Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม
17
ตอน
7.14K
เข้าชม
51
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

(ปรับปรุงใหม่) เนื่องจากเนื้อเรื่องมีช่องโหว่เยอะ ต้องขออภัย หากทำให้สับสน โดยยังคงสตอรี่ไลน์เดิมเอาไว้ แต่เปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางส่วนและบวกเพิ่มเรื่องราวของตัวละครใหม่ ๆ จนวุ่นวายกันมากขึ้น 

คั้นกลาง ๆ ในฤดูคิมหันต์ เหล่าจักจั่นท้องคริสตัลจะพากันร้องขับขานแด่ผู้ฟังทุก ๆ ท่านโดยมิเสียเลยสักแดงเดียว พงพนาเขียวชอุ่มจึงถูกเลือกใช้แทนเวทีหลัก เพื่อจัดแสดงอย่างคับคั่งให้ถึงใจคนดู ครั้นฟองมนตราดวงใส ๆ ถือกำเนิดจากแมกไม้ใบหญ้าด้วยตนเอง แล้วล่องลอยฟุ้งไปทั่วอย่างมีอิสระเสรี 

“งึ่ง ๆ ๆ ๆ ... ๆ”x??? เสียงประกอบฉากจึงดังกังวาน ณ ธารน้ำยามราตรี 

ก้นของฝูงแมลงติดสัดเชื่อมประสานเป็นคู่ ๆ ในตำแหน่งไม่ลับสายตา อาทิเช่น ซุงท่อนเขื่องซึ่งเกยโขดหินอันเขะขะ กิ่งก้านเรียวหนาที่พืชพุ่มต่ำ พร้อมกับมีละอองสีเขียวมรกตโชยเสริมขึ้นด้วยระหว่างขยับเขยื้อน ปานแสงหิ่งห้อยอันตระการตา สองเขาอ่อนตรงหน้าผากได้โค้งเอนมาพบกันด้านหลังมาก ทำให้เกาะเกี่ยวแบบมิยอมเลิกรา 

“อั่ก!/เจ้าบ้านี่! หัวโผล่มาเกือบครึ่งซีกแล้ว หัดพรางกายซะบ้างสิ เป็นแฟรี่ผืนป่าแท้ ๆ เดี๋ยวก็ไปขัดจังหวะความเป็นส่วนตัวของพวกเขาหรอก” ภูตสาวเอ่ยปากทักขึ้นเบา ๆ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม เพราะเธอใช้ข้อศอกสะกิดเพื่อนชายในวงศ์วานเดียวกันอย่างรุนแรง 

ผลลัพธ์คือโดนสีข้างซ้ายจัง ๆ จนสำลักน้ำลายและสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาเกือบร้องโอดครวญแล้ว แต่ก็สามารถระงับเอาไว้ได้ ระหว่างทั้งคู่กำลังซุ่มมองอยู่มุมขวาบน ณ หลังก้อนหินใหญ่รูปลักษณ์พิกล รวมกับพลพรรคตามที่ซ่อนตัวต่าง ๆ อีกเป็นพรวน 

“ถ้างานเกิดกร่อยขึ้นมา อย่าคิดว่าหนนี้ ข้าจะยกโทษให้เจ้าได้ง่าย ๆ นะ” เธอจึงต่อว่าอีกประโยคอย่างหน้าออกสี 

“แฮก ๆ ฟอลลี่ ข้าอินเกินควรน่ะ เจ้าก็รู้ว่านิสัยนี้ยังแก้ไม่หาย งั้นต่อไปจะระมัดระวังเพิ่มขึ้นเอง” อีกฝ่ายเลยโต้ตอบกลับเช่นนี้ ทั้งยังยกมือซ้ายขึ้นถูไถศีรษะซึ่งรีบหลบเข้าที่กำบัง ทว่ากระอักกระอ่วนใจมิใช่น้อย ใบหน้าขาว ๆ จึงแดงเป็นลูกตําลึงสุกและก้มหัวลงเหมือนยอมรับผิด  

“เพื่อเป็นการไถ่โทษ โทบี้ จงเติมอาคมกระตุ้นเดี๋ยวนี้” จนฟอลลี่ต้องพูดชี้หน้าของผู้พลาดพลั้ง  

“นั่นมันคือภารกิจของข้าอยู่แล้ว ท่านเจ้าหญิง” อีกฝ่ายจึงรับคำอย่างมิรีรอ เขาได้ทุบหน้าอกของตนเองแน่น ๆ คราหนึ่ง แล้วก็ยื่นมือเล็ก ๆ ทั้งคู่ออกไปสมทบกับหมู่มิตรตนอื่น ๆ เพื่อแผ่กระจายของดีแทบไร้สภาพสู่กลุ่มเป้าหมาย หลังจากพักฟื้นเอาแรงและรับชมอย่างเดียวมาสักพัก  

“คิ ๆ ไม่ทำให้สะดุ้งโหยงหรือกระไรหรอกเพคะ รับรองได้เลย ทรงทอดพระเนตรดูพวกมันสิ กำลังหมกมุ่นจริง ๆ เพราะใกล้ถึงขั้นตอนสำคัญแล้ว” สหายหญิงที่มีอายุมากกว่าหลายร้อยปีเลยต้องแหงนหน้าแซวเล่น เธอกำลังลอยตัวอยู่ด้านล่างการหยอกล้อของหนุ่มสาวตัวจิ๋ว  

ชนเหล่านี้คือแฟรี่เผ่าโฟรก้า ผู้มีปีกวิหคอันงดงามมาร่วมโกลาหลกันยกใหญ่ พอจะสถิตพรแก่ถิ่นฐาน โดยแอบให้กำลังใจและเฮโลถ่ายเทพลังเวทย์แด่พ่อพันธุ์ ณ ยามกำลังไร้น้ำยาขันตอบ เนื่องจากออดอ้อนตัวเมียที่ค่อนข้างหัวสูงให้ผสมพันธุ์ด้วยได้นับครั้งมิถ้วน  

“ดีมาก! ของรางวัลต้องเข้มข้นกว่าทุก ๆ ปีเป็นแน่” หัวหน้าทีมเก็บกู้ยิ้มกริ่มและเปรยขึ้นมาค่อย ๆ  

ร่างกายอันล่ำบึกในท่วงท่าหมอบต่ำกับพื้นหลังพงหญ้ากอโต ๆ ได้ใช้แขนขวาแหวกดูอย่างมีชั้นเชิง อีกข้างตั้งข้อศอกให้สัญญาณมือแก่ลูกน้อง ด้วยเหตุว่ากำลังจะเก็บรวบรวมซากศพของตัวผู้ซึ่งโบยบินขึ้นฟ้าเปล่งออร่าแห่งชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อไปเป็นเหยื่อสังเวยในพิธีกรรมปรัมปรา แถมยังสะสมผลึกเชื้อราเรืองแสงภายในอวัยวะสำคัญ เพราะสามารถใช้ประโยชน์ตั้งหลาย ๆ ทาง 

“... ... ...” แต่อยู่ ๆ ทุกสรรพสิ่งกลับเงียบงันลงเฉย ๆ 

“ทำไมถึงหยุดกระทำหมดซะล่ะ? หน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เลยนะ” คนสอดแนมเลยเริ่มสนทนากันไปเรื่อย 

“งั้นลองปลุกเร้าต่อสิ อาจจะบิ้วขึ้นอีกยกก็ได้? แสงตรงก้นยังไม่ดับสิ้นด้วย” 

“เอ๊ะ! ดวงตาดูดุร้ายขึ้นดื้อ ๆ สะ สีก็เปลี่ยนเป็นแดงฉาน โทบี้ เจ้าเห็นเป็นเช่นนั้นไหม?” 

“ทะ ท่าทางจะไม่ดีแล้ว สัญชาตญาณของข้าฟ้องร้องไม่หยุดเลย”  

“งึ่ง ๆ ๆ ๆ ... ๆ”x??? ในพริบตานั้นเอง สุ้มเสียงก็กระหึ่มกลับมาอีกครั้ง หากเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร 

“ฟิ้ว!/กรี๊ดดด...!!!” หนึ่งแมลงร้ายเร่งบินควงสว่าน เพื่อพุ่งผ่าก้อนหินออกเป็นสองเสี่ยงตามแนวปีก ตรงหัวมีพลังงานล้อมรอบโจมตีเป็นหอกทะลวงด้วย ส่วนตัวอื่น ๆ ก็มีความพฤติกรรมคล้ายคลึงกันต่างที่เป้าหมาย 

“อ๊ากกก...!!! ช่างคมกริบเหลือเกิน แบบนี้สู้จำนวนไม่ไหวหรอก ล่าถอยเถิด! จงพาเจ้าหญิงไปที่ปลอดภัยก่อน เดี๋ยวพวกข้าจะเป็นโล่คุ้มกันเอง” นายกองซึ่งบินพรวดขึ้นมาผลักฟอลลี่ให้พ้นห่างจากศิลาก้อนข้าง ๆ เลยรับบาดแผลฉกรรจ์ตรงช่วงบ่าแทน ครั้นดีดกายหลบมิเพียงพอ เกราะไหล่ก็มิอาจต้านทานอยู่ 

“งึ่ง ๆ ๆ ๆ ... ๆ”x??? จากนั้นศัตรูก็พุ่งย้อนกลับมาเกาะกลุ่มกันทั้งฝูง เพื่อก่อพายุงวงช้างหมุนขึ้นฟ้า ณ กึ่งกลางของธารน้ำแห่งนี้ แล้วจึงบินม้วนลงเป็นกระแสอันคดเคี้ยวใส่เหล่าแฟรี่ด้วยความเชี่ยวกราก 

“มากันเป็นพยุหลูกศรแบบนี้ ชิ! หน่วยอารักขารีบกางบาเรียพิทักษ์เร็ว” ทำให้เขาต้องกำกับการรับมือเฉพาะหน้า ภูตนักรบสิบกว่าตนจึงขับเคลื่อนลอยมาเรียงรูปขบวนกัน แต่ละรายได้เสกทวนวิเศษคู่กายขึ้นชี้สู่เบื้องหน้า ออร่าสีเขียวจึงเปล่งให้เจิดจ้า แล้วสนามพลังลายรังผึ้งก็ร่วมก่อทรงเป็นแผง ๆ ในชั่วอึดใจ 

“พึ่บ ๆ ๆ ๆ ... ๆ” ระหว่างที่เสียงกระพือปีกหนีสุดชีวิตปรากฏขึ้นเต็มไปหมด 

“เพล้ง!/อ๊ากกก...!!!”x??? ฝูงสัตว์เวทย์อันคลุ้มคลั่งกลับฝ่าเข้าจู่โจมกองเชียร์อย่างไร้ไมตรี ด้วยอำนาจเหนือกว่า จึงสามารถกวาดทั้งแนว กระทั่งเรื่องความว่องไว จนไล่ได้ทันในที่สุด 

ปีกบางกางออกกว้างใช้เชือดเฉือนเหยื่อ ด้วยความฉวัดเฉวียนต่างดาบเลเซอร์ซึ่งฟาดฟันทุกอย่าง จนชิ้นส่วนต่าง ๆ ต้องขาดสะบั้นและร่างหล่นดังตุบ พอร่อนจับกดได้สนิทดีแล้ว จึงบังคับปากเรียว ๆ เป็นหลอดดูดชีพให้กลายเป็นมัมมี่ในบัดดล แล้วก็หาอาหารรายใหม่ หลังจากนั้นยังแห่บุกกวาดล้างที่พักอาศัยทั้งเผ่าพันธุ์ต่อด้วย ก่อนจะหายเข้ากลีบเมฆ 

“ไม่นะ!” ภายหลังภูตผู้รอดชีวิตเพียงตนเดียวพร่ำเพ้อขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ยังมิได้สติ ขณะนี้กำลังนอนพะงาบ ๆ บนเตียงห้องฉุกเฉินอันมีอุปกรณ์ช่วยยังชีพครบครัน ณ วิหารศูนย์กลางแห่งนิกายออโรร่า ผู้คนจึงตื่นตูมกันยกใหญ่เชียวล่ะ เพราะคิดเอาเองไปต่าง ๆ นานา 

“โอ้! พระเจ้า ได้โปรดช่วยคุ้มครองพวกเราด้วยเถิด” หญิงสาวผู้งดงามกำลังคุกเข่าอธิฐานกลางบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สองมือกุมที่หน้าอก เพื่ออ้อนวอนขอความเมตตาจากเบื้องบน ด้วยเสียงกระจ่างดั่งเคาะคริสตัล เธอสวมเครื่องทรงสีขาวไร้ราคี เนื่องจากเพิ่งเปียกชุ่มโชก ทำให้กึ่งเผยเรือนกายอรชรอ้อนแอ้นอย่างน่าดูชม 

[ป่าหงอยใบเหงา! รอให้เฉายังไงก็มิได้ฟินแน่]  

พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของฟอเรสนิวส์ ณ วันที่ 11 เดือนสาม รอบวงปี 1754 จึงปรากฏแด่สายตาของชาวประชา เพื่อตัดหน้าเจ้าอื่น ๆ เนื่องจากอยากทิ้งท้ายให้ห่างไว ๆ ก่อนจะถูกรุมประณามจากเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิอย่างกว้างขวาง ยอดขายเลยลดลงฮวบฮาบทีเดียว  

ประกอบกับฝูงแมลงประเภทอื่น ๆ อย่างด้วงเกราะปีกนิ่ม ผีเสื้อจำแลงและผึ้งต่อแตน ครั้นตงิด ๆ ว่าน่าจะมีเอี่ยวด้วยทั้งหมด? กระทั่งสัตว์ตัวกระจ้อยร่อยบางชนิดเอง เช่น จิ้งจอกหูยาวจอมเจ้าเล่ห์ ซึ่งนักวิจัยต๊อกต๋อยเข้ามาจับพลัดจับผลูได้กลิ่นไม่สู้ดี เขาจึงยื่นเรื่องให้ถึงต้นสังกัดโดยเร็วที่สุด  

“หืม! ... เป็นไปไม่ได้?” ผู้ชายมาดเซอร์ถึงกับตื่นตะลึง ขณะรับทราบเรื่องราว 

แก้วโปร่งใสที่บรรจุเหล้ากลั่นเพียว ๆ อยู่ครึ่งค่อนหลุดมือให้ตกแตกลงพื้น ท่ามกลางแสงต่างสีสันจากไฟดิสโก้บนเพดาน กะทำนองเพลงดังระคายหู ชายร่างโย่งซึ่งสวมเสื้อมีฮู้ดยาวคลุมศีรษะและหญิงสาวร่างเล็กในชุดหนังทันสมัย ณ โต๊ะเคียงข้างกันจึงต้องหันมองอย่างน่าฉงนใจ 

“ตกใจเรื่องอันใดกันเล่า? ผู้ช่วยของข้า” ทั้งผู้เฒ่ามนุษย์แพะซึ่งเพิ่งจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็สงสัยใคร่รู้กับเขาด้วย โดยคลายไทด์ผูกคอออกให้หลวม ๆ พอกลับมาถึงที่นั่งเดิมของตนแล้ว 

“ไม่มีอะไรหรอก ท่านศาสตราจารย์ไอตาน คงจะเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยมากจากงานวิจัยของข้าเอง” ทำให้ชายหนุ่มต้องปรับอารมณ์ใหม่และปั้นสีหน้าคืนกลับ แล้วจึงตอบกลบเกลื่อนไปตามน้ำ 

“...” 

(เริ่มกันแล้วรึ?) เนื่องจากเขาต้องครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด 

ส่วนเรื่องรายละเอียดหรือ? ก็บอกว่าพวกมันกำลังทยอยเอาตามอย่างบ้าง แม้จะมิร้ายกาจเทียบเท่า จากคำให้การของพยานปากเอก? ซึ่งบังเอิญอวดอ้างวีรกรรมกลางบาร์เหล้า เมื่อเมาปลิ้นมาตั้งแต่แรก ส่วนที่เหลือยังเริ่มทำตัวแปลก ๆ ถึงขั้นก้าวร้าวไม่เลิก หากเผลอไผลอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง  

“ในอดีตข้าเคยต่ำต้อยด้อยค่า เป็นดั่งมดงานตัวจ้อย แต่ตอนนี้กลับยิ่งใหญ่แทบจะถีบหัวราชินีส่งเชียวล่ะ ดูสิ! มันก็คือหลักฐานอันมิอาจโต้แย้งได้ นี่ไง! บาดแผลเป็นใหญ่ ๆ บนแผงอก แหกเปลือกตามาดูให้ดีซะ” นายพรานอาวุโส? กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า มือทั้งสองคว้าปกเสื้อแหวกออกกว้าง ๆ เพื่อโชว์หราระหว่างกำลังสุดซวนเซ ทว่าก็มิล้มทิ่มให้หน้ากระแทกพื้น  

“หึ ๆ เกียรติยศนี้ มฤตยูแห่งดึกดําบรรพ์ได้ทำเอาไว้ แน่นอน ทางมันเองต้องถูกแก้ลำหนัก ๆ ไปด้วยเหมือนกัน ถ้ากล้ามาดูแคลนข้านะ ก็ต้องโดนดีแน่ นี่ขอบอกเอาไว้ แล้วจะหาว่าไม่ตักเตือน ฮา ๆ ๆ ๆ” จากนั้นก็เปล่งเสียงลั่นออกมา 

พร้อมกับคว้าแส้อ่อนขึ้นจากข้างเอว แล้วเหวี่ยงพันเสาอะโกโก้ข้าง ๆ ซึ่งห่างอยู่สักระยะและกระโดดสูงจากแท่นยืน เพื่อโหนเป็นวงถึงสามรอบอย่างชำนาญ ขณะร่างลดระดับลงตามแรงโน้มถ่วง แขนอีกด้านเฉียงออกข้างกับเอนตัวตลอดทั้งช่วง ราวกับเต้นลีลาศกลางอากาศ เขาหัวเราะแสนสำราญ ทั้งยังพานเฉี่ยวชนผู้คนในละแวกนั้นด้วย 

“ยิ่งในช่วงนี้ยังเริ่มพิลึกพิลั่นกันแล้ว เอิ้กกก...!!! ข้าผู้มีประสบการณ์จะเล่าให้พวกเจ้าฟังเอง ถือเป็นบุญหูนะ ฮา ๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า โอ๊ย!/เพล้ง!” แต่เขาก็ต้องหยุดลงตรงพิกัดเดิม เพราะวิงเวียนหัวชะมัด ก่อนจะถูกบังคับให้หุบปาก เพราะขวดเหล้าเขวี้ยงโดนศีรษะเต็มเหนี่ยว 

“ว้าเว้ย! เท้าถีบกบาลของข้าเลยนะเนี่ย ถ้าไม่เห็นว่าแก่แล้วล่ะก็ เข้าไปนอนนิ่งในโลงแน่”  

“นี่พาปู่ซ่าคนนี้ลงมาจากเปียโนซะ พวกน้องหนูเลยขึ้นไปเต้นโชว์ไม่ได้กันพอดี” ทำให้บรรดาลูกค้าต้องโวยวายมิยั้งปาก 

“รีบจับตัวของคุณลูกค้าคนนั้นด่วน เอาให้อยู่ด้วยนะ เดี๋ยวท่านก็เลื้อยไปทั่วอีกหรอก อา! เดี๊ยนปวดหัวมาก แล้วเอาไปกองไว้ข้างถังขยะนอกร้านเถอะ” ผู้จัดการสาวประเภทสองเลยต้องกุมขมับ สีหน้าคล้ายจะเป็นลม เธอเร่งเรียกเด็กรับแขกให้มาเข้าตะครุบตัวของชายชราเป็นทิวแถว 

ถึงรายงานแจ้งเตือนฉบับนี้จะมีค่าแค่ใช้สายตาไล่ผ่าน ๆ เท่านั้นเองก็ตาม คนแตะต้องเลยยิ่งกว่าน้อย แต่มันดันต้องใจของมหาชนเข้าให้ สปีชีส์ล่าสุดน่ะ มิเฉพาะกับผู้เยาว์เฉย ๆ ดังนั้นเมื่อพานถึงหูของสื่อมวลชนเจ้าเดิม การไม่รั้งรอตอกไข่ใส่ตั้งหลายเข่งจึงได้บังเกิดขึ้นตามมา  

[ใครเจอความน่าชังของเจ้าตัวน้อยบ้าง? ช่วยมาส่งคืนที]  

คอลัมน์นี้คือการล้างอาย ณ วันที่ 4 เดือนสี่ในปีเดียวกัน ขอสารภาพตรง ๆ เลยนะ ว่าปลุกปั่นกระแสเกินไปนิด คลื่นสะท้อนลูกใหญ่จึงถาโถมเข้าใส่เต็ม ๆ หลังจากออกสู่ตลาดไม่นานนัก ผู้คนจึงเฝ้าติดตามกันแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อย ทางสำนักพิมพ์เลยสามารถกู้หน้าคืนได้สำเร็จแล้ว 

“เฮ้อ! กว่าความนิยมจะฟื้นคืนมา” มันทรานีถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะนั่งอยู่ในห้องทำงาน จากนั้นจึงหมุนพนักเก้าอี้ไปจดจ้องทั้งสองบุคคลตรงหน้า พร้อมกับยื่นซองกระดาษให้ทีละเพศ 

“คุณทำได้ดีมาก” เขากล่าวกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสุภาพ  

“โบนัส!? ... ฮือ ๆ บอส! ข้าจะพยายามต่อไป เพื่อบริษัทที่ให้โอกาสแก่ผู้หญิงคนนี้” เธอซาบซึ้งสุด ๆ ซึ่งรับมาด้วยสองมืออันสั่นเทา จากนั้นมันทรานีก็เหล่สายตามองฝ่ายชายข้าง ๆ เขม็ง 

“ฮะ! ไล่ออกเลยรึ? ตอนนั้นท่านก็เห็นชอบด้วยนี่นา ทำไมถึงมาลงสู่ข้าเพียงคนเดียวเล่า?” แต่อีกคนกลับพบเหตุการณ์เป็นตาลปัตร พอรับมาเปิดอ่าน เขาสะท้านจนฉีกของในมือเป็นชิ้น ๆ และขว้างใส่ผู้ให้โดยมิคิดหน้าคิดหลัง 

             “แฮกเกอร์! เร่งออกจากตึกเดี๋ยวนี้ซะ นี่อารมณ์ดีแล้วนะ ไม่งั้นข้าจะไล่ตะเพิดเตะส่งเจ้าเอง” มันทรานีเลยยกมือปัดเศษกระดาษบนร่างอย่างสงบ 

“ฮึ่ม! ที่อุตสาห์ให้เขียน ก็เพราะเห็นแก่สหายเก่าอัลเฟรดแค่นั้น ผลงานก็ย่ำแย่ แถมยังฉุดลากให้ลงนรกตามไปด้วย อา! ชาตินี้มิขอพบเจออีกแล้ว” จากนั้นก็ระเบิดเพลิงโทสะขึ้นทันที ถึงกับหยิบปึกเอกสารตั้งโต ๆ ซึ่งวางเกะกะลูกตาอยู่บนโต๊ะ เพื่อขว้างใส่อีกฝ่ายกลับคืน 

“กรอดดด...!!! ไม่ยุติธรรมชัด ๆ” ผู้เสียประโยชน์ก็ยกแขนขึ้นป้องกันทันควัน สิ่งแจกมาจึงปลิวว่อนกลางหาว แล้วเขาก็ต้องเดินตรงเข้าไปทุบโต๊ะทำงานดัง ๆ ถึงสองครั้งซ้อน ทั้งยังกวาดมือเคลียร์ข้าวของบนนั้นให้ตกลงตามพื้นห้องอย่างระรานผู้คน 

“ดี! ข้าจะไปฟ้องกรมแรงงาน รีบล้างคอรอเอาไว้ซะ” กะชี้หน้าข่มขู่อดีตนายจ้างแทบจะสัมผัสกันตรง ๆ แล้ว อีกฝ่ายก็เชิดหน้ามิยอมอ่อนข้อให้ ก่อนจะก้าวเข้าหาประตูเบื้องหลัง เขาพยายามรักษาความเท่เอาไว้และหยุดเหลือบมองสาวเจ้าแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเปิดและปิดอย่างหยาบคายเป็นการสั่งลา  

“ถ้ากล้าพอก็ลองท้าทายอำนาจดูสิ อยากจะรู้นักว่านักผจญภัยผู้ลืมตนจะทำอะไรได้บ้าง?” มันทรานีจึงต้องของขึ้นมากเหลือเกิน เลยต้องควักไปป์ทรงกริฟฟอนออกมาจากแขนเสื้อ แล้วก็อัดยาเส้นใส่และจุดไฟต่อ เพื่อจัดหนักสูบดับอารมณ์แค้น 

“...” สำหรับสุภาพสตรีเพียงคนเดียวกลับได้แต่ยืนมองตาค้าง ท่าทีก็ลุกลี้ลุกลนยิ่งนัก เพราะไม่รู้จะทำเยี่ยงไรดีเหมือนกัน 

ทางสถาบันเบนเนสเองก็พลอยติดหางเลขไปด้วย แล้วจะเหลือหรือ? นี่เป็นถึงวิทยาลัยอันดับแรกแห่งฟอเรสทีเรียเชียวนะ ถึงกับต้องควานหาข้อมูลกันแทบรากเลือดทีเดียว จึงพอจะยันสถานการณ์เอาไว้ได้ แต่ในขณะนี้น่ะ เพียงแค่หวังว่าคำตอบซึ่งเฝ้าฝันหาจะเป็นดั่งความปรารถนาเท่านั้น  

แถมเจ้าปีศาจวิปลาสนั้นก็อาละวาดตามตำแหน่งสำคัญ ๆ ไม่เว้นแม้แต่เมืองหลวงกรีนไมล์ จนบรรยากาศเลวร้ายเลยเถิดยิ่งขึ้นซะอีก เพราะมีเหยื่อเป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองหรือคหบดีเงินถึงหลายสิบคดีแล้ว ผู้เคราะห์ร้ายต่างถูกควักนัยน์ตาและหัวใจอย่างน่าสยดสยอง 

“อาาา...!!! มันเป็นใครกันแน่? ผู้ใดที่กล้ามาแอบอ้างชื่อเสียของข้า?” ทำให้ผู้ถูกสวมรอยแต่กลางคันต้องเดือดดาลเป็นอย่างมาก เพราะโดนละเมิดลิขสิทธิ์ของตัวตนไป 

“หึ ๆ มันบรรลัยตามที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ทุกประการ ดีมาก! จงพินาศกันเองเถอะ” สำหรับตัวต้นเหตุในทุก ๆ ปัญหาทั้งโดยตรงและทางอ้อม เขาเลยกล่าวขึ้นด้วยความรื่นรมย์ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว