ทางเดินที่คุ้นตาดีทอดยาวไปจนถึงประตูกรงเหล็กสีเงิน ทางเดินที่ดูเหมือนไม่ได้ไกลมากแต่เมื่อมาอยู่ ณ จุดนี้แล้ว กลับรู้สึกมันช่างเป็นทางเดินที่ไกลและยาวนานเหลือเกิน
หญิงสาวผมสีเงินถูกทหารสองคนพาเดินมาที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าชาวเมือง ทหาร และเหล่าขุนนาง หญิงสาวเดินตามหลังทหารทั้งสองในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากสภาพชุดที่ใส่ฉีกขาดและเปรอะเปื้อน บริเวณข้อมือและข้อเท้าถูกล่ามด้วยโซ่สีเงิน
เบื้อนหน้าของหญิงสาวนั้นมี 'กิโยติน' หรือเครื่องประหารโบราณที่มีสภาพเก่าครึตั้งตระหง่าอยู่ใจกลางลานกว้างนั้น
"อยู่เฉยๆไว้"
ทหารนายหนึ่งพูดกับหญิงสาว ก่อนจะหยิบกรรไกรออกมาตัดเรือนผมสีเงินของหญิงสาวสั้นประมาณบ่า ก่อนจะผลักให้หญิงสาวเดินไปที่เครื่องประหาร
"บุตรีของตระกูลดยุกชิวฟาเรนส์ อดีตจักรพรรดินีนักโทษเซราเฟีย เอลน่า เดอ ชิวฟาเรนส์ ได้ทำการก่อกบฐต่อจักรวรรดิเลนดิน่า รวมทั้งพยายามปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ..."
ชายคนหนึ่งถือกระดาษแผ่นหนึ่งก่อนจะประกาศกล่าวออกมาตามที่อ่านในกระดาษแผ่นนั้น
แต่ว่า...
'ทำไมถึงต้องเป็นข้าด้วย...?'
หญิงสาวพลางคิดเช่นนั้น ก่อนจะเหลือบมองไปยังเหล่าชาวเมืองและเหล่าขุนนางต่างจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาที่รังเกียจ
ก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองบริเวณแท่นบังลังก์ทางด้านปราสาทและพบชายที่ครั้นหนึ่งเธอเคยรักนั่งอยู่กับจักรพรรดินีองค์ใหม่
'ที่ตรงนั้นเคยเป็นของข้าแท้ๆ'
'ทั้งๆที่ข้ากำลังจะตายแท้ๆ ทำไมถึง...ทำไมถึงมองมาที่ข้าด้วยสายตาแบบนั้นละ...'
"หึ...หึ งั้นเองหรอ..."
หญิงสาวพึมพัมออกมาพร้อมกับน้ำตา นี่คือความเสียใจและความเจ็บปวดของเธอ
ชายผู้เป็นที่รักของหญิงสาว จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา มันคงเป็นอะไรที่น่ายินดีสำหรับเขา
ใช่...น่ายินดีสำหรับเขา
"ด้วยเหตุนี้ทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลชิวฟาเรนส์ถูกริบทรัพย์สินทั้งหมดรวมทั้งอาณาเขตครอบครองและบรรดาศักดิ์ของดยุกชิวฟาเรนส์ มีโทษปลดตำแหน่งว่าที่จักรพรรดินีของนักโทษเซราเฟีย ส่วนข้าหาลอบปลงประชนม์องค์จักรพรรดินั้น..."
'ข้าน่ะ...'
"โทษประหารชีวิต"
สิ้นเสียงชายผู้ถือกระดาษคำกล่าวข้อกล่าวหา ทหารนายหนึ่งก็กดหญิงสาวลงตรงบริเวณเครื่องประหาร
'ทั้งๆที่ข้ารักท่านมากถึงขนาดยอมทำทุกอย่างแท้ๆ...'
'ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ละก็...'
"อะ!? ทำอะไรของเจ้า!?"
หญิงสาวผมเงินผลักร่างของทหารที่จับเธอ ก่อนจะมองไปยังจักรพรรดิด้วยแววตาที่เจ็บปวด
"ในเมื่อ...ข้ารักท่านขนาดนี้...ทำไมท่านถึงได้ตอบแทนข้าเช่นนี้...!?"
การกระทำของหญิงสาวนั้นทำให้เหล่าชาวเมืองและขุนนางต่างพากันแตกตื่นด้วยความตกใจ
"ช่างโง่เง่าซะจริง"
จักรพรรดิตอบมาเพียงสั้นๆด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา ก่อนจะให้ทหารจับหญิงสาวกดกับเครื่องประหารอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใย
"ข้าขอสาปแช่ง..."
"ขอสาปแช่งให้ทั้งท่าน ทั้งอาณาจักรนี้และทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ ได้รับกรรมตามสนอง!"
สิ้นเสียงหญิงสาวที่พูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่โกรธแค้น ใบมีดของเครื่องประหารก็ตัดที่ศรีษะของเธอ
...และนี่คือจุดจบที่แสนโหดร้ายของจักรพรรดินีผู้เลอโฉม