Love oracle –สีน้ำกับรังสี (yaoi) #ธัญล่าฝันตอนเรื่องสั้นสายมู
ในช่วงวันเทศกาลตรุษจีนครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็มีภารกิจมากมายให้ทำทั้งการแต่งกายสีแดงสีมงคล การไหว้บรรพบุรุษการไหว้พระไหว้เจ้า เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ทำบุญทำทานเหมือนกับผมตอนนี้แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าอากาศเมืองไทยไม่ต่างจากเตาย่างหมูกระทะขอบพระคุณทางวัดที่ยังมีต้นไม้อยู่เยอะทำให้ผมมายืนรอญาติๆพร้อมเปิดพัดลมจิ๋วได้เพราะข้างในคนแน่นมากครับ ผมขอสละสิทธิ์แต่ดูท่าจะไม่รอดเพราะอาม่าเดินมาตามผมแล้ว
“อาเรย์! ลื้อมายืนทำอะไรตรงนี้ ไปๆไปไหว้พระ ให้อาหารปลาแล้วเสี่ยงเซียมซีเป็นเพื่อนม่าหน่อย”
“อั๊วไม่อยากไปอะอาม่า ม่าไปกับไอ้เฟย์ได้ไหม อั๊วขอยืนรอตรงนี้นะ นะครับนะ”ผมกอดแขนอ้อนอาม่า
“ไม่ได้! ไปไหว้พระแล้วเสี่ยงเซียมซีกับม่า อาเฟย์เข้าไปพร้อมอาเหมยแล้วน้องยังรู้เรื่องเลย ลื้อเป็นพี่ไม่ได้ทำบุญเข้าวัดเข้าวามานาน ไปทำซะบ้าง”แกพูดพลางเอาพัดตีแขนผม เฟย์กับเหมยน้องผมเองครับเป็นแฝดชายหญิงตอนนี้อยู่ม.ปลายกันแล้ว ห่างกับผมประมาณ2-3ปี
“แต่อั้ว---” “ไม่มีแต่ ไปกับม่า”ยังไม่ทันพูดจบผมก็โดนอาม่าลากเข้าซื้อดอกธูปเทียนเลยได้แต่ตามใจแก
20นาทีผ่านไป ถึงตอนแรกผมจะเบื่อแต่พอได้เข้าไปไหว้พระรู้สึกสบายใจขึ้นจริงๆครับ ตอนถวายสังฆทานน้ำมนต์ที่พระท่านพรมให้เย็นมากๆครับชื่นใจ จากนั้นก็เดินปิดทองตรงนี้สนุกดีครับนึกถึงตอนเด็กๆที่ยังปิดทองครึ่งบนของพระพุทธรูปไม่ถึงแต่สิบปีต่อมาผมสามารถปิดทองที่เศียรได้แล้ว ถ้าใครอยากสูงขึ้นก็อย่าลืมออกกำลังกายดื่มนมจืดและไม่นอนดึกนะครับ
“อาเรย์มานี่ๆ ”อาม่านั่งพับเพียบกวักมือเรียกส่วนอีกข้างถือกระบอกไม้ไผ่สีแดงพอผมนั่งคุกเข่าลงข้างๆแกก็ถามขึ้น
“ลื้อเสี่ยงเซียมซีเป็นรึเปล่า”
“ม่าทำยังไงอั๊วก็ทำตามม่านั่นแหละ แค่เขย่าๆกระบอกนี่ใช่ไหมล่ะง่ายมาก”ผมตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน อาม่ายกพัดตีแขนผมก่อนแกจะเริ่มเล่าเรื่องให้ผมฟัง เอาล่ะทุกคนเตรียมหมอนมาได้เลยครับ
“นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อาม่าเจอกับอากงของลื้อเลยนา ‘เซียมซี’ คือคำภาษาจีนที่มารวมกัน ‘เซียม’ แปลว่าแผ่นไม้เล็กๆที่ใช้เสี่ยงทาย ก็คือไม้ในกระบอกที่มีเขียนเลขกำกับไว้นั่นแหละเขาเรียกกันว่า‘ไม้ติ้ว’ ส่วน ‘ซี’ แปลว่าโคลงกลอน พอเอาสองคำมารวมกันเลยได้ความหมายว่า ‘สลากบอกผลเสี่ยงทาย’ ซึ่งเก่าแก่เป็นพันๆปีเชียวนะปรากฏครั้งแรกที่ประเทศจีนสมัยราชวงศ์ซ้อง ถ้าอั๊วจำไม่ผิดเหมือนจะเข้ามาในไทยสมัยรัชกาลที่ห้าโดยมีคนแซ่ซ้องมาแปลคำทำนายภาษาจีนเป็นไทยให้”พอเล่าจบอาม่าก็ส่งกระบอกเซียมซีมาให้
“ปกติในกระบอกไม้ไผ่จะมีไม้ติ้วทั้งหมด25หรือ28ไม้ ลื้อนับไม้ติ้วให้ม่าหน่อยว่ามีกี่ไม้แล้วมีเลขซ้ำไหม” ผมรับมาอย่าง งงๆเอาไม้ติ้วออกมาวางที่พื้นพรม วางเรียงกันเป็นแนวนอนตามลำดับตัวเลขพอครบสิบก็ขึ้นแถวใหม่ได้เป็นสามแถวมีแค่แถวสุดท้ายที่มีแปดไม้รวมทั้งหมด28ไม้และไม่มีเลขซ้ำกัน “มี28ไม้ครับม่าไม่มีซ้ำ” หลังจากนั้นผมก็เก็บไม้ติ้วใส่กระบอก
“อะทีนี้ลื้อตั้งสมาธิแล้วเขย่าเอียงกระบอกลงนิดนึง” ผมตั้งสมาธิแล้วเริ่มเขย่าตามที่อาม่าบอก
แกร๊กๆๆ
“เขย่าแรงกว่านี้อาเรย์”
แกร๊กๆๆๆๆ
“แรงอีก ไม่ต้องกลัวไม้เจ็บ”ผมสูดหายใจเข้าลึกๆรวบรวมแรงทั้งหมดหลับตาเริ่มเขย่าอีกครั้ง
แกร๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!! แปร๊ก!!!!!!!! กร๊อกๆๆๆๆ!
“อาเรย์ อาเรย์ลืมตาก่อน ลื้อไปโกรธใครมาไม้กระเด็นออกมาเป็นแทบทั้งกระบอกคำทำนายของลื้อมันจะเยอะไปแล้วม้าง”ผมลืมตาเห็นไม้ติ้วอยู่ในกระบอกแค่สี่ไม้ที่เหลือกองอยู่บนพื้นพรมด้านหน้าและเต็มขาผม
5นาทีผ่านไป อาม่าช่วยผมเก็บไม้พอผมนับเช็คเรียบร้อยแกก็ให้เขย่าใหม่แบบพอดีๆ
แกร๊กๆๆๆๆๆๆ!!!!!ปุบแกร๊กๆๆๆ!!!
“ตกมาหนึ่งไม้แล้วอาเรย์ ลื้อหยุดเขย่าลืมตามองเลข”ผมวางกระบอกไว้ข้างอาม่าก่อนจะหยิบไม้ขึ้นมาดูเลขที่กำกับไว้
“ได้เลข7ครับอาม่า”
“ลื้อถือไว้ก่อนนะ”ผมพยักหน้ามองอาม่าเอื้อมมือไปหยิบแท่งไม้เล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดงสองอันบนโต๊ะจิ๋วก่อนที่จะยื่นให้สงสัยเพราะผมทำหน้างงระหว่างรับไม้มาแกเลยอธิบายให้ฟัง
“นี่เรียกว่า ‘ไม้ปวย’ เอาไว้ตรวจว่าไม้ติ้วที่ได้เป็นเรารึเปล่า ถ้าลื้อโยนไม้ปวยทั้งสองอันพร้อมกันแล้วอันนึงหงายอันนึงคว่ำแสดงว่าไม้ติ้วเลขนี้เป็นของลื้อแต่ถ้าผมออกมาว่าหมายทั้งคู่หรือคว่ำทั้งคู่แสดงว่าไม้ติ้วเลขนี้ไม่ใช่ของลื้อ ทีนี้ลื้อโยนเลย”
ตุบ ตุบ ผมโยนทันทีเมื่อสิ้นเสียงอาม่าผลคือคว่ำกับหงายแสดงว่าไม้นี้เป็นของผมสินะ
“ต่อไปก็อ่านคำทำนาย ลุกๆตามม่ามาเก็บไม้ติ้วใส่กระบอกด้วย” ผมใส่ไม้ติ้วหมายเลขเจ็ดลงไปในกระบอกแล้วนำกลับเข้าที่เดิมพร้อมกับไม้ปวย พอเรียบร้อยก็ลุกขึ้นเดินตามอาม่าไปที่ชั้นอะไรสักอย่างมีกระดาษแผ่นเล็กเป็นปึกอยู่ทุกช่องแต่ละช่องจะมีหมายเลขกำกับไว้ด้านบน นี่น่าจะเป็นกระดาษคำทำนาย
“ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ลื้อก็ดูว่าช่องไหนที่เลขตรงกับไม้ติ้วที่ลื้อได้แล้วก็หยิบกระดาษไหนนั้นมาแผ่นนึง ถ้าทำนายดีก็เก็บไว้ถ้าไม่ดีก็ทิ้งลงถังขยะ ลื้อจำได้ใช่ไหมว่าได้เลขอะไร” ผมพยักหน้าตอบ มองหาตามช่องไม่นานก็เจอหมายเลขเจ็ดผมจึงหยิบออกมาหนึ่งแผ่นก่อนจะอ่านผมก็หันมาถามอาม่า “แล้วม่าเจอกับกงได้ไงอะ”อาม่าส่งยิ้มบางๆให้ผม
“เมื่อก่อนเขาไม่มีกระดาษแบบนี้ให้ คำทำนายจะติดเป็นป้ายบนกระดานต้องไล่อ่านหาเลขที่ได้เอา ถ้าได้เลขที่อยู่บนๆก็จะอ่านลำบากหน่อยเพราะมันอยู่สูงคนที่ตัวเตี้ยก็ต้องเขย่ง วันนั้นม่ากับอากงของลื้อได้เลขเดียวกันเขาเลยอาสาอ่านให้ม่าฟัง ด้วยความที่เขาตัวสูงเหมือนนักกีฬาทำให้อ่านคำทำนายได้สบายๆ ม่าตั้งใจฟังมากๆน้ำเสียงของเขาในตอนนั้นมันนุ่มทุ้มพาหลุดเขาไปในภวังค์ หลังจากนั้นก็คุยทำความรู้จักกันเพราะเขาพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ บังเอิญว่าบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน อากงของลื้อขี้อายมากๆเลยนาเขาบอกเจอม่าหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่กล้าทัก กว่าจะเดินมาอาสาอ่านคำทำนายให้ก็ยืนทำใจอยู่นานสองนาน”ผมรู้สึกได้ถึงความสุขแสนหวานผ่านน้ำเสียงที่อาม่าเล่า ผมจึงถามแซวๆ
“ฮั่นแน่ ยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วนะครับว่าแต่ตอนนั้นม่าอายุเท่าไหร่อะ” อาม่ากางพัดปิดหน้าพลางตอบผม
“ตอนนั้นอั๊วอายุ20ส่วนอากงของลื้อก็18ย่าง19” ผมหลุดขำแล้วแซวอาม่าต่อ “ตอนแรกอั๊วนึกว่าม่าอายุน้อยกว่าที่ไหนได้คนสวยกินเด็กเฉยเลย อาม่านี่น้าร้ายไม่เบาเลยนะคร้าบ โอ๊ย ม่าอ่าทำไมคราวนี้อั๊วแรงหลานรักของม่าก็เจ็บเป็นนะ”ผมแสร้งยกมือลูบแขนตัวเองปอยเพราะถูกอาม่าเอาพัดตี จริงๆมันไม่แรงหรอกครับ
“กินเด็กที่ไหนกันห่างแค่เกือบ2ปีเองแล้วอากงของลื้อก็18แล้วนา”
“แล้วมีแฟนอายุน้อยกว่าทำไมเข้ากันได้อะม่า เคยมีปัญหากันไหม”อยู่ๆผมก็ถามออกไป
“อายุไม่ค่อยเกี่ยวหรอกอาเรย์เพราะทั้งสองคนก็ต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่แล้ว บางครั้งอากงของลื้อดูเป็นผู้ใหญ่กว่าม่าอีกนาแต่ก็มีบ้างที่จะมีมุมอ่อนแอของตัวเองหรือปัญหา เราก็ต้องทำความเข้าใจในความต่าง ช่วยกันแก้ปัญหาแล้วผ่านมันไปด้วยกัน อุปสรรคก็เหมือนเครื่องพิสูจน์ความรักที่มีต่อกันนั่นแหละอาเรย์ เวลาคนรักมีความสุขเราก็สุขไปด้วยเวลาทุกข์ก็ทุกข์ด้วย ความรักมันเพิ่มขึ้นในทุกๆวันเพราะม่าตกหลุมรักตัวตนของเขาเรื่อยๆแม้ว่าเขาจะทำม่าร้องไห้บ้างแต่เขาก็จะมาง้อมาขอโทษม่าก็พร้อมให้อภัย ความสุขที่เรามีให้กันมันมากกว่าความทุกข์หลายเท่า ลื้อต้องถามใจตัวเองว่ารักเขาเพราะอะไรรักเขาตรงไหน ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เราต้องการไม่ได้หรอกนะอาเรย์ ทุกคนมีอิสระ มีหัวใจมีร่างกาย มีความคิดและมีความรู้สึก อย่าปล่อยให้ความเอาแต่ใจของเรามาทำลายความสัมพันธ์ ด้ายที่มัดไว้คนละข้างต่อให้ยื้อไว้แต่อีกข้างมันหลวมมันก็แยกออกจากกันอยู่ดีหรือถ้าต่างพากันดึงแน่นมันก็อาจขาดได้ อาเรย์..ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับคนที่สำนึกผิดและพร้อมที่จะเริ่มใหม่หรอกนะ ไหนคำทายนายดีไหม” แรงสะกิดจากพัดของอาม่าทำให้ออกมาจากความทรงจำและความเหม่อลอย ผมส่ายหน้าเบาๆ “อั๊วยังไม่ได้อ่านเลยอาม่า”
‘เลขที่7 เสร็จหวังดังประสงค์ ที่จะจำนงจะได้ดังหมายมั่น อีกไม่ช้าม้าตัวทองของสำคัญ จะมาพลันพาเหาะไปเหมาะใจ
คนที่หนีของที่หายก็ได้กลับ คู่ที่รักห่างชิดพิสมัยจะกลับคืนชื่นสนิทใน คิดสิ่งไรก็จะเสร็จสำเร็จการตามตำราท่านว่าได้
เมื่อพระราเมศร์ได้ดวงเนตรสีดามาสถาน ตั้งแต่นี้มีสุขทุกข์ไม่นานที่คิดการหามิตรสมคิด เอย’
.
3วันต่อมา
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ฮาโหลอาม่า ม่ากดโทรเป็นด้วยเหรอเนี่ย” ผมกดรับวิดีโอคอล อาม่าให้ผมมาดูดวงเพิ่มกับแม่หมอที่แกมาประจำครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันพึ่งเคยมาครั้งแรกด้วยแต่ดีหน่อยที่ใกล้กับมหาลัยเลยถามทางมาได้
“อั๊วให้อาเฟย์กดให้ อาเรย์ลื้อถึงร้านของแม่หมอเอรึยัง” อาม่าถามขณะพยายามถือโทรศัพท์ให้ถ่ายหน้าตัวเองชัดๆ ผมเดินไปที่ป้ายหน้าประตูของร้านก่อนจะหันกล้องให้ม่าดูพลางชี้ “นี่ไงม่าอั๊วถึงแล้ว นี่ไงประตูส่วนนี่ชื่อร้านและนี่เรย์หลานรักของอาม่า”ปิดท้ายด้วยการชี้ตัวเองไม่ลืมฉีกยิ้มให้อาม่า เห็นนะว่าไอ้เฟย์เดินมาเบะปากใส่ข้างหลังอาม่าอะ
“ดีๆลื้อเข้าไปเลยรับรองว่าแม่นมากๆ อาเฟย์กดปิดให้อาม่าหน่อย”
ติ๊ด!
แกร๊ก กริ๊งๆ ! เสียงกระดิ่งที่แขวนประตูดังขึ้นเมื่อผมเข้ามาในร้าน
“!!!” ผมสะดุ้งยกมือขึ้นลูบอกเมื่อพบว่ามีคนยืนรอผมอยู่แล้ว หญิงสาวที่น่าจะอายุมากกว่าผม เธอยืนห่างจากผมประมาณหนึ่งเมตร สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเข้มโทนองุ่นและน้ำทะเลตัดกับผิวสีน้ำผึ้งผมยาวลอนสีน้ำตาลสว่างดวงตาของเธอสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเรียว ริมฝีปากสีแดงเหมือนอมยิ้มตลอดเวลา ทั้งตัวประดับเสริมด้วยของที่ผมไม่รู้จักแต่ก็สวยแปลกตา เหมือนกำลังมองตัวละครในเทพนิยาย
“มาทำอะไรจ๊ะ”
i
“อ่า..ผมมาดูดวงตามที่นัดไว้ครับ” เธอทำท่าคิดสักพักก่อนจะร้องอ๋อเบาๆเดินมาที่เคาน์เตอร์ไม้ริมประตูที่ผมยืนอยู่แม่หมอก้มหยิบป้ายบอร์ดโฆษณาอะไรสักอย่างมาตั้งบนโต๊ะแล้วก็เริ่มพูดขึ้น
ปัง!
i
i
“เพื่อความสะดวกมากขึ้นของคุณลูกค้า ทางเราจึงขอเสนอแอปพลิเคชั่น aดวง ชุมชนดูดวงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด! หนึ่งถามตอบทุกสิ่งที่คุณอยากรู้ด้วยบริการฝากคำถามที่รองรับทั้งระบบข้อความเสียงและวิดีโอตลอด24ชั่วโมง สองดูดวงส่วนตัวกับนักพยากรณ์ที่คุณชื่นชอบพร้อมเพลิดเพลินไปกับลูกเล่นระบบไลฟ์และวิดีโอคอลที่จะทำให้ประสบการณ์ดูดวงของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! สามรับบทความสุดพิเศษจากนักพยากรณ์แถวหน้าส่งตรงถึงมือคุณทุกวันให้คุณได้อัปเดตเรื่องราวเกี่ยวกับดวงผ่านบทความน่ารู้ ได้แบบฟรีๆพร้อมเคล็ดลับเสริมดวงจุใจ!
i
และสี่สุดท้ายให้คุณดูดวงด้วยตัวเองได้ง่ายๆทำนายอนาคตแบบเจาะลึกด้วยตัวคุณเองกับลูกเล่นเปิดไพ่ทำนายดวงทั้งไพ่ประจำวัน ไพ่ยิปซี เสี่ยงเซียมซี ดูดวงเบอร์โทรศัพท์ เรามั่นใจในคุณภาพและบริการ ดาวน์โหลดฟรี! ได้แล้ววันนี้ที่Google playและApp store” ... ผมกระพริบตาปริบๆมองแม่หมอที่กำลังดื่มน้ำอึกใหญ่แล้วส่งทิชชู่บนโต๊ะให้เธอ
“ขอบใจจ่ะ น้องก็อย่าลืมโหลดนะจะได้ไม่ต้องเดินทางมาให้เหนื่อย งั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า ไพ่ยิปซีใช่ไหมจ๊ะ”
“น่าจะใช่..มั้งครับ”ผมตอบพลางพยักหน้า
. “ดวงผมเป็นยังไงบ้างครับแม่หมอ”ผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาเงียบไปนาน ดวงตาสีน้ำทะเลลึกมองไพ่ยิปซีในมือก่อนที่จะใช้มืออีกข้างไล่เปิดไพ่อีกสองใบที่เหลือ จริงๆผมต้องเลือกมาห้าใบครับแต่งบน้อยเลยเหลือแค่สาม
ผมมองตามนิ้วที่แต่งแต้มด้วยโทนสีม่วงแฟนตาซีลวดลายแปลกตาจรดลงบนไพ่ที่ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันทำนายว่าอะไร ระหว่างรอก็มองรอบๆไปพลางๆที่นี่เป็นร้านขายเครื่องรางเครื่องประดับเช่นพวกกำไลข้อมือ แหวน สร้อยคอครับรวมถึงของตกแต่งสำหรับสายมูและที่วิเศษสุดๆคือมีทำนายดวงให้สำหรับผู้ที่สนใจ
ในร้านเป็นโทนสีองุ่นแดงกับไวน์แดงครับ โดยรวมแล้วจะมองว่าสวยก็สวยจะมองว่าแปลกก็แปลกแต่สำหรับผมแล้วเป็นความสวยที่ลึกลับน่าค้นหาแต่ยากที่จะเข้าใจถ่องแท้ จู่ๆลมหนาวก็พัดเข้ามาทางหน้าต่างขับกลิ่นหอมอ่อนๆของเทียนขึ้น แม้ลมจะเบาแต่ก็ทำให้ขนลุกได้ผมลูบแขนมองไปทางทิศหน้าต่างอัตโนมัติเมื่อผ้าม่านถูกแรงลมตีพัดขึ้นก็เผยให้เห็นสิ่งของที่อยู่ด้านหลัง กุหลาบสีลาเวนเดอร์ในโหลแก้วเชื่อมกับกล่องดนตรีสีทองด้านล่าง ลานไขรูปหัวใจหมุนเองอย่างน่าเหลือเชื่อกุหลาบม่วงขยับหมุนตามเสียงเพลงคุ้นเคยเริ่มบรรเลงmusic boxของเพลงที่ผมจำได้อย่างแม่นยำ ราวกับมนต์สะกดกว่าจะรู้สึกตัวมือผมใกล้จะสัมผัสกุหลาบผ่านโหลแก้วเสียแล้ว
“อะแฮ่ม มาฟังคำทำนายได้แล้วจ้ะ” ผมหันไปยิ้มเจือนหัวเราะแหะๆแล้วกลับไปนั่งตามเดิม ริมฝีปากสีแดงยิ้มบางเริ่มอ่านคำทำนายจากไพ่ให้ผมฟัง ซึ่งตรงส่วนนี้มีแต่ศัพท์ภาษาที่ผมไม่รู้เต็มไปหมดเลยได้แต่พยักหน้างงๆ
15 นาทีผ่านไป
“สรุปแล้วการเรียนการเงินจะดีขึ้นเรื่อยๆถ้ายังขยันสม่ำเสมอแต่ไพ่สุดท้ายน้องยังติดค้างอะไรบางอย่างอยู่ดูที่ไพ่นี้’The hanged man ชายถูกห้อยหัว’ ” แม่หมอหยิบไพ่ขึ้นมาให้ผมดูชัดขึ้น สงสัยเพราะเห็นผมทำหน้าเครียดเธอจึงหัวเราะแล้วพูดต่อ
“อย่าพึ่งกังวลไปน้องลองมองดีๆ ถึงจะถูกทรมานท่าทางของเขาก็ทำให้รู้ว่าไม่เป็นอะไร ขาที่ขัดกันเป็นเลข4ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าตายแต่แสดงถึงความสมดุล สงบนิ่งและแสงสว่างล้อมรอบหัวหมายถึงการตระหนักรู้ ซึ่งนี่เป็นทำนายความรักของน้อง” ผมกลืนน้ำลายดังอึกยกมือปาดเหงื่อที่เริ่มไหล
“ ‘ความเจ็บที่เข้าใจได้ อดทนได้ ความทรมานที่ทำให้เห็นมุมมองใหม่ ได้เรียนรู้’ เอาล่ะแบมือ” ผมค่อยๆแบมือข้างซ้ายตามที่บอก เธอขยับยิ้มแล้ววางไพ่ลงบนมือที่แบอยู่
“แต่ไพ่นี้ของน้องกลับหัว”แม่หมอพูดพลางกลับไพ่ในมือผม
“ดังนั้นคำทำนายคือ ‘ทรมานแต่ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย จนไม่เข้าใจอีกฝ่ายทำให้ต้องการเอาชนะต้องการเปลี่ยนอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้จนกลายเป็นความเห็นแก่ตัวและทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงหรืออาจจะเลิกกันเลยก็ได้’”ผมก้มมองไพ่ในมือความรู้สึกปวดหนึบแล่นเข้ามาที่อก..ไม่ชอบความทรมานแบบนี้เลย ว่าแล้วก็วางไพ่ลงบนโต๊ะคืนแม่หมอโดยไม่ลืมจ่ายเงินผมยกมือไหว้ก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“เดี๋ยวน้องเรย์!” แต่ยังไม่ทันได้จับลูกบิดก็ถูกเรียกไว้ ผมหันกลับไปทันควัน “แม่หมอรู้ชื่อผมได้ยังไงครับ”
“ความลับจ่ะ น้องเรย์มานั่งที่เดิมก่อน”ผมมองอย่างสงสัยแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“นี่เงินทอนนะ”ผมผงกหัวขอบคุณเก็บเงินที่วางอยู่บนผ้าแพรสีชมพูเข้ากระเป๋า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าแม่หมอมองอยู่ก่อนแล้วเธอเอียงคอเล็กน้อย “คนก่อนหน้าน้องก็ได้คำทำนายแบบเดียวกัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ เจ๊มีของขวัญที่ระลึกให้” แม่หมอหยิบกล่องไม้เล็กใต้โต๊ะผ้าคลุมขึ้นมา เมื่อเปิดฝาเธอก็ยิ้มภูมิใจหันด้านหน้ากล่องมาให้ผมดูเพื่อจะได้เห็นสิ่งของด้านใน
“เมื่อกี้เจ๊เห็นว่าน้องเรย์สนใจ เลยคิดว่าน่าจะชอบ” ผมคลี่ยิ้มมองกุหลาบสีม่วงในโหลแก้วที่ฐานยังเป็นกล่องดนตรีเช่นเดิมแต่เล็กกว่าอันที่ตั้งอยู่ที่หน้าต่างแค่นิดเดียว มือที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสวยงามหยิบของขวัญขึ้นมาไขสามสี่ครั้ง เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงขึ้นพร้อมกับกุหลาบเจ้าเสน่ห์ที่หมุนวนตามแท่นด้านล่าง เนื้อเพลงก็เข้ามาในหัวผมทันที
รู้ดีว่ามันก็จบไปนานแล้วแต่ใจยังคงคิดถึงใจยังคงต้องการ
“น้องเรย์รู้จักเพลงนี้รึป่าวจ๊ะ” ผมพยักหน้าตอบอีกฝ่าย เธอวางโหลแก้วดนตรีกุหลาบลงบนมือผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะเริ่มร้องเพลง ”รู้ว่ามันต้องใช้เวลาแต่ใจยังคงคำนึงถึง ใจยังคงต้องการ”เสียงหวานขับกล่อมผมให้เข้าไปในความทรงจำสมัยมัธยม นานเท่าไร แต่ดูเหมือนว่ามันยังไกลและดูเหมือนเวลาไม่เคยทำมันให้จาง รอยยิ้มสว่างของใครคนหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุขไปด้วยความอบอุ่นที่อกแผ่ไปถึงหน้าต่างของหัวใจน้ำตาค่อยๆไหลออกมาช้าๆพร้อมกับคำถามในใจที่ระบายออกมาเป็นเสียงร้องเพลงของผม
“บอกหน่อยเถิดรัก บอกว่าเป็นเช่นไร ฉันไม่เคยรู้ว่าทำไม ฉันไม่เคยเข้าใจอะไร”
ทำไมเมื่อมีรักฉันจึงต้องช้ำใจ หากเป็นอย่างนั้นขอได้ไหมให้ฉันไม่ต้องรักใครอีกเลย..
.
4ปีที่แล้ว
ยามเย็นวันสุดสัปดาห์เด็กนักเรียนส่วนใหญ่รวมถึงคุณครูก็พากันรีบกลับบ้าน ในโรงเรียนเงียบสงบมีผู้คนเดินผ่านและรถราประปราย เสียงที่ดังสุดตอนนี้ก็คงจะเป็นป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนที่มีเด็กกางเกงน้ำเงินสองชีวิตนั่งอยู่
“ งี้ชื่อพี่ก็แปลว่า รังสี อะดินี่มันชื่อคู่ชัดๆ สีน้ำกับรังสี รังสีกับสีน้ำ สีน้ำสี สีน้ำน้ำ สีรังน้ำ สีน้ำรังสี ” คนอายุน้อยกว่าพูดหยอกคนพี่พลางเขยิบไปนั่งเบียด เรย์ได้แต่ขยับหนีแล้วสบถในใจรู้งี้เขาไม่น่าบอกชื่อไปเลยเหมือนกลบหลุมฝังตัวเองคาป้ายรถเมล์เนี่ยแหละ เด็กม.5อย่างเขางานกิจกรรมรัดตัวกลับบ้านเย็นจนชินปกติเขาก็จะนั่งรอรถเมล์คนเดียว วันนี้ดันมีเด็กม.3ที่แนะนำตัวว่าชื่อสีน้ำมาสิง..เรียกว่ามารอรถเมล์ด้วยดีกว่า
“ที่มีเยอะแยะมาเบียดเพื่อ” เขาหันไปเอ็ดทีนึง คนน้องเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ยอมเขยิบออกไปนิดนึง ย้ำแค่นิดนึง ถึงสองเซนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เรย์กรอกตาถอดกระเป๋าสะพายมาคั้นกลางเอาไว้
“มีมาคั้นกงคั้นกลาง พี่เคยฟังเพลงนี้ปะ ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใครถ้าใจเรายังผูกกัน นี่ไงมีกระเป๋าวางไว้อยู่เชื่อมเราสองคนไม่ให้ใครเข้ามา ฮั่นน้อวววววว”
...โปรดเอาเด็กนี่ไปเก็บเมื่อไหร่รถเมล์จะมา
“พี่เรย์รังสี!!! ผมสอบม.4ได้ห้องวิทย์คณิตเหมือนพี่ด้วยแหละ เห็นงี้เด็กห้องควีนนะค้าบห้องสองอะค้าบ”สีน้ำที่ตะโกนเรียกตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียนทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ป้ายรถเมล์ที่ประจำของเขา ข้างๆคนพี่ที่เหมือนจะนั่งวาดอะไรสักอย่าง
“อะเมินๆ ใช่ซี่เดี๋ยวนี้รักเรามันเก่าแล้ว ” เรย์เงยหน้าหันไปมองอย่างเอือมๆ เด็กนี่สูงขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกันประมาณสามสี่เซนแต่ก็ช่างเถอะยังเพ้อเจ้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
“พี่รีแลคบ้าก็ได้ไม่ต้องตีเข้มใส่ผมหรอก ผมชอบตอนพี่ไม่เต็มมากกว่าไม่สิผมก็ชอบหมดแหละ”
“นายเป็นน้อง”คนเป็นพี่พูดขึ้นระหว่างวาดรูป..เหมือนจะคล้ายๆกับจานสี
“พี่บ้ากับผมบ้างก็ได้”
“แฮร่!!!!!บู้บี้ชักกี้มีผีเสื้อบินหวืดดดดดวี่ เฮ้ยย!ผีเสื้อล่องหนเกาะเสื้อนายต้องใช้ปืนบาซูก้ายิงเพื่อแก้พิษ!ปังๆๆๆๆๆ หวืดดดตุ้บบตุ้มแช่ตุ้มแช่ช้งเช้งช้งเช้งวี่ พามพ่าม!มีเรโดโดเรมีผีเสื้อตายจบ” พอเสร็จก็นั่งลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“..เอ่อ....อันนี้ก็บ้าไปแถมมีทำท่าประกอบด้วยพี่เครียดมากใช่ไหม บางทีพี่อาจติดเชื้อผม ใช่ๆคนเรามักเผลอทำตามคนที่ชอบ ผมรู้สึกผิดว่ะไม่นะพี่รังสีพี่จะเอาสติไปทิ้งไม่ได้นะแบบผมจะพยายามหน้าตาดีให้น้อยลงนะแต่คงยาก”
..เด็กปีศาจ
เสียงดนตรีค่อยๆเบาลงจนสนิทพร้อมกับกุหลาบที่หยุดหมุน
.
i
“เหม็นเด็กรุ่นน้องที่ชอบมาสร้างปัญหารำคาญใจ”ผมอ่านไพ่ประจำวันที่ปรากฏบนหน้าจอมือ แอปนี้ผมโหลดมาได้สักพักแล้วครับตามที่แม่หมอเขาขายของไว้ฮ่าฮ่า ยอมรับเลยว่าส่วนใหญ่ตรงมากๆส่วนกล่องดนตรีกุหลาบม่วงผมวางไว้บนโต๊ะทำงานข้างเตียงนอนครับคิดสักพักก่อนจะหยิบใส่กระเป๋า ตอนนี้ผมแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษากำลังเตรียมตัวออกจากหอเพื่อไปมหาลัยวันนี้เป็นวันรับน้องเฟรชชี่ปีหนึ่งครับ ในฐานะพี่ปี3ก็ต้องไปช่วยดูแลอีกอย่างก็ว่างด้วยขี้เกียจนอนอยู่บ้าน งานรับน้องปีนี้ต้องสนุกมากแน่ๆเห็นน้องปีสองบอกว่ามีกิจกรรมเพิ่มด้วย เย่!
…เย่จริงๆครับเย่แบบเย้อิเยอิเย..บางทีคำทำนายก็แม่นไปนะครับ
“สวัสดีครับ!พี่ๆเพื่อนๆทุกคน ผม สีน้ำ หัวใจมีสี่ห้องพร้อมยกให้เธอทุกห้องเลยนะ ขอบคุณค้าบ0895403xxx”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด แกรรร๊ชื่อน่ารักมากกหล่อด้วยยยย!!!!!!”
“น้องสีน้ามมมมมมมมมมมมมมมม!!!!เอาใจพรี่ไปค่ะ!!!!!”
“ทั้งพ่อของลูกกกกทั้งความสดใสของโลกใบนี้!!!!!!!!!!”
“โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกงานนนนนดีมากกกกก!!!!”
ผมที่ยืนคุมแถวน้องอยู่หลังสุดอยากจะยกมือขึ้นปิดหู เข้าใจว่างานดีแต่สาวๆควรเมตตาหูของผมหน่อย ไอ้สีน้ำตอนนี้ดูแล้วน่าจะสูงเกือบๆร้อยเก้าสิบแล้วครับผมที่เคยดำสนิทตอนนี้เป็นสีน้ำตาลแดงประกายแถมไฮไลท์ด้วยสีชมพูพีชก็ขับให้คนที่สดใสอยู่ก็สว่างขึ้นไปอีกครับก็ตามอย่างที่สาวๆเจ๊ๆเขาว่ากันแหละผมไม่เถียง ทำไมต้องเอาเรื่องของเขามาคิดล่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้วสักหน่อย
จึ๊กๆ
“ว่า” ผมหันไปตามแรงสะกิดของชานมเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยประถมครับมันจะมีคนมารับตรงเวลาตลอดเลยไม่เคยกลับรถเมล์กับผม พ่อแม่ค่อนข้างเป็นห่วงครับไม่อยากให้ไปไหนเองก็มีช่วงมหาลัยนี่แหละที่มันได้นั่งรถเมล์กับวินเป็นครั้งแรกอารมณ์ผมตอนนั้นเหมือนพาลูกมาเที่ยวยังไงอย่างนั้น เห็นบอกว่าที่ชื่อชาไทยเพราะแม่ชอบเลยเอามาตั้งเป็นชื่อลูก จำได้ว่ามันมีพี่สาวชื่อไข่มุกครับ ผมว่าน่ารักดีนะ
“เรย์มึงว่าน้องที่ชื่อสีน้ำมันหน้าคุ้นๆเปล่าวะ”
“ก็จบมาจากโรงเรียนเดียวกับพวกเราไง”ผมตอบเรียบๆ
“ไม่นะมึงกูว่ามันมากกว่านั้น..คุ้นมากๆเออ!ใช่แฟนเด็กมึงปะ”
“ไปกันใหญ่ละ กู ไม่ เคย มี แฟน”
“กูไม่เชื่ออย่ามาโกหกเพราะตอนนี้กูจำได้แล้วน้องมันมานั่งรอมึงที่ป้ายรถเมล์ทุกวัน ไม่พอนะมาถามหามึงที่ห้องมึงก็ไม่เคยอยู่เพราะเอาแต่ไปจัดกิจกรรมจัดของช่วยครูคุมนั่นนี่ตรงตึกโน้นทีตึกนี้ทีโดมใหญ่โดมเล็ก ทำให้มึงกลับบ้านเย็นแทบทุกวัน ให้กูรอแล้วพาไปส่งบ้านก็ไม่เอา”
“เปลืองน้ำมันไงบ้านก็ไม่ได้ใกล้กัน”
“กูว่าเพราะมึงรู้ว่าน้องรออยู่ที่ป้ายรถเมล์มากกว่า มึงเลยจะไปหาน้อง ยังไม่หมดนะร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมึงนั่งกินไอติมแบบใส่ท็อปปิ้งกูชวนมาเป็นสิบปีมึงก็บอกไม่ชอบๆไอติมอย่างเดียวอร่อยกว่าแต่พอม.5เทอมสองเท่านั้นแหละเดินไปสั่งกินเองต่อหน้าต่อตากู บอกคนขายให้ใส่เยอะๆโดยเฉพาะวิป อย่าเถียงกู ท็อปปิ้งที่มึงเกลียดที่สุดคือวิปครีม “ผมหุบปากแทบไม่ทันดีนะที่ตอนนี้พวกเราอยู่หลังๆเลยไม่มีใครได้ยิน ไอ้ชาตอนนี้มันเหมือนนักสืบส่วนผมเป็นผู้ร้ายที่กำลังโดนแฉ จริงๆมันเคยเป็นแชมป์ท่องจำครับ
ครั้งนึงฉันเองก็เคยออกตามหาแต่ว่ามันก็ต้องผิดหวัง เมื่อปลายทางของฉันนั้นว่างเปล่า
กริ๊งๆ กริ๊งๆ
เสียงกระดิ่งของรถไอติมตักแสนโปรดปรานของใครหลายๆคนกำลังจะมาถึงมีหรือที่คนอย่างสีน้ำจะพลาดคนน้องรีบหันไปชวนคนพี่ที่เดินอยู่ข้างกันด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแตกหนุ่มพร้อมส่งสายตาเป็นประกายเปี่ยมความหวัง
“พี่เรย์รังสีไปซื้อไอติมกันป้ะ!” เรย์หันไปมองเขาไม่ตอบแต่พยักหน้าตกลงให้คนข้างกายที่ตอนนี้ส่วนสูงเท่าเขาแล้วและดูท่าเด็กนี่จะยังสูงขึ้นเรื่อยๆแถมยังมาอวดว่าติดชมรมบาสกับฟุตบอลของโรงเรียนอีกรับรองว่าพรวดพราดต่อไปเขาคงจะต้องแหงนหน้าคุยใช่ไหม สีน้ำยิ้มกว้างกระชับมือให้จับกันแน่นขึ้นออกแรงดึงพาอีกฝ่ายตรงไปที่รถขายไอติม
“มีรสอะไรบ้างครับลุง”คนเป็นน้องเอ่ยถามขณะที่เรย์กวาดสายตามองไอติมหลากหลายรสในถังที่คุณลุงเปิดขึ้น
“มีกะทิ ไมโล สตอเบอรี่ โยเกิร์ต “คุณลุงคนขายบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“งั้นผมเอากะทิใส่ขนมปังแล้วก็ใส่วิปครีมกับผงโอริโอ้เยอะๆครับโดยเฉพาะวิปครีมเอาแบบแทบล้ม พี่เรย์อะ”
“ผมเอาไมโลใส่ถ้วยไม่ใส่อะไรเพิ่มครับลุง”
“พี่ไม่เพิ่มจริงดิ”สีน้ำถามอย่างไม่เชื่อ
“ชอบกินไอติมอย่างเดียวมากกว่าไม่ชอบให้อะไรมาปน”
รู้ดีว่าเธอคงไม่ย้อนมาแต่ฉันยอมทุกอย่าง ยอมทำทุกทางให้เธอย้อนคืนมา
“พี่เรย์ลองชิมวิปดูนี่ผมอุส่าต์แบ่งให้เลยนะเนี่ย อ้าปากเร็ว”
“ไม่เอาไม่ชอบ”
“แล้วเคยลองกินยัง ชิมก่อน” เรย์ส่ายหน้าเป็นพัลวันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเผลอจึงเอาวิปครีมใส่ถ้วยของอีกฝ่าย
“ไอ้สีน้ามมมม กูบอกว่าไม่ชอบไงมึงตักคืนไปเลยไม่อยากทิ้งเสียดาย”
“ไม่ เนี่ยพี่ก็ลองชิมดูอร่อยจะตาย” ไม่พอยังมาตักไอติมไมโลของเขากินอีก
“..เด็กปีศาจ”
“ได้ยินนะ ก็เป็นปีศาจคลั่งรักเธออะจะ”
“เรย์ “
“ไอ้เรย์! มึงเหม่ออะไรเนี่ย”
“ห้ะ...ว่า”ผมเหมือนถูกปลุกจากแรงเขย่าพร้อมเสียงเรียกของชานมพอมองรอบตัวก็เห็นทุกสายตามองมาที่ผม
“ยังไงคะพี่เรย์ของหนู น้องสีน้ำเขาเลือกพี่อะค่ะรีบมาข้างหน้าเร็ว”น้องพิธีกรปีสองกวักมือเรียกผมพร้อมรอยยิ้ม
“เขาให้กูไปทำไม”ผมหันไปถามชานม มันตอบพลางดันหลังผม
“น้องมันไม่มีคู่เข้าฐาน มึงก็แค่ไปคู่กับน้อง”
“เชี่ยไม่เอากูไม่อยากไปมึงไปแทนกูนะชานมนะ”ผมรีบยื้อตัวไปอยู่ข้างหลังเพื่อนให้ตายผมก็ไม่ไปหาเด็กปีศาจนั่นเด็กขาดเหมือนพาตัวเองลงหลุมชัดๆผมหลับตาปี๋ซุกแขนชานมไว้พอมันสลัดออกไปผมก็รีบคว้ามากอดไว้ดังเดิม
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
”มึงอย่าแกล้งกู”ผมพึมพำบอกให้ได้ยินกันแค่สองคนก้มหน้าหลับตาซุกแขนเพื่อนสนิทไม่สนใจเสียงรอบข้าง
“ไม่แกล้งครับ” ทำไมเสียงไอ้ชามันไม่เหมือนเดิมกลิ่นด้วยกลิ่นเหมือนกับ...
“เชี่ย!!!!!!”ผมรีบสลัดออกทันทีสีน้ำยังคงส่งยิ้มกว้างให้ เมื่อกี้ผมกอดแขนมันแล้วไอ้ชานมไข่มุกไปไหนผมหันมองรอบตัวก็หาเพื่อนสนิทไม่เจอ ไปไหนเนี่ย!
“มึงมายืนตรงนี้ได้ไง”ผมถามพลางถอยหลังออกห่าง
“เดินมาครับ” มึงจะยิ้มทำไม!!!!ขำอะไร!!!!!!เดินเข้ามาทำไม!!!!!!!
“เอาล่ะค่ะครบคู่กันแล้วก็อย่าลืมมารับผ้าไปผูกแขนกับคู่ของตัวเองไว้นะคะ Let’s go!!!!!”
หลังจากนั้นทุกคนก็คงพอเดากันได้นะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจะเล่าแค่บางฐานและไฮไลท์นะครับ
ฐานจับเข่าคุยกัน
“ผ้ามันไม่ได้สั้นขนาดนั้นมึงไม่ต้องมานั่งชิดกูขนาดนี้ก็ได้กูจะสิงพุ่มไม้อยู่แล้ว”ผมหันไปโวยกับไอ้เด็กยักษ์
“งั้นพี่ก็มานั่งตักผมดิจะได้นั่งสบายๆมามะ”มันตอบพลางตบตักตัวเอง สิ่งที่ผมทำก็คือ
แกร่บบ!!!!
“เฮ้ย!!พี่จะเข้าไปในพุ่มไม้ทำไม”
ฐานลอดอุโมงค์
“ฐานนี้ต้องโดนทาแป้งนะคะถึงจะผ่านไปได้ยิ่งหล่อยิ่งต้องโดนเยอะๆค่ะ”
“เอ่อ---“แปะ! ไอ้สีน้ำยังไม่ท่านได้พูดน้องประจำฐานก็โบ๊ะแป้งสีพาสเทลใส่เป็นที่เรียบร้อย ผมกลั้นขำไม่ไหวเลยหันหลังหัวเราะจนตัวสั่น สะใจ!
“อ่าวทำไมคู่ของผมไม่โดนทาด้วยอะครับ” ชิพ..เริ่มท่าไม่ดีละผมหันกลับมาถลึงตาใส่ไอ้เด็กยักษ์ปีศาจก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนให้รุ่นน้องแต่เหมือนจะไม่เป็นผล “หนูขอโทษนะคะพี่เรย์”คำพูดกับสีหน้าต่างกันมากเลยน้องรอยยิ้มนั่นมันอะไรแป้งเหลวจับก้อนล้นมือจนแทบก่อปราสาทแป้งได้นั่นมันอะไร! ไอ้สีน้ำก็ยิ้มเก่งขำเก่ง!
ฐานในกล่องมีอะไร
ผมกำลังใช้สมาธิล้วงมือเข้าไปในกล่องตรงนี้คือเสียวมากครับไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร
“เฮ้ย!!!!!!!!!!!’งู!!!!”จู่สีน้ำก็เกาะไหล่ผมแล้วตะโกนแล้วชี้มาที่กล่องของผม
“เชี่ย!!!!ฟักทองงู!!!!!!งู้!!!!!”ผมรีบฉุดมือขึ้นออกจากกล่อง...น้องประจำฐานมองยิ้มๆแล้วเปิดกล่องให้ผมดู..เฉาก๊วย
“ไอ้สีน้ำ!!!!”
จบกิจกรรมจริงๆมีมากกว่านี้เยอะมากครับแต่ผมขอเล่าแค่นี้เพราะจะตายแล้วผมทรุดนั่งตรงบันไดใหญ่หน้าอาคารดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน เห็นนักศึกษาเดินผ่านกันวุ่นไปหมด ตอนนี้ผมแยกกับเด็กยักษ์ปีศาจมาแล้วครับค่อยสบายหูสบายใจหน่อย ผมเปิดกระเป๋าเป้หยิบกล่องดนตรีกุหลาบสีม่วงขึ้นมาไขเล่น
นานเท่าไรแต่ดูเหมือนว่ามันยังไกล และดูเหมือนเวลาไม่เคยทำมันให้จาง
“สีน้ำที่ห้อยกระเป๋ามึงนี่ยังไง มหาลัยแล้วมึงยังไงห้อยไว้อีกเหรอวะกูเห็นตั้งแต่ม.4ละ”
“ก็กูรักของกูอะ” ผมหันควับไปมองทางด้านหลังเห็นสีน้ำกำลังยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมคือ’พวงกุญแจรูปจานสีน้ำกับพระอาทิตย์’ที่ยังคงห้อยอยู่บนกระเป๋าเป้ของไอ้เด็กยักษ์ปีศาจ
“ให้”ผมยื่นพวงกุญแจที่ผมนั่งวาดนั่งระบายแล้วไปซื้อที่ห้อยมาต่อไว้แน่นหนาไม่หลุดแน่นอน
“โอ้โห!มีให้ขงให้ของไว้แทนใจเหรอค้าบ”
“จะเอาไม่เอา”
“ไม่เอาก็บ้าแล้วขอบคุณนะพี่เรย์รังสี จะเอาไว้ใต้หมอนทุกคืนเลย”
“มันมีไว้ห้อยก็ห้อยที่กระเป๋าดิ กูจะได้เห็น”
บอกหน่อยเถิดรักบอกว่าเป็นเช่นไร ฉันไม่เคยรู้ว่าทำไมฉันไม่เคยเข้าใจอะไร
ความรู้สึกกำลังโอบกอดหัวใจจู่ๆผมก็ร้อนที่ตาสัมผัสได้ว่าจะมีน้ำตาไหลออกมาในไม่ช้า..ไม่ได้ ผมจึงรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปผมวิ่งไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนรู้แค่ว่าต้องวิ่งไปเรื่อยๆ...ป้ายรถเมล์แต่ที่นี่ไม่มีคนเลยท้องฟ้าสีส้มแสงแดดสาดลงที่เก้าอี้ความคุ้นเคยเรียกร้องให้ผมนั่งลง
ตุบ
“พี่ทำไมพี่วิ่งเร็วจังอะ ไม่รอผมเลย”
ทำไมเมื่อมีรักฉันจึงต้องช้ำใจ หากเป็นอย่างนั้นขอได้ไหม
“สีน้ำ..”
“ว่าไงครับ กินนี่ไหม”ผมมองไอติมไมโลในถ้วยที่ไร้ท็อปปิ้งก่อนจะเงยหน้ามองเด็กยักษ์ปีศาจ
“ขอบคุณ”ผมรับไอติมมาถือไว้พลางยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆคนข้างๆเลยช่วยเช็ดให้ขณะเริ่มพูดขึ้น
“พี่เหงาปะ ผมแม่งโคตรเหงา”สีน้ำพูดเสียงหงอย
บอกมาว่ารักคืออะไร บอกมาได้ไหมเป็นยังไง บอกมาได้ไหม...
“เหมือนกัน”
บอกหน่อยเถิดรักบอกว่าเป็นเช่นไร ฉันไม่เคยรู้ว่าทำไมฉันไม่เคยเข้าใจอะไร
ทำไมเมื่อมีรักฉันจึงต้องช้ำใจหากเป็นอย่างนั้นขอได้ไหม ให้ฉันไม่รัก
ฉันยอมทุกอย่างแค่ฉันไม่ต้องรักใคร
“ทำไมต้องเป็นจานสีกับพระอาทิตย์อะ”
“ก็สีน้ำกับรังสีไง”
“ผมต้องเขินใช่ไหมเนี่ย”
“ความรักก็สีน้ำที่ช่วยชะโลบแต่งเติมสีสันให้ชีวิต”
“คือรังสีแสงอาทิตย์ที่ทั้งสว่างแสบตาแสบหัวใจและอันตราย”
“แต่ทั้งสองไม่ยอมแพ้ช่วยดูแลประคองกันเข้าใจกัน”
“ผ่านไปด้วยกันอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด”
END
magemagemagemagemage