ตำนานไซอิ๋ว
0
ตอน
14.1K
เข้าชม
178
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
7
เพิ่มลงคลัง

ไซอิ๋ว : คณะเดินทางแสวงบุญแดนทิศตะวันตก 

          ไซอิ๋วนี้ ไม่ได้เป็นเทพเจ้าที่เขากราบไหว้กัน แต่ที่ยกมาในที่นี้เพราะ ว่ามีบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ คือ พระถังซำจั๋ง ซึ่งเป็นพระภิกษุชาวจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ในสมเด็จพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ ซึ่งเป็นช่วงที่พระพุทธศาสนารุ่งเรืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีน ด้วยพระถังซำจั๋งต้องการไปศึกษาพระศาสนายังแหล่งกำเนิดคือ ชมพูทวีป ประเทศอินเดีย ที่มหาวิทยาลัยนาลัน

 

        แต่ด้วยการเดินทางของพระถังซำจั๋งนี้มีจึงกลายมาเป็นนิทานพื้นบ้านที่ถูกเล่าขานกันปากต่อปากรุ่นต่อรุ่นติดต่อกันมาอย่างยาวนาน ทำให้การเดินทางของพระถังซำจั๋งมีสีสันด้วยตัวละครที่เป็นปีศาจ 3 ตน ที่ได้ร่วมเดินทางไปกับพระถังซำจั๋งด้วย ได้แก่ เห้งเจีย โป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง จนมาถึงรัชสมัยราชวงศ์หมิวได้มีนักประพันธ์ท่านหนึ่งได้ประพันธ์ขึ้นมาเพื่อระลึกถึงการเดินทางไปชมพูทวีปของพระถังซำจั๋ง นักประพันธ์ท่านนั้นคือ "อู๋เฉิงเจิน" โดยทำให้ไซอิ๋วจากนิทานพื้นบ้านกลายมาเป็นวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทาของพระพุทธศาสนา 

 

        เห้งเจียกำเนิดจากก้อนหินโดยก้อนหินก้อนนั้นได้อาบไอจากแสงสุริยันและจันทราจนเกิดเป็นพลังเทพอยู่ด้วย พอเห้งเจียถือกำเนิดก็ทลายก้อนหินนั้นออกมา แล้วปีนไต่จากยอดเขาลงมายังป่าเบื้องล่างและเข้าอาศัยอยู่กับกลุ่มฝูงวานรป่า ต่อมาเห้งเจียก็เจอกับถ้ำๆหนึ่งซึ่งอยู่หลังน้ำตก ซึ่งภายในมีป่าผลไม้นานาพันธุ์ จึงชวนเหล่าวานรทั้งหลายไปอยู่ด้วย จากนั้นเหล่าวานรจึงยกย่องเห้งเจียเป็นหัวหน้าเหล่าวานรในบริเวณนั้น ต่อมาเกิดมาวานรชราล้มตาย เห้งเจียเพิ่งจะเข้าใจกับความตายจึงเกิดความกลัว มีวานรตนหนึ่งแนะนำว่า หากจะรอดจากความตายได้นั้นมีแต่เซียนเท่านั้นที่ช่วยได้ เห้งเจียจึงตัดสินใจเดินทางไปค้นหาเซียนเพื่อช่วยเหลือให้ตนนั้นรอดพ้นจากความตาย 

 

            ในที่สุดเห้งเจียก็เดินทางมาพบเจอท่านเซียน ท่านเซียนก็ยอมรับเห้งเจียมาเป็นศิษย์  เห้งเจียร่ำเรียนฝึกวิชา จนสามารถขี่เมฆเหาะเหินเดินอากาศได้ และแปลงร่างได้ถึง 72 อย่างซึ่งเท่ากับว่าเห้งเจียเองมีชีวิตได้ 72 ชีวิตนั้นเอง พอศึกษาสำเร็จเห้งเจียอำลาจากท่านเซียนผู้เป็นอาจารย์เดินทางกลับไปยังเขาไม้ผลดังเดิมเพื่อกลับไปปกครองบริวารและสอนวิชาเหล่านั้นเพื่อให้วานรทั้งหลายเป็นอมตะ 

               เห้งเจียเดินทางกลับมายังเขาไม้ผลก็ทราบถึงความเดือดร้อนของเหล่าวานรที่ถูกปีศาจลุกลาน เห้งเจียจึงปราบปีศาจเหล่านั้นไปจากเขาไม้ผล ความสงบสุขจึงกลับมาอีกครั้ง เห้งเจียอยู่กับเหล่าบริวารอย่างมีความสุข จนอยู่มาวันหนึ่ง เห้งเจียคิดว่าหากปีศาจตนอื่นมาลุกลานอีกจะทำอย่างไร จึงน่าจะมีอาวุธดีๆสักอย่างไว้ป้องกันตัว วานรตนหนึ่งแนะนำแก่เห้งเจียว่า เจ้าสมุทรมีอาวุธวิเศษมากมายควรที่จะไปขออาวุธวิเศษจากเจ้าสมุทร ดังนั้นเห้งเจียจึงเดินทางไปยังวังบาดาลเพื่อขออาวุธจากจ้าวสมุทร 

 

               เห้งเจียมายังวังบาดาลของเจ้าสมุทร เห้งเจียขอเฝ้าเจ้าสมุทร เจ้าสมุทรก็ยินดีพร้อมที่ให้อาวุธแด่เห้งเจีย แต่อาวุธแต่ละอย่างที่เจ้าสมุทรมอบให้กลับไม่ถูกใจเห้งเจียซะอย่าง จนเจ้าสมุทรเห็นว่ามีอาวุธที่เหมาะสมอยู่แต่เห้งเจียคงเอาไปไม่ได้เพราะมีขนาดใหญ่เกินไป นั่นคือ เสาค้ำสมุทร แต่ในที่สุดเห้งเจียก็สามารถนำมาได้โดยเสาค้ำสมุทรก็กลายเป็น กระบองทอง อาวุธคู่กายของเห้งเจีย เห้งเจียอำลาเจ้าสมุทรกลับเขาไม้ผล จากนั้นพอเสาค้ำสมุทรไม่มี ทะเลก็ปั่นป่วนเกิดคลื่นใหญ่ทำให้หมู่บ้านชายฝั่งประมงมีผู้คนล้มตาย รวมไปถึงสัตว์ทะเลต่างได้รับความเตือนร้อนไปทั่ว

 

        เห้งเจียกลับมายังเขาไม้ผลได้นอนหลับพักผ่อนอยู่กับเหล่าวานรทั้งหลาย ในค่ำคืนนั้นเอง ยมฑูตขาว-ดำได้รับบัญชาจากพญายมราชตามบัญชีอายุขัยว่าเห้งเจียถึงฆาตแล้ว จึงเดินทางมารับดวงวิญญาณของเห้งเจีย ทันใดนั้นดวงวิญญาณเห้งเจียถูกนำพามายังตำหนักพญายมราช  พญายมราชไต่ความเห้งเจียถึงกับอาละวาดด้วยว่าเห้งเจียไม่เชื่อว่าตนเองจะสิ้นอายุขัย เพราะตนฝึกวิชามาจากท่านเซียนสามารถเป็นอมตะแปลงร่างได้ตั้ง 72 อย่าง จะไม่มีวันตายเพราะมีตั้ง 72 ชีวิต เห้งเจียจึงขอพญายมราชดูบัญชีอายุขัยพบว่าเป็นจริงตามทีระบุไว้ในบัญชี เห้งเจียจึงโมโหเลยขีดเขียนและแก้บัญชีอายุขัยให้วานรทุกตนมีชีวิตอมตะด้วย เท่านั้นไม่พอ เห้งเจียเองยังทำลายอาละวาดในนรกภูมิจนปั่นป่วนแล้วเห้งเจียก็กลับสู่โลกยังเขาไม้ผล

 

          พญายมราชแค้นใจในการกระทำของเห้งเจียที่ทำให้นรกภูมิเสียระบบ เจ้าสมุทรก็เช่นกันที่เห้งเจียทำให้อำนาจในการควบคุมมหาสมุทรนั้นสูญเสียการควบคุม ทั้งสองจึง จึงเข้าเฝ้า เง็กเซียนฮ่องเต้ประมุขฟ้า  เง็กเซียนฮ่องเต้ทราบถึงความปั่นป่วนใน 3 โลก ว่าตัวการคือ เห้งเจีย พระองค์ก็หมายจะให้ทหารสวรรค์จับกุม แต่ท่านเทพไทแป๊ะกิมแชทรงยืนข้อเสนอในทางสันติวิธีว่า ให้นำเห้งเจียมาอยู่บนสวรรค์โดยจะได้อยู่ในสายพระเนตรแห่งพระประมุขตลอดเวลา โดยให้เขาดำรงตำแหน่งสักตำแหน่งหนึ่ง

 

 

      เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงเห็นด้วยกับท่านเทพไทแป๊ะกิมแช จึงส่งทูตไปเชิญเห้งเจียขึ้นรับตำแหน่งทำงานบนสวรรค์ โดยให้เขาเป็นคนเลี้ยงม้า แต่เป็นตำแหน่งที่ดูถูกเห้งเจียจึงอาละวาดและหนีกลับโลก เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงส่งกองทัพสวรรค์ไปสู่กับเห้งเจียแต่ก็ได้รับความพ่ายแพ้ 

     เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงใช้แผนของท่านไทแป๊ะกิมแช ให้ตั้งแต่เป็นมหาเทพ แต่ดำรงตำแหน่งคนดูแลสวนท้อทิพย์ของเจ้าแม่สวรรค์ เห้งเจียก็รื่นรมย์ในสวนท้อตามประสาลิง ปีนป่ายต้นท้อเด็ดกินอย่างเอร็ดอร่อย พอดีกับเหล่าเทพธิดากลุ่ม 7 นางฟ้าเหาะมายังสวนท้อหมายจะเก็บผลท้อตามคำสั่งแห่งเจ้าแม่สวรรค์ซึ่งอีกไม่นานจะมีงานเลี้ยงลูกท้อ

 

 

     เห้งเจียจึงถามไถ่ว่าทำไม นางฟ้าทั้ง 7 จึงพากันมาเก็บลูกท้อ นางฟ้าทั้ง 7 จึงตอบว่า จะมีงานเลี้ยงลูกท้อของเจ้าแม่สวรรค์ มีการเชิญเทพยดาทั่วสวรรค์มาร่วมงาน เห้งเจียจึงถามต่อว่า ตนเองถูกเชื้อเชิญด้วยหรือเปล่า? เหล่า 7 นางฟ้าตอบว่า ไม่มีชื่อเห้งเจียอยู่ในรายชื่อเทพที่เชิญไหม เท่านั้นเห้งเจียโกรธและเหาะไปยังที่จัดงาน และขโมยอาหารทิพย์ต่างๆใส่ในถุง และขโมยกินยาอายุวัฒนะด้วย แล้วหนีกลับยังเขาไม้ผล

 

 

         เง็กเซียนฮ่องเต้ทราบถึงการกระทำที่เห้งเจียมาอาละวาดงานลี้ยงลูกท้อของเจ้าแม่สวรรค์ จึงส่งทัพสวรรค์ไปปราบยังเขาไม้ผล เห้งเจียต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ผลสุดท้ายเห้งเจียเป็นฝ่ายชนะ แต่แล้วเง็กเซียนฮ่องเต้โปรดเกล้าตั้งแต่ เทพเอ้อหลางผู้เป็นพระนัดดาไปปราบเห้งเจียแต่สุดท้ายเห้งเจียต้องแพ้ต่อห่วงรัดของเทพโอสถ เห้งเจียถูกจับได้ด้วยห่วงรัดนั้นเอง เทพโอสถจับเห้งเจียขังไว้ในเตาเผายา ซึ่งมีแต่ไฟบรรลัยกัลป์ เห้งเจียจำต้องจำแลงเป็นแมลงหลบซ่อนตนเองตามซ่อนของเตาจนเวลาผ่านไปนานตามกำหนดที่จะถูกเผาสลาย เทพโอสถจึงเปิดเตาออกดูจึงเป็นช่องทางให้เห้งเจียออกมาได้ ผลข้างเคียงของเห้งเจียนั้นกลับทำให้เห้งเจียมีตาทิพย์ด้วยฤทธิ์ของยาในเตาเผานั้นเอง เห้งเจียจึงอาละวาดหวังจะขึ้นถอดถอนเง็กเซียนฮ่องเต้ออกจากการเป็นประมุขฟ้าและตนเองขึ้นเป็นประมุขฟ้าแทน

 

 

            ขณะนั้นเองพระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงทราบถึงทิพยญาณจึงเข้าขัดขวางเห้งเจีย ด้วยตำแหน่งประมุขฟ้านั้นเป็นได้ด้วยผลบุญมิได้การแย่งชิงหรือแต่งตั้ง พระพุทธองค์ทรงประลองกับเห้งเจียว่า หากสามารถเหาะข้างฝ่ามือของพระองค์ได้ พระองค์จะให้เห้งเจียดำรงตำแหน่งประมุขฟ้า เห้งเจียรับคำท้า แต่มีข้อแม้หากแพ้ต้องยอมจองจำนานถึง 500 ปี สำนึกถึงความผิดที่ตนก่อไว้ ด้วยผลกรรมที่เห้งเจียได้สร้างไว้ เช่น หมู่บ้านชาวประมงต้องล้มตายเพราะคลื่นใหญ่ที่มิอาจควบคุมได้เพราะมหาสมุทรไม่มีเสาค้ำสมุทรไว้ควบคุม และคนบาปที่ตายยากตายเย็นด้วยการแก้อายุขัยตอนที่เห้งเจียลงไปอาละวาดยังนรกภูมิ เห้งเจียรับคำท้าได้ขึ้นบนฝ่ามือของพระพุทธองค์ 

 

              เห้งเจียขี่เมฆออกจากฝ่ายมือของพระพุทธองค์ไปยังขอบฟ้า พบเสา 5 เสา เห้งเจียใช้พู่กันเขียนสัญลักษณ์แสดงว่าตนมาถึงแล้ว แล้วจึงเหาะกลับไปยังที่นัดพบ แต่ปรากฏว่า ที่ฝ่ามือของพระพุทธองค์มีตัวอักขระติดที่นิ้วกลางของพระพุทธองค์ เห้งเจียยังไม่ออกไปพ้นจากฝ่ามืิอของพระพุทธองค์ เห้งเจียจึงถูกจองจำใต้ภูเขาเป็นเวลาถึง 500 ปี 

              เวลาผ่านไปทางพระพุทธองค์ทรงเห็นว่า เห้งเจียใกล้จะหมดโทษ จึงเรียกประชุมเหล่าพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า แผ่นดินทางทิศตะวันออก(ประเทศจีน)นั่น ยังไม่มีพระไตรปิกฎของพระองค์ไปสถิต และแผ่นดินนั้นยังไม่บริสุทธิ์ถึงจะมีศาสนาแห่งพระองค์แผยแผ่เข้าไปถึงก็ตาม พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงรับอาสาตามหาผู้ที่เหมาะสมให้เดินทางมาอัญเชิญพระไตรปิกฎไปยังแผ่นดินตะวันออก ตอนนั้นตรงกับสมัยพระเจ้าถังไถ่จงเป็นฮ่องเต้ปกครองทรงจัดงานแสดงพระธรรมเทศนา โดยมีพระภิกษุขึ้นเทศน์แก่ประชาราษฎร์ พระภิกษุหนุ่มขึ้นเทศน์ได้ใจซาบซึ้งในรสพระธรรม 

 

 

             ขณะนั้นมีภิกษุเฒ่ากับเณรน้อยที่แต่งกายสกปรก นำผ้าจีวรกับไม้เท้ามาเร่ขาย พระเจ้าถังไท่จงทรงรับซื้อเอาไว้แล้วถวายแด่พระภิกษุผู้ที่ขึ้นเทศน์สักครู่นี้ ปรากฏว่าพอสวมใส่ผ้าจีวรกลับมีแสงระยิบระยับอย่างกับมีอัญมณีหลายหลากประดับประดา ภิกษุเฒ่ากับเณรน้อยเดินเข้ามาแสดงความยินดี กลับร่างเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม กับอัครสาวกกุมารฉางไฉ่ พระโพธิสัตว์กวนทรงกล่าวให้ พระภิกษุทรงหน้าที่เดินทางไปแสวงบุญอัญเชิญพระไตรปิกฎยังชมพูทวีป พระภิกษุมอบรับหน้าที่ พระเจ้าถังไถ่จงทรงตั้งสมญนามใหม่ว่า "ถังซำจั๋ง" และพระองค์ทรงเดินทางมุ่งสู่ชมพูทวีป 

 

               พระถังซำจั๋งเดินทางโดยม้าผ่านไปยังหุบเขาหนึ่ง ซึ่งท่านก็ทรงพบกับเห้งเจียที่ถูกขังไว้ใต้หุบเขา เห้งเจียวินวอนซึ่งก่อนหน้านี้พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเสด็จมาบอกล่วงหน้าว่า จะมีภิกษุนักเดินทางแสวงบุญเป็นผู้ปลดปล่อย พระถังซำจั๋งทรงสวดคาถาบูชาพระพุทธคุณแล้วเกาะผ้ายันต์ออก ปรากฏว่าหุบเขาพังทลายเห้งเจียจึงออกมาแล้วขออาสาติดตามพระถังซำจั๋งไปด้วย พระถังซำจั๋งทรงตั้งนามให้ใหม่ว่า "หงอคง"

 

 

 

             แต่หงอคงก็สร้างความเตือนร้อนแก่พระถังซำจั๋ง ในตอนนั้นมีกลุ่มโจรเข้ามาจี้หมายจะปล้น เห้งเจียก็ใช้กระบองทองฟาดจนโจรนั่นตาย พระถังซำจั๋งทรงโกรธที่หงอคงสังหารโจร ถึงขนาดให้ตัดขาดแต่ยังดีที่พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงใส่ใจนำบ่วงรัดเกล้ามาให้พระถังซำจั๋งว่า ให้สวมที่ศีรษะของหงอคงและสวดคาถารัดเกล้า เจ้าบ่วงนี้จะรัดที่ศีรษะจนเจ็บปวดทรมาน เพื่อใช้ในการปราบพยศหงอคงให้ง่ายขึ้น พระถังซำจั๋งทรงรับแล้วสวมให้หงอคงจากนั้นเวลาหงอคงทำไม่ได้ก็จะสวดคาถารัดเกล้าเพื่อไม่ให้หงอคงมีแรงไปทำผิดเพราะมันจะปวดจนทำอะไรไม่ได้

 

 

               ระหว่างทางพระถังซำจั๋งกับหงอคงเดินทางผ่านน้ำตกแห่งหนึ่งในระหว่างทางแวะดื่มน้ำที่หนองน้ำตก ม้าที่ใช้เดินทางกลับถูกสัตว์ประหลาดกิน พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเข้ามาช่วยโดยบอกว่า สัตว์ประหลาดในหนองน้ำนี้คือ องค์ชายสามแห่งวังบาดาล ถูกลงโทษให้มาอยู่ที่นี้เพราะทำความผิด ทำไข่มุกที่เง็กเซียนฮ่องเต้พระราชทานให้แตก และตอนแรกจะถูกประหาร แต่พระพุทธองค์เห็นอนาคตว่าองค์ชายสามจะมีบุญทางพระพุทธศาสนาจึงขอบิณฑบาตรชีวิตไว้ ให้มาอยู่ที่นี้รอพระผู้แสวงบุญยังชมพูทวีปมารับเป็นศิษย์ จากนั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเรียกองค์ชายสามขึ้นมาแล้วรับกันเป็นอาจารย์เป็นศิษย์ และองค์ชายสามแปลงเป็นม้าให้พระถังซำจั๋งนั่งเดินทางต่อไป

 

 

 

              คณะเดินทางแสวงบุญแวะพักยังวัดอารามแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าอาวาสที่ชอบพูดโอ้อวดว่า ตนเป็นนักสะสมของมีค่า จนหงอคงทนไม่ไหวต้องเอาจีวรของพระถังซำจั๋งที่พระเจ้าถังไถ่จงพระราชทานออกมาโชว์ ทำให้เจ้าอาวาสเกิดกิเลศอยากได้ จึงวางแผนเผาห้องที่พระถังซำจั๋งกับหงอคงอยู่ แต่หงอคงรู้จึงไปยื่นผ้ากันไฟมายังขุนพลสวรรค์มาคลุมตัวพระถังซำจั๋งไว้ แล้วหงอคงก็เป่าไฟกลับไปยังวัดอารามแทน เจ้าอาวาสเห็นวัดถูกไฟไหม้ก็ทนไม่ได้จึงผูกคอตาย ปีศาจหมีเห็นว่าวัดนั่นเกิดผิดประหลาดจึงเหาะมาดูปรากฏเห็นผ้าจีวรที่สวยงามจึงลักไป หงอคงตามไปเอาและได้รับความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์กวนอิมตามเดิมโดย พระโพธิสัตว์แปลงเป็นปีศาจงูและหงอคงเป็นยานำไปมอบแสดงความยินดีกับปีศาจหมีเพราะปีศาจหมีได้เชื้อเชิญปีศาจทั้งหลายมาชมผ้าจีวรที่เลอค่า พอปีศาจกินยาเข้าไปก็ปวดทรมานและยอมแพ้ หงอคงจึงออกมาจากท้อง และพระโพธิืสัตว์คืนร่างเดิม ปีศาจหมียอมจำนง พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเมตตารับปีศาจหมีไว้เป็นศิษย์แล้วพาไปยังเกาะทะเลใต้

 

 

             คณะเดินทางแสวงบุญเดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่กำลังประกาศหาคนมาปราบปีศาจ ด้วยผู้ประกาศเป็นเศรษฐีใหญ่ของหมู่บ้าน ว่าบุตรีเศรษฐีถูกปีศาจจับตัวไป พระถังซำจั๋งเห็นว่าหงอคงน่าจะช่วยได้ จึงให้หงอคงช่วย หงอคงถามไถ่กับเศรษฐีและคุณผู้หญิง เล่าว่า เมื่อหลายเดือนก่อนมีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาหางานทำในหมู่บ้าน เขาเป็นคนขยันไม่หวังเงินทอง ขอแค่มีข้าวมีน้ำให้ก็พอ นานไปเศรษฐีก็พอใจในตัวชายหนุ่มจึงแนะนำให้บุตรีรู้จัก บุตรีก็พอใจในชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็เช่นกัน เศรษฐีจึงจัดงานแต่งงานให้ทั้งคู่ แต่อยู่ๆชายหนุ่มก็ไม่ขยันแต่เดิมและกินเก่งขึ้นทุกที จนอยู่มาคืนหนึ่ง บุตรีกริ๊ดเสียงดังมาจากห้องหอ ชายหนุ่มกลายเป็นปีศาจหมูพอเศรษฐีกับคนรับใช้หมายจะเข้าไปช่วยตั้งหลายครั้ง แต่ไม่อาจสู้ปีศาจหมีได้ หงอคงเลยคิดแผนขึ้นไปช่วยบุตรีเศรษฐีลงมาแล้วปลอมตัวเป็นบุตรีเศรษฐีแทน พอปีศาจหมูมาหงอคงในร่างแปลงก็พยายามหลอกล่องปีศาจหมู จนปีศาจหมูผิดสังเกตหงอคงจึงเผยตัวและสู้กับปีศาจหมู พระโพธิสัตว์กวนอิมเสด็จมาห้ามและบอกว่า ปีศาจหมูตนนี้เป็นศิษย์ที่พระพุทธองค์เลือกไว้ให้ร่วมเดินทางไปแสวงบุญยังชมพูทวีป ซึ่งก็เหมือนกับองค์ชายสามและหงอคง เจ้าปีศาจหมูมีอดีตอันน่าเศร้า เดิมทีเป็นแม่ทัพเทียนฟงผู้คุ้มแม่น้ำสวรรค์ แต่ในงานเลี้ยงลูกท้อของเจ้าแม่สวรรค์กลับดื่มสุราจนหนักไป จึงไม่มีความละอายดันไปจีบล้อกับนางฟ้านามว่า "ฉายเออ" เข้า นางกลับโกรธและเอาเรื่องไปทูลฟ้องเง็กเซียนฮ่องเต้ เง็กเซียนฮ่องเต้ลงโทษสถานหนักให้ลงมาเกิดบนโลก แต่เกิดความผิดพลาดดันไปเกิดเป็นหมู แต่ได้รับความช่วยเหลือจากพระพุทธองค์ที่เมตตาจึงให้มาทำความดีสะสมบารมีเพื่อรออาจารย์ผู้แสวงบุญไปยังชมพูทวีป แต่กลับมาตบะแตกเพราะความงามของบุตรีเศรษฐีเสียก่อน พระถังซำจั๋งรับปีศาจหมูเป็นศิษย์และตั้งนามใหม่ว่า "โป๊ยก่าย"  

 

 

                คณะแสวงบุญเดินทางต่อไป พระถังซำจั๋งถูกปีศาจเสือจับตัวไป หงอคงกับโป๊ยก่ายตามไปช่วย แต่หงอคงกับถูกปีศาจหนูเป่าควันพิษใส่ตาจนตาบอด โป๊ยก่ายพาหงอคงหนีไปหลบปีศาจ บังเอิญเจ้าแม่เขาไท่ซานซึ่งกำลังเสด็จไปหาพระโพธิสัตว์กวนอิมยังเกาะทะเลใต้ผ่านมาพอดี เจ้าแม่เขาไท่ซานแปลงองค์เป็นหญิงชาวบ้านเขาช่วยพยาบาลดวงตาจนหายจากตาบอด และหงอคงหายแล้วก็ตามไปช่วยพระถังซำจั๋ง พระโพธิสัตว์ัแห่งเขาเซียนซูหนี่ซัว เสด็จมาช่วยปราบโดยปีศาจหนูนั่นแต่เดิมเป็นหนูที่ขโมยกินน้ำมันจุดบูชาพระพุทธองค์ มันหนีการทำผิดมาเกิดเป็นปีศาจหนูสร้างความวุ่นวายอยู่ที่นี้ จำต้องนำปีศาจหนูไปลงโทษตามพุทธบัญชาแห่งพระพุทธองค์

 

 

                คณะแสวงบุญเดินทางต่อไปยังถึงริมแม่น้ำที่ไม่มีใครกล้าสัญจร ด้วยว่าชาวบ้านในบริเวณนั้นว่าในแม่น้ำนั่นมีปีศาจอาศัยคอยจับคนสัญจรในแม่น้ำกิน คณะแสวงบุญก็พยายามจะข้ามเพราะมีทางเดียวเท่านั้นที่จะไปยังชมพูทวีปได้ เจ้าปีศาจเห็นคณะแสวงบุญอยู่ใกล้ถิ่นตนก็หมายจะจับกิน ก็ขึ้นมาจากแม่น้ำต่อสู้กับหงอคงและโป๊ยก่าย จนวุ่นวาย พระโพธิสัตว์กวนอิมตรวจในทิพยเนตร เห็นว่าคณะแสวงบุญมาถึงเขตปีศาจน้ำแล้วก็ทรงให้ศิษย์ ฉางไฉ่ มาห้ามปราม และมอบน้ำเต้าวิเศษมาอันหนึ่ง กุมารฉางไฉ่มาถึงแม่น้ำและทรงห้ามการต่อสู้ และประกาศว่า เจ้าปีศาจพรายน้ำตนนี้ เป็นศิษย์คนสุดท้ายที่พระพุทธองค์ทรงเลือกให้ร่วมเดินทางแสวงบุญไปยังชมพูทวีป แต่เดิมเจ้าปีศาจพรายน้ำตนนี้เคยเป็นขุนพลบนสวรรค์แต่ไปทำโคมประทีปของเจ้าแม่สวรรค์พังจึงถูก เง็กเซียนฮ่องเต้ลงโทษให้มาที่แม่น้ำแห่งนี้ พระถังซำจั๋งรับปีศาจน้ำเป็นศิษย์และตั้งนามใหม่ว่า "ซั๋วเจ๋ง" 

 

 

                   คณะแสวงบุญคงเดินทางต่อไปโดยน้ำเต้าที่พระโพธิสัตว์กวนอิมพระราชทานให้มาใช้ข้ามแม่น้ำ ในขณะนั้นเองทางด้านพระโพธิสัตว์กวนอิมกำลังรับแขกคือ พระโพธิสัตว์ผู่เสียน พระโพธิสัตว์เหวินซู และเจ้าแม่เขาไท่ซาน พระโพธิสัตว์กำลังสนทนากันไปก็พูดถึงกลุ่มแสวงบุญของพระถังซำจั๋ง เจ้าแม่เขาไท่ซานกล่าวกลัวว่ากลุ่มแสวงบุญจะไม่สำเร็จ แต่พระโพธิสัตว์ผู่เสียนเตือนว่า หากไม่ลำบากบารมีจะไม่บังเกิด พระโพธิสัตว์เหวินซูจึงกล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วง เว้นแต่โป๊ยก่ายที่น่าเป็นห่วงเพราะนิสัยที่เจ้าชู้ยังคงแก้ไม่หาย พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเห็นว่าเคยลองใจกลุ่มคณะแสวงบุญ โดยปลอมเป็นเศรษฐีณีกับลูกสาวทั้ง 3 และเสกบ้านขึ้นขว้างทางเดินทางของคณะแสวงบุญ พระถังซำจั๋งจึงขอท่านเศรษฐีณีพักค้างแรม เศรษฐีณีแปลงก็ยอมพร้อมกับทำอาหารเจถวาย แต่เศรษฐีณีก็พูดคุยกับพระถังซำจั๋งกล่าวว่า ตนก็อายุมากสามีก็มาด่วนจากทิ้งสมบัติไว้ให้ตนกับลูกสาว 3 คน ตนก็หวังจะหาสามีให้ลูกสาว เศรษฐีณีจึงขอลูกศิษย์คือ หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งให้เป็นสามีของลูกสาว แต่เจ้าตัวไม่ยอมมีแต่โป๊ยก่ายที่ทนความงามของลูกสาวของเศรษฐีณีไม่ได้ จึงยอมเป็นสามีให้ จากนั้นคณะแสวงบุญพอเช้าก็ปล่อยโป๊ยก่ายไว้แล้วเดินทางต่อไป โป๊ยก่ายรื่นเริงกับลูกสาวของเศรษฐีณี แต่ความจริงปรากฏเมื่อ เศรษฐีณีกลายเป็นเจ้าแม่เขาไท่ซาน ลูกสาวทั้ง 3 กลายเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์ผู่เซียน พระโพธิสัตว์เหวินซู แล้วใช้ตาข่ายคลุมโป๊ยก่ายและต่อว่าในความเจ้าชู้จนเสียภารกิจที่พระพุทธองค์มอบให้ว่า ถ้าเกิดปีศาจตัวจริงมายุมายั่วยวนจะทำอย่างไร และพากันโยนโป๊ยก่ายไปแขวงกับต้นไม้ วันต่อมาพระถังซำจั๋งกับหงอคงและซังเจ๋งผ่านมาพอดีจึงช่วยไว้

 

 

 

                คณะแสวงบุญแวะพักอาศัยที่อารามของลัทธิเต๋า โดยมีเจ้าสำนักเป็นเซียน นามว่า     " เต่งง้วงไต่เซียน " และไม่อยู่สำนักมีเพียงลูกศิษย์อยู่ ลูกศิษย์นำผลไม้คนมาถวายพระถังซำจั๋งแต่พระถังซำจั๋งเห็นว่ามีผลเหมือนคนจนเกินไปจึงมิกล้าที่จะกิน หงอคง โป๊ยก่าย และซัวเจ๋งอยากกินบ้างจึงแอบไปเก็บมากิน ลูกศิษย์ของสำนักนี่มาเห็นเข้าก็เข้าต่อว่าต่างๆนานา หงอคงทนไม่ไหวจึงเข้าทำลายต้นผลคน และพากันหนีออกจากสำนัก พอดีเต่งง้วงไต่เซียนเจ้าสำนักกลับมาพอดีจึงตามจับให้กลับมารับโทษ พอดีพระโพธิสัตว์เสด็จมาคลี่คลายและใช้น้ำอมฤตจากแจกันหยกเทรินลงต้นผลคนก็ฟื้นคืออีกครั้ง

 

 

 

                 คณะแสวงบุญยังเดินทางต่อไป นางปีศาจกระดูกขาว ที่มักใช้ร่างของหญิงงามเป็นดั่งอาภรณ์ที่ตนพอใจ ได้ข่าวว่าพระถังซำจั๋งเดินทางผ่านทางนี้พอดี ก็หมายจะจับกินตามความเชื่อที่ว่า หากใครได้กินเนื้อพระถังซำจั๋งแล้วจะเป็นอมตะ... นางปีศาจก็แปลงเป็นหญิงสาวนำอาหารมาถวาย แต่หงอคงมีตาทิพย์เห็นว่าหญิงสาวคนนี้เป็นปีศาจปลอมมา จึงเข้าตีจนตายแต่นางปีศาจถอนจิตหนีไปทัน ก็ปลอมเป็นหญิงแก่อ้างว่าเป็นแม่ของหญิงสาวก็ถูกตีจนตาย นางปีศาจก็รอดเช่นเดิมปลอมเป็นชายแก่อ้างว่าเป็นสามีของหญิงแก่และเป็นพ่อของหญิงสาว หงอคงก็ตีจนตายจริงๆ นางปีศาจไม่รอด พระถังซำจั๋งทนกับหงอคงไม่ไหวจึงสวดคาถารัดเกล้าจนหงอคงเจ็บปวด และไล่หงอคงออกจากคณะ หงอคงก็กลับไปยังเขาไม้ผล

 

 

                 คณะแสวงบุญเดินทางและหยุดพัก พระถัีงซำจั๋งให้โป๊ยก่ายไปบิณฑบาตรแต่กลับไปแอบหลับ พอพระถังซำจั๋งเห็นว่าโป๊ยก่ายหายไปนาน จึงให้ซัวเจ๋งไปตาม พระถังซำจั๋งกลับถูกปีศาจจับไป พระถังซำจั๋งก็ได้ัรับความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงซึ่งเป็นชายาของเจ้าปีศาจโดยมิได้ยินยอม เจ้าหญิงทราบว่าพระถังซำจั๋งจะเดินทางผ่านเมืองของเจ้าหญิงจึงขอให้พระถังซำจั๋งช่วยทูลพระราชาให้มาช่วย พอพระถังซำจั๋ง โป๊ยก่ายและซัวเจ๋ง เดินทางมาถึงเมืองก็เข้าเฝ้าพระราชาและทูลว่าเจ้าหญิงที่หายไปนั้นเป็นเพราะถูกปีศาจจับไป แต่พระถังซำจั๋งกลับถูกเจ้าปีศาจที่ปลอมเป็นพระราชบุตรเขยเสกให้กลายเป็นเสือ   โป๊ยก่ายต้องเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหงอคง หงอคงก็ตามมาช่วยพระถังซำจั๋ง และปราบเจ้าปีศาจพร้อมช่วยเจ้าหญิงกลับสู่อ้อมอกของพระราชาอีกครั้ง...

 

 

 

                คณะแสวงบุญพอได้หงอคงกลับมาร่วมก็เดินทางต่อไปอย่างมั่นใจผ่านเขตของปีศาจที่รู้จักใน เจ้าเขาเงิน เจ้าเขาทอง ปีศาจเขาเงิน ปีศาจเขาทองเป็นพี่น้องกันและทราบว่าคณะแสวงบุญของพระถังซำจั๋งผ่านทางนี้จึงหมายจะจับพระถังซำจั๋งกิน ปีศาจเขาเงิน กับ ปีศาจเขาทองก็ใช้น้ำเต้าดูดหงอคงเข้าไป (น้ำเต้านี้เป็นของวิเศษคือเพียงเรียกชื่อและขานรับก็จะถูกดูดเข้าไปและภายในน้ำเต้าจะมีน้ำที่สามารถย่อยสลายร่างของสิ่งที่เข้าไปได้) หงอคงก็แปลงเป็นยูงและบินออกมา ก็ไปตั้งตัวปลอมเป็นนักพรตผ่านมาซึ่งในขณะนั้นปีศาจลูกสมุนกำลังเข้าเวร นักพรตแปลงก็เร่ขายน้ำเต้าว่า น้ำเต้าตนมีความวิเศษคือ สามารถดูดฟ้าได้ และแสดงจนปีศาจลูกสมุนหลงเชื่อไปเอาน้ำเต้าของเจ้านายมาแลก พอหงอคงได้น้ำเต้ามาก็เรียกชื่อปีศาจเขาเงิน ปีศาจเขาทอง พอขานก็ถูกดูดเข้าไป พอดีเทพโอสถเข้ามาขอร้องเพราะปีศาจสองตนนี้เป็นศิษย์ที่หนีลงมากลายเป็นปีศาจ 

 

 

 

                คณะแสวงบุญยังเดินทางต่อไป จนมาพบเด็กคนหนึ่งถูกแขวงไว้กับต้นไม้ พระถังซำจั๋งก็ให้หงอคงให้เด็กนั่นขี่หลังไปด้วย แต่หงอคงก็รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นปีศาจ เจ้าเด็กก็รู้ตัวก็เลยถอดจิตไปทิ้งร่างที่เป็นหินเอาไว้ และเจ้าเด็กปีศาจก็จับตัวพระถังซำจั๋งไป หงอคงจึงเรียกเจ้าที่ขึ้นมาถามปรากฏว่า เจ้าเด็กปีศาจนั่นเป็นลูกของปีศาจกระทิงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน หงอคงจึงเข้าไปต่อรองในเรื่องที่เป็นคนรู้จักผู้เป็นพ่อ แต่เจ้าเด็กปีศาจไม่ยอมเชื่อก็พ่นไฟใส่จนเกือบไหม้ หงอคงจึงไปขอความช่วยเหลืิอจากจ้าวสมุทร จ้าวสมุทรก็มาเสกฝนตกใส่ก็ไม่สำเร็จ จนหงอคงก็พึ่งพระโพธิสัตว์กวนอิมมาปราบ พระโพธิสัตว์กวนอิมมาปรากฎบนฐานบัวอันงดงาม พอเด็กปีศาจพ่นไฟใส่ก็หายองค์ไป เจ้าเด็กปีศาจก็ขึ้นไปนั่งเล่นปรากฎว่ากลีบบัวกลายเป็นใบมืดแทงขาอย่างเจ็บปวด พระโพธิสัตว์กวนอิมกล่าวว่า หากเจ้าจะตามเราไปบำเพ็ญยังทะเลใต้ ใบมีดนั้นก็จะหายไป เจ้าเด็กปีศาจก็ยอมพระโพธิสัตว์ติดตามไปด้วย 

 

 

 

              คณะแสวงบุญเดินทางไปถึงเมืองที่ประหลาดเพราะคนที่ใช้แรงงานเป็นกรรมกร กลับเป็นพระ พระถังซำจั๋งจึงเข้าถามไถ่ได้เรื่องว่า เมื่อก่อนเมืองนี้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล พระจะทำพิธีขอฝนเพียงใดก็ไม่ตก พอมีนักพรตประหลาด3คนเข้ามาอาสาก็ปรากฏว่าทำพิธีขอฝนได้ เจ้าเมืองจนว่าจะขออะไรก็จะให้ ปรากฏว่าขอให้เอาศาสนาพุทธออกไป แต่เจ้าเมืองมิอาจจะยุบได้ แต่ให้กลุ่มพระอยู่ในอาณัตของนักพรตทั้ง 3 แทน จึงมาเป็นกรรมกรสร้างอารามอย่างที่เห็น หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งได้ฟังก็เลิกเห็นความผิดปกติ จึงแอบเข้าไปในอารามของนักพรตทั้ง 3 และขโมยกินของไหว้ในอารามและปลอมเป็นเทวรูปในอาราม พอนักพรตเข้ามาไหว้พระก็ตกใจกับของไหว้ที่หายไป หงอคงคิดสนุกจึงแกล้งพูดเป็นเสียงออกมาจากเทวรูป จนนักพรตคิดว่าเป็นเสียงของเทพเจ้า หงอคงแกล้งให้นักพรตนำถังน้ำมาแล้วตนจะประทานน้ำทิพย์ให้ นักพรตก็นำมาวางไว้ด้วยความอยากได้ หงอคงให้หันหลังไปห้ามหันมามองอย่างนั้นจะตาบอด นักพรตเชื่อจึงหันหลังไป หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งก็ฉี่ใส่ถังน้ำและมอบให้นักพรต นักพรตต่างดื่มกินเพราะคิดว่าเป็นน้ำทิพย์จริงๆ หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งจึงเผยตนและบอกว่าน้ำทิพย์นั่นคือน้ำฉี่ ทำให้นักพรตโกรธมาก ต่อมาพระถัีงซำจั๋งเข้าเฝ้าเจ้าเมืองขอผ่านทาง นักพรตทั้ง 3 จำ 
หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งได้ จึงไม่ยอมให้ผ่่านทางแต่ต้องทำการร้องฝนให้ได้จึงจะยอมให้ผ่านทาง หงอคงจึงช่วยพระถังซำจั๋งขอฝน หองคงขึ้นไปบนฟ้าพบว่า นักพรตร่ายคาถากลุ่มเทพฟ้าฝนกับปรากฏแล้วกำลังจะเทฝนลงมา หงอคงห้ามไว้จนถึงตาพระถังซำจั๋งก็สวดมนต์ปรากฏว่าฝนเทลงมา นักพรตโกรธพยายามจะลงจากปรัมพิธีก็ตกลงมาตายกลับร่างกลายเป็นเสือ นักพรตอีก 2 ไม่ยอม ต้องให้ทำการประลองกับลูกศิษย์ หงอคงรับอาสาคือ อาบน้ำร้อนเตือนๆ หงอคงอาบได้สบายเพราะตนเกิดจากก้อนหินถึงน้ำจะเตือนร้อนแค่ไหนก็ไม่ตาย พอถึงตานักพรต นักพรตลงแช่ในน้ำร้อนเตือนก็ไม่อะไร จนหงอคงเห็นว่ามีมังกรเย็นอยู่ในหม้อน้ำ หงอคงจึงถอดจิตไปไล่มังกรเย็น ปรากฏนักพรตตายกลายเป็นแพะ นักพรตคนสุดท้ายไม่ยอมก็ประลองกับหงอคง หงอคงประลองโดยคว้างหัวใจออกมา แต่นักพรตประลองตัวหัวไม่ตาย หงอคงถอดจิตแปลงเป็นสุนัขคาบหัวไป นักพรตเมื่อหัวไกลตัวก็ตาย กลายเป็นกวาง พระถังซำจั๋งจึงขอให้เจ้าเมืองมาอุปถัมส์พระพุทธศาสนาตามเดิม

 

 

 

 

                 คณะแสวงบุญเดินทางต่อไปถึงเมืองหนึ่งที่ประหลาดเพราะเมืองนี้มีแต่ผู้หญิงทั้งเมือง พระถังซำจั๋งพร้อมลูกศิษย์ดื่มน้ำจากลำธารด้วยความเหนื่อยล้า พระถังซำจั๋งเข้าเฝ้าเจ้าเมืองเพื่อขอผ่านทาง แต่เจ้าเมืองกลับหลงรักในตัวพระถังซำจั๋งจึงยังให้พักในพระราชวัง แต่พระถังซำจั๋งพร้อมลูกศิษย์กลับเจ็บท้อง อำมาตย์ผู้ดูแลกลับหัวเราะและถามว่าไปดื่มน้ำในลำธารหรือเปล่า พระถังซำจั๋งตอบว่าใช่ อำมาตย์จึงบอกว่า น้ำในลำธารห้ามดื่มกินเด็ดขาด เพราะหากใครดื่มก็จะต้องท้อง เพราะที่นี้เป็นเมืองที่มีแต่ผู้หญิงถ้าต้องการมีบุตรก็จะมาดื่มน้ำในลำธารเพื่อให้ท้อง อำมาตย์บอกถึงทางแก้คือ ไปดื่มน้ำจากบ่อแท้ง หงอคงก็เดินทางไปนำน้ำแต่ต้องสู้กับเซียนที่เฝ้าบ่อ หงอคงก็นำน้ำมาสำเร็จพอดื่มอาการเจ็บท้องก็หายไป ปีศาจแมงป่องสาวก็แกล้งโดยนำเด็กทารกของชาวบ้านมาวางไว้ข้างๆ จนทำให้พระถังซำจั๋ง หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งคิดว่าเป็นลูก แต่ความก็แตก ปีศาจแมงป่องสาวถูกพระโพธิสัตว์ปราบ เจ้าเมืองจำใจยอมให้คณะแสวงบุญผ่านทาง

 

 

 

 

                  คณะแสวงบุญผ่านมาถึงหมู่บ้านหนึ่งที่ประหลาด เพราะกำลังจัดงานศพ หงอคงเข้าไปถามไถ่ปรากฏว่า ลูกสาว ลูกชายของชาวบ้านต้องสังเวชให้ปีศาจในแม่น้ำ พระถังซำจั๋งจึงให้ หงอคง กับ โป๊ยก่ายช่วย หงอคงปลอมเป็นเด็กผู้ชาย โป๊ยก่ายเป็นเด็กผู้หญิง เข้าไปนั่งในศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ปีศาจเข้ามาก็หมายจะกิน แต่หงอคงคืนร่างต่อสู้ โป๊ยก่ายเข้าช่วยสู้ แต่เจ้าปีศาจก็หนีลงในแม่น้ำ เจ้าปีศาจสืบได้ว่า ผู้ที่ปลอมเป็นเด็กนั่นเป็นลูกศิษย์เอกของพระถังซำจั๋ง นามว่า "หงอคง" ก็เลยหวังจะจับพระถังซำจั๋งกิน จึงเสกให้อากาศวิปริตจนแม่น้ำแข็งเป็นน้ำแข็ง คณะของพระถังซำจั๋งก็ข้ามไปปรากฏว่าน้ำแข็งละลายกลับสภาพเป็นแม่น้ำดังเดิม พระถังซำจั๋งถูกปีศาจจับไป เห้งเจียจึงเข้าขอความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์เสด็จมาพร้อมกับหงอคงแล้วโยนตะกร้าไปในน้ำ ปรากฏตะกร้านั้นขึ้นมาข้างในมีปลาทองตัวหนึ่ง พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ปีศาจตนนี้เป็นปลาทองในสระบัว หนีลงมาเป็นปีศาจยังโลก ปรากฏเต่ายักษ์ตัวหนึ่งขึ้นมาขอบคุณ เพราะตนเป็นเจ้าถิ่นที่นี้ดูแลรักษาแม่น้ำและชาวบ้านในบริเวณนี้ แต่พอเจ้าปีศาจตนนี้เข้ามาจึงต้องยอมหนีไปเพราะสู้ไม่ได้ เต่ายักษ์จึงพาคณะแสวงบุญข้ามแม่น้ำ เต่ายักษ์ซึ่งบำเพ็ญก็ฝากพระถังซำจั๋งว่า หากเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โปรดถามด้วยว่าเมื่อไรจะสำเร็จมรรคผลสักที พระถังซำจั๋งรับคำว่าจะถามพระพุทธองค์ให้

 

 

 

 

              คณะแสวงบุญยังคงเดินทางผ่านเมืองที่แห้งแล้งและร้อน มีภูเขาที่มีไฟพุ่งโชติช่วง หงอคงถามเจ้าที่ว่า ภูเขานี้เป็นเช่นนี้เพราะเหตุใด เจ้าที่บอกว่าเป็นเพราะหงอคงครั้งอาละวาดสวรรค์ทำลายหม้อปรุงยาของเทพโอสถทิ้งมายังที่นี้ ความร้อนในหม้อปรุงยาก็เผาผลาญภูเขาและพื้นที่บริเวณนี้ก็จะแห้งแล้งอย่างนี้ หงอคงทราบว่าตนผิดจึงหาทางแก้โดยไปขอยืนพัดวิเศษจากองค์หญิงพัดเหล็กซึ่งเป็นชายาของปีศาจกระทิงเพื่อนสนิท แต่องค์หญิงพัดเหล็กไม่ยอมให้ยืนทั้งยังพัดหงอคงไปไกล จนถึงเขาที่สถิตของพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ประทานยาสกัดลมให้หงอคงไว้ต้านลมพัดเหล็ก โป๊ยก่ายปลอมเป็นปีศาจกระทิงไปเอาพัดมาก็ไม่สำเร็จ หงอคงกลับมา องค์หญิงพัดเหล็กพัดใส่หงอคงก็ไม่ปลิวเพราะมียาสกัดลมของพระโพธิสัตว์ พอปีศาจกระทิงตัวจริงมาก็เข้าสู้กับหงอคงเพราะโกรธที่หงอคงให้ลูกตนไปกลับพระโพธิสัตว์กวนอิม นาจาเห็นว่าเจ้าปีศาจกระทิงคะนองนักทำลายผู้แสวงบุญ จึงลงมาช่วยปราบจนปีศาจกระทิงทำอะไรไม่ได้ องค์หญิงพัดเหล็กจึงยอมให้ยืนพัด ภูเขาก็กลายสภาพเดิม พอไฟดับความอุดมสมบูรณ์ก็กลับมาอีกครั้ง

 

 

 

                 คณะแสวงบุญเดินทางมาถึงวัดเหลยอิน พระถังซำจั๋งดีใจที่มาถึงจุดหมาย แต่หงอคงยังคงไม่ไว้วางใจ แต่ปรากฏว่าเป็นแผนของปีศาจ หงอคงถูกจับเข้าไปในฉาบวิเศษ เหล่าเจ้าที่ เจ้าเขาเข้าช่วยจนสำเร็จ ปีศาจจับพระถังซำจั๋ง หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ม้ามังกรเข้าไปในถุง หงอคงเรียกเจ้าที่ เจ้าเขามาช่วยออกจากถุงได้สำเร็จ หงอคงกำลังไปขอความช่วยเหลือ ปรากฏพระสังคจายมาช่วย บอกว่าเจ้าปีศาจเป็นลูกศิษย์ของตนและขโมยถุงกับฉาบวิเศษไป พระสังคจายบอกว่าปีศาจตนนี้ชอบแตงโมมาก หงอคงจึงไปแกล้งล่อปีศาจเข้าไปในสวนแตง และหงอคงก็ปลอมเป็นแตงโมผลใหญ่ เจ้าปีศาจเห็นก็น้ำลายไหลอย่ากิน จึงกินเข้าไปก็เจ็บปวดทรมานเพราะหงอคงกำลังอาละวาดอยู่ในกระเพาะ พระสังคจายปรากฏและบบอกให้ปล่อยพระถังซำจั๋งและลูกศิษย์ออกมาจากถุง เจ้าปีศาจยอมปล่อยพระถังซำจั๋งออกมา แล้วหงอคงก็ออกจากตัวปีศาจ พระสังคจายก็รับเจ้าปีศาจกลับสวรรค์

 

 

 

 

             คณะแสวงบุญเดินทางมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง หงอคงกับโป๊ยก่ายไปบิณฑบาตร ซัวเจ๋งไปหาหญ้าให้ม้ามังกร พระถังซำจั๋งอยู่ผู้เดียว มีหญิงสาว 8 นางเข้ามาจับตัวไป หญิงสาวนั้นคือ ปีศาจแมงมุม หงอคงกับโป๊ยก่ายก็เข้าช่วยพระถังซำจั๋งและทำลายรังของปีศาจจนพินาศ เจ้าปีศาจแมงมุมโกรธแค้น คณะแสวงบุญมาถึงอารามอึ้งฮวยจึงขอพัก เจ้าอารามก็ยอมให้พักอย่างดี จนว่านางปีศาจแมงมุมมาพูดกับเจ้าอารามว่า พวกพระถังซำจั๋งทำลายพวกตน เจ้าอารามซึ่งเป็นปีศาจตะขาบซึ่งเป็นพี่ของนางปีศาจแมงมุมก็คิดแก้แค้นให้ จึงใส่ยาพิษในน้ำชา พระถังซำจั๋ง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ดื่มเข้าไปก็ถูกพิษ หงอคงหมายเข้าสู้กับเจ้าอาราม พระโพธิสัตว์เข้ามาช่วยพอดี ก็กำจัดปีศาจตะขาบและปีศาจแมงมุมสำเร็จ

 

 

 

                   คณะแสวงบุญมาถึงเมืองหนึ่ง และเข้าพักที่วัดแห่งหนึ่ง เจ้าอาวาสกล่าวว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งถูกลมหอบมาลงที่นี้ และหญิงสาวก็ไม่พูดอะไรกับใครเลย พระถังซำจั๋งก็หมายอยากจะทราบเรื่อง เพื่อจะได้ช่วย แต่นางก็ไม่ตอบอะไร พอเช้าคณะแสวงบุญก็เดินทางเข้าสู่พระราชวังหมายจะขอผ่านทาง ซึ่งในเมืองกำลังจัดงานพิธี พอดีพระถังซำจั๋งผ่านไปในพิธี พวงมาลัยก็มาถูกในมือของพระถังซำจั๋งพอดี ทหารก็มานำพระถังซำจั๋งไป พระถังซำจั๋งกลายเป็นพระราชบุตรเขย ด้วยมาลัยเสี่ยงคู่ของเจ้าหญิง หงอคงโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ก็เห็นหน้าตาของเจ้าหญิงนั้นคล้ายกับหญิงสาวที่วัดนั่น จึงเริ่มเห็นถึงความผิดปกติ จึงลองดูปรากฏว่า เจ้าหญิงนั้นเป็นปีศาจจำแลง พอเจ้าปีศาจรู้ว่ามีคนรู้ว่าตนเป็นปีศาจ ก็หมายจะหนี ปรากฏว่านางฟ้าฉายเออเหาะมาพอดี และจับเจ้าปีศาจไว้ คืนสภาพเดิมเป็นกระต่าย เดิมทีปีศาจตนนี้เป็นกระต่ายบนดวงจันทร์แล้วหนีลงมาเป็นปีศาจหลงมากิเลสบนโลก จากนั่นนางฟ้าฉางเออก็พากระต่ายกลับดวงจันทร์ หงอคงพาเจ้าหญิงตัวจริงกลับคู่พระราชา คณะแสวงบุญก็เดินทางต่อไป

 

 

 

 

            คณะแสวงบุญเดินทางมาใกล้จุดหมาย วัดเหลยอิน ที่ประทับพระพุทธองค์ มีเทพยดามาต้อนรับ ให้พระถังซำจั๋งอาบตัวในสระบัวแล้วจึงจะเข้าสู่ สุขาวดี โดยนั่งเรือเข้าไปยังวัด ปรากฏว่าท้องเรือไม่มี พระถังซำจั๋งตกใจเหมือนเห็นร่างของตนลอยไปต่อหน้าต่อตา เทพยดาผู้พายเรือ กล่าวว่า ท่านบรรลุอรหันต์แล้ว นั่นเป็ยร่างปุถุชน ขณะนี้ท่านเป็นขั้นเทพแล้ว หงอคง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งต่างยินใจกับพระถังซำจั๋ง พอถึงพระวิหาร พระพุทธองค์ประทับบนอาสนะดอกบัวอย่างสง่างามท่ามกลางหมู่พระอรหันต์และพระโพธิสัตว์ พระพุทธองค์ยินดีต่อความลำบากลำบนที่อุตส่าห์เดินทางจากตะวันออกมาสู่ตะวันตกได้สำเร็จ พระพุทธองค์ประทานพระไตรปิกฎแก่พระถังซำจั๋งกลับไปเผยแผ่ยังดินแดนตะวันออก แต่ปรากฏว่าขณะที่กลุ่มพระถังซำจั๋งกำลังดีใจและเดินทางกลับ พระอรหันต์องค์หนึ่งทราบว่าพระไตรปิกฏที่เอาไปเป็นของปลอมจึงมาบอกกับพระถังซำจั๋ง จนต้องกลับไปเอา พอได้ตัวจริงมาซึ่งกำลังเหาะบนฟ้ามุ่งสู่ดินแดนตะวันออก ปรากฏล่วงลงสู่แม่น้ำพอดีเต่ายักษ์มารับพอดี และได้ถามถึงเรื่องที่ฝากพระถังซำจั่งถามถึงพระพุึทธองค์ พระถังซำจั๋งลืมถามพระพุทธองค์ เต่ายักษ์โกรธจึงปล่อยให้กลุ่มพระถังซำจั๋งลอยคออยู่กลางแม่น้ำ ต่างพากันขึ้นฝั่งและเอาพระไตรปิกฏผึ่งแดดให้แห้งแล้วเก็บเข้าที่เดินทางต่อไป ทางพระพุทธองค์กล่าวว่า พระถังซำจั๋งหมดกรรมเคราะห์ทั้งมวล พระองค์จึงแต่งตั้งให้พระถังซำจังเป็น พระอนันตไพศาล ส่วนหงอคง บ่วงมงคลก็หายไป และแต่งตัวเป็น พระพิชัยสงคราม โป๊ยก่าย แต่งตั้งเป็น ภูตจี้ฐาน ซัวเจ๋ง แต่งตั้งเป็น อรหันต์ร่างทอง ม้ามังกร หรือ องค์ชายสาม แต่งตั้งเป็น มังกรฟ้า ปรากฏว่าทุกคนมีพลังอำนาจกลับมาแล้วเหาะสู่ดินแดนตะวันออก พระถังซำจั๋งนำพระไตรปิกฏสู่แผ่นดินตะวันออกสำเร็จ และมอบแด่พระเจ้าถังไถ่จงสำเร็จ

 

 

 

 

 

....!!!!! จบแล้วขอรับกระพ๊ม !!!!!....

ติดตาม กันเยอะๆๆ น่ะขอรับ จะมีผมงาน ออกมาอีกน่ะขอรับ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว