร้าน

“!!!” ผมสะดุ้งยกมือขึ้นลูบอกเมื่อพบว่ามีคนยืนรอผมอยู่แล้ว หญิงสาวที่น่าจะอายุมากกว่าผม เธอยืนห่างจากผมประมาณหนึ่งเมตร สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเข้มโทนองุ่นและน้ำทะเลตัดกับผิวสีน้ำผึ้งผมยาวลอนสีน้ำตาลสว่างดวงตาของเธอสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเรียว ริมฝีปากสีแดงเหมือนอมยิ้มตลอดเวลา ทั้งตัวประดับเสริมด้วยของที่ผมไม่รู้จักแต่ก็สวยแปลกตา เหมือนกำลังมองตัวละครในเทพนิยาย

  “มาทำอะไรจ๊ะ”

i

  “อ่า..ผมมาดูดวงตามที่นัดไว้ครับ” เธอทำท่าคิดสักพักก่อนจะร้องอ๋อเบาๆเดินมาที่เคาน์เตอร์ไม้ริมประตูที่ผมยืนอยู่แม่หมอก้มหยิบป้ายบอร์ดโฆษณาอะไรสักอย่างมาตั้งบนโต๊ะแล้วก็เริ่มพูดขึ้น 

ปัง! 

i

i

 “เพื่อความสะดวกมากขึ้นของคุณลูกค้า ทางเราจึงขอเสนอแอปพลิเคชั่น aดวง ชุมชนดูดวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด! หนึ่งถามตอบทุกสิ่งที่คุณอยากรู้ด้วยบริการฝากคำถามที่รองรับทั้งระบบข้อความเสียงและวิดีโอตลอด24ชั่วโมง สองดูดวงส่วนตัวกับนักพยากรณ์ที่คุณชื่นชอบพร้อมเพลิดเพลินไปกับลูกเล่นระบบไลฟ์และวิดีโอคอลที่จะทำให้ประสบการณ์ดูดวงของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! สามรับบทความสุดพิเศษจากนักพยากรณ์แถวหน้าส่งตรงถึงมือคุณทุกวันให้คุณได้อัปเดตเรื่องราวเกี่ยวกับดวงผ่านบทความน่ารู้ ได้แบบฟรีๆพร้อมเคล็ดลับเสริมดวงจุใจ! 

i

  

  และสี่สุดท้ายให้คุณดูดวงด้วยตัวเองได้ง่ายๆทำนายอนาคตแบบเจาะลึกด้วยตัวคุณเองกับลูกเล่นเปิดไพ่ทำนายดวงทั้งไพ่ประจำวัน ไพ่ยิปซี เสี่ยงเซียมซี ดูดวงเบอร์โทรศัพท์ เรามั่นใจในคุณภาพและบริการ ดาวน์โหลดฟรี! ได้แล้ววันนี้ที่Google playและApp store” ... ผมกระพริบตาปริบๆมองแม่หมอที่กำลังดื่มน้ำอึกใหญ่แล้วส่งทิชชู่บนโต๊ะให้เธอ 

“ขอบใจจ่ะ น้องก็อย่าลืมโหลดนะจะได้ไม่ต้องเดินทางมาให้เหนื่อย งั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า ไพ่ยิปซีใช่ไหมจ๊ะ” 

“น่าจะใช่..มั้งครับ”ผมตอบพลางพยักหน้า                                                

 .  “ดวงผมเป็นยังไงบ้างครับแม่หมอ”ผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาเงียบไปนาน ดวงตาสีน้ำทะเลลึกมองไพ่ยิปซีในมือก่อนที่จะใช้มืออีกข้างไล่เปิดไพ่อีกสองใบที่เหลือ จริงๆผมต้องเลือกมาห้าใบครับแต่งบน้อยเลยเหลือแค่สาม  

  ผมมองตามนิ้วที่แต่งแต้มด้วยโทนสีม่วงแฟนตาซีลวดลายแปลกตาจรดลงบนไพ่ที่ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันทำนายว่าอะไร ระหว่างรอก็มองรอบๆไปพลางๆที่นี่เป็นร้านขายเครื่องรางเครื่องประดับเช่นพวกกำไลข้อมือ แหวน สร้อยคอครับรวมถึงของตกแต่งสำหรับสายมูและที่วิเศษสุดๆคือมีทำนายดวงให้สำหรับผู้ที่สนใจ  

    ในร้านเป็นโทนสีองุ่นแดงกับไวน์แดงครับ โดยรวมแล้วจะมองว่าสวยก็สวยจะมองว่าแปลกก็แปลกแต่สำหรับผมแล้วเป็นความสวยที่ลึกลับน่าค้นหาแต่ยากที่จะเข้าใจถ่องแท้ จู่ๆลมหนาวก็พัดเข้ามาทางหน้าต่างขับกลิ่นหอมอ่อนๆของเทียนขึ้น แม้ลมจะเบาแต่ก็ทำให้ขนลุกได้ผมลูบแขนมองไปทางทิศหน้าต่างอัตโนมัติเมื่อผ้าม่านถูกแรงลมตีพัดขึ้นก็เผยให้เห็นสิ่งของที่อยู่ด้านหลัง กุหลาบสีลาเวนเดอร์ในโหลแก้วเชื่อมกับกล่องดนตรีสีทองด้านล่าง ลานไขรูปหัวใจหมุนเองอย่างน่าเหลือเชื่อกุหลาบม่วงขยับหมุนตามเสียงเพลงคุ้นเคยเริ่มบรรเลงmusic boxของเพลงที่ผมจำได้อย่างแม่นยำ ราวกับมนต์สะกดกว่าจะรู้สึกตัวมือผมใกล้จะสัมผัสกุหลาบผ่านโหลแก้วเสียแล้ว 

 “อะแฮ่ม มาฟังคำทำนายได้แล้วจ้ะ” ผมหันไปยิ้มเจือนหัวเราะแหะๆแล้วกลับไปนั่งตามเดิม ริมฝีปากสีแดงยิ้มบางเริ่มอ่านคำทำนายจากไพ่ให้ผมฟัง ซึ่งตรงส่วนนี้มีแต่ศัพท์ภาษาที่ผมไม่รู้เต็มไปหมดเลยได้แต่พยักหน้างงๆ 

15 นาทีผ่านไป 

      “สรุปแล้วการเรียนการเงินจะดีขึ้นเรื่อยๆถ้ายังขยันสม่ำเสมอแต่ไพ่สุดท้ายน้องยังติดค้างอะไรบางอย่างอยู่ดูที่ไพ่นี้’The hanged man ชายถูกห้อยหัว’ ” แม่หมอหยิบไพ่ขึ้นมาให้ผมดูชัดขึ้น สงสัยเพราะเห็นผมทำหน้าเครียดเธอจึงหัวเราะแล้วพูดต่อ  

 “อย่าพึ่งกังวลไปน้องลองมองดีๆ ถึงจะถูกทรมานท่าทางของเขาก็ทำให้รู้ว่าไม่เป็นอะไร ขาที่ขัดกันเป็นเลข4ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าตายแต่แสดงถึงความสมดุล สงบนิ่งและแสงสว่างล้อมรอบหัวหมายถึงการตระหนักรู้ ซึ่งนี่เป็นทำนายความรักของน้อง” ผมกลืนน้ำลายดังอึกยกมือปาดเหงื่อที่เริ่มไหล 

“ ‘ความเจ็บที่เข้าใจได้ อดทนได้ ความทรมานที่ทำให้เห็นมุมมองใหม่ ได้เรียนรู้’ เอาล่ะแบมือ” ผมค่อยๆแบมือข้างซ้ายตามที่บอก เธอขยับยิ้มแล้ววางไพ่ลงบนมือที่แบอยู่ 

“แต่ไพ่นี้ของน้องกลับหัว”แม่หมอพูดพลางกลับไพ่ในมือผม 

  “ดังนั้นคำทำนายคือ ‘ทรมานแต่ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย จนไม่เข้าใจอีกฝ่ายทำให้ต้องการเอาชนะต้องการเปลี่ยนอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้จนกลายเป็นความเห็นแก่ตัวและทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงหรืออาจจะเลิกกันเลยก็ได้’”ผมก้มมองไพ่ในมือความรู้สึกปวดหนึบแล่นเข้ามาที่อก..ไม่ชอบความทรมานแบบนี้เลย ว่าแล้วก็วางไพ่ลงบนโต๊ะคืนแม่หมอโดยไม่ลืมจ่ายเงินผมยกมือไหว้ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ประตู 

“เดี๋ยวน้องเรย์!” แต่ยังไม่ทันได้จับลูกบิดก็ถูกเรียกไว้ ผมหันกลับไปทันควัน “แม่หมอรู้ชื่อผมได้ยังไงครับ” 

“ความลับจ่ะ น้องเรย์มานั่งที่เดิมก่อน”ผมมองอย่างสงสัยแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย 

  “นี่เงินทอนนะ”ผมผงกหัวขอบคุณเก็บเงินที่วางอยู่บนผ้าแพรสีชมพูเข้ากระเป๋า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าแม่หมอมองอยู่ก่อนแล้วเธอเอียงคอเล็กน้อย “คนก่อนหน้าน้องก็ได้คำทำนายแบบเดียวกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ เจ๊มีของขวัญที่ระลึกให้” แม่หมอหยิบกล่องไม้เล็กใต้โต๊ะผ้าคลุมขึ้นมา เมื่อเปิดฝาเธอก็ยิ้มภูมิใจหันด้านหน้ากล่องมาให้ผมดูเพื่อจะได้เห็นสิ่งของด้านใน 

“เมื่อกี้เจ๊เห็นว่าน้องเรย์สนใจ เลยคิดว่าน่าจะชอบ” ผมคลี่ยิ้มมองกุหลาบสีม่วงในโหลแก้วที่ฐานยังเป็นกล่องดนตรีเช่นเดิมแต่เล็กกว่าอันที่ตั้งอยู่ที่หน้าต่างแค่นิดเดียว มือที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสวยงามหยิบของขวัญขึ้นมาไขสามสี่ครั้ง เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นพร้อมกับกุหลาบเจ้าเสน่ห์ที่หมุนวนตามแท่นด้านล่าง เนื้อเพลงก็เข้ามาในหัวผมทันที 

            รู้ดีว่ามันก็จบไปนานแล้วแต่ใจยังคงคิดถึงใจยังคงต้องการ  

 “น้องเรย์รู้จักเพลงนี้รึป่าวจ๊ะ” ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่าย เธอวางโหลแก้วดนตรีกุหลาบลงบนมือผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะเริ่มร้องเพลง ”รู้ว่ามันต้องใช้เวลาแต่ใจยังคงคำนึงถึง ใจยังคงต้องการ”เสียงหวานขับกล่อมผมให้เข้าไปในความทรงจำสมัยมัธยม นานเท่าไร แต่ดูเหมือนว่ามันยังไกลและดูเหมือนเวลาไม่เคยทำมันให้จาง รอยยิ้มสว่างของใครคนหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุขไปด้วยความอบอุ่นที่อกแผ่ไปถึงหน้าต่างของหัวใจน้ำตาค่อยๆไหลออกมาช้าๆพร้อมกับคำถามในใจที่ระบายออกมาเป็นเสียงร้องเพลงของผม 

   “บอกหน่อยเถิดรัก บอกว่าเป็นเช่นไร ฉันไม่เคยรู้ว่าทำไม ฉันไม่เคยเข้าใจอะไร”  

           ทำไมเมื่อมีรักฉันจึงต้องช้ำใจ หากเป็นอย่างนั้นขอได้ไหมให้ฉันไม่ต้องรักใครอีกเลย.. 

  . 

 4ปีที่แล้ว 

   ยามเย็นวันสุดสัปดาห์เด็กนักเรียนส่วนใหญ่รวมถึงคุณครูก็พากันรีบกลับบ้าน ในโรงเรียนเงียบสงบมีผู้คนเดินผ่านและรถราประปราย เสียงที่ดังสุดตอนนี้ก็คงจะเป็นป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนที่มีเด็กกางเกงน้ำเงินสองชีวิตนั่งอยู่ 

      “ งี้ชื่อพี่ก็แปลว่า รังสี อะดินี่มันชื่อคู่ชัดๆ สีน้ำกับรังสี รังสีกับสีน้ำ สีน้ำสี สีน้ำน้ำ สีรังน้ำ สีน้ำรังสี ” คนอายุน้อยกว่าพูดหยอกคนพี่พลางเขยิบไปนั่งเบียด เรย์ได้แต่ขยับหนีแล้วสบถในใจรู้งี้เขาไม่น่าบอกชื่อไปเลยเหมือนกลบหลุมฝังตัวเองคาป้ายรถเมล์เนี่ยแหละ เด็กม.5อย่างเขางานกิจกรรมรัดตัวกลับบ้านเย็นจนชินปกติเขาก็จะนั่งรอรถเมล์คนเดียว วันนี้ดันมีเด็กม.3ที่แนะนำตัวว่าชื่อสีน้ำมาสิง..เรียกว่ามารอรถเมล์ด้วยดีกว่า 

 “ที่มีเยอะแยะมาเบียดเพื่อ” เขาหันไปเอ็ดทีนึง คนน้องเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ยอมเขยิบออกไปนิดนึง ย้ำแค่นิดนึง ถึงสองเซนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เรย์กรอกตาถอดกระเป๋าสะพายมาคั้นกลางเอาไว้ 

  “มีมาคั้นกงคั้นกลาง พี่เคยฟังเพลงนี้ปะ ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใครถ้าใจเรายังผูกกัน นี่ไงมีกระเป๋าวางไว้อยู่เชื่อมเราสองคนไม่ให้ใครเข้ามา ฮั่นน้อวววววว”  

 ...โปรดเอาเด็กนี่ไปเก็บเมื่อไหร่รถเมล์จะมา 

   “พี่เรย์รังสี!!! ผมสอบม.4ได้ห้องวิทย์คณิตเหมือนพี่ด้วยแหละ เห็นงี้เด็กห้องควีนนะค้าบห้องสองอะค้าบ”สีน้ำที่ตะโกนเรียกตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ป้ายรถเมล์ที่ประจำของเขา ข้างๆคนพี่ที่เหมือนจะนั่งวาดอะไรสักอย่าง 

  “อะเมินๆ ใช่ซี่เดี๋ยวนี้รักเรามันเก่าแล้ว ” เรย์เงยหน้าหันไปมองอย่างเอือมๆ เด็กนี่สูงขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกันประมาณสามสี่เซนแต่ก็ช่างเถอะยังเพ้อเจ้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ 

  “พี่รีแลคบ้าก็ได้ไม่ต้องตีเข้มใส่ผมหรอก ผมชอบตอนพี่ไม่เต็มมากกว่าไม่สิผมก็ชอบหมดแหละ” 

  “นายเป็นน้อง”คนเป็นพี่พูดขึ้นระหว่างวาดรูป..เหมือนจะคล้ายๆกับจานสี 

“พี่บ้ากับผมบ้างก็ได้” 

“แฮร่!!!!!บู้บี้ชักกี้มีผีเสื้อบินหวืดดดดดวี่ เฮ้ยย!ผีเสื้อล่องหนเกาะเสื้อนายต้องใช้ปืนบาซูก้ายิงเพื่อแก้พิษ!ปังๆๆๆๆๆ หวืดดดตุ้บบตุ้มแช่ตุ้มแช่ช้งเช้งช้งเช้งวี่ พามพ่าม!มีเรโดโดเรมีผีเสื้อตายจบ” พอเสร็จก็นั่งลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

“..เอ่อ....อันนี้ก็บ้าไปแถมมีทำท่าประกอบด้วยพี่เครียดมากใช่ไหม บางทีพี่อาจติดเชื้อผม ใช่ๆคนเรามักเผลอทำตามคนที่ชอบ ผมรู้สึกผิดว่ะไม่นะพี่รังสีพี่จะเอาสติไปทิ้งไม่ได้นะแบบผมจะพยายามหน้าตาดีให้น้อยลงนะแต่คงยาก” 

   ..เด็กปีศาจ 

เสียงดนตรีค่อยๆเบาลงจนสนิทพร้อมกับกุหลาบที่หยุดหมุน 

. 

i 

      “เหม็นเด็กรุ่นน้องที่ชอบมาสร้างปัญหารำคาญใจ”ผมอ่านไพ่ประจำวันที่ปรากฏบนหน้าจอมือ แอปนี้ผมโหลดมาได้สักพักแล้วครับตามที่แม่หมอเขาขายของไว้ฮ่าฮ่า ยอมรับเลยว่าส่วนใหญ่ตรงมากๆส่วนกล่องดนตรีกุหลาบม่วงผมวางไว้บนโต๊ะทำงานข้างเตียงนอนครับคิดสักพักก่อนจะหยิบใส่กระเป๋า ตอนนี้ผมแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษากำลังเตรียมตัวออกจากหอเพื่อไปมหาลัยวันนี้เป็นวันรับน้องเฟรชชี่ปีหนึ่งครับ ในฐานะพี่ปี3ก็ต้องไปช่วยดูแลอีกอย่างก็ว่างด้วยขี้เกียจนอนอยู่บ้าน งานรับน้องปีนี้ต้องสนุกมากแน่ๆเห็นน้องปีสองบอกว่ามีกิจกรรมเพิ่มด้วย เย่! 

  …เย่จริงๆครับเย่แบบเย้อิเยอิเย..บางทีคำทำนายก็แม่นไปนะครับ 

  “สวัสดีครับ!พี่ๆเพื่อนๆทุกคน ผม สีน้ำ หัวใจมีสี่ห้องพร้อมยกให้เธอทุกห้องเลยนะ ขอบคุณค้าบ0895403xxx” 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด แกรรร๊ชื่อน่ารักมากกหล่อด้วยยยย!!!!!!” 

“น้องสีน้ามมมมมมมมมมมมมมมม!!!!เอาใจพรี่ไปค่ะ!!!!!” 

“ทั้งพ่อของลูกกกกทั้งความสดใสของโลกใบนี้!!!!!!!!!!” 

“โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกงานนนนนดีมากกกกก!!!!” 

   ผมที่ยืนคุมแถวน้องอยู่หลังสุดอยากจะยกมือขึ้นปิดหู เข้าใจว่างานดีแต่สาวๆควรเมตตาหูของผมหน่อย ไอ้สีน้ำตอนนี้ดูแล้วน่าจะสูงเกือบๆร้อยเก้าสิบแล้วครับผมที่เคยดำสนิทตอนนี้เป็นสีน้ำตาลแดงประกายแถมไฮไลท์ด้วยสีชมพูพีชก็ขับให้คนที่สดใสอยู่ก็สว่างขึ้นไปอีกครับก็ตามอย่างที่สาวๆเจ๊ๆเขาว่ากันแหละผมไม่เถียง ทำไมต้องเอาเรื่องของเขามาคิดล่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้วสักหน่อย  

  จึ๊กๆ  

  “ว่า” ผมหันไปตามแรงสะกิดของชานมเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยประถมครับมันจะมีคนมารับตรงเวลาตลอดเลยไม่เคยกลับรถเมล์กับผม พ่อแม่ค่อนข้างเป็นห่วงครับไม่อยากให้ไปไหนเองก็มีช่วงมหาลัยนี่แหละที่มันได้นั่งรถเมล์กับวินเป็นครั้งแรกอารมณ์ผมตอนนั้นเหมือนพาลูกมาเที่ยวยังไงอย่างนั้น เห็นบอกว่าที่ชื่อชาไทยเพราะแม่ชอบเลยเอามาตั้งเป็นชื่อลูก จำได้ว่ามันมีพี่สาวชื่อไข่มุกครับ ผมว่าน่ารักดีนะ 

    “เรย์มึงว่าน้องที่ชื่อสีน้ำมันหน้าคุ้นๆเปล่าวะ” 

   “ก็จบมาจากโรงเรียนเดียวกับพวกเราไง”ผมตอบเรียบๆ 

   “ไม่นะมึงกูว่ามันมากกว่านั้น..คุ้นมากๆเออ!ใช่แฟนเด็กมึงปะ” 

   “ไปกันใหญ่ละ กู ไม่ เคย มี แฟน” 

   “กูไม่เชื่ออย่ามาโกหกเพราะตอนนี้กูจำได้แล้วน้องมันมานั่งรอมึงที่ป้ายรถเมล์ทุกวัน ไม่พอนะมาถามหามึงที่ห้องมึงก็ไม่เคยอยู่เพราะเอาแต่ไปจัดกิจกรรมจัดของช่วยครูคุมนั่นนี่ตรงตึกโน้นทีตึกนี้ทีโดมใหญ่โดมเล็ก ทำให้มึงกลับบ้านเย็นแทบทุกวัน ให้กูรอแล้วพาไปส่งบ้านก็ไม่เอา” 

   “เปลืองน้ำมันไงบ้านก็ไม่ได้ใกล้กัน” 

  “กูว่าเพราะมึงรู้ว่าน้องรออยู่ที่ป้ายรถเมล์มากกว่า มึงเลยจะไปหาน้อง ยังไม่หมดนะร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมึงนั่งกินไอติมแบบใส่ท็อปปิ้งกูชวนมาเป็นสิบปีมึงก็บอกไม่ชอบๆไอติมอย่างเดียวอร่อยกว่าแต่พอม.5เทอมสองเท่านั้นแหละเดินไปสั่งกินเองต่อหน้าต่อตากู บอกคนขายให้ใส่เยอะๆโดยเฉพาะวิป อย่าเถียงกู ท็อปปิ้งที่มึงเกลียดที่สุดคือวิปครีม “ผมหุบปากแทบไม่ทันดีนะที่ตอนนี้พวกเราอยู่หลังๆเลยไม่มีใครได้ยิน ไอ้ชาตอนนี้มันเหมือนนักสืบส่วนผมเป็นผู้ร้ายที่กำลังโดนแฉ จริงๆมันเคยเป็นแชมป์ท่องจำครับ 

ครั้งนึงฉันเองก็เคยออกตามหาแต่ว่ามันก็ต้องผิดหวัง เมื่อปลายทางของฉันนั้นว่างเปล่า 

กริ๊งๆ กริ๊งๆ  

    เสียงกระดิ่งของรถไอติมตักแสนโปรดปรานของใครหลายๆคนกำลังจะมาถึงมีหรือที่คนอย่างสีน้ำจะพลาดคนน้องรีบหันไปชวนคนพี่ที่เดินอยู่ข้างกันด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแตกหนุ่มพร้อมส่งสายตาเป็นประกายเปี่ยมความหวัง 

   “พี่เรย์รังสีไปซื้อไอติมกันป้ะ!” เรย์หันไปมองเขาไม่ตอบแต่พยักหน้าตกลงให้คนข้างกายที่ตอนนี้ส่วนสูงเท่าเขาแล้วและดูท่าเด็กนี่จะยังสูงขึ้นเรื่อยๆแถมยังมาอวดว่าติดชมรมบาสกับฟุตบอลของโรงเรียนอีกรับรองว่าพรวดพราดต่อไปเขาคงจะต้องแหงนหน้าคุยใช่ไหม สีน้ำยิ้มกว้างกระชับมือให้จับกันแน่นขึ้นออกแรงดึงพาอีกฝ่ายตรงไปที่รถขายไอติม 

  “มีรสอะไรบ้างครับลุง”คนเป็นน้องเอ่ยถามขณะที่เรย์กวาดสายตามองไอติมหลากหลายรสในถังที่คุณลุงเปิดขึ้น 

  “มีกะทิ ไมโล สตอเบอรี่ โยเกิร์ต “คุณลุงคนขายบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

  “งั้นผมเอากะทิใส่ขนมปังแล้วก็ใส่วิปครีมกับผงโอริโอ้เยอะๆครับโดยเฉพาะวิปครีมเอาแบบแทบล้ม พี่เรย์อะ” 

  “ผมเอาไมโลใส่ถ้วยไม่ใส่อะไรเพิ่มครับลุง”  

  “พี่ไม่เพิ่มจริงดิ”สีน้ำถามอย่างไม่เชื่อ 

 “ชอบกินไอติมอย่างเดียวมากกว่าไม่ชอบให้อะไรมาปน” 

รู้ดีว่าเธอคงไม่ย้อนมาแต่ฉันยอมทุกอย่าง ยอมทำทุกทางให้เธอย้อนคืนมา 

“พี่เรย์ลองชิมวิปดูนี่ผมอุส่าต์แบ่งให้เลยนะเนี่ย อ้าปากเร็ว”  

“ไม่เอาไม่ชอบ” 

“แล้วเคยลองกินยัง ชิมก่อน” เรย์ส่ายหน้าเป็นพัลวันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเผลอจึงเอาวิปครีมใส่ถ้วยของอีกฝ่าย 

“ไอ้สีน้ามมมม กูบอกว่าไม่ชอบไงมึงตักคืนไปเลยไม่อยากทิ้งเสียดาย” 

“ไม่ เนี่ยพี่ก็ลองชิมดูอร่อยจะตาย” ไม่พอยังมาตักไอติมไมโลของเขากินอีก 

 “..เด็กปีศาจ” 

“ได้ยินนะ ก็เป็นปีศาจคลั่งรักเธออะจะ” 

 

“เรย์ “ 

 “ไอ้เรย์! มึงเหม่ออะไรเนี่ย”  

“ห้ะ...ว่า”ผมเหมือนถูกปลุกจากแรงเขย่าพร้อมเสียงเรียกของชานมพอมองรอบตัวก็เห็นทุกสายตามองมาที่ผม 

“ยังไงคะพี่เรย์ของหนู น้องสีน้ำเขาเลือกพี่อะค่ะรีบมาข้างหน้าเร็ว”น้องพิธีกรปีสองกวักมือเรียกผมพร้อมรอยยิ้ม 

“เขาให้กูไปทำไม”ผมหันไปถามชานม มันตอบพลางดันหลังผม 

“น้องมันไม่มีคู่เข้าฐาน มึงก็แค่ไปคู่กับน้อง”  

“เชี่ยไม่เอากูไม่อยากไปมึงไปแทนกูนะชานมนะ”ผมรีบยื้อตัวไปอยู่ข้างหลังเพื่อนให้ตายผมก็ไม่ไปหาเด็กปีศาจนั่นเด็กขาดเหมือนพาตัวเองลงหลุมชัดๆผมหลับตาปี๋ซุกแขนชานมไว้พอมันสลัดออกไปผมก็รีบคว้ามากอดไว้ดังเดิม 

 “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” 

”มึงอย่าแกล้งกู”ผมพึมพำบอกให้ได้ยินกันแค่สองคนก้มหน้าหลับตาซุกแขนเพื่อนสนิทไม่สนใจเสียงรอบข้าง 

“ไม่แกล้งครับ” ทำไมเสียงไอ้ชามันไม่เหมือนเดิมกลิ่นด้วยกลิ่นเหมือนกับ... 

“เชี่ย!!!!!!”ผมรีบสลัดออกทันทีสีน้ำยังคงส่งยิ้มกว้างให้ เมื่อกี้ผมกอดแขนมันแล้วไอ้ชานมไข่มุกไปไหนผมหันมองรอบตัวก็หาเพื่อนสนิทไม่เจอ ไปไหนเนี่ย! 

“มึงมายืนตรงนี้ได้ไง”ผมถามพลางถอยหลังออกห่าง 

“เดินมาครับ” มึงจะยิ้มทำไม!!!!ขำอะไร!!!!!!เดินเข้ามาทำไม!!!!!!! 

“เอาล่ะค่ะครบคู่กันแล้วก็อย่าลืมมารับผ้าไปผูกแขนกับคู่ของตัวเองไว้นะคะ Let’s go!!!!!” 

 หลังจากนั้นทุกคนก็คงพอเดากันได้นะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจะเล่าแค่บางฐานและไฮไลท์นะครับ 

 ฐานจับเข่าคุยกัน 

“ผ้ามันไม่ได้สั้นขนาดนั้นมึงไม่ต้องมานั่งชิดกูขนาดนี้ก็ได้กูจะสิงพุ่มไม้อยู่แล้ว”ผมหันไปโวยกับไอ้เด็กยักษ์ 

“งั้นพี่ก็มานั่งตักผมดิจะได้นั่งสบายๆมามะ”มันตอบพลางตบตักตัวเอง สิ่งที่ผมทำก็คือ 

แกร่บบ!!!! 

“เฮ้ย!!พี่จะเข้าไปในพุ่มไม้ทำไม” 

ฐานลอดอุโมงค์ 

“ฐานนี้ต้องโดนทาแป้งนะคะถึงจะผ่านไปได้ยิ่งหล่อยิ่งต้องโดนเยอะๆค่ะ”  

“เอ่อ---“แปะ! ไอ้สีน้ำยังไม่ท่านได้พูดน้องประจำฐานก็โบ๊ะแป้งสีพาสเทลใส่เป็นที่เรียบร้อย ผมกลั้นขำไม่ไหวเลยหันหลังหัวเราะจนตัวสั่น สะใจ! 

“อ่าวทำไมคู่ของผมไม่โดนทาด้วยอะครับ” ชิพ..เริ่มท่าไม่ดีละผมหันกลับมาถลึงตาใส่ไอ้เด็กยักษ์ปีศาจก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนให้รุ่นน้องแต่เหมือนจะไม่เป็นผล “หนูขอโทษนะคะพี่เรย์”คำพูดกับสีหน้าต่างกันมากเลยน้องรอยยิ้มนั่นมันอะไรแป้งเหลวจับก้อนล้นมือจนแทบก่อปราสาทแป้งได้นั่นมันอะไร! ไอ้สีน้ำก็ยิ้มเก่งขำเก่ง! 

 ฐานในกล่องมีอะไร 

ผมกำลังใช้สมาธิล้วงมือเข้าไปในกล่องตรงนี้คือเสียวมากครับไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร 

“เฮ้ย!!!!!!!!!!!’งู!!!!”จู่สีน้ำก็เกาะไหล่ผมแล้วตะโกนแล้วชี้มาที่กล่องของผม 

“เชี่ย!!!!ฟักทองงู!!!!!!งู้!!!!!”ผมรีบฉุดมือขึ้นออกจากกล่อง...น้องประจำฐานมองยิ้มๆแล้วเปิดกล่องให้ผมดู..เฉาก๊วย 

“ไอ้สีน้ำ!!!!” 

  จบกิจกรรมจริงๆมีมากกว่านี้เยอะมากครับแต่ผมขอเล่าแค่นี้เพราะจะตายแล้วผมทรุดนั่งตรงบันไดใหญ่หน้าอาคารดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน เห็นนักศึกษาเดินผ่านกันวุ่นไปหมด ตอนนี้ผมแยกกับเด็กยักษ์ปีศาจมาแล้วครับค่อยสบายหูสบายใจหน่อย ผมเปิดกระเป๋าเป้หยิบกล่องดนตรีกุหลาบสีม่วงขึ้นมาไขเล่น 

นานเท่าไรแต่ดูเหมือนว่ามันยังไกล และดูเหมือนเวลาไม่เคยทำมันให้จาง 

“สีน้ำที่ห้อยกระเป๋ามึงนี่ยังไง มหาลัยแล้วมึงยังไงห้อยไว้อีกเหรอวะกูเห็นตั้งแต่ม.4ละ” 

“ก็กูรักของกูอะ” ผมหันควับไปมองทางด้านหลังเห็นสีน้ำกำลังยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมคือ’พวงกุญแจรูปจานสีน้ำกับพระอาทิตย์’ที่ยังคงห้อยอยู่บนกระเป๋าเป้ของไอ้เด็กยักษ์ปีศาจ 

          “ให้”ผมยื่นพวงกุญแจที่ผมนั่งวาดนั่งระบายแล้วไปซื้อที่ห้อยมาต่อไว้แน่นหนาไม่หลุดแน่นอน 

        “โอ้โห!มีให้ขงให้ของไว้แทนใจเหรอค้าบ” 

        “จะเอาไม่เอา” 

       “ไม่เอาก็บ้าแล้วขอบคุณนะพี่เรย์รังสี จะเอาไว้ใต้หมอนทุกคืนเลย” 

       “มันมีไว้ห้อยก็ห้อยที่กระเป๋าดิ กูจะได้เห็น” 

บอกหน่อยเถิดรักบอกว่าเป็นเช่นไร ฉันไม่เคยรู้ว่าทำไมฉันไม่เคยเข้าใจอะไร 

ความรู้สึกกำลังโอบกอดหัวใจจู่ๆผมก็ร้อนที่ตาสัมผัสได้ว่าจะมีน้ำตาไหลออกมาในไม่ช้า..ไม่ได้ ผมจึงรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปผมวิ่งไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนรู้แค่ว่าต้องวิ่งไปเรื่อยๆ...ป้ายรถเมล์แต่ที่นี่ไม่มีคนเลยท้องฟ้าสีส้มแสงแดดสาดลงที่เก้าอี้ความคุ้นเคยเรียกร้องให้ผมนั่งลง 

ตุบ 

“พี่ทำไมพี่วิ่งเร็วจังอะ ไม่รอผมเลย” 

ทำไมเมื่อมีรักฉันจึงต้องช้ำใจ หากเป็นอย่างนั้นขอได้ไหม 

“สีน้ำ..” 

“ว่าไงครับ กินนี่ไหม”ผมมองไอติมไมโลในถ้วยที่ไร้ท็อปปิ้งก่อนจะเงยหน้ามองเด็กยักษ์ปีศาจ 

“ขอบคุณ”ผมรับไอติมมาถือไว้พลางยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆคนข้างๆเลยช่วยเช็ดให้ขณะเริ่มพูดขึ้น 

“พี่เหงาปะ ผมแม่งโคตรเหงา”สีน้ำพูดเสียงหงอย 

บอกมาว่ารักคืออะไร บอกมาได้ไหมเป็นยังไง บอกมาได้ไหม... 

“เหมือนกัน” 

บอกหน่อยเถิดรักบอกว่าเป็นเช่นไร ฉันไม่เคยรู้ว่าทำไมฉันไม่เคยเข้าใจอะไร 

ทำไมเมื่อมีรักฉันจึงต้องช้ำใจหากเป็นอย่างนั้นขอได้ไหม ให้ฉันไม่รัก 

ฉันยอมทุกอย่างแค่ฉันไม่ต้องรักใคร 

“ทำไมต้องเป็นจานสีกับพระอาทิตย์อะ” 

“ก็สีน้ำกับรังสีไง” 

“ผมต้องเขินใช่ไหมเนี่ย” 

“ความรักก็สีน้ำที่ช่วยชะโลบแต่งเติมสีสันให้ชีวิต” 

“คือรังสีแสงอาทิตย์ที่ทั้งสว่างแสบตาแสบหัวใจและอันตราย” 

“แต่ทั้งสองไม่ยอมแพ้ช่วยดูแลประคองกันเข้าใจกัน” 

“ผ่านไปด้วยกันอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด” 

END 

magemagemagemagemage

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว