ลูกโป่งสีแดง
0
ตอน
322
เข้าชม
15
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

     ลูกโป่งที่กำลังลอยไปในอากาศ มันกำลัง 

ล่อง......ลอยไปตามสาย ลม ลม....ที่กำลังพัดพา มันลอยออกไป ไกล..........ออกไป..................... 

เฉกเช่นเดียวกับคนเราเมื่อเข้าสู่ความตาย ดวงวิญญาณ ก็จะหลุด ล่องลอยออกจากร่างกายไป ลอยล่องไป ไป....ที่ใดก็มิอาจรับรู้ 

     “ไม่นะ ฮื้อ ฮือ .....ฮื้อ ไม่ ใครก็ได้ช่วยที ช่วยลูกฉันด้วย” !!!!!!  

เสียงกรีดร้อง ที่แสนจะโหยหวน เสียงร้องนี้มันทำให้รับรู้ได้ถึง ความรู้สึกเจ็บปวดไป 

จนถึงขั้วของหัวใจ เสียงของมารดา ร่ำไห้ กำลังกอดร่างอันไร้วิญญาณของลูกชาย ใครก็ตามที่ได้พบเห็น มันช่างเป็น 

ภาพที่น่าเวทนา ยิ่งนัก 

.......................................................................................................... 

ปี๊น!!!!! ปี๊น!!!!! ปี๊น!!!!!!!!!  

 

เสียงบีบแตรที่ลากยาว กับแสงไฟที่สาดส่องแยงมาที่ตา มันทำให้ผมตื่น จากอาการหลับใน  

การขับรถบรรทุกคนเดียวในตอนกลางคืน มันก็มีบ้างที่จะหลับใน ยิ่งเป็นถนนสายเปลี่ยวทางตรงยาวไปหลายสิบกิโล  

นานๆ ถึงจะเจอรถสวนทางมาสักคัน มันทำให้ง่วงดีนักแล อีกทั้งถนนเส้นนี้มันยังมืดมากๆ ทั้งๆ ที่มีเสาไฟ ตลอดเส้นทาง  

แต่กลับไม่มีแสงไฟส่องทาง มันก็ไม่แปลกหรอกถนนหลายๆ สายในประเทศเราก็เป็นแบบนี้  

 

มันนานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้ขับรถมายังถนนสายนี้ การขับรถในเวลากลางคืนต้องใช้สายตาในการมองทางมากเป็นพิเศษ  

ยิ่งเป็นถนนที่มืดมากๆ แบบนี้ด้วย จะมีก็แต่แสงไฟที่หน้ารถบรรทุกของผมที่สาดส่องลงบนเส้นทาง แต่มันก็ 

 

ไม่ได้จะสว่างมากนักหรอก ด้วยมันเป็นรถบรรทุกรุ่นเก่า คนก็แก่รถก็เก่า  

ในขณะที่รถกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วไม่มากนัก ผมใช้สายตาเพ่งมองไปที่ปลายแสงไฟของหน้ารถเพื่อมองดูเส้นทาง  

 

แต่แล้วก็ได้พบเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างในความมืด มันเป็นจุดดำๆ กำลังลอยไป ลอยมา อยู่ที่ปลายแสงไฟหน้ารถ  

     ผมพยายามเพ่งมองดูด้วยใจจดจ่อจนแทบลืมหายใจ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่????  

ผมเปิดไฟสูงเพื่อส่องดู ให้รู้ได้แน่ชัดว่า สิ่งที่ลอยอยู่มันคืออะไร? แต่มันก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มันเป็นลูกโป่ง กำลังลอยอยู่ มัน 

ลอยห่างเท่ากับระยะของปลายแสงไฟหน้ารถ ไปประมาณ ร้อยเมตรเห็นจะได้ ลูกโป่งสีแดงของใครกันมันทำไมมาลอยอยู่ 

อย่างนี้ ผมเหยียบคันเร่ง ให้รถวิ่งเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้วิ่งผ่านลูกโป่งสีแดงนั้นไปให้ได้สักที แต่แล้วความแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น  

 

เมื่อเร่งความเร็วรถ ลูกโป่งก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเลย ลูกโป่งยังคงลอยอยู่ที่ปลายของแสงไฟหน้ารถ  

ผมก้มมองลงไปดูที่ไมล์หน้ารถ เพื่อดูความเร็วและระยะทางของ รถที่กำลังวิ่งอยู่ว่าจากจุดที่เจอลูกโป่ง ระยะทางผ่านมาไกล 

แล้วรึยัง รถก็วิ่งผ่านมาได้ประมาณสี่ถึงห้าร้อยเมตรแล้วแต่เจ้าลูกโป่งมันยังคงลอย ไปมาอยู่ที่ปลายแสงไฟหน้ารถ  

ความกลัวในสิ่งที่เห็นเริ่มครอบงำเข้ามาในจิตใจ ผมตัดสินใจลดไฟสูงลง เพื่อจะหลีกเลี่ยงการมองเห็นลูกโป่งที่ลอยอยู่  

แต่มันยิ่งกลับทำให้ผมตกใจ!!!!!!!  

..............................ลูกโป่งได้ลอยขยับเข้ามาใกล้หน้ารถ 

ถึงตอนนี้ความรู้สึกเหมือนหยุดหายใจกลับมาอีกครั้ง ประสาทที่ปลายเท้ามันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาจนถึงหัวเข่า เท้าที่เหยียบคันเร่ง 

มันกลับไม่มีเรี่ยวแรง มือที่กำพวงมาลัยทั้งสองข้างก็เบาเหมือนไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ  

 

 

เอี๊ยดดด!!!! ผมหลับตา ตัดสินใจเหยียบเบรกรถให้หยุดอย่างกะทันหัน รถบรรทุกจอดนิ่ง สนิท ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา 

โดยที่หวังว่าจะไม่ได้เห็นลูกโป่งสีแดงลอย อยู่ที่หน้ารถอีก แต่ก็ไม่เลยมันยังอยู่ ลอยอยู่นิ่งๆ  

ห่างออกไปไม่ถึงสามสิบเมตร ที่หน้ารถ ตาผมเบิกโพลง หลังติดเบาะมือกำพวงมาลัยเอาไว้แน่น แล้วมอง 

ไปที่ลูกโป่งกำลังลอยอยู่ มันเริ่ม ขยับลอยเข้ามาใกล้ๆ ใกล้เข้ามา  

 

จากสามสิบเมตร เป็นยี่สิบเมตร............................................. 

 

จากยี่สิบเมตรเหลือเพียงสิบเมตร................................. 

 

มันลอยเข้ามาใกล้ๆ ใกล้เข้ามา........ 

 

จนถึงกระจกหน้ารถ หัวใจผมแทบหยุดเต้นกับภาพที่เห็น  

 

“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!! นี่มันไม่ใช่ ลูกโป่ง!!!!!!!!!!!  

 

ผมกลั้นใจแล้วหลับตาเพื่อไม่อยากเห็นสิ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้า ปากก็พร่ำสวดมนต์ไป อยู่พักใหญ่จนสติเริ่มกลับมาอีกครั้ง  

ผมค่อยๆ ลืมตามองไปที่หน้ารถ ใจก็ภาวนา ว่าอย่าได้เห็นอะไรอีกเลย  

ไปแล้วสิ่งที่เห็นมันไปแล้ว ผมรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก หลังจากที่พอมีสติได้ ก็รีบเร่งขับรถออกไป  

ผมขับไปสักพักใหญ่ๆ ก็เจอกับปั๊มน้ำมันเก่าๆ ข้างทาง จึงตัดสินใจรีบเลี้ยวเข้าไปเพื่อจอดแวะพักและเรียกสติตัวเองให้กลับมา  

ผมลงจากรถด้วยความร้อนรน ระส่ำระสายรีบเข้าไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา สักหน่อยแล้วตั้งใจว่าจะขับรถไปต่อ  

เมื่อกำลังเดินกลับมาที่รถ  

 

“เจอดีมาละสิท่า ฮะฮะ”  

ลุงคนหนึ่ง ที่กำลังเก็บของเก่าใน ถังขยะร้องทักขึ้นมายังกับเขารู้ว่าผมได้เจอกับอะไรมา ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ 

เจอให้กับ ลุงคนนั้นฟัง 

 

“เอ็งไม่ได้เจอคนเดียวหรอก คนที่ขับรถบรรทุกที่ผ่านถนนเส้นนี้ในตอนกลางคืนเขาก็เจอกันทั้งนั้นนะแหละ”  

 

 

“แล้วเด็กมันไปวิ่งเล่นท่าไหน ถึงได้โดนรถชนละลุง”  

 

“ก็เห็นมันถือลูกโป่งกำลังจะข้ามถนน เดินไปจนถึงเกาะกลางถนนละ แต่ไม่รู้มันนึกยังไงวิ่งข้ามกลับมา จะไปที่บ้านตัวเอง 

แล้วก็คงไม่ได้มองทางให้ดีซะก่อนที่จะข้าม มันไม่เห็นรถกระบะที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว เฉี่ยวมันไปกระเด็นลงไปนอน 

นิ่งอยู่กับพื้น ไอ้รถบรรทุกมันก็ขับมาไว คงมองไม่เห็นจะเบรกก็คงไม่ทัน ก็ขับรถทับตรงช่วงตัวช้ำ คอนี้ขาดกระเด็นกลิ้ง 

ออกไปลงตรงโพรงหญ้าข้างทาง พวกมูลนิธิตามหาส่วนหัวอยู่นานเลยละ”  

 

“แล้วเจอไหมลุง?”  

 

“เจอสิวะ หน้าข้างหนึ่งเหมือนไถลไปกะพื้นถนนหัวกะโหลกนี้เปิดออกมาข้างหนึ่ง ลูกตาจนถลนเกือบออกมาจากเบ้า หัว 

นี้แดงก่ำชุ่มไปด้วยเลือด เหมือนที่เอ็งเจอดีนั้นไง”  

 

“แล้วเขาจับไอ้คนขับรถบรรทุกได้ไหมละลุง”  

 

“จะจับได้ไงใครจะไปทันเห็นเลขทะเบียนรถมันละ มันขับรถแทบไม่ได้เหยียบเบรก ตอนที่ทับเด็กด้วยซ้ำ มันก็วิ่งฉิวแล้วก็หายไป”  

พอได้ฟังเรื่องที่ลุงเล่ามันยิ่งทำให้ไม่กล้าที่จะขับรถไปต่อ ผมจึงต้องจอดรถแวะพักนอนที่ปั๊มเพื่อไปต่อในตอนเช้า  

ผมค่อยๆ ขับรถออกมาในตอนเช้าวิ่งไปบนถนนเส้นเดิม แต่ต้องเร่งทำความเร็วให้มากขึ้น 

 

 

ปัง!!!! กรึก.... กรึก... กรึก...... เหมือนรถกำลังขับทับอะไรบางอย่าง  

ผมไม่ได้ทันสังเกตและก็ไม่เห็นว่าเป็นอะไร คงจะเป็นหมาหรือแมวอีกตามเคย ที่ชอบวิ่งผ่านตัดหน้ารถแล้วถูกทับเป็นประจำ  

ผมคิดพลางรีบเหยียบคันเร่งรถให้วิ่งเร็วขึ้นไปกว่าเดิม  

โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำว่าผมขับรถทับอะไร?????? 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว