เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรเลย
เรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นพระเอกไม่ได้หรือไง
ณ กรุงเทพ ปี พ.ศ. ?
" ศาลได้ตัดสินโทษข้อหา ฆ่าคนอย่าไร้ความปราณี จึงมีโทษ ประหารชีวิต "
ชายคนนั้นมองไปที่ศาลก่อนที่จะคิดว่า
"ฉันยังไม่ได้ทำอะไร ทำไมละ ฉันไม่ได้ทำ "
3!2!1!
"เอะไม่รู้สึกอะไรเหะ รู้สึกเหมือนร่างกายแปลกๆรู้สึกเบามาก มืดจังลองลืมตาดูหน่อยละกัน "
เมื่อเขาลืมตาตื่นมาเขาก็พบกับหุ่นไล่กาตัวหนึ่งที่จ้องมาที่เขา
"อะไรหุ่นไล่กา แล้วทำไมบนสวรรค์ถึงมี หุ่นไล่กาได้ละ ว่าแต่นี่ฉันใสชุดอะไร แล้วผมนี่มัน"
เขานั่งงงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเดินตามหาน้ำ
เขาได้เจอลำธารแห่งหนึ่ง
"นี่ฉันกลายเป็นผู้หญิง แถมชุดนี้มัน นางร่ำงั้นหรอ แต่ทำไมถึงมีเลือด จริงสิฉันตายไปแล้วนี่นา เราควรเรียกตัวเองว่าอะไรดี .... เอาเป็น ทัณญ่า "
ทัณญ่า ได้นั่งคิดทบทวนก่อนที่จะเดินตามหาคนเพื่อตามหาความช่วยเหลือแต่
"หน้าอย่างี้จะมีใครกล้าเข้าไกล้ละ"
หลังจากที่ทัณญ่า บ่นว่าอยากให้หน้าดูดี พร้อมบอกเหตุผมของเธอ จู่ๆหน้าเธอก็เปลี่ยนไปดูเป็นคนมากขึ้น
"นี่มันอะไรกันหรือว่านี้คือพลังของสวรรค์ จะเป็นไปได้ไง "
เธอเริ่มเดินไปจนเจอบ้านทรงไทยแห่งหนึ่งเธอเดินเข้าไปพบกับห้องดนตรีไทยที่รวมทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับการร่ำนั้น ทัณญ่ารู้สึกเหนือยและ กระอักเป็นเลือดเธอไม่รู้จะต้องทำยังไง เธอเดินไปที่กลางเวทีโดยไม่รู้ตัว และเธอก็เริ่มร่ายร่ำ ในยามค่ำคืน
ทัณญ่านั้นจู่ๆก็หยุดร่ำและก็สลบลงไป เพราะอาการเหนื่อยล่า นั้นเอง
เช้าวันต่อมา
ทัณญ่าเริ่มไปไกลจากบ้านทรงไทย และเธอก็ไปเจอ เศษ ซากของสัตว์ที่ตายโดยโดน ฆ่าอย่างโหดเหี้ยม มันทำให้ ทัณญ่านึกถึงเรื่องราวต่างๆในสมัยยังไม่ตาย
ทัณญ่า เดินเข้าไปตามรอยเลือดจนไปเจอหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทัณญ่าจึงคิดว่า อยากไปตรงต้นไม้ต้นนั้น จู่ในจังหวะที่ทัณญ่านั้นหลับตาลงเธอก็ไปยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นนั้น
"นี่มันอะไรกัน นาจเป็นความสามาถรของสวรรค์อีกแหละแต่ทำไมรู้สึกแปลกๆ"
ทัณญ่าได้แอบฟังชาวบ้านคุยกัน
"นี่รู้ไหมหมู่บ้านเรามีผี ปอบด้วยรู้ไหม หลักฐานที่สัตว์พวกนั้นตายแบบนั้นแกก็นาจรู้ดี !?"
ทัณญ่าหลังจากได้ฟังเธอก็ได้กลับไปที่บ้านทรงไทยพอตกค่ำ ทัณญ่าได้ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านนั้นแต่ทัณญ่าเฝ้ามองผ่าน บนเขา
ทัณญ่ามองไปก็พบ คนๆหนึ่งที่พยามไล่ล่าสิ่งมีชีวิต เช่น เป็ด ไก่ หมู วัว แม้กระทั่งคน
ทันณญ่าที่เห็นหยังงั้นจึงปริ้งเข้าไปขวางหน้า ผีปอบตนนั้นเอาไว้
"แกเป็นใครมาขวางข้าทำไม ! ชุดแบบนี้หรือว่า!?"
ผีปอบตนนั้นจู่ๆหลังจากที่พูดจบ ก็วิ่งหนีไปที่ภูเขา
และทัณญ่าเอยขึ้นมาสั้นๆ
"ทางนั้นมันบ้านฉันนะนั้น ฮ่าๆ"
หลังจากที่ปอบตนนั้น หนีจนมาเจอบ้านทรงไทยเกาแก่ ปอบตนนั้นพูดขึ้นมา
"นั้นมันผีนางร่ำไม่มีผิดมันนาจะไม่มีในโลกแล้วนี่ ครั้งล่าสุดผีนางร่ำ โดน ผู้นำบนสวรรค์ สั่งล้างบาง เพราะ พลังอำนาจของผีนางร่ำนั้น มีริดเดชมาก เกรงกลัวต่ออำนาจที่ผีนางร่ำนั้นมีริดเดช ก็เลยล้างบางไปแล้ว "
ปอบตนนั้นเดินไปถึงมุมบันได จู่ก็มีเสียงทัณญ่า
"อยู่ไหนเอย?ฮ่าๆๆ"
เสียงของทัณญ่านั้น พูดเหมือนกันกะจะมาฆ่าผีปอบตนนั้นผีปอบตนคิดขึ้นได้
"ดนตรีไทย ไม่ไม่ไม่จริง!! "
พอผีปอบหันหลังไปจู่ๆก็มีเสียงดนตรีไทยดั่งขึ้น พอผีปอบตนนั้นหันไปก็พบกับ ทัณญ่า ที่กำลังร่ายร่ำอยู่ จู่ๆทัณญ่าหายไปและมาโผล่มาที่หน้าผีปอบตนนั้น พร้อมกับเอยขึ้นมา
"จงหายไปจากหมู่บ้านนี้ซะแล้วก็เลิกฆ่าสัตว์สักที ไม่งั้นรู้นะ ต้องเจอกับอะไร "
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ"
ทัณญ่าเดินไปเดินมาพร้อมกับทำท่าคิดแล้วตอบไปว่า
"ไม่!!!!!"
ผีปอบตนนั้นวิ่งไม่คิดชีวิต หลังจากนัเนดนตรีไทยก็เสียงร้องดั่งลั่นบ้าน
ผีปอบตนนั้นหาทางออกไม่เจอเพราะบ้านหลังนั้นกลายเป็นเขาวงกตไม่แล้ว
"ไม่มีที่ให้หนีแล้วละยอมแพ้ซะ "
หลังจากนั้นทัณญ่าจึงไปหยิบ ขวดโหลที่ติดยันเอาไว้ ทัณญ่าได้ดึงวิ่งญาณปอบออกจากร่างก่อนจะพาไปไว้ที่หน้าหมู่บ้าน
"เอาละอยู่ในนี่ไปซะปอบน้อยฮ่าๆ"
"เอาละพรุ้งนี้ทำอะไรดีน้าาาาา"
ทัณญ่สได้เดินไปที่หน้าโต๊ะที่มีขวดโหลใสวิณญานปอบเอาไว้
"นี่เจ้าปอบเจ้าบอกไช่ไหมว่า ผีนางร่ำทุกคนหายไป แล้วหลังจากที่พวกข้าหายไปพวกแกทำอะไรกับแผ่นดินไว้บ้าง!!?"
ปอบตนนั้นตกใจอย่างมากและบอกด้วยน้ำเสียงทีกลัว
"หลังจากที่พวกท่านหายไป พวกผีที่อยู่รองจากท่านก็มีอำนาจ มากขึ้น และก็พากันมีถิ่นหากินเป็นของตัวเองและ เมื่อข้าหายไป ก็จะมีผีตนฝหม่มารับหน้าที่ตรงนั้นแทน เพราะฉนั้น อย่าไปแกล้งเขาเยอะละ "
"..จ้าาา!"
ทัณญ่าตอบด้วยสีหน้าที่เสเซรง
ทัณญ่าเดินเข้าไปที่ห้องของตัวเองก่อนจะพูดเบาๆ
"นี่ฉันพูดแบบไม่เป็นตัวเองเลยแล้วตอนนั้นไปจับผีปอบใจกลัวแต่แล้วทำไม ถึงทำแบบนั้นได้"
และทัณญ่าก็หลับลงไป จนถึง เที่ยงคืน เป็นปรกติที่ ทัณญ่าจะต้องออกมาร่ำเพราะคำสาบที่ ผู้นำสวรรค์ ต้องร่ำทุกๆเที่ยงคือไม่งั้นจะต้องรู้สึกเจ็บปางตาย
จบตอนที่หนึ่ง