เลี้ยงต้อย…(มาเฟียจอมกะล่อน)
บทนำ
เมื่อครั้งแรกพบ…
บนท้องถนนยามค่ำคืน ลีมูซีนสีดำคันหรูของผมกำลังเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายคือคฤหาสน์หลังใหญ่ วันนี้ที่คณะมีกิจกรรมพิเศษ ผมในฐานะนักเรียนชั้นปีสองเลยต้องอยู่ดึกไปด้วยเพราะต้องดูแลน้องปีหนึ่ง แล้วมีเหรอคนอย่าง ‘ซาน’ จะปฏิเสธ อย่างน้อยๆ วันนี้ผมก็ได้รางวัลเป็นเบอร์โทรศัพท์ของสาวน้อยดาวคณะล่ะนะ
ครืด…ครืด…
“โอ๊ะ! ข้อความจากคุณพยาบาลคนสวยนี่นา”
ผมเปิดดูข้อความทันที เธอคือพยาบาลสาวที่เพิ่งเรียนจบหมาดๆ เมื่อสามอาทิตย์ก่อนผมถูกลอบทำร้ายจนแขนหักเลยต้องเข้าเฝือกนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ ‘เฮียซัน’ พี่ชายคนโตของครอบครัวเลยจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล และเธอคือผู้หญิงผู้โชคดีคนนั้น
ไม่เกินวัน..ผมก็ได้ลิ้มลองสาวน้อยในชุดพยาบาลสมใจ ถึงเธอจะแก่กว่าผมสามปีก็เถอะนะ แต่ลีลาจัดได้ว่าเด็ดไม่แพ้ผู้หญิงวัยเดียวกับผมเลย ยิ่งเวลาเธอร้องครางขอให้ผมมอบความสุขให้เธอเร็วๆ ผมยิ่งชอบ เธอเองคงจะติดใจผมไม่น้อย ถึงได้ส่งข้อความหาแทบทุกวันแบบนี้ แต่ว่านะ…
ผมถือคติไม่กินของเดิม!
คงต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำได้แค่อ่านข้อความแต่ไม่เคยตอบกลับ
เอี๊ยด!
รถเบรกกะทันหันทำเอาหน้าผมถลาไปจูบกับเบาะรถอย่างแรง คนขับรีบหันมาขอโทษขอโพย ส่วนบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับกำลังฝั่งตรงข้ามผมต่างก็ควักปืนขึ้นมาถือเอาไว้อย่างเตรียมพร้อม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ผมเอ่ยถาม
พยายามชะโงกมองดูข้างหน้าว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เบรกรถกะทันหันแบบนั้น ทว่าสิ่งที่เห็นกลับทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย เด็กวัยไล่เลี่ยกับน้องชายของผมกำลังยื้อแย่งบางอย่างจากมือของเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง
ตัวกะเปี๊ยกสูงแค่เอวชาวบ้านเขายังทำเก่งอีกนะเจ้าเด็กคนนั้น!
“คงพวกเด็กจรจัดทะเลาะกันน่ะครับคุณชาย อย่าไปสนใจเลย”
“ฉันสน”
ผมตอบทันควัน เปิดประตูรถลงไปดูเหตุการณ์จนพวกบอดี้การ์ดรีบวิ่งตามลงมายืนประกบ บางทีผมก็เคยคิดนะว่าควรจะให้พวกมันขึ้นมาขี่คอซะ ถ้าคิดจะตามติดกันถึงขนาดนี้!
“ปล่อยนะเว้ย! เอาของของฉันคืนมา!”
เด็กผู้ชายตัวเล็กโวยวาย พยายามที่จะต่อยไอ้เด็กที่โตกว่า แต่กลับถูกดันเอาไว้จนไม่สามารถทำอะไรคืนได้เลยแม้แต่ข่วน
“ไม่คืนเว้ย! ข้าวกล่องนี้น่ะพวกฉันขอก็แล้วกัน”
“ไม่ได้นะ! เอาคืนมา!”
มันยังไม่ยอมแพ้ พยายามที่จะเอาคืนมาสุดกำลัง ผมท้าวแขนไปกับหลังคารถยืนมองอย่างสบายอารมณ์ แสดงให้ฉันดูหน่อยซิเจ้าเด็กน้อย ว่านายจะเอาข้าวกล่องเจ้าปัญหานั้นคืนมาได้ยังไง?
“บอกว่าไม่คืนก็ไม่คืนสิเว้ย!”
พลั่ก!
โอ๊ะโอ…โดนเตะอัดท้องเต็มแรงซะแล้วสิ แบบนี้คงหมดโอกาสเอาข้าวกล่องคืนมาแน่ๆ ผมตั้งท่าจะเปิดประตูกลับขึ้นไปนั่งบนรถเพราะคงไม่มีอะไรสนุกให้ดูอีกแล้ว ทว่าเด็กน้อยคนนั้นกลับพยุงตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่สีหน้าอิดโรยเต็มทน ว้าวๆๆ อึดใช้ได้เลยนี่นา
ผมเปลี่ยนใจไม่กลับขึ้นรถแต่รอดูสถานการณต่อไป ทำเอาพวกบอดี้การ์ดที่ก้าวขึ้นรถไปแล้วต้องรีบกลับออกมายืนประกบผมใหม่ เฮ้อ…! วางยาพวกมันให้ตายหมู่ได้มั้ยนะ ชักรำคาญแล้วสิ!
“เอา…คืน…มา”
“มึงนี่มันตื๊อจริงๆเลยโว้ย! บอกว่าไม่คืนก็ไม่คืนไง มีมือมีตืนไปหาเอาใหม่สิวะ!”
“เอาคืนมา!”
เป็นครั้งแรกที่ผมสะดุ้งให้กับเสียงตวาดของใครสักคน แว๊บหนึ่งที่นัยน์ตาของเด็กน้อยน่ากลัวขึ้นมา น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ทรงพลังสุดๆ ราวกับว่าในตัวของเจ้านั่น…มีพลังที่มากล้นซุกซ่อนอยู่
“ย้าก!”
ยังไม่ทันจะได้จินตนาการอะไรมากไปกว่านี้ เด็กน้อยก็พุ่งเข้าหาไอ้คนที่ถือข้าวกล่องไว้อยู่อย่างรวดเร็ว ปากกัดงับเขาที่ข้อมือของมันจนอีกฝ่ายต้องยอมปล่อยข้าวกล่องลงพื้น ผมถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เคยได้ยินคำว่าหมาจนตรอกอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่คิดว่าพอจนตรอกมากๆจะทำให้คนกลายเป็นหมาเสียเอง
เอ้า! เห่าโฮ่งๆให้พี่ชายดูด้วยสิเด็กน้อย ฮ่าๆๆๆ
“ปล่อยนะเว้ย! ปล่อยๆ”
“แง่งงง!”
เด็กน้อยขู่ ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่ายๆจนเพื่อนของคนที่โดนกัดตรงเข้ามาช่วยแยกออก กว่าจะแยกได้ก็ทำเอาข้อมือของมันเป็นแผลเหวอะมีเลือดออกพอสมควร
“เลือด…เลือด มันกัดฉันจนเลือดเลยว่ะ”
“บ้า ไอ้เด็กนี่มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
“แง่งงง!”
“ไปเหอะพวกเรา เกิดแม่งบ้าไล่กัดพวกเราเอาเป็นมื้อค่ำขึ้นมาแล้วจะแย่!”
เพียงพริบตาเดียว เหล่าขาโจ๋ทั้งหลายก็อันตรธานหายไปจนหมด เหลือเพียงเด็กน้อบที่ยืนมองพวกมันตามหลังทั้งที่ยังมีเลือดไหลออกมาจากปาก
เลือดของไอ้เวรนั่นน่ะนะ
เด็กน้อยเดินย้อนกลับที่ข้าวกล่องซึ่งพอตกลงพ้นก็กระเด็นออกมาเกลื่อนถนน ผมนึกว่ามันคงจะเก็บไปทิ้ง ทว่ามันกลับค่อยๆเก็บเศษข้าวนั้นกลับไว้ในกล่องตามเดิม หือ? อย่าบอกนะว่าจะกินของที่ตกพื้นแล้วน่ะ เชื้อโรคล้วนๆเลยนะครับ!
ด้วยความที่สนใจในตัวเด็กน้อยขึ้นมา ผมเลยแอบเดินตามมันไปโดยที่ไม่ลืมว่าต้องมีบอดี้การ์ดติดสอยห้อยตามมาด้วยสามคน ที่ที่เด็กน้อยเดินมาเป็นตรอกเล็กๆข้างในอัดแน่นไปด้วยถุงขยะส่งกลิ่นเหม็น หรือจะเป็นทางลัดกลับบ้าน? แต่ที่นี่มันเป็นซอยตันนี่นา
ความสงสัยของผมมีอยู่ไม่นาน เมื่อเด็กน้อยเดินลงไปนอนแผ่ทับลงบนกองขยะราวกับว่ามันคือบ้าน! คะ…คงไม่ใช่ว่าที่นี่เป็นบ้านของมันหรอกนะ?!
ไม่ทันไร เด็กน้อยก็ผงกหัวขึ้นมาใหม่ เปิดกล่องข้าวที่เก็บมาด้วยเมื่อกี้ออกแล้วลงมือจ้วงกินราวกับว่ามันคืออาหารจากภัตตาคารชั้นเลิศทั้งที่ข้างในมีแต่เศษดินเศษทราย เฮ้ย! นอกจากจะมีกองขยะเป็นบ้านแล้วยังกินข้าวที่ตกพื้นด้วยเหรอเนี่ย!
“คุณชาย กลับกันเถอะครับ เด็กนี่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย”
“พวกนายไม่สน แต่ฉันสน”
ผมตอบ ค่อยๆพาตัวเองเดินเข้าไปในตรอกนั้นช้าๆ จนเมื่ออีกฝ่ายรับรู้ถึงการมาของผม เด็กน้อยรีบเอาข้าวกล่องซุกไว้ข้างหลัง ตั้งการ์ดขึ้นพร้อมสู้กับผมเต็มที่ คงคิดว่าผมจะมาชิงข้าวกล่องเหมือนไอ้จิ๊กโก๋พวกนั้นแน่ๆ
“สวัสดีครับเด็กน้อย”
ผมเดินไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้ามัน ค่อยๆยื่นมือขวาไปข้างหน้าแล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนที่สุด นัยน์ตาสีดำสนิทดูแข็งกร้าวไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น ทำไมเด็กตัวแค่นี้ถึงได้มองโลกในแง่ร้ายนักนะ?
“นายเป็นใคร!”
“ผมเป็น…เทวดาประจำตัวคุณครับ”
“ทะ…เทวดาเหรอ?”
“ครับผม ไม่ทราบว่าจะบอกชื่อของคุณให้ผมรู้หน่อยได้มั้ย?”
เด็กน้อยส่ายหน้า ลดการ์ดที่เตรียมพร้อมลงแต่สายตายังมองผมอย่างหวาดระแวงอยู่ แต่ผมกลับรู้สึกว่า…มันช่างเป็นดวงตาที่สวยงามและน่าค้นหาเหลือเกิน
“ไม่มีชื่อหรอก”
“ถ้าอย่างนั้น…ขอมือของคุณให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
ผมยิ้มหวาน เด็กน้อยย่นคิ้วเล็กน้อย ทำท่าชักมือเข้าชักมืออย่างลังเล ทั้งที่ตัวผอมบางขนาดนี้ แต่กลับกัดฟันสู้กับจิ๊กโก๋พวกนั้นได้…
ช่างเป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ
“จะกินมือเหรอ?”
“ผมไม่ใช่ปิศาจนะครับ”
“แล้วจะให้ส่งมือไปทำไม!”
“ผมแค่อยากจะมอบคำสาบานให้กับคุณ”
“คำสาบาน?”
“ยื่นมือมาสิครับ”
เด็กน้อยยอมส่งมือให้ในที่สุด ทันทีที่ปลายนิ้วของผมสัมผัสกับมือเล็กบอบบางนั่น หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้ใจผมเต้นได้ขนาดนี้…
“อ๊ะ!”
เด็กน้อยร้องขึ้นเมื่อผมบรรจงจูบที่หลังมือมันอย่างแผ่วเบา อืม…เหม็นขยะนิดหน่อย แต่แลกกับการที่ได้สัมผัสมือบอบบางนี้…
สำหรับผมมันคุ้ม
“จูบนี้…แทนคำสาบานว่าผมจะปกป้องดูแลคุณตลอดไป”
“ฮะ?”
“ได้โปรด…”
“…”
“แต่งงานกับผมได้มั้ยครับ?”
นิยายเก่าเล่าใหม่ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ