จบ ตึกกรรณิการ์ชั้นสี่ห้องแปด
0
ตอน
725
เข้าชม
13
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

ผมไม่เห็นความผิดพลาดที่ได้มีคุณเข้ามาในชีวิต 

ผมเก็บคุณไว้เป็นความฝันที่ดีที่สุด รางเลือนแต่เข้มข้นในความรู้สึก 

ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ถ้าไม่ได้ทักหาคุณตอนนี้ผมอาจละลายกลืนไปกับเตียง ใช้เวลานานราวชั่วกาลเพียงเพื่อกดเข้าไปในแช็ตแล้วส่งสติกเกอร์โง่ๆ สักอัน 

คุณลงรูปในไอจีเมื่อสามนาทีที่แล้ว –สี่แล้วตอนนี้ ยังออนไลน์อยู่… 

คุณเป็นคนใจดี 

ทักไปเหอะ!! เขาไม่ว่าอะไรมึงหรอก!! ผมบอกตัวเองตอนนั้น แต่ใจสั่นเหมือนรัวกลอง “โอเค…” ผมสูดหายใจเข้า ขยับก้น จ้องหน้าคุ้นในรูปที่อัพล่าสุด เขาสวมหมวกบักเก็ต มือข้างหนึ่งถือลูกมะพร้าว ชายเสื้อพัดเปิดจนเห็นหน้าท้องขาว พื้นหลังรูปภาพเป็นทะเล 

คนไปทะเล…ส่วนใหญ่อินเลิฟไม่ก็พึ่งอกหัก 

“โอเค…” ผมสูดหายใจเข้า ขยับก้น มองภาพเขาเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน 

กดเข้าแช็ตสิวะ!! 

รู้ตัวอีกทีปุ่มสีเขียวๆ ก็หายไปแล้ว 

“น่ะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” 

“เป็นเหี้ยไร!” เมทผมนอนอยู่เตียงข้างๆ ขว้างตุ๊กตาหมาตัวน้อยใส่เต็มหน้าจนผมต้องขว้างกลับ มันรับ แล้วเอาไปนอนกอด เตรียมจะหลับต่อ มันคงรำคาญผมเต็มทีแล้ว 

“กูทักเขาดีปะ” ผมถาม แต่มันไม่ตอบ มันตั้งใจจะนอนแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจ 

“มึงจะทักเขาไปทำไม” มันตอบมาในที่สุดหลังจากเงียบไปเป็นนาที 

“กู…อยากไปดูหนัง” 

“กูไปดูกับมึงก็ได้” 

“กูไม่ได้อยากดูกับมึง” 

“…มึงอยากดูหนังเค้า?” มันพูดหยอกๆ แล้วหันกลับมาแสยะยิ้มให้ “มึงกลับไปนอนปะ” ผมบอก ปิดโทรศัพท์จัดหมอนเตรียมนอนตาม มันยังแซวอยู่นั่น 

“อยากจีบก็ทักไปเลย ไม่ลองไม่รู้ไง” 

คำแนะนำของมันใช้ได้ครึ่งเดียว ผมไม่ได้อยากจีบเขา ผมไม่ได้อยากกลับไปเหมือนเดิมผมไม่ได้อยากเจอเขาด้วยซ้ำ 

ให้ผมอธิบายหน่อย 

เขาไม่เข้าไอจีนี้อีกเลยตั้งแต่เข้ามหาลัยได้ ผมกับเขาก็ไม่ได้เจอกันเลย ระยะทางจับเราแยกจากกัน มันอาจดีกว่าอยู่แล้วเพราะถ้าเราอยู่ใกล้กันผมอาจทำอะไรไม่ถูกมากกว่านี้ 

เขาสมัครไอจีใหม่ ผมเห็น แต่ผมไม่ได้คิดติดตาม ไม่อยากติดตามเขาอีก ผมใช้ชีวิตของผมมาเรื่อยเปื่อย เจอเพื่อนใหม่ เลิกคบเพื่อนใหม่ ห่างกับเพื่อนเก่า กลับมาเจอเพื่อนเก่า แต่ผมไม่เคยเจอเขา เราห่างกันเกินไป และเวลาก็ไม่ตรงกันเลยแม้แต่นิดเดียว ใครจะนึกได้ว่าจู่ๆ เขาจะกลับมาเล่นแอคเคาท์นี้อีก 

ถ้านี่เป็นนิยาย…ถ้านี่เป็นนิยาย 

ตัวละครหลัก : ผมกับเขา (แฟนเก่า) 

ปัญหา : ผมไม่สามารถเลิกคิดถึงเขาได้ แม้แต่ตอนที่ผมคิดว่าผมไม่ได้คิดถึงเขาแล้ว ผมคิดว่านี่ไงผมไม่ได้นึกถึง ไม่ได้จินตนาการว่าถ้าเขาอยู่ตรงนี้จะเป็นยังไง สรุปก็คือผมพยายามแต่ก็อดคิดถึงเขาไม่ได้อยู่ดี 

สถานการณ์ : ชีวิตประจำวันที่ไม่มีอะไรเลย ตื่น ไปกินข้าว ไปเรียน แวะหอสมุด กลับหอ ไม่มีออกเที่ยว ไม่คบค้ากับใครเป็นพิเศษ เหล่านี้จนกระทั่งเขากลับมาใช้ไอจีที่ทิ้งร้างไปเป็นชาติอีกครั้ง 

จุดเปลี่ยน… 

ถ้านี่เป็นนิยายของผม ผมอยากให้จุดเปลี่ยนคือการที่ผมได้เจอเขาอีกครั้ง 

ยังไงก็ได้ บังเอิญ ตั้งใจมาเจอกัน ผมทักไปแล้วเขาตอบกลับนัดมาเจอกัน หรือกลุ่มเพื่อนที่เรารู้จักนัดรวมรุ่น อะไรก็ได้ ให้ผมได้เจอเขา 

แต่มันไม่ใช่นิยาย ผมในชีวิตจริงก็แค่ขี้แพ้ที่ไม่กล้าโผล่หน้าไปเจอเขา ไม่รู้ว่าเพราะกลัวทำเขาอึดอัดหรือทำตัวเองอึดอัด เขาอาจไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมคือขี้แพ้ที่ไม่กล้าจะทำอะไรแปลกไปกว่าเดิม แม้ผมจะสร้างสถานการณ์เป็นล้านล้านให้ตัวละครของผมได้ แต่กับชีวิตจริง มันไม่เหมือนกันเลย 

ผมอยากให้มันมีอะไรเปลี่ยนบ้าง สักอย่างนึง สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ฆ่าผมช้าๆ วันนึงผมจะหยุดคิดถึงอดีตไม่ได้และลืมไปว่าปัจจุบันสวยงามแค่ไหน ผมอยากเปลี่ยน 

“มึงนอนยัง” เมทผมถามเสียงเบาแต่เสียงมันก้องในห้องเงียบๆ อย่างนี้ 

“ทำไมวะ?” 

“ทำไมยังไม่หลับวะ?” 

“เอ้าไอสัส ก็มึงเรียกกูเนี่ย!” เออ…อะไรของมันวะ 

ผมผลุดลุกขึ้นนั่ง ส่องผ่านความมืดให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ อยู่ มันนอนห่มผ้าปุ้มอย่างที่ชอบทำ ผมถามให้แน่ใจว่ามันอยากให้ปิดแอร์มั้ย มันก็ตอบไม่ 

“ปกติหัวมึงถึงหมอนแค่ไม่เกินสิบนาทีปะ มึงก็หลับละ เนี่ยมึงนอนมาจะยี่สิบนาทีมึงยังไม่หลับเลย” 

“มึงรู้ได้ไงว่ากูนอนไม่หลับ” ผมถามกลับ ยังไม่ยอมเอนหลังนอน ไม่ใช่ไม่ไว้ใจมันแต่ผมยังไม่อยากนอน 

“ก็มึงพลิกตัวอยู่นั่นแหละ ถ้ามึงหลับมึงไม่ค่อยพลิกตัว” 

“…เหรอวะ” เหรอวะ…ผมพยักหน้ารับเบาๆ ถึงจะไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าแล้วยอมเอนตัวลงนอน 

“แล้วมึงอะ ทำไมยังไม่หลับ” ผมถามมันแทน มันพลิกตัวจากนอนตะแคงมองผมเป็นนอนหงาย 

“หึ ก็ไม่ได้อะไร พรุ่งนี้กูจะไปเดตกับคนที่กูคุยอยู่” 

“ฮะ!!” ผมลุกพรวดทั้งที่นอนไปไม่ถึงนาที มันยิ้มเยาะผม ผมไม่ว่าอะไรมันหรอกแต่ก็แอบหมั่นไส้มันอยู่หน่อย 

“ดีเลยดิ” 

“ก็ดีแหละ…” เสียงมันฟังดูไม่ค่อยดีใจอย่างที่ควร 

“กูไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้น กูแค่รู้สึกว่ากูควรเปิดใจ” 

“…” 

 

ยาว ตลอดคืน ผมกับมันพึ่งได้นอนตอนตีสี่ ผมมีเรียนตอนบ่ายเลยขอนอนต่ออีกนิด ส่วนมันออกไปหาผู้หญิงที่นัดเดตด้วย 

กว่าผมจะตื่นเต็มตาก็เที่ยง ผมเช็กโทรศัพท์ดูแล้วก็นั่งคิดหนัก วนอยู่นั่นแหละ 

เขากลับมาใช้แอคเคาท์นี้เป็นแอคฯ หลักแล้วจริงๆ 

 

มันอาจจะออกแปลกๆ อยู่หน่อยที่ผมทักไป แต่ถ้าผมไม่ทักก็ไม่ได้ดูปกติกว่ากันนัก มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะคุยกัน ผมแค่กลัวว่าถ้าเขาตอบผมเหมือนที่ตอบคนไม่สนิทผมจะรู้สึกเหมือนโดนต่อยเข้าที่หน้า เต็มเบ้าตาจนเผลอตะโกนลั่น แบบเจ็บฉิบหาย! เหมือนลูกตาจะแตก 

ถึงในความเป็นจริงเราทำได้แค่ยิ้มให้ข้อความที่เขาอุตส่าห์ตอบมาแล้วร้องไห้เงียบๆ ถ้าทนไม่ไหว 

เจ็บฉิบหายเหมือนกัน ลูกตาจะแตกเหมือนกัน 

…ผมอยากถามเขา 

เขารู้ดีอยู่แล้ว 

ว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่ต่อให้สมัครแอคใหม่เป็นร้อยผมก็จะตามแค่แอคเดิมที่เราเคยตามกัน 

ผมเป็นคนเดียวที่ต่อให้เขาสมัครแอคใหม่เป็นร้อยก็จะใช้แค่แอคเดิมนี้ตาม แค่แอคนี้เท่านั้น เขาจะเริ่มชีวิตใหม่ที่ไหนก็ตามเขาจะไม่ยอมรับรู้เรื่องของผมอีก 

ถ้าเกิดแก๊งเรากลับมารวมกลุ่มล่ะ? คราวที่แล้วผมไม่ได้ไปเพราะติดสอบแต่…ถ้าผมนัดอีกครั้งไอ้พวกนั้นอาจจะมาก็ได้ และเขาไม่เคยผิดนัดเพื่อน ถ้าเขามาได้เขาจะมาแน่ๆ เขาไม่เอาเรื่องหยุมหยิมระหว่างเรามาเป็นข้ออ้างให้ไม่มาหรอก 

“มึงเอ๊ย!” เมทผมทัก มันปิดประตูตามหลังหน้ายับยู่ยี่เหมือนเจอปัญหาโลกแตกที่ไขไม่ออกอยู่ 

“อะไรวะ” 

“หึ กูจะรอดูไปก่อนละกันเพื่อน” มันเดินมาตบบ่าผมแรงๆ สองทีแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ตามองเพดานขาวเหมือนเหนื่อยล้ามาเป็นชาติ 

“มึง” ผมพูดก่อน 

“? ฮึ?” มันตอบมาอย่างขี้เกียจๆ 

“มึงว่าคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ อะ แบบแม่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ โตมาด้วยกันแล้ว…มาคบกัน…” ผมนิ่งไป ไม่รู้ว่ามันควรพูดออกมาหรือเปล่า 

“เออ ละไงวะ? ในหนังเยอะแยะเลย” มันคว้าตุ๊กตาหมาออกมากอดนิ่งๆ ยังไม่ยอมหันมามองผม 

“แล้วแม่งเสือกไปด้วยกันไม่รอดอะ” 

“โหย…” มันหันมามองแล้ว พยักหน้าหงึกหงักเหมือนคิดหนักอยู่ ปากบางๆ เบะลง 

“เออ มึงว่าเขาจะยังกลับมาสนิทกันปะ” ผมถามในที่สุด แต่กลับไม่ได้รู้สึกกลัวอย่างที่คิด ออกจะเป็นคำถามปกติเหมือนเวลาผมสมมติสถานการณ์ในนิยายให้มันฟัง มันพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง “มึงว่าไงล่ะ” มันย้อน 

“กู…ไม่แน่ใจว่ะ” ผมคิดดูดีๆ อีกที ระหว่างผมกับเขาผมเองก็ไม่มีคำตอบ…เพราะผมยังไม่เคยลองไง! 

“เขาคบกันเพราะเขารักกันจริงๆ ใช่ปะ” 

“เออสิมึงถามอะไรของมึงเนี่ย” ผมยกเข่าขึ้นมากอดบนเก้าอี้อ่านหนังสือ มันคว้าหมอนของผมมาหนุนพิงกับหัวเตียงนั่งคุยกับผมดีๆ 

“อาจจะแล้วแต่คน มึงอยากเขียนให้เขากลับมารักกันได้ก็เขียนไปเหอะ ถ่านไฟเก่ามันร้อนรอวันรื้อฟื้นอะไม่เคยได้ยินเรอะ” 

“เคย! ก็กูถามไม่ได้เรอะ? ” ผมล้อมันแต่มันไม่ได้ว่าอะไร 

“เออน่ะ มันแล้วแต่คน กับบางคนแค่เจอหน้ายังไม่อยากเจอเลย ประหลาด” 

“…เออประหลาด” 

เราเงียบกันไป ผมคิดว่าเราจะเลิกคุยเรื่องนี้กันแล้ว มันคงกลับไปนอนต่อ ผมไม่ได้ว่าอะไรแค่กำลังคิดอยู่ว่าจริงๆ แล้วอะไรกันแน่ที่ติดอยู่ในใจผม ทำไมผมไม่ปล่อยเขาไปสักที 

นานขนาดนี้แล้ว 

บางทีผมก็คิดเหมือนกัน 

หรือเพราะผมไม่มีอย่างอื่นให้คิดถึง 

เพราะเวลาผมย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นมันเหมือนผมดูหนังเรื่องนึง แค่หนังเรื่องนึงที่ผมเคยดูนานมาแล้วและผมชอบมาก ผมอินมาก เรื่องของคนอื่นที่ผมดื่มด่ำทุกค่ำคืนหลังจากความเหนื่อยล้าทาเต็มตัวผมแล้ว เหมือนเรื่องมันเกิดเมื่อชาติก่อน ตอนที่ผมไม่รู้สึกแล้วว่าตัวผมในนั้นคือตัวผมจริงๆ เรื่องพวกนั้นทำให้ผมลืมเวลาในปัจจุบัน ลืมไปว่าเหนื่อยแค่ไหน… 

ผมไม่รู้ว่าเมทผมมันอยากพูดถึงเดตวันนี้หรือเปล่า มันบอกว่าจะรอดูไปก่อนเพราะงั้น…ผมก็จะให้มันรอไปก่อน 

ผมกดเข้าไอจี 

เกาขาตัวเองโดยไม่รู้ว่าจะเกาทำไม 

มันไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ย แค่คนรู้จักถามกันเฉยๆ ก็แค่เริ่มคุยเหมือนที่เคย 

เมื่อก่อนไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าถ้าทักไปตอนนี้จะรบกวนเขารึเปล่า เมื่อก่อนไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าถ้าทักไปเรื่องนี้จะดูน่ารำคาญหรือเปล่า เมื่อก่อนไม่มีกำแพงอะไรอย่างตอนนี้แม้แต่นิดเดียว ไม่เคยมี 

ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเรายอมให้มีกำแพงระหว่างเราขึ้นมาได้ไง มันเริ่มตั้งแต่ที่เรามีช่องว่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราเดินด้วยกัน เริ่มจากตอนนั้นหรือเปล่านะ… 

ผมกดเข้าแช็ตเขา ข้อความเก่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้วยังอยู่ เป็นผมที่ส่งมีมโง่ๆ ให้ว่าโชคดีนะ 

เขาไม่ได้ตอบอะไร 

เหมือนย้อนกลับไปอ่านนิยายที่ตัวเองแต่งไว้เลย 

ผมเริ่มย้อนอ่านแช็ตของเรา ไม่อยากเชื่อ เริ่มจากเมื่อไม่กี่เดือนก่อนซึ่งจริงๆ คือปีที่แล้ว ข้อความมันเยอะ เยอะมาก จากวันนึงคุยกันไม่กี่ข้อความ ผมข้ามจากเรื่องเดือนที่แล้วไปอีกเดือนนึงได้ง่ายดาย แล้วจู่ๆ ก็เหมือนมีเรื่องให้คุยเยอะเหลือเกิน ข้อความของแต่ละวันค่อยๆ ไหลเพิ่มมาเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ขึ้น เหมือนคลองที่ถูกขุดขยาย ผมเป็นคนขุด ลึกเข้าไปในอดีต มันยิ่งเยอะขึ้นๆ 

เหมือนย้อนกลับไปอ่านนิยายที่ตัวเองแต่ไว้เลย 

บางจุดก็คิดว่าเขียนเรื่องนี้ไปได้ไงวะ 

เราเป็นแค่เด็กสองคน เด็กสองคนที่รู้สึกว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไป เด็กสองคนที่ขอโอกาสให้ได้ลองอยู่ในจุดที่อยากอยู่ เราเป็นแค่นั้น 

แต่เรากลับไปเป็นเด็กแบบนั้นไม่ได้แล้วนะ… 

ใช่…เรากลับไปเป็นเด็กคนนั้นไม่ได้แล้ว 

ผมคนนึง 

มันคงมีบางอย่างที่เราเปลี่ยนไปแล้วแหละ ผมอยากรู้เหลือเกินว่าเขาเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ยังอยากรู้อยู่… 

Me : ไง 

“แม่งเหมือนวิ่งอะ” 

จู่ๆ เมทผมก็กลับมาพูดด้วย ผมเงยหน้าจากหน้าจอทั้งใจยังสั่น เออ เหมือนวิ่งมาอย่างมันว่า ใจผมสั่นอย่างกับไปวิ่งมาราธอน ผมทักไปหาเขาแล้วนี่! ถึงจะแค่สองตัวอักษร แค่คำคำเดียว! 

“อะไรวะ” ผมแกล้งโง่ 

“ก็เรื่องของมึงไง เนี่ย…ไปเขียนได้นะกูให้” 

“อะไรของมึง?” ใจผมเริ่มสงบลง ยังไม่กล้าดูแช็ต แต่ถึงอย่างนั้นผมเห็นอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้ออนไลน์อยู่ 

“ก็แบบวิ่งผิด มึงออกตัวแรง มึงเริ่มคบกับเขาแล้วคิดว่าไหว มึงวิ่งไปเรื่อยๆ แล้วแม่งเหนื่อย ตอนจะถึงก็ไม่มีแรงแล้วไง” 

“? กูงง” ผมไม่ได้แกล้งโง่ ผมงงจริงๆ 

“ก็พอมึงไม่มีแรงมึงก็กลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้วไง ละก็ไปถึงเส้นชัยไม่ได้แล้วอะ” 

“แล้วเกี่ยวอะไรกับวิ่งวะ” 

“ก็กูเปรียบเปรยเฉยๆ ปะ!” 

“มึงไม่เลือกอันอื่นมีเทียบวะ อันนี้มันงง!” 

“งงเหี้ยไร เนี่ยกูว่าเด็ดสุดแล้ว เอาไปใส่นิยายมึงยังได้เลย! วู้!” เอ้า? 

มันสบถ ผมไม่ได้ตอบอะไรอีก เรานิ่งกันไปครู่นึงเหมือนเมื่อกี้ ผมกำลังคิดว่ามันต้องการสื่ออะไร มันอาจจะกำลังหาคำใหม่มาอธิบายอยู่ 

“ลงแข่งเพราะคิดว่ามันได้ไง…ก็มึงมั่นใจว่าได้ มั่นว่าชนะ วิ่งไปเรื่อยๆ มึงหมดแรงวิ่งต่อไม่ไหว สุดท้ายแค่จะเดินกลับมึงก็ลากขาตัวเองไม่ขึ้นแล้ว ต้องให้รถพยาบาลมาหามออกไป” มันพึมพำ ส่วนผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขายังไม่ได้ตอบอะไรซึ่ง…เขาอาจไม่ตอบอีกเลย 

“กูไม่เหมาะจะคิดคำคมว่ะ” มันยอมรับ ผมก็ยังไม่ได้ตอบอะไรมันกลับอยู่ดี 

“แต่นะเว้ย มึงคิดดูดีๆ ความรู้สึกแม่งเปลี่ยนไปแล้วนะ…มันเลยขั้นเพื่อนที่พวกมึงเคยมีมาแล้ว เลยไกลด้วย ความรู้สึกมันไม่ได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนพลิกหน้ากระดาษได้อย่างนั้นป่ะวะ” มันยกตุ๊กตาหมามาพลิกไปพลิกมา 

เป็นอันเข้าใจกันว่าผมจะไม่ตอบอะไรอีก ผมจะให้มันนอนซึ่งมันก็พอใจมาก 

รักกันต้องมีเส้นชัยด้วยเหรอวะ 

 

เขาไม่ได้ตอบผมกลับแม้จะผ่านไปเป็นวันวัน 

ผมไม่คิดว่าเขาจะตอบผมกลับแล้ว ถึงจะแอบหวังแล้วเกลียดที่รู้ตัวอย่างนั้น 

“มึงเก็บผ้าให้กูด้วยนะถ้าฝนตกอะ” เมทผมสั่งระหว่างกระโดดหย่งตัวใส่ถุงเท้าขาเดียวอยู่ ผมพยักหน้าให้เบาๆ วันนี้ผมไม่มีเรียนตอนบ่าย 

“เป็นไร? มึงยังตันเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ” 

“หึ ไม่ได้ตันละ เคลียร์เลย” ผมยิ้มให้แต่มันเสือกหัวเราะ ที่น่าฟาดคือผมดันหัวเราะตามไปด้วย 

“หัวเราะเหี้ยไร!” ผมแหกปากยั้งมันไว้ก่อนจะพากันหัวเราะจนคุยไม่รู้เรื่อง “เออ…ไม่รู้กูแค่อยากหัวเราะ” 

“อะไรของมึง ไปเรียนไป๊!” ผมไล่มันเสียงหลงยิ่งไปจี้ให้มันหัวเราะหนักกว่าเก่า 

“ใช้คำคมกูลงรึเปล่า ใส่เครดิตให้กูด้วยนะ” 

“มึงไปเถอะ อีกห้านาที สายไม่ได้ไม่ใช่เหรอคาบเนี้ย” 

“เออ โอ๊ยนั่งวินฯ ไปสามนาทีก็ถึง” มือมันจับลูกบิดเตรียมจะออก แต่ก็ไม่ออกสักทีเหมือนมีเรื่องจะคุยต่อ ผมนิ่งรออยู่แต่มันไม่พูดอะไรจนที่สุดก็ออกห้องไป 

“เฮ้อ…” 

ผมดูแช็ตของเรา เขาอ่านแล้ว อ่านนานแล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับมา 

ที่เจ็บปวดคือทุกวันก่อนหน้านี้ผมไม่รู้เลยว่าวันที่ผมไม่ได้ซุกหัวลงบนกลุ่มผมหอม ๆ ใช้ไหล่เขาต่างหมอนแล้วจะเป็นยังไง วันที่ผมไม่ได้ตื่นมาเจอข้อความของเขาจะเป็นยังไง ผมได้รับการเติมเต็มจนไม่รู้สึกว่าขาด และลืมไปว่าจะอยู่กับการขาดหายไม่เต็มเต็งแบบที่มนุษย์ทั่วไปเป็นอย่างไร คิดไม่ออกเลยว่าผมจะอยู่ยังไงโดยไร้สิ่งเหล่านี้ ไร้สัมผัสจากมือสาก ๆ ไม่มีการเอื้อมมือแตะใบหูเล็กหยอกกันเหมือนก่อน ไม่มีอีกแล้ว ทุกวันนี้ผมไม่รู้เลยว่าการสัมผัสคนที่รักแบบนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่แค่นุ่มนิ่มตามเนื้อตัวหรือแข็งแกร่งจากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่อบอุ่นจากหน้าท้องที่ซุกอยู่ในผ้าห่มหนาหรือเย็นเฉียบจากมือที่โผล่พ้นออกมา ความรู้สึกที่ผมมีเขาอยู่นั้นผมจำไม่ได้แล้ว ผมจำไม่ได้เลย ผมถึงอยากเจอเขานักหนา เจอเขา กอดเขา ไม่มีคำพูดออกจากปากและมีคำพูดมากมายท่วมอยู่ในใจผม ผมรู้ว่าถึงเรามีโอกาสได้เจอกันผมก็ไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดเขาแบบนั้นอีกแล้ว ผมเสียเขาไปแล้ว นั่นคือความจริง ผมหลอกตัวเองมานานว่าลืมเขาไปนั้นไม่ใช่ความจริงเท่าที่ผมบอกตัวเองอยู่ ผมเสียเขาไปแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกให้ผมเหมือนที่เคยมีแล้ว เรารู้ว่าเราเคยรักกัน แต่เราไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงถึงจะรู้สึกเหมือนเดิม 

ไม่เป็นไร 

ผมมองเหม่อที่แช็ตแต่ไม่ได้ใส่ใจแล้ว ก็แค่ต้นฉบับที่ต้องแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง 

ไม่ต้องบังคับตัวเองแล้ว 

ผมบอกตัวเอง พรุ่งนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ผมจะไม่บังคับตัวเองให้เลิกคิดถึงเขา ผมจะไม่บังคับตัวเองแต่จะรู้ตัวว่าตอนนี้คิดถึงอยู่ และมันรู้สึกอย่างไร ผมจะได้ไม่ลืมความรู้สึกโหยหาใครสักคนไปด้วย 

ตอนนี้ผมไม่ได้สะอึกสะอื้น น้ำตามันก็คลอของมันอย่างนั้นแหละให้ดูตอแหลหน่อยแต่ไม่มีการฟูมฟาย ผมก็แค่คิดถึง 

อะไรที่จบขอให้จบ 

Him : ไง 

 

อะไรที่จบ ขอให้จบ 

เขาทำถูก ถูกทุกอย่าง 

เพราะถ้ามันดีมันจะจบลงตรงนั้นทำไม 

Me : ผิดแช็ต โทษที 

 

Photo by will on Unsplash 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว