Floword ร้านส่งดอกไม้ไว้อาลัย[นิยายแปลญี่ปุ่น]

รักโรแมนติก

Floword ร้านส่งดอกไม้ไว้อาลัย[นิยายแปลญี่ปุ่น]

Floword ร้านส่งดอกไม้ไว้อาลัย[นิยายแปลญี่ปุ่น]

Xiaobei

รักโรแมนติก

0
ตอน
524
เข้าชม
7
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
5
เพิ่มลงคลัง

ตอนที่ 1 

งานพิเศษใบ้ 

 

“ว่าอย่างไรนะ นี่เธอพูดไม่ได้งั้นรึ?”

สึกุมิก้มหน้ารับตรงๆ และยังเป็นการแสดงความขอโทษ โดยที่เขาไม่พูดอะไรออกมาเป็นการตอบคำถามผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าแทน

...ว่าแล้วว่าไม่ผ่านจริงๆ ด้วย

สึกุมิพ่นคำพูดที่ไม่ใช่ทั้งความพยายามต่อสู้หรือยอมรับเข้าใจอยู่ในใจ แล้วเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เหล็กที่นั่งอยู่ ก้มหัวขอโทษอีกหนึ่งครั้งทั้งที่เพิ่งทำไปเมื่อซักครู่ และก็หันหลังกลับเพื่อออกไปจากที่แห่งนั้น อากาศรอบตัวสึกุมิพัดเคลื่อนที่เพราะการเคลื่อนไหวนั้น ทำให้กลิ่นอุณภูมิเฉพาะตัวของดอกไม้สดลอยมาจั๊กจี้จมูกสึกุมิ

“รอประเดี๋ยว ยังไม่ทันจบเรื่องที่คุยอยู่เลยนะ”

เจ้าของร้าน “FLOWER TAMA” พูดขึ้น คำพูดนั้นฉุดรั้งสึกุมิที่ตั้งใจจะเดินกลับไปให้หยุดนิ่ง

...เอ๊ะ แต่ถ้าเราพูดไม่ได้ก็คงไม่ผ่านอยู่ดีล่ะมั้ง?

สึกุมิโอบกอดความหวังลมๆ แล้งๆ จากเสียงเรียกให้หยุดพร้อมกับถามเจ้าของร้านขึ้นมา  แม้ถึงอย่างนั้น คำพูดจากปากของสึกุมิก็ยังไม่สามารถกลายเป็นเสียงเกิดขึ้นมาได้

“ฉันยังไม่ได้พูดว่าไม่ได้รึอะไรเลยนะ”

ดูจากภายนอกแล้ว เธอน่าจะอายุประมาณยี่สิบห้าหรือยี่สิบหก เจ้าของร้านสาวมีริมฝีปากอวบอิ่มดูมันวาว มีไฝใต้ตาซ้ายและผมสีดำเย้ายวน เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้งเหมือนคนสูงอายุตรงข้ามกับรูปร่างภายนอกที่ยังดูอ่อนวัย

...เธอเป็นพวกชอบกินเหล้าหรือเปล่านะ?

สึกุมิไม่เคยรู้จักเหล้าเลยแม้แต่รสชาติของมัน แต่เขาตัดสินไปเองว่าแองกอฮอลล์เป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีเสียงเหมือนหญิงชรา มันทำให้เขานึกถึงคุณยายของตัวเองที่ชอบกินเหล้าและมีเสียงพูดแบบนั้นเช่นกัน

“ถึงจะไม่ได้รังเกียจการดื่มเหล้าก็เถอะ แต่ไม่ใช่เพราะเหล้าหรอก ”

เจ้าของร้านสาวกล่าว เธอเชิดคางขึ้นไปทางเพดานห้องและลูบคอตัวเองเบาๆ ราวกับจะรักษามันให้หาย ลำคอและหลังมือที่กำลังลูบไล้อยู่นั้นไม่มีรอยเหี่ยวย่นเลยแม้แต่รอยเดียว เรือนร่างที่มีความเยาว์วัยแผ่กระจายไปทั่วกับบางสิ่งบางอย่างในวีธีการพูดและน้ำเสียงที่ดูมีอายุทำให้เขามองเห็นความขัดแย้งไม่สมดุลกันอย่างชัดเจนบนตัวผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าความไม่เข้ากันนั้นเด่นชัดสะดุดตาเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้สึกุมิรู้สึกตัวช้าเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ

...เอ๊ะ? ทำไมถึงคุยกันรู้เรื่องได้ล่ะ?

สึกุมิยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เข้ามาในร้าน ‘FLOWER TAMA’ แห่งนี้ จะว่าไปแล้ว คอของสึกุมิมีสภาพเหมือนร้านค้าร้างคนมาตลอดช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ด้วยซ้ำ

“ฉันเข้าใจหรอกนะ สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ เหตุผลน่ะรึ ก็เพราะว่าฉันเป็นแม่มดอย่างไรล่ะ”

...ห๊ะ? แม่มด?

เมื่อเจ้าของร้านสาวที่อยู่ตรงหน้าพูดเสร็จและมองใบหน้าของสึกุมิที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ เธอก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “เฮี๊ยะฮะฮ่า”

สึกุมิหมุนตัวมองไปทั่วร้าน เขาเห็นดอกไม้หลากชนิดที่ตัวเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ ถูกจัดวางเอาไว้ในตู้กระจกบ้าง บนพื้นคอนกรีตบ้าง แต่ถึงจะไม่รู้จักชื่อของมันจริงๆ เขาก็คิดว่าดอกไม้เหล่านั้นดูธรรมดาสุดๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีต้นที่มีรากรูปร่างเหมือนคนหรือเกสรลอยขึ้นมาเหมือนควันบุหรี่

“ฮะฮ่า มองไปทั่วเลยรึ อย่าเป็นห่วงเลย ร้านฉันเป็นร้านดอกไม้ของแท้แน่นอน คติประจำร้านคือซื้อขายเงินสดด้วยสินค้าที่ไว้วางใจในคุณภาพได้”

ทันทีที่เจ้าของร้านสาวพูดเสร็จ เธอก็เริ่มสัมภาษณ์งานต่ออีกรอบอย่างไม่เกรงใจสึกุมิที่กำลังสับสนอยู่ โดยที่ไม่ยอมเอ่ยคำยอมรับหรือปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นแม่มดเมื่อครู่

“เอาล่ะ ซากิตะ สึกุมิ ...คุง? อายุสิบแปดเพิ่งจบจากโรงเรียนมัธยมปลายฮารุงั้นรึ ใช้ได้นะ กำลังอยู่ในวัยสดใสทีเดียวเชียว” 

เจ้าของร้านสาวเริ่มอ่านออกเสียงข้อมูลในใบสมัครงานตั้งแต่หัวข้อแรก การที่สึกุมิเจอประกาศรับสมัครงานพิเศษของร้าน ‘FLOWER TAMA’ แห่งนี้ได้ก็เพราะใบปลิวขนาดเท่านามบัตรใบเล็กๆ ซึ่งมีใครบางคนวางลืมเอาไว้ระหว่างช่วงที่จัดพิธีศพแม่ของเขา ด้านบนใบปลิวมีคำโฆษณาเขียนเอาไว้ว่า ‘หากคุณต้องการช่อดอกไม้สำหรับงานศพ ต้อง FLOWER TAMA คติประจำร้านเราคือซื้อขายเงินสดด้วยสินค้าที่ไว้วางใจในคุณภาพได้’ ด้านหลังมีที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์เขียนเอาไว้ และยังมีคำว่า ‘รับสมัครพนักงานพาร์ทไทม์! ทำงานส่งดอกไม้ง่ายๆ’ เขียนเสริมเอาไว้เหมือนเป็นของแถม เนื่องจากว่าร้านไม่ได้เขียนอีเมล์เอาไว้แม้จะอยู่ในยุคปัจจุบัน แถมยังค้นหาในอินเทอร์เน็ตไม่เจอด้วย ร้านนี้จึงเคยเป็นแค่ตัวเลือกในช่วงแรกที่เขาเริ่มต้นหางานพิเศษทำ แต่เพราะความพ่ายแพ้ในสงครามการสัมภาษณ์งานที่เกิดขึ้นติดต่อกันมาเรื่อยๆ ทำให้สึกุมิคิดขึ้นว่าถ้าเขาคว้าอะไรได้ก็ต้องคว้าไว้ก่อนและออกไปค้นใบปลิวมาจากถังขยะ จากนั้นเขาก็นำใบประวัติส่วนตัวไปยังที่อยู่ที่เขียนเอาไว้บนนั้นเพื่อยื่นด้วยตัวเองโดยตรง

“ก็คิดอยู่ว่าคงจะเป็นเด็กใจร้อนเสียมากๆ ถึงได้โผล่มาโดยที่ไม่ยอมโทรศัพท์มาก่อนซักสาย แต่จริงๆ เป็นเพราะพูดไม่ได้นั่นเองสินะ ไม่ใช่ไอ้นั่นใช่ไหม? พวกที่หูไม่ได้ยินเสียงอะไรแบบนั้น?”

 เจ้าของร้านสาวเงยหน้าขึ้นมาจากใบประวัติที่กำลังอ่านอยู่แล้วถามสึกุมิ แม้สึกุมิจะเปิดปากพยายามพูดว่า “ไม่ใช่ครับ” แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา ต่อให้วันนี้เขาพยายามลองพูดออกมาหลายต่อหลายครั้งก่อนที่จะมาถึงที่นี่ แต่เสียงที่เคยปิดผนึกไปแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่ยอมกลับมาง่ายๆ ขนาดนั้นหมือนกัน

“อ๊ะ ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ พูดไปแล้วนี่ว่าฉันเข้าใจสิ่งที่นายกำลังคิดอยู่เกือบทั้งหมด จะคิดในใจลอยๆ เอาก็ได้ล่ะนะ”

เจ้าของร้านสาวสะบัดมือแบบไม่ใส่ใจ แล้วหยิบเอาคำถามข้อถัดไปขึ้นมาถามสึกุมิ

“แล้ว เธอเริ่มงานได้เมื่อไรรึ?”

...เอ๊ะ? นั่นหมายความว่า?

“ก็หมายความว่าฉันจะจ้างไงเล่า แม้จะทำใบปลิวขึ้นมาตามที่ร้านจัดพิธีศพที่เป็นคนรู้จักกันบอกมา แต่ก็ดันลืมแจกไปซะได้ ถึงอย่างนั้นนายก็ยังอุส่าห์ไปเจอกระดาษเพียงใบเดียวที่ฉันวางทิ้งเอาไว้ น่าตกใจมากเลยทีเดียว และนายก็ช่วยหยุดอ่านแล้วเดินเข้ามาหาทางนี้  สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแม่มดต้องรักษาสายสัมพันธ์แบบนี้เอาไว้ให้ดีล่ะนะ”

สึกุมิหลับตาซ่อนความสงสัยในคำพูดที่บอกว่ามีแค่เขาเท่านั้นที่เห็นใบปลิวอันนั้น สาเหตุนั้นก็พราะตัวสึกุมิผู้ที่เสียแม่ไปเมื่อวันก่อนและตกอยู่ในความโดดเดี่ยวเรียนจบมันธยมปลายออกมาโดยที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปทำงานที่ไหนและไม่รู้จะไปทางไหนดี เขาจะต้องหางานทำเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

...ตั้งแต่วันนี้เลยก็ได้ครับ!

สึกุมิเชื่อในสิ่งที่เจ้าของร้านสาวบอกและลองตะโกนออกมาในใจ

“ฮะฮ่า ว่าแล้วเชียว แต่วันนี้ไม่มีคำสั่งซื้อดอกไม้เข้ามาเลยซักอย่าง คงไม่มีงานให้ช่วยทำหรอก แต่ก็ดีใจที่ได้เห็นความกระตือรือร้นนั่นนะ ช่วยมาทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้ได้ไหม?”

...ได้ครับ!

สึกุมิตอบกลับอย่างสดใส แม้จะพูดอยู่ในใจ

“ตอบรับเสียงขยันขันแข็งดี อ้าว ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่นะ ฉันชื่อโคโตฮานะ ทามาโกะ เป็นเจ้าของร้านดอกไม้แห่งนี้ เรียกฉันว่าคุณทามาโกะก็แล้วกัน ยินดีที่ได้รู้จัก”

...ยินดีที่ได้รู้จักครับ

สึกุมิหันไปหาทามาโกะผู้เป็นเจ้าของร้านแล้วโค้งสุดตัวเพื่อแสดงความขอบคุณที่จ้างเขาทำงานอย่างสุดซึ้ง

“เวลาจะเรียกชื่อเธอ ให้ฉันเรียกว่าสึกุมิก็ได้ไหม?”

ชื่อเรียกนั้นทำให้สึกุมิมีสีหน้าตรึงเครียดขึ้นมา

...ช่วยอย่าเรียกผมด้วยชื่อนั้นได้ไหมครับ

สึกุมิไม่ชอบชื่อต้นของตัวเองเท่าไหร่ เขาเกลียดชื่อนี้ซึ่งเป็นชื่อที่แม่ตั้งให้พอๆ กับเสียงของตัวเองที่ไม่ยอมเปล่งออกมา

“อ้อ ได้สิ”

ทามาโกะตอบรับอย่างยินดีโดยไม่มีคำพูดอยากรู้อยากเห็นใดๆ ให้กับสึกุมิผู้ทำสีหน้ามีปัญหาอย่างเห็นได้ชัดเจน

“ชื่อน่ะ เป็นสิ่งที่มีสำคัญมากต่อตัวคนคนนั้น ถ้าเธอไม่อยากถูกเรียกด้วยชื่อนั้นก็ไม่ต้องเรียกกันดีกว่า แต่จะให้เรียกว่าเธอๆ ไปตลอดมันก็แปลกๆ งั้นฉันจะเรียกว่าเจ้าหนูล่ะกัน โอเครึเปล่า?”

...เจ้าหนูหรือ?

จริงอยู่ว่าสึกุมิเป็นเด็กหนุ่มในช่วงอายุสิบปีปลายๆ แต่เขาก็ไม่ได้เด็กขนาดที่จะถูกทามาโกะที่น่าจะอายุยี่สิบกลางๆ ตราหน้าว่า ‘เจ้าหนู’ ได้

“สำหรับคุณยายอย่างฉันแล้ว เธอก็ยังดูเป็นแค่เจ้าหนูตัวน้อยๆ อยู่ดีล่ะนะ เอาล่ะ ตามนี้แล้วกัน!”

ถึงแม้ว่านอกเหนือจากเสียงที่ฟังแก่ชรานั้นแล้ว เธอจะไม่มีองค์ประกอบต่างๆ ของความเป็นคุณยายเลยแม้แต่ฝุ่นละออง แต่ทามาโกะก็ตัดสินใจเรียกเขาว่า ‘เจ้าหนู’ โดยไม่สนว่าเขาจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม

“เอาล่ะ เจ้าหนู  อาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่ช่วยทำงานให้ซักอย่างได้ไหม?”

สึกุมิเอียงคอสงสัยขึ้นมาและคิดว่าทั้งที่เมื่อซักครู่บอกว่า ‘วันนี้ไม่มีงาน’ แท้ๆ พอเห็นแบบนั้นแล้ว ทามาโกะก็เอียงคอแบบเดียวกับสึกุมิและทุบไหลซ้ายดังตุบตุบด้วยกำปั้นมือขวา

“ช่วยนวดไหลให้หน่อยสิ ถึงจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่กลิ่นไอของฤดูหนาวที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายแข็งขึ้นมาเสียเอง”

...นั่นเป็นส่วนหนึ่งของงานด้วยหรือครับ?

สึกุมิเผลอถามลอยๆ ขึ้นมาในใจอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“สำหรับร้านของฉันน่ะ เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่หนึ่งในงานพิเศษด้วยนะ ทำไม? มีอะไรอยากประท้วงรึไง?”

...เปล่า ไม่มีครับ!

สึกุมิรีบส่ายหน้า

“ฝากด้วยแล้วกัน”

ทามาโกะพยักหน้าอย่างพอใจ สึกุมิถอดรองเท้าวางไว้ตรงพื้นของบริเวณที่ไม่ได้เทปูนแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนั่งเล่นพื้นเสื่อทาทามิที่ทามาโกะนั่งอยู่ ทามาโกะรวบผมสีดำยาวของเธอเอาไว้ด้านหน้ารออยู่แล้ว และนั่นเผยให้เห็นไหล่ทั้งสองข้างที่ไร้การป้องกัน

...งานแรกในชีวิตของเราคือการนวดไหล่แม่มดหรือเนี่ย

สึกุมิตำนิตัวเองเบาๆ ที่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แล้วคิดทบทวนว่าทำไมถึงมาอยู่แบบนี้ได้อีกครั้ง ถ้าหากแม่ของเขาไม่ตายจากไป เขาคงไม่ต้องมาทำงานพิเศษอะไรก็ได้ และหากคุณยายไม่ได้ตายจากไปก่อนเกิดเรื่องนั้นขึ้น สึกุมิก็คงได้ไปทำงานตามคำแนะนำของโรงเรียนได้แน่นอน ถึงแม้จะพูดว่า ‘ถ้าหาก’ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ความตายของคนในครอบครัวทำให้ชีวิตของสึกุมิเปลี่ยนไปเสียแล้ว และตอนนี้ ความทุกข์ที่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดได้ก็โถมเข้าใส่สึกุมิ

...ทำไมคุณยายต้องมาตายจากกันไปด้วย

ระหว่างที่บีบนวดไหล่ของทามาโกะผู้มีน้ำเสียงเหมือนหญิงชราอยู่ สึกุมิก็ดูเหมือนจะเริ่มน้ำตาคลอขึ้นมา

“โอ้ เจ้าหนู นวดเก่งนะเรา”

ทามาโกะรู้สึกเพลิดเพลินกับการนวดไหล่จนไม่ได้สนใจอะไรเลย อย่างเช่น ความคิดของสึกุมิที่ถูกความเศร้าห่อหุ้มหัวใจเอาไว้แล้ว

...ผมนวดไหล่ให้คุณยายบ่อยๆ น่ะครับ

“อื้มๆ เด็กๆ เนี่ย แรงดีกันจังเลยนะ”

บทสนทนาไร้ซึ่งคำถกเถียงแตกต่างไปจากเมื่อซักครู่ ดูเหมือนว่าความสามารถในการอ่านใจของทามาโกะจะยังไม่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็แล้วแต่ สึกุมิก็ไม่คิดจะปล่อยความโชคร้ายที่ทำให้ตัวเขาซึ่งพูดอะไรไม่ได้กับนายจ้างที่สามารถสื่อสารผ่านจิตใต้สำนึกได้มาพบกันแบบนี้หลุดมือไปได้

...งั้นก็ทำงานที่นี่นั่นแหละ!

เมื่อตัดสินใจได้ มือของสึกุมิก็บีบแรงขึ้น

“โอ๊ย เจ็บๆๆ ประเดี๋ยวเถอะ เจ้าหนู บีบแรงไปแล้วนะ”

สึกุมิรีบปล่อยมืออกตามคำสั่งหยุดของทามาโกะ ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อมองไปที่มือสองข้างที่ได้รับความร้อนของทามาโกะมา สึกุมิก็นึกถึงมือของแม่ที่เย็นเฉียบขึ้นมา แต่มันไม่มีความโศกเศร้าเกิดขึ้นมาในตัวเขาเหมือนเวลาที่นึกถึงเรื่องของคุณยาย ราวกับว่าตัวสึกุมิเองก็อาจจะสูญเสียไออุ่นของร่างกายไปแล้ว เหลือเพียงความเกลียดชังอันแสนเหน็บหนาวพรั่งพรูออกมาไม่หยุด

...ทั้งที่ยังไม่ครบสี่สิบเก้าวันเลยแท้ๆ

จนถึงตอนนี้ สึกุมิก็ยังไม่สามารถหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของแม่ตัวเองได้แม้แต่หยดเดียว

 

-- อ่านต่อได้ที่ http://bit.ly/2MV0WY7 -- 

ติดตามโปรเจกต์เสี่ยวเปยและร่วมพูดคุยกับพวกเราได้ที่ 

https://www.facebook.com/xiaobei.fiction 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว