จบ เรื่องที่น่าอับอาย โดย ทักษภณ
0
ตอน
301
เข้าชม
17
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

เรื่อง เรื่องที่น่าอับอาย ทักษภณ  

ลอย ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นที่รู้กัน ในละแวกใกล้เคียงของหมู่บ้านว่า “ลอย” หรือ บางคนอาจจะแถมเรียกว่า “บักลอย” ก็มี ด้วยพ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังดเป็นเด็ก จึงอาศัยอยู่กับแม่ เพียงสองคน ในบ้านหลังเก่าๆ 

หลังจากได้ค่าจ้างมาเมื่อวาน เขามีความตั้งใจว่า หาซื้ออะไรกินที่มันอร่อย ๆ สนองความต้องการของปากซักหน่อย รวมทั้งซื้อของที่จำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันด้วย 

วันนี้ในตอนเย็น เป็นอันได้เวลา ออกเดินจากบ้านเพื่อไปยังตลาด ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปไม่ไกลเท่าใดนัก เส้นทางจากบ้านเป็นทางเล็ก ๆ ที่เป็นทางสัญจรไปมาภายในหมู่บ้านในชนบท ข้างทางมีบ้านเรือนปลูกห่าง และติดกันเป็นระยะ เขาเดินไปได้ไม่นานเท่าไร ขณะที่ผ่านบ้านของลุงดำนั่นเอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้น 

“โฮ่งๆ บรื้อ แค๊กๆ” 

เป็นเสียงของไอ้แดง มันโก่งคอเห่า หอน สลับกับการไอ ทักทายแบบยิ้มแย้ม แถมเกาแบบขี้เกียจนิด ๆ เอ๊ะ มีด้วยหรือหมาเห่าแบบยิ้มแย้ม แต่ลอยได้ยิน และเห็นว่ามันยิ้มให้เขาจริงๆ มันต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ ๆ ถึงได้ทำแบบนี้ 

“วันนี้มันคิดอะไรขึ้นมาได้ ถึงได้เห่า วันก่อนๆ ไม่เห็นเห่า จำไอ้ลอยไม่ได้ หรือไงไอ้แดง” 

ไอ้ลอยบ่นเบา ๆ แล้วตอนท้ายตะโกนเสียงดังไปยังไอ้แดง และเขาก็ก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามทางในเส้นทางของหมู่บ้านที่คุ้นเคย 

มาถึงเด็กกลุ่มเล็ก ๆ ที่เล่นข้างทางตามประสาเด็ก ซึ่งในขณะ ลอยผ่านเท่านั้นแหละ มีเด็กบางคนที่ตาไว หันมาทางลอยแล้วพากันสะกิดกัน ในกลุ่มเพื่อนเล่น แล้วก็ซุบซิบกัน จากนั้นพาหันมาจ้องมองเขม็งลอยกันทุกคน 

เด็กเหล่านั้น บางคนยิ้มทักทาย บ้างก็หัวเราะเหมือนกับจะขำอะไรสักอย่าง บางคนก็ทำท่าชี้มือมาทางเขา เหมือนจะให้ดูอะไรบางอย่าง ลอยก็มองตามมือไป พร้อมก้มเงยไปรอบๆ ตัว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ด้วยกิริยาท่าทางของเด็กกลุ่มนั้นทำให้ลอยนึกในใจ 

“พวกนี้มันเป็นอะไรของมันวะ แปลกยังกะไม่เคยเห็นคนหล่อ ชี้ไม้ชี้มือกันใหญ่ บางคนกุมท้องหัวเราะ เอ้า...อยากจะทำอะไรก็ทำไป อยากจะขำก็ขำไป” 

คิดได้ดังนี้แล้ว ลอยก็ชี้มือหัวเราะตอบไปบ้าง เป็นที่สนุกสนาน เป็นที่เอิกเกริก แล้วเขาเดินตัวลอยต่อไปโดยไม่สนใจกับเด็กเหล่านั้นด้วยคิดว่า  

“พวกเด็กคงอิจฉา ที่วันนี้เป็นอันมีกะตังกับเขาบ้าง ทำให้ราศีเปลี่ยนไป หรือไม่ก็สนใจในความหล่อเหลาของเรา อิอิ” 

ด้วยวันนี้เขาสวมกางเกงยีนส์ตัวค่อนข้างใหม่ และเสื้อแดงตัวโปรด หวีผมเรียบแปร้ กะว่าหล่อเต็มที่ และแล้วเขาก็ได้พาความหล่อเหลาเข้าสู่บริเวณของตลาด  

ตลาด ตั้งอยู่ใกล้สี่แยกมีร้านค้า มีตลาดนัดอยู่ใกล้ๆ กัน ขายของที่จำเป็นแทบทุกอย่าง สินค้าอุปโภคบริโภค บางจุดมีแม่ค้าเอาสินค้าพื้นบ้าน ผักและผลไม้ที่ปลูกเอง ซึ่งมีอยู่มาก ในถิ่นนี้มาขาย  

เวลานี้ยังไม่มีคนจอแจมากนัก แต่แม่ค้ามีของสองข้างทางทางเดิน ตามปกติ เช่นกับทุกครั้งที่ลอยมาหาซื้อของ  

ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับลอยเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คงจะสร้างความผิดหวังให้กับลอยอยู่ไม่น้อย เพราะว่าในชีวิตของคนเรา ในบางขณะ ถ้าไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นน่าสนใจ ก็ทำให้ชีวิติน่าเบื่อ แต่ถ้ามีอะไรที่ตื่นเต้นจนเกินไปนัก อาจจะทำเป็นความตึงเครียดไปได้  

ดังนั้นความตื่นเต้นควรจะมีสักเล็กน้อย พอให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยก็เป็นการดี ในขณะที่ลอยกำลังเดินมองหาสิ่งที่น่าสนใจ พร้อมกับมองหาสิ่งของที่ต้องการซื้อหาอยู่ด้วยความเพลิดเพลินนั้น 

“ไปไหนจ๊ะลอย” 

เสียงที่ลอยมาปะทะหูของลอยในขณะนี้ ลอยมีความรู้สึกว่าเป็นเสียงที่สุดแสนจะไพเราะ ฟังแล้วเหมือนว่าได้ลอยขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าอย่างกระทันหัน เขาอยู่ในภาวะตกตะลึงทางเสียง นิ่งตะลึงงัน  

หลังจากที่ได้หันหน้าไปทางต้นเสียงแล้ว ก็พบว่าผู้ที่ทักเป็นสาวสวย วัยรุ่นอายุรุ่นราวเดียวกันกับตนเอง ที่รู้จักคุ้นเคยกันดี เจ้าหล่อน มีรูปร่างสมส่วน ผมยาวดำสลวย มันขลับเป็นธรรมชาติ ในชุดเสื้อกางเกงรับรูป สมส่วน ซึ่งหล่อนก็คือ กำไล ที่เขารู้จักเป็นอย่างดีนั้นเอง กำลังจ้องมองมาที่เขา แล้วก็ยิ้มเหมือนขำอะไรสักอย่างนิด ๆ ด้วยภาพที่เห็นตรงตรงหน้าในขณะนี้ลอยรู้สึกว่า  

“โอ้ยหัวใจจะวาย วันนี้มีสาวมาทักทายด้วย ปกติหล่อนจะไม่ค่อยให้ความสนใจเขา อะไร? ทำให้หล่อนหันมาสนใจ” 

ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันนี้ทำให้ ลอยนึกในใจไปว่า 

“เอ ....รึว่าเราหล่อกว่าเดิม”  

ลอยรำพึงกับตนเองด้วยอาการเข้าข้างตนเองอีกแล้ว ตามประสาคนที่ชอบหลงตัวเอง แต่แล้วยังพอมีสติคิดขัดแย้งว่า 

“แต่ไม่น่า จะใช่มั้ง ” 

“ลอยลืมปิดหน้าต่างน่ะ” 

หล่อนกล่าวพร้อมกันเบือนหน้าไปทางอื่น เหมือนว่าไม่อยากจะมองมาทางนี้ 

เสียงนี้ทำให้ลอยผู้ที่มีสติยังไม่สมบูรณ์เท่าใดนัก เนื่องจากมนต์ขลังของเสียงนางยังไม่คลายไป ท่ามกลางความมึนงงนั้นก็ยังคิดต่อไปว่า 

“หล่อนรู้ได้ยังไงว่าเราลืมปิดหน้าต่างที่บ้าน แสดงว่าต้องหล่อนต้องไปแอบดูเราที่บ้านแน่ ๆ ถ้าลืมปิดจริงก็แย่ละสิ ยิ่งเดี๋ยวนี้ขโมยชุกชุมยิ่งกว่ายุงซะด้วย แต่... เอ...จำได้ว่าก่อนออกจากบ้านก็ปิดหน้าต่างเรียบร้อยแล้วนี่ เพราะว่าแม่ก็ไม่อยู่บ้าน เมื่อไม่มีใครอยู่บ้านในฐานะผู้ที่ที่มีความรอบคอบ ก็ปิดประตูหน้าต่างใส่กลอน ล็อกกุญแจอย่างเรียบร้อย”  

ตอนนี้ลอยอดเอามือล้วงไปควานมือที่กระเป๋ากางเกงไม่ได้ ก็พบว่าลูกกุญแจก็ยังอยู่ที่กระเป๋ากางเกง แสดงว่าเขาปิดประตูหน้าต่าง และล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด และแล้วลอยก็นึกเลยเถิดไปว่า  

“หรือเธอไปแอบดูเราจริง ๆ เธอต้องแอบสนใจเรา เป็นพิเศษแน่ ๆ ” 

ลอยคิดพร้อมกับแอบยิ้มในใจ แต่ก็ยังพยายามนึกทบทวนอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกว่าปิดเรียบร้อยแล้วแน่ ๆ ไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน จึงตอบไปว่า 

“ขอโทษครับผมปิดแล้ว ใส่กลอน ล็อคประตูเรียบร้อยแล้วด้วย” 

“จริงเหรอ ตอนนี้ฉันยังเห็นมันเปิดอยู่นา” 

เธอถามย้ำ พร้อมกับหันมายิ้มเล็กน้อย แล้วหันหน้าหนีไปทางด้านอื่นเช่นเดิม ด้วยท่าทางแปลก ๆ ไม่น่าไว้วางใจพิกลอย่างไรไม่รู้ แต่คำที่หล่อนย้ำ คล้ายกับว่ามีความมั่นใจอย่างแม่นมั่น 

“จริงครับผมเป็นคนเรียบร้อย รอบคอบเสมอมา ดูจากการแต่งตัวก็ทราบได้” 

ลอยตอบพร้อมเอามือลูบไปตามตัว เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความระเบียบเรียบร้อยของตัวเอง อีกด้วยความมั่นใจเต็มที่ แต่หล่อนก็ยังกล่าวแย้งอย่างมั่นใจอีกครั้ง 

“แต่วันนี้เป็นอะไรละถึงเป็นคนไม่รอบคอบ ไม่เรียบร้อย แถมยังปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้ออีก” 

“วันนี้ผม ก็รอบคอบเหมือนทุกวัน ไก่ตัวเบ้อเร้อ ไหน....ไหนอยู่ไหน? ไก่ที่ไหนกล้ามาอยู่กลางตลาด เอ้ออยู่ที่โต๊ะของแม่ค้าที่เขาเอามาขายใช่ไหม”  

ลอยพูดพร้อมกับทำท่ามองหาเลิกลัก ไปรอบ ๆ เหมือนกับว่าหาจะมองหาอะไรสักอย่าง แต่ก็หาไม่เจอ 

เจ้าหล่อนกล่าวขึ้นอีกว่า 

“ฉันเห็นจริง ๆ นะ ไม่ได้โม้ ไม่ได้ล้อเล่นด้วย เห็นจริง ๆ ให้ไก่หงอยเหยียบตายสิเอา แต่เอ...รู้สึกว่าตอนนี้ไก่มันจะหงอยๆไปนะ สงสัยยังไม่ได้กินข้าวเช้า หรือไม่มีแรงมั้ง” 

เจ้าหล่อนพูดพร้อมกับยกมือทำนิ้วชี้งอๆ ทีเล่นทีจริง หล่อนช่างขี้เล่นจริงๆ 

“เอ....หรือเราลืมจริง ๆ ” 

เขาชักไม่แน่ใจตัวเองขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตอนแรกมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เกิดความคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นในใจไม่ทราบว่ากี่ร้อยกี่พันครั้ง ในช่วงสั้นๆ ในเวลาไม่กี่วินาที แต่....ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ ว่าคำว่า “ลืมปิดหน้าต่างนี้” มันคุ้นๆ เป็นสำนวนเก่า เป็นสำนวนที่ใช้กันเป็นประจำอย่างแพร่หลายมาเนิ่นนานแล้ว เมื่อฉุกคิดได้ดังนั้นจึงได้ก้มลงไปดู  

“โอ้ยไม่อยากจะพูดเลย สุดที่จะขายหน้าครับพี่น้อง ผมลืมปิดหน้าต่างจริง ไอ้หน้าต่างที่ว่านี้ก็คือ ลืมรูดซิบกางเกงนั่นเอง  

อ๊าก..โอ้ย...นี่คงจะเที่ยวโชว์ไก่หงอย ให้ใคร ต่อใครได้เห็นไปหมดแล้ว มิน่าน้องหมาถึงได้หอน พวกเด็กๆถึงได้สะกิดกันหัวเราะ ท้องถึงได้ร้องโกรกกร๊าก” 

อันหลังน่าจะไม่เกี่ยวกันนะ พอทราบดังนี้แล้วจากนั้นลอยก็ทำท่ากระหมิดกระเมี้ยนเอามือปิดส่วนนั้นไว้ หันหน้าไปในทิศทางที่คิดว่าปลอดคนที่สุด แล้วก็จัดการธุระส่วนตัวเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็ว ปานกามนิตหนุ่ม  

จากนั้นก็ทำหน้าแหย๋ ๆ แบบว่าอับอายที่สุดในชีวิต และแล้วเพื่อเป็นการกลบเลื่อนความผิด ลอยก็ทำท่าไม่รู้ ไม่ชี้ จะเดินจากไปเอาดื้อๆ แต่...ก็ยังอุตส่าห์มีเสียงตามหลังมาอีกครั้ง เสียงนี้ทำเอาลอยสะดุ้งเป็นร้อยพันตลบเลยทีเดียว 

“ลอยลืมปิดประตู” 

เป็นเสียงของเจ้าหล่อนคนสวย ที่ดังตามหลังมาหลอกหลอนอีก คนอะไรหน้าตาก็ดี้ดี ทำไมใจร้ายจังชอบแกล้งคนหล่อ ๆ อย่างลอยเรื่อยเลย เฮ้อ...อ... 

เสียงที่ตามหลังครั้งล่าสุดนี้ ทำให้ลอยชะงักความคิดที่จะอยากไปให้ไกลหล่อนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อย่างกระทันหัน เสียงที่ได้ยินครั้งหลังสุดนี้ เป็นเหมือนมีใครมากระตุก ฉุดกระชากให้หยุดอยู่กันที่ เหมือนรถที่ถูกเบรกอย่างทันทีทันใด ลอยจึงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าใดนักว่า  

“จ...จ.....จริงน่ะ?” 

พร้อมกับภาวนาในใจว่า อย่าให้มีเรื่องอะไรที่น่าขายหน้า ที่มากไปกว่านี้เกิดขึ้นอีกเลยเท่านี้ก็เกินความอายพอแล้ว  

และแล้วจึงรีบทำการสำรวจตัวเองอย่างเร่งรีบกลับไปกลับมาหลายรอบ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ แต่ลอยก็ยังไม่มีความมั่นใจอะไรทั้งสิ้น ในขณะนี้ ทั้งพยายามนึกว่ามันคืออะไร? คำว่า “ลืมปิดประตู” ไม่เคยได้ยินมาก่อน สำนวนนี้รู้สึกไม่คุ้นเหมือนสำนวนว่า “ลืมปิดหน้าต่าง”  

ก่อนที่ลอยจะทำอย่างไรต่อไปก็มีเสียงหัวเราะคิกคัก อย่างสดใส เฮ้อ...คนเสวยทำอะไรมันน่ารักไปหมด พร้อมกับเสียงนี้เองที่ทำให้ลอยมีความรู้สึกว่า เหมือนมีใครมายกภูเขาออกจากอกอันเหี่ยวๆ ของลอย ที่ว่าเหี่ยว เพราะว่าตอนนี้มันหน้าอกหน้าใจของลอยมันสะดุ้งตกใจจนขวัญไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนห่อเหี่ยวไปหมดแล้ว 

“ไม่มีอะไรล้อเล่นนะ วันนี้เห็นลอยหล่อน่ารักดี” 

คำพูดของเจ้าหล่อนที่มาพร้อมกับยิ้มหวาน ทำให้ ริมฝีปากของลอยทำท่าจะขยับเขยื้อน เพื่อกล่าวอะไรสักอย่างแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ แล้วก็พยายามเดินให้ห่างเจ้าหล่อนอย่างเร็วที่สุด และให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว