ON THE LINE สุริยกานต์
0
ตอน
207
เข้าชม
8
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

#สุริยกานต์ 

เขียนโดย ToppyTHAp 

บทนำ 

Interested 

               “ซัมเมอร์ 2019 นี้ก็ต้องแนว Day glow visions เลยครับ สีมะนาวสะท้อนแสงและสีส้มแมนดารินกำลังมาแรงสุดๆ  รับรองว่าอยู่เชียงใหม่เห็นชัดยันยะลา เหมาะกับใส่ไปผับเรียกความสนใจก็ได้ ใส่ไปเที่ยวชิคๆ คูลๆ กับเพื่อนก็ดี หรือใส่ไปดูคอนเสิร์ตทีศิลปินที่คุณรักต้องเห็นคุณอยู่ในหลุมสี่พันแปดแน่นอน งานแบบนี้เสนอขายตัวละห้าร้อยเก้าสิบบาท กติกาเหมือนเดิมนะครับ CF no CC ของมีจำนวนจำกัดสุดๆ” ผมปั้นหน้ายิ้มระรื่นในขณะที่ตัวเองกำลังออกอากาศสดผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Sunshine by TAWAN ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ของตัวเองที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อลงทุนทำร้านนี้ออกมาได้ตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มากพอที่จะเช่าที่ทำหน้าร้าน การขายทางออนไลน์จึงเป็นลู่ทางเดียวที่มีอยู่จึงปลุกปั้นมาเรื่อยๆ จนมีคนกดไลค์เกือบหนึ่งแสน แต่ซื้อจริงๆ...อืม สักยี่สิบเปอร์เซ็นได้จากทั้งหมด เศร้าชิบเป๋ง

               ถ้าให้เดาคงเพราะผมซื้อโฆษณากับเฟซบุ๊กในการโปรโมตให้ร้านแพร่กระจายเจาะกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผมยังลงทุนซื้อกล้องเอง ถ่ายรูปเอง เป็นนายแบบเอง แต่งรูปเอง โพสต์ขายเอง เจ๊งเอง ... เอ่อ อย่างหลังคงไม่ใช่ จะเจ๊งไม่ได้ ไม่งั้นคำที่ไอ้ขอบฟ้า น้องชายฝาแฝดของผมสบประมาทไว้จะเป็นจริงและมันต้องสมน้ำหน้าผมชัวร์ ฉะนั้นถึงแม้จะต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ที่เข้ามากดไลค์นั้นก็เพราะหน้าตาความหล่อของผม แต่ก็มีบางคนที่เป็นลูกค้ามาอุดหนุนซื้อของอยู่ดี อีกอย่างผมเริ่มชอบการขายของออนไลน์แล้วซะด้วย มันแค่นั่งขายของตอบลูกค้าอยู่บ้านเฉยๆ ออกจากบ้านทีก็ตอนส่งของหรือนัดพบปะสังสรรค์กับพรรคพวกประมาณนี้

               ผมเคยทำงานอยู่ในวงการแฟชั่นมาบ้างเมื่อสองปีที่ผ่านมา งานที่เข้ามาจะเป็นถ่ายแบบมากกว่าเดินแบบ งานพวกนี้ทำให้ผมได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งแมวมองชั้นผู้ใหญ่กับเลขาฯ หาเด็กเข้าสังกัด สไตล์ลิสต์หน้าเก่าและใหม่ ช่างภาพระดับประเทศ นางแบบ นายแบบ ดารา นักร้องที่เปล่งประกาย แขกและผู้ชมที่ได้รับเชิญไปงาน ส่วนตัวแล้วเวลาถ่ายแบบผมรู้สึกผ่อนคลายและก็เครียดน้อยกว่าเดินแบบ คงเพราะมีแค่ไม่กี่สายตาละมั้งที่จับจ้องมาที่เรา ต้องใช้อินเนอร์ทางใบหน้า สายตา เรียนรู้มุมกล้อง แสง การโพสต์ท่า และต้องเล่นเสื้อผ้ากับเครื่องประดับทุกอย่างเพื่อขายมันให้ได้มากที่สุด

               ด้านการเดินแบบนั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่ไปชมโชว์ ณ เวลานั้น ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องมองมาที่ตัวเราและเสื้อผ้ารองเท้าที่เราสวมใส่ตาเป็นมัน ทำให้รู้สึกประหม่าและเกร็งในช่วงแรกๆ แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ ก็จะคุ้นชินไปเอง ผมยังจำงานแรกที่ผมรับอย่างงงๆ เพราะมีคนเสนอค่าจ้างห้าหลักได้อยู่เลย ตอนนั้นผมเดินแปลกมากๆ ขนาดบอกในใจว่าต้องอกผาย ไหล่ผึ่ง กลับมาดูตัวเองที่มีคนถ่ายลงสตอรี่ไอจีไว้ยังอับอาย ต้องขอพี่ที่รู้จักเข้าอบรมบุคลิกภาพการเดิน ฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์อยู่นานสองนานจนกระทั่งเป็นนายแบบที่มีชื่อเสียงพอประมาณและมีงานจ้างเกือบแตะหกหลักต่อหนึ่งโชว์ได้อย่างที่ผ่านมา

               ทว่าเป็นเพราะปัญหาบางอย่างที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตทำให้ผมตัดสินใจหันหลังให้กับวงการนี้ คือไม่ได้ถึงขั้นหักดิบไปเลย ถ้ามีงานเข้ามาในช่วงเวลาที่ผมเบื่อขายของก็รับ เรื่องงานแสดงก็พอจะมีบ้างเช่นโฆษณา พระเอกMV ตัวประกอบในซีรีส์วัยรุ่นต่างๆ แต่ผมรับงานพวกนี้น้อยมากแทบนับชิ้นได้ เพราะรู้สึกไม่ชอบที่จะต้องสร้างภาพหรือพูดอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง ถึงแม้พวกนั้นจะเป็นตัวละครที่เราต้องสวมบทบาทและสื่อออกมาจากบทประพันธ์เป็นภาพเคลื่อนไหวก็ตามเหอะ ถ้าเลือกได้ผมขอไม่ทำดีกว่า ไอ้คติ #ไม่เลือกงานไม่ยากจน นี่ใช้ไม่ได้กับผมหรอก

               ต่างจากไอ้ขอบฟ้า แฝดผีที่ผมมีศักดิ์เป็นพี่แต่ไม่เคยเคารพผมเลยสักครั้ง (เกิดก่อนหนึ่งนาทีก็นับว่าเป็นพี่ได้)  รายนั้นน่ะไม่เลือกอะไรเลยสักอย่าง หาผู้หญิงคบมันยังไม่เลือกเลย เคยเกือบตายเพราะจะโดนกระทืบตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ผมเองก็เสียวๆ โดนเล่นงานผิดตัวเหมือนกัน มันแม่งเป็นดารา มีเงิน ทุกวันนี้ชีวิตมันถึงเที่ยวเล่นไปวันๆ ได้อย่างสุขสบาย

               เพราะความเป็นคนช่างเลือกของผม ทำให้ทุกวันนี้ข้าวเย็นเป็นไข่ต้มกับนมจืด บางวันเป็นอกไก่กับผลไม้รถเข็น แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่อดสูถึงขั้นแตะมาม่าในตู้เย็นหรอก โซเดียมเยอะมากเดี๋ยวตัวกับหน้าจะบวมเอาและที่ชีวิตประจำวันของผมเป็นแบบนี้เพราะผมต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนกับร้าน เงินที่เหลือก็มาเอาใช้จ่าย เลี้ยงดูตัวเอง ซึ่งไอ้ที่เหลือน่ะนะ...ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์

                พูดถึงเรื่องตัวเองมั่งดีกว่า รูปร่างของผมอืม...นับว่ายังพอได้อยู่แหละแต่ผมแทบไม่ได้แตะโปรตีน ทำให้ไม่มีแรงไปสร้างกล้ามเนื้อ ไม่มีเงินจ่ายค่าฟิตเนสแพงๆ ด้วย ซิกแพ็กซ์ที่สร้างมาเมื่อสองปีที่แล้วกำลังจะหายไปเหลือแค่หุ่นลีนๆ แบบผู้ชายไม่ผอม ไม่อ้วนเท่านั้น แต่ช่างแม่งเหอะ ผมขี้เกียจรักษาหุ่น ไหนจะเอาเวลามานั่งขายของ ส่งของอีก ทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ หมดเวลาดูแลตัวเองไปโดยปริยาย

               “เอาล่ะครับ วันนี้ของก็ขายหมดแล้ว ผมจะไปส่งของไม่วันจันทร์ก็อังคารนี้ ส่งแล้วจะแจ้งเลขพัสดุให้อีกที ถ้าของมาเพิ่มเติมอีกเมื่อไหร่ผมจะมาลงขายใหม่ สามารถสั่งมาได้ตลอดทางอินบ็อกซ์ของเพจ ฝากกดไลค์ กดแชร์ กันด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามชมครับ”

               ติ๊ด!

               “เฮ้อออ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนที่จะเปิดแอพฯ เมสเซนเจอร์ไล่ตอบข้อความลูกค้าและคอนเฟิร์มออเดอร์ทั้งหมด ของขายหมดอย่างที่บอกไปก็จริง แต่ครั้งนี้สั่งผลิตมาน้อยกว่าเมื่อสิ้นปีที่แล้วอีกเท่าตัว ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้แถมอากาศบ้านเรายังร้อนอบอ้าวสุดๆ ทำแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นเองคงไม่ไหวจริงๆ สินะ

               “เชื่อกู ร้านมึงเจ๊งแน่”  

               จู่ๆ คำพูดที่ไอ้ขอบฟ้าก็แวบเข้ามาในหัว ไอ้น้องเวร ไอ้น้องหน้ามึนปากหมา พูดอะไรแม่งเป็นลาง แล้วตอนนี้เหมือนจะเป็นจริงกลายๆ เลยว่ะ เครียด!

               ติ๊ง!

               หืม แจ้งเตือนจากเพจผมตอบลูกค้าทุกคนครบแล้วนี่หว่า เช็กดูสองรอบก็ครบตามจำนวนสต๊อกของ ทำไมแจ้งเตือนลูกค้าใหม่ยังเด้งขึ้นมา ดูจากรูปโปรไฟล์ก็ไม่คุ้นเลย หรือว่าจะเป็น...

               ลูกค้าใหม่!!

               แหะๆ ตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีลูกค้าหน้าใหม่มาซื้อบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนคลับผมหรือไม่ก็รุ่นพี่ รุ่นน้องที่รู้จักช่วยลงโปรโมตให้ก็ซื้อไปเอง ถ้าลูกค้าใหม่จริงๆ จะซื้อแค่ครั้งเดียวแล้วไม่แวะกลับมาอีกเลย เวลาดูไลฟ์ขายของทีนี่หลักพันแต่ซื้อจริงๆ หลักร้อยเท่านั้น พูดถึงก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาที่ทรวงอก จะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่อยู่รำไร ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่มันเป็นความจริง บางคนถ้าท้อหน่อยเจอแบบผมคงปิดร้านไปละ

               แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามผมขอยืนกรานเลยว่าจะกัดฟันสู้กับร้านนี้ไปจนถึงวาระสุดท้ายให้จงได้!!

               อืมมม...ตอนนี้ผมเองก็ว่างไม่ได้มีคุยอะไรกับใครเพราะฉะนั้นผมต้องทรีตลูกค้าคนนี้ดีๆ ซะแล้ว เผื่อจะตกได้มาเป็นลูกค้าประจำกัน (จริงๆ ผมก็ทรีตดี คุยดีทุกคนนะ ไม่เชื่อคุณลองมาซื้อเสื้อผ้าร้านผมสิ)

               ‘Kan PathanaSirikul : สวัสดีครับพ่อค้า  

           Kan PathanaSirikul : คือผมสนใจเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินแถบขาวกับเสื้อกั๊ก  

           Kan PathanaSirikul : ถ้าเอาใส่คู่กับกางเกงสามส่วนกับรองเท้าสนีกเกอร์หุ้มข้อ อยากให้มู้ดแอนด์โทนออกแนวมินิมอล สบายๆ พอจะได้ไหมครับ ขอบคุณครับ’ 

               หืม งงนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมากๆ อาจจะต้องอ่านทวนซ้ำอีกทีจะได้นึกภาพออก

               ผมค่อยๆ ใช้สมาธิขั้นสูงจินตนาการตามแบบที่ลูกค้าคนนี้ต้องการ เอ่อ จะใส่เสื้อกั๊กด้วยแต่อยากได้ลุคส์สบายๆ อีหยังวะ...ลองตอบไปขอแบบเพิ่มเติมก่อนดีกว่า

               ‘Sunshine by TAWAN : สวัสดีครับ ขอขอบคุณที่ติดต่อเข้ามาและสนใจสินค้าของทางร้าน ว่าแต่เสื้อเชิ้ตที่คุณลูกค้าหมายถึง คือตัวไหนเหรอครับ ขอรูปได้ไหม ขอบคุณครับ’ 

               อืม...ผมถือวิสาสะเข้าไปเช็กเฟซบุ๊กส่วนตัวของลูกค้าคนนี้ซะหน่อยด้วยความขี้เสือก เขาเพิ่งกดไลค์เพจผมเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง พอจะอนุมานได้ว่าเสื้อเชิ้ตที่เขาหมายถึงน่าจะเป็นคอลเล็กชันของเมื่อต้นปีนี้ เขาคงไม่ลงทุนส่องตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วที่ผมเปิดร้านใหม่ๆ หรอกเนอะ

               ‘Kan PathanaSirikul : *ส่งรูป*

               Kan PathanaSirikul : ตัวนี้ครับ ผมเพิ่งแคปมาเมื่อกี้เลยครับ’ 

           ผมคลิกเข้าไปดูรูปที่ลูกค้าส่งมา รออินเตอร์เน็ตหมุนวนไปจนกระทั่งภาพขึ้นมา ผมถึงกับเงิบไปชั่วเสี้ยววินาที เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย คอลเล็กชันเปิดร้านใหม่เปิดสองปีที่แล้ว เสื้อตัวแรกที่ผมออกแบบ!!

               อยากบอกว่า ‘เลิกผลิตไปนานแล้วโว้ยย ตกรุ่นแล้ววว’ แต่ทำได้แค่คิดอยู่ในใจ

               ก็ยังอุตส่าห์ไปค้นมาเจอเนอะ สุดยอด!!!

           ‘Sunshine by TAWAN : ขอโทษด้วยครับคุณลูกค้า ถ้าเป็นรุ่นนี้เลิกผลิตไปนานแล้วอ่ะครับ  

           Sunshine by TAWAN : เป็นตัวนี้ดีไหมครับ เพิ่งออกเมื่อต้นปีนี้เองสดๆ ร้อนๆ ถ้าให้แนะนำตัวนี้ก็เหมาะกับกางเกงสามส่วนที่ลูกค้าบอกมานะครับ เข้ากับได้ทุกสี ช่วงนี้ซัมเมอร์พวกแนวสีเบจก็มาแรงทั้งชายและหญิง แต่อาจไม่เหมาะกับเสื้อกั๊กที่คุณลูกค้าต้องการนะครับ ผมเกรงว่าจะไม่ใช่ลุคส์สบายอย่างที่คุณลูกค้าต้องการ 

           Sunshine by TAWAN : ใส่กับรองเท้าสนีกเกอร์หุ้มข้อก็ได้ครับ แต่ผมว่าเหมาะกับรองเท้าผ้าใบแนววินเทจส้นหนาๆ หรือรองเท้าผ้าใบไม่หุ้มส้นมากกว่า มันทำให้เห็นสัดส่วนของขามากขึ้น สามารถหลอกตาให้ดูตัวสูงได้ด้วยนะครับ’  

           ผมร่ายคำตอบยาวและกดส่งไป ดูจากสไตล์ที่ลองถามมาน่าจะเป็นคนแต่งตัวไม่เป็น เซ้นส์ด้านแฟชั่นไม่มี เน้นสวมใส่แบบจับฉ่าย ชอบแบบไหนใส่แบบนั้น หารู้ไม่ว่าบางทีอาจไม่เข้ากัน ถ้ารูปร่างไม่ดีอาจเป็นจุดบอดได้เลย เช่น ถ้าขาสั้นแล้วใส่รองเท้าหุ้มข้อ มันจะยิ่งทำให้สั้น ดูตัวเตี้ย ถ้าไม่หุ่นดีอาจทำให้ดูตันเป็นตอม่อได้เลย เอ่อ...ผมเป็นคนตรงๆ ถึงขั้นปากหมางี้แหละ แต่ที่พูดไปอ่ะหวังดีนะ อยากให้ทุกคนได้ดูดี แวะมาช้อปเสื้อผ้าดีๆ ได้ที่ซันไชน์ บาย ตะวัน!!!

               ‘Kan PathanaSirikul : โหย เสียดาย ผมชอบการออกแบบของเสื้อตัวนี้มาก แบบที่ส่งมาผมมีในตู้แล้ว ใส่จนเบื่อแล้วเลยอยากหาแนวอื่นใส่บ้าง  

           Kan PathanaSirikul : ยังไงผมก็อยากได้ตัวนี้อ่ะครับ 

           Kan PathanaSirikul : ที่คุณพ่อค้าบอกว่าเลิกผลิตไปแล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับมาผลิตอีกอ่ะครับ ผมจะได้รอ 

           Sunshine by TAWAN : ไม่แน่ใจเลยครับ  

           Sunshine by TAWAN : ยิ่งเป็นรุ่นเก่าด้วยความเป็นไปได้ยิ่งน้อยครับ ยกเว้นจะกลับมานิยมอีกอย่างแนวยุค 90 กางเกงทรงขาม้าหรือขากระบอก ไรงี้’ 

           ความเป็นไปได้น้อยในที่นี้ = 0.00% นั่นเอง ผมควรหาแบบที่เหมือนหรือออกแบบใหม่ดี แต่เดี๋ยวนี้จะยังนิยมอยู่มั้ย ผมเคยออกแบบเสื้อฮาวายอยู่นะ แต่ออกมาหลังชาวบ้านเขาแค่สองอาทิตย์ขายแทบไม่ออก ตอนนี้ยังเหลืออยู่เลย วางไว้จนฝุ่นเกาะถุง ไหนจะเสื้อผ้าแนวอื่นที่ผมผลิตออกมาโดยไม่ทันคิดเผื่อขายไม่ออกก่อนหน้านั้นอีก ผมนี่แทบจะโล๊ะออกไปแจกอยู่แล้วติดอยู่อย่างหนึ่งคือกลัวเสียแบรนด์ แต่คิดไปคิดมาตอนนี้ผมคงต้องกลัวไม่มีที่นอนมากกว่าว่ะ เวรเอ๊ย! ว่ากันตามตรงกองเสื้อผ้าตกยุคกำลังจะแย่งที่ซุกหัวนอนอยู่แล้ว หรือผมควรตัดเสื้อผ้าหลายๆ ชิ้นออกมารวมกันเป็นผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน อะไรเทือกนั้นดี...น่าคิดว่ะ แต่ขี้เกียจทำ เสียเวลาแพ็กของหนึ่งร้อยชิ้นหมด

               เออ ใช่! ที่ผมนั่งไลฟ์ขายของปากเปียกปากแฉะจนคอแห้งผากเมื่อครู่ขายได้แค่ร้อยชิ้นเท่านั้น คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากหนึ่งแสนไลค์คือศูนย์จุดหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามมันยังไม่ได้แม้แต่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ นับได้ว่าร้านของผมมาสู่ช่วงตกต่ำที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ #ตอกย้ำตัวเองให้เจ็บทำไมวะ

               ‘Kan PathanaSirikul : ถ้าผมจ้างผลิตใหม่ได้ไหมครับ’ 

               “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” อ่านจบผมก็หลุดขำพรืดออกมาด้วยความตลก ถามจริง? จ้างผลิตของตกรุ่นแล้วเนี่ยนะ

               เอาวะ กล้าถามก็กล้าตอบ

               ‘Sunshine by TAWAN : จากแบบนี้ถ้าจำไม่ผิดต้นทุนน่าจะตัวละ300 นะครับ ร้านที่เคยดีลไว้ เขารับสั่งขั้นต่ำแบบสุดๆ เลยคือ100 ตัว รวมแล้วก็ประมาณ30,000บาทยังไม่รวมค่าส่ง คุณลูกค้าแน่ใจหรอครับว่าจะสั่งจริงๆ ถ้าคุณสั่งผมก็ผลิตให้อีกครั้งได้ครับ 

           Sunshine by TAWAN : แต่ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของร้าน หากนำไปขายต่อต้องขายราคาที่ทางร้านตั้งไว้ครั้งแรก คือตัวละ700 บาทหรือมากกว่านั้น และต้องแบ่งสัดส่วนค่าลิขสิทธิ์ให้กับทางร้านตามจำนวนที่ขายได้30% นะครับ 

           Sunshine by TAWAN : หากไม่สะดวกช่วงฤดูใบไม้ผลิถ้ายังนิยมแนวเสื้อเชิ้ตลายทางอยู่ เดี๋ยวยังไงผมจะรับไว้พิจารณาออกแบบให้คล้ายคลึงกันมากที่สุดนะครับ ขอบคุณที่สนใจนะครับ’ 

           ...

               เงียบ เห็นเพียงแค่จุดไข่ปลาสามจุดกำลังพิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วก็ลบอยู่อย่างนั้นวนไป ผมเข้าใจแหละต่อให้ชอบมากขนาดไหนการที่จะลงทุนซื้อเสื้อเชิ้ตแบบเดียวกันหนึ่งร้อยตัวคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าให้ผมสั่งผลิตมาให้คนคนเดียวก็คงไม่ได้ ผมไม่อยากดองเค็มของอีกแล้ว ทุกวันนี้คือสั่งผลิตตามขั้นต่ำร้าน เน้นขายหมดเท่านั้น ถ้าสั่งออนดีมานได้ก็คงทำไปแล้ว

               ติ๊ง!

               ‘Kan PathanaSirikul : ได้ครับ ผมตกลง 3หมื่น ขอเลขที่บัญชีด้วยครับ  

           Kan PathanaSirikul : รบกวนพ่อค้ามาส่งเองได้ไหมครับ ผมไม่สะดวกถ้าจะต้องแบกของจากไปรษณีย์คนเดียว เผอิญบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งของที่คอนโดฯ ผมประจำเขาไม่ค่อยมาส่งถึงห้องให้อ่ะครับ ถ้าของเยอะหรือหนัก  

           Kan PathanaSirikul : ไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมจ้างคนไปรับที่ร้านพ่อค้า หรือร้านที่สั่งผลิตก็ได้ ขอแค่ได้เสื้อเป็นพอ  

           Kan PathanaSirikul : ขอบคุณนะครับที่ยินยอมผลิตให้อีกครั้ง ขอเลขที่บัญชีด่วนๆ เลยนะครับ ผมพร้อมโอน’  

           เฮ้ย...คนจริงสองพันสิบเก้าว่ะนาย เอาจริงเด้!!

               ‘Sunshine by TAWAN : *ส่งรูป* 

           Sunshine by TAWAN : เลขที่บัญชีตามนี้เลยนะครับ

                Sunshine by TAWAN : โอนแล้วรบกวนกรอกแบบฟอร์มในลิงก์ด้วยนะครับ โอนได้ 7 วันนับจากวันสั่ง สินค้าผลิตใหม่อาจจะต้องรอนานนิดนึงประมาณสองถึงสามสัปดาห์ ถ้าทางร้านแจ้งมาว่าถึงขั้นตอนไหนผมจะรีบแจ้งให้ลูกค้าทราบอีกทีนะครับ

               Kan PathanaSirikul : *ส่งรูป* 

           Kan PathanaSirikul : โอเคครับ ผมโอนและแจ้งโอนเรียบร้อยแล้ว รบกวนเช็กให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ 

               Sunshine by TAWAN : ตรวจสอบและยืนยันการชำระเงินเรียบร้อยครับ ขอบคุณมากครับ’ 

               วู้ววว!! ตอนแรกนึกว่ามาแบบหลอกลวง แต่ผมรีเฟรชหน้าบัญชีผมแล้ว มีเงินโอนเข้ามาจากเมื่อกี้จริงๆ สามหมื่น ปิดจ๊อบการขายด้วยการคุยไม่ถึงยี่สิบนาที! หนทางแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์จริงๆ ด้วยว่ะเฮ้ย! ถ้าทำแบบนี้ต่อไปร้านผมไม่มีทางเจ๊งแน่ๆ แต่จะมีลูกค้ากระเป๋าหนักขนาดนี้มาอุดหนุนอีกหรือไม่ก็อีกเรื่อง

               ตู๊ดๆๆๆ

               ผมกดโทรหาเบอร์ร้านเสื้ออย่างเร่งด่วน ไอ้ร้านที่ว่าเนี่ยก็ร้านเพื่อนผมนี่แหละ ตอนแรกไม่สนิทกันเลยทั้งๆ ที่เรียนมาด้วย ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาคุยกันแทบนับประโยคได้ จู่ๆ มาสนิทกันได้เพราะร้านป๊าไอ้เม้งเป็นคนเหมาทำเสื้อคณะ ผมเลยติดต่อผ่านมัน คุยมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าเรื่องส่วนตัวจนสนิทกันมาถึงทุกวันนี้

               [โหล] ปลายสายรับน้ำเสียงงัวเงีย ลืมไปสนิทเลยว่ามันนอนคนละทามโซนกับชาวบ้าวชาวช่อง

               “มึง กูมีออเดอร์ๆๆ” ผมรีบตอบจะได้คุยกันเสร็จไวๆ

               [ไอ้เวร กูนึกว่าเรื่องอะไร มึงส่งรายละเอียดมาทางเมลเหมือนทุกครั้งก็ได้มั้ย ไม่เห็นต้องโทรหากูเลย มึงก็รู้ว่ากูเพิ่งจะนอน]

               “กูอยากโทรมาบอกมึงก่อนนี่หว่า กว่ามึงจะตอบเมลกูก็ดึกๆ มันไม่ทันใจกู เข้าใจ๊”

               [มึงรีบอะไรขนาดนั้น]

               “กูได้ลูกค้ารายใหญ่มาอุดหนุนเสื้อที่ร้านกู สั่งซื้อคนเดียวร้อยตัว มึงเอ้ย เหมือนเจอพระเจ้าอ่ะ!!”

               [เฮ้ย! กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าร้านมึงจะมาถึงจุดนี้ได้] ปลายสายตอบมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ๆ ไม่ต้องนงไม่ต้องนอนกันแล้วเพื่อนเอ๊ย [ยินดีด้วยนะมึง นี่ส่งแบบมาให้กูยังกูจะได้ฟอร์เวิดไปให้ป๊ากับลูกน้อง]

               “ส่งไปให้มึงแล้วคร้าบเมื่อสองปีที่แล้ว คอลเล็กชันแรกของกูนั่นเอง ฮ่าๆๆๆ” ผมตอบอย่างภาคภูมิใจปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะอันทรงพลัง

               [คือมึงจะให้กูผลิตซ้ำให้ถูกมั้ย]

               “เยส! สเปกงานทุกอย่างขอแบบเดิม ด่วนๆ เลยนะมึง กูต้องทำให้เขาประทับใจ ครั้งหน้าจะได้สั่งอีก กูต้องให้เขามาเป็นลูกค้าประจำให้ได้”

               [โอเค ขอเวลาสักอาทิตย์นะมึง ถ้าเลตเดี๋ยวบอกอีกที]

               ติ๊ด!

               ผมกดวางสายพลางปาโทรศัพท์ลงเตียงจนกระเด้งไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น จากนั้นก็เทน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนเตียงนุ่มๆ ถ้าผมสามารถปิดการขายได้แบบนี้สักสิบคนต่อเดือนเฉลี่ยแล้วจะมีรายได้ตกเดือนละสองแสนหนึ่งหมื่นบาท หนึ่งปีก็สองล้านห้า! มากกว่าที่ผมหลังขดหลังแข็งขายเองต่อเดือนอีกหรือจะผันตัวเองไปเป็นสไตล์ลิสต์หรือดีไซเนอร์ดี กินค่าสมองออกแบบลิขสิทธิ์แบบนี้ดูท่าทางจะเข้าท่าเหมือนกันแฮะ

               แต่ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ต้องทำงานในวงการบันเทิงสินะ หึๆ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่เอาดีกว่า ไม่อยากยุ่งกับพวกที่ต้องรักษาภาพลักษณ์และแสดงละครเก่งสักเท่าไหร่

               ถึงทำงานตรงนี้มันจะลำบากอย่างที่ใครต่อใครคอยบอกผมมาตลอด แต่ผมก็สบายใจที่จะทำ เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงยืนยันว่าจะทำร้านนี้ต่อไปนั่นเอง 

 

TALK : สวัสดีค่า อัปเป็นน้ำจิ้มสักเล็กน้อย หลังจากเพิ่งเปิด อ่านทวนซ้ำอีกรอบ ได้ฤกษ์งามยามดีเลยได้มีโอกาสอัปลงในเด็กดีกับเขาบ้างสักที >_< เรื่องนี้ฉีกแนวกับที่เคยแต่งเลยค่ะ มีความโตขึ้น เนื้อเรื่องจริงจังมากขึ้น แซ่บขึ้น และที่สำคัญเป็นครั้งแรกของเราเลยที่ได้ลิ้มรสแต่งแนววาย ฝากคอมเมนต์ติชมกันเรื่อยๆ เลยนะคะ ตอนนี้พระ-นายแค่เริ่มคุยกัน ยังไม่ได้เจอกัน แต่ตอนหน้าเจอกันแล้ว เพราะตะวันต้องไปส่งของให้ 555 ดูเหมือนจะออกแนวแฟชั่นแต่จะไม่ลงลึกถึงขนาดนั้นนะคะ 555  

Hint : ชื่อตอนว่ารู้สึกสนใจ หมายถึงทั้งคู่นะคะ ตะวันก็สนใจอยากรู้จักลูกค้าคนนี้ ส่วนกานต์ก็สนใจแบบเสื้อผ้าของตะวัน แต่ถ้าได้รู้จักกันไปเรื่อยๆ อาจสนใจกันและกันก็เป็นได้ ฮี่ๆๆๆ  

 

ขอบคุณทุกคนค่า   

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว