๐คราใด ที่เจ้าสุข ข้าจองผลาญ
คราใด ที่เจ้าทุกข์ ข้าขอกาย
คราใด ที่เจ้าเศร้า ข้าขอเลือด
เเละคราใด ที่เจ้าตาย ข้าขอวิญญาณ
เฮือก!
นํ้าผึ้งสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พลันเหลียวมองรอบห้อง
ชุดนอนสีเเดงอมชมพูชุ่มชโลมไปด้วยเหงื่อทั่วตัว
ใบหน้าดูซีดเผือด ดวงตาดูกลวงลึก มือทั้งสอง
นั่งกุมขมับอย่างกับคนหวาดระเเวง เธอมองรอบ
บริเวณห้องพลางเปิดโคมไฟที่ตั้งอยู่ใกล้ๆหัวเตียง
ยามรัติกาลนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายมีมือปีศาจวาด
ระบายเเต่งเเต้มสีตามใจอยาก ทั่วห้องของเธอมี
เพียงความมืดที่กลืนกินทุกสิ่งมีเพียงโคมไฟน้อยๆ
ที่ประทั่งความสว่างใกล้ๆกายของเธอ หญิงสาวนั่งพิงพนังของห้องสองมือนั่งกอดเขานึกทบทวนเสียงที่กระซิบข้างหูเบาๆเเล้วค่อยๆพลันสลายหายไปนับคล้ายว่ามาจากที่ไกลเเสนไกล เเต่เธอกลับนึกไม่ออกเสียว่าสิ่งที่ได้ยินนั้น มาจากที่ไหนเเล้วมาทำไม ต้องการอะไร เธอเฝ้าถามตัวเองอยู่นานจนมาถึงยามสี่ เธอสะบัดความคิดทั้งหมดไป
เพราะว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปร่วมงานเเต่ของเพื่อนชายที่รักของเธอ เธอพิงกายนอนลงเเล้วเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว!
เสียงเเว่วเพลงบรรเลงงานเเต่งมาเเต่ไกลลิบลิ้ว
เสียงกล่อมขวัญดังกึ่งก้องทั่วบ้าน ผู้คนรายล้อม
มากมายจวนจะล้นบ้านของเจ้าบ่าวผู้ที่ใส่สูทสีดำ
ใบหน้าดูเเจ่มใสยิ้มเเย้มตลอดเวลา ดวงตาสีอำพัน
เเพขนตาหนาอย่างเป็นประกายดุจเเก้วมณีเจ็ดสี
ริมฝีปากที่ดูงดงามดั่งพระอินทร์รูปทองจำเเลงร่างข้างๆเขาคือหญิงสาวที่สวมชุดเเต่งงาน
ลายดอกไม้สีขาวสดใส ใบหน้าของหญิงสาว
เวลาเปี่ยมไปด้วยความงดงาม ดวงตาเจิดจรัส
ดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า เเพขนตาบางเเต่มีความงดงามซ้อนเงื่อน ริมฝีปากทาลิปสติกสีชมพูอ่อน
ทั่วร่างกายของหญิงสาวนั้นประดับประดาไปด้วย
กำไลข้อมือเพชรที่เกาะรัดอยู่บนข้อมือด้านขวา
สร้อยเพชรสีขาวเจิดจรัสเมื่อต้องเเสงอาทิตย์
มันจะเเพรวพราวสวยงามดั่งมณีเจ็ดดวง
เสียงผู้เฒ่าเเก่ชราคนหนึ่งเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า
กางเกงขายาวสีดำธรรมดาบ้านๆ ผูกผ้าขาวสีเเดง
ปนลายส้มคาดไว้ที่เอวอย่างคนสมัยโบราณทั่วไป
ใบหน้าดูซีดเซียวเสียวเหี่ยวย่น ตาของเเก่ดูคล้ายจะปิดเเต่ที่จริงเเล้วเเก่ก็อายุมากหลาย หนังตาจึง
ค่อยๆฝ้าฟางไปเรื่อยตามประสาคนเเก่ทั่วไป
เสียงให้ขวัญคู่บ่าวสาวดังขึ้นจากปากของเเกพร้อมการผูกเส้นด้ายดิบอย่างช้าๆ
๐ฝ้ายเส้นนี้กูขอให้พวกมึงเป็นสุข
ฝ้ายเส้นนี้กูขอให้มึงพ้นภัยอันตรายทั้งปวง
ฝ้ายเส้นนี้กูขอให้พระอินทร์ดูเเลเเละปกปัก
ฝ้ายเส้นกูขอให้พวกมึงยืนยาวกาลนานไป
สิ้นเสียงผู้เฒ่าเเก่ชายจบลง เสียงลมพัดกระโชก
เเรงอย่างฉับพลัน ต้นไม้เอนไหวดั่งมีชีวิตขึ้นมา
ท้องฟ้าสีดำลอยอ้อยอิ่งม้วนตัวเกาะกลุ่มกันเป็น
เกล็ดปลาใหญ่สีเเดงฉานดั่งมีปีศาจระเลงสีเลือด
ป้ายเต็มทั่วท้องฟ้า ความมืดครอบงำทุกสิ่งอย่าง
ดุเดือด เสียงลมซัดบายศรีที่ตั้งตระหง่านสูงล้มลง
อย่างเเรงจนทำให้คู่บ่าวสาวถอยออกมาเเต่ตาเฒ่าที่กำลังผูกด้ายดิบได้เอ่ยขึ้น
" ข้าขอผูกด้ายดิบนี้เสร็จเสียก่อน "เสียงของตา
บอกกับคู่บ่าวอย่างนั้นเเล้วดวงตาของเเกเพ่งเล็ง
ไปที่ด้ายดิบที่เเกกำลังพูดพลางปากของเเกก็สวด
อะไรพึมพำอย่างรวดเร็ว ได้สักครู่เเกก็ผูกเสร็จ
ตาเฒ่าออกอาการชักเกร็งอย่างกระทันหัน
" ตาครับ! ตาครับ! " เสียงของเอกพันธ์วิ่งเข้ามา
ประคองตาเฒ่าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของชายหนุ่ม
ดูตื่นตระหนก ดวงตาของเขาดูเป็นประกาย
สูทสีดำของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยนํ้าลาย
ฟูมปากของตาเฒ่าหัวหงอกที่โดนประคองอยู่
ตรงหัวเข่าของเอกพันธ์
" คุณค่ะ!ตาเเกเป็นอะไรหรือค่ะ " เสียงของนํ้าผึ้ง
ที่วิ่งเข้ามาดูเอกพันธ์คนรักของเธอที่กำลังประคองร่างที่หมดสติของตาเฒ่า ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อท่วมกายเเลเห็นเเล้วท่วมชุดที่เธอ
ใส่เป็นเสื้อลายลูกไหมสีขาวอมชมพู ใส่กระโปรง
สีชมพูอมส้ม รองเท้าสีดำขัดชู
" เดี๋ยวฉันจะไปตามหมอมาให้นะค่ะ " ทันใดที่สิ้นเสียงของนํ้าผึ้ง ลมกระโชกเเรงได้บั้นถอนลงอย่างสงบเมฆดำเกล็ดปลาใหญ่สีเลือดได้อันตธานหายไปอย่างน่าพิศวง เสียงนกเเสกบินมาเกาะบนหลังคา เเววตาอันเเวววาวของมันมองมาที่
นํ้าผึ้งที่กำลังวิ่งกระสับกระสนเพื่อไปตามหมอมารักษาตาเฒ่าเเก่ที่กำลังนํ้าลายฟูมปากอยู่ในตอนนี้ชั่วอึดใจขนาดหนึ่งนกเเสกก็ได้บินลาลับขึ้นฟ้าหายไปอย่างน่าเเปลกใจ
เสียงคุณหมอวิ่งมาที่บ้านงานเเต่งของเจ้าบ่าวใบหน้ามีเหงื่อออกจนจนท่วมถึงหน้าอก หมอใส่ชุดเเพทย์สีขาว กางเกงสีดำ วิ่งถลาเข้าหาคนไข้อย่างรวดเร็ว หมอสัมผัสข้อมือของเเก
เเล้วได้เงยหน้ามองมาที่เอกพันธ์ ด้วยเเววตาที่ดู
เศร้าสร้อย พร้อมเอ่ยเสียงออกมาเบาๆ
" คุณลุงตายเเล้วนะครับ ชีพจรขาดหายเเล้ว "
เอกพันธ์นํ้าผึ้งเเละผู้คนที่รายล้อมรอบอาณาบริเวณบ้านได้ฟังจากปากหมอก็ทำสีหน้าหดหู่ส่ายหัวกันไปมาอย่างกับคนสิ้นหวังอย่างไร้ที่ติ
งานศพของตาเฒ่าเเก่ ถูกเผาขึ้นภายในสามวันหลังจากงานเเต่งในวันนั้น ผู้คนต่างพากันมาวางดอกไม้จันทร์กันมากมายกลายกอง ของชำรวยหรือเงินโปรยทาน ถูกโปรยลงพื้นเป็นเสียงดังเกลื้อนทั่วอาณาบริเวณเมรุวัด
" นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นเเน่ค่ะเอก " เสียงนํ้าผึ้งเอ่ยถามคนรักด้วยนํ้าเสียงราบเรียบ ใบหน้าดูสดใสมีรอยยิ้มจางๆบนเเก้มพร้อมเเววตาที่ดูงดงามป่านจะชุดวิญญาณของคนรักมาให้ได้
" เรื่องนี้มันอาจจะเป็นเเค่อุบัติเหตุ ตาเเกอาจจะตกใจกับพายุหนักจนช็อกตัวเกร็งนํ้าลายฟูมปากจนเสียชีวิตก็ได้น้ะครับ " เสียงเอกพันธ์บอกกับนํ้าผึ้งด้วยนํ้าเสียงที่หวาน พร้อมกับเเววตาที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ดั่งนํ้าทิพย์ชโลมใจ
" เเต่ฉันเป็นห่วงคู่บ่าวสาวนั้นจังค่ะ อาจจะขวัญเสียไปมากกว่าจะได้รับขวัญอีกนะค่ะ " นํ้าผึ้งมองไปยังหญิงชายที่นั่งข้างๆทางขวา เเววตาเธอดูสอดเเทรกความเป็นห่วงเเบบพิเศษโดยไม่รู้เลยว่าเอกพันธ์ได้มองตามเธอไปจนเกือบจะคอหักเสีย
" ผมลองไปคุยกับเขาเเล้วล่ะ เขาบอกว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นอาถรรพ์ เเต่ผมไม่เชื่อหรอกน้ะตราบใดที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูนจ์ไม่ได้ทุกอย่างที่ผมมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นภูตผี ปีศาจ ก็ตาม "ชายหนุ่มทำเสียงเเข็ง ใบหน้าดูเคร่งขรึม ขนตาที่เเพสวยงามตอนนี้กลับเป็นดูลึกลับ ดวงตาพิศวงมองไปยังเบื้องบนของเมฆอย่างใจจดใจจ่อ
คืนนี้ราตรีมืดดับ จันทร์ดับสลายมลายสูญสิ้นไม่เหลือเเม้เเต่เเสงที่พอจะมีให้เห็นเลยเเม้เเต่น้อยความมืดคืบคลานเข้าไปในตัวบ้านทุกซอกทุกมุมของอาณาบริเวณ ไม่เว้นเเม้เเต่ห้องที่นํ้าผึ้งนอนห้องของนํ้าผึ้งถูกความมืดกลืนเสียหมด
๐เสียงเพลง ข้าจะก้อง เป็นเลือดเเดง
เมฆสี เเดงจะกลืน ทุกสิ่งอย่าง
เเม้เเต่ ดวงวิญญาณ ก็ไม่ต่าง
ตายทั้งเป็น ทรมาน ชั่วกัปกัลป์
เฮือก!
นํ้าผึ้งลุกพรวดจากที่นอน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกโชก มือสองข้างพลันตอนนี้ไม่
เขยื้อนกระดุกกระดิกเเม้เเต่นิด เธอฝันเเบบนี้รอบที่สองเเล้วราวกับว่าใบเสียงนั้นเหมือนจะสูบกินวิญญาณของเธอไปดั่งไม่มีวันกลับย้อนคืนเธอมานั่งพิงพนังดั่งท่วงทีดูอิดโรยเหมือนคนไม่มีกระดูกเธอนั่งทบทวนความฝันอย่างงงงวยอยู่ก็มีเสียงลมเบาพัดพายอดไม้ ใบไม้ปลิวกลิ่นจำปีหอมฟุ้งซ่านไปทั่วบ้านของเธออย่างน่าเเปลกทั้งที่บ้านของเธอไม่มีต้นจำปีเเม้เเต่ต้นเดียวลมพัดดอกจำปีดอกหนึ่งเข้ามาทางหน้าต่างของเธอล่องลอยมาตกตรงผ้าห่มผืนใหญ่ที่ห่มกายของหญิงสาวเอาอยู่ หญิงสาวใช้มือหยิบขึ้น
มาเพ่งเล็งว่าจำปีดอกนี้มาได้ยังไง มาจากที่ไหน
เเล้วอยู่ๆเธอก็พลันวูบเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
" กลับมาหาข้าเถิด ข้ารอเจ้าอยู่วิกาภา "เสียงนั้นดังเเว่วมาเเต่เเดนไกล ก่อนที่นํ้าผึ้งจะพลันสลบสไหลไป!