กว่าจะรู้ความจริง
0
ตอน
255
เข้าชม
21
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านนะครับ

ผมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ทุกท่านได้ฟัง ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมเมื่อปี 2545

ซึ่งในปีนี้ผมได้ลาออกจากการเป็นครูโรงเรียนพานิชเเห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ เเละได้สมัครเข้าทำงานใหม่

ซึ่งผมสมัครงานในจังหวัดนครสวรรค์ เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ  เจ้านายรับผมเข้าทำงาน เเละให้เงินเดือนตอนนั้น 7,000 บาท

เเต่ผมต้องย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอำเภอที่ผมไปประจำอยู่นั้นคืออำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

ในคืนเเรกที่ผมไปเชียงใหม่ผมได้พักอยู่หอพักที่หลังสนามบินเชียงใหม่ เเต่เช้าต้องตื่นมาทำงานเเต่เช้าซึ่งที่ทำงานผม

อยู่อำเภอฮอดเลย อำเภอจอมทองมา สมัยนั้นถนนหนทางไม่กว้างเหมือนสมัยนี้ ผมก็ไปกับหัวหน้างานซึ่งเป็นผู้จัดการเหมือง

เเต่ด้วยที่ระยะเวลาในการเดินทางจากที่พักไปที่ทำงานผมจึงตัดสินใจ ย้ายไปอยู่ที่ในเหมืองหิน ซึ่งทางเจ้านายได้เช่าบ้านไว้ให้คนงาน

ได้พักในหมู่บ้านใกล้ๆ กับเหมืองหินเเห่งนั้น เมื่อตกเย็น คนงานช่วยกันยกของไปให้ผม เเละเก็บกวาดบ้านที่พักชั้น 2 ให้อย่างเรียบร้อย

ผมก็เเปลกที่ว่าทำไมบ้านชั้นสองไม่มีคนอยู่เลย ให้ผมอยู่คนเดียว

คนงาน : เดี่ยวพวกผมขอไปเที่ยวในตัวอำเภอนะครับ หัวหน้าอยู่ได้ไหมครับ

เรา : อยู่ได้ครับ เดี่ยวผมจะจัดของ เเละอาบน้ำนอนนะครับ อย่างไรถ้ากลับมากันก็เปิดประตูมาได้เลยไม่ล็อค

เเล้วคนงานก็หายไปกันหมด มีเเต่คนงานที่ไม่ได้ไปเที่ยว ก็ทำกิจวัตรของเขา ต่อไป ซึ่งผมก็แปลกใจอยู่เเต่ไม่ได้คิดอะไร

ก็คือว่า ชั้นสองมีพื้นที่ว่างตั้งเยอะ เเต่ทำไม คนงานสองครอบครัวสิบกว่าคนทำไมไปอัดกันอยุ่ชั้นล่าง ไม่ขึ้นมาอยู่ชั้นสองบ้าง

เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ ผมก็เดินดูบริเวณรอบบ้านชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องโล่งเเละมีห้องเล็ก ๆ 1 ห้อง ซึ่งคนบ้านนอกเราจะเรียกว่าในเรือน

ซึ่งในเรือนนี้ก็เป็นห้องเล็ก ๆ เเต่ฝุ่นเยอะมาก คนงานไม่ได้เก็บกวาด ผมก็สังเกตเห็นมีที่ใส่กระดูกทองเหลือง  เเละก็มีถาดเครื่องเซ่น

ที่ไม่มีการเปลี่ยนนานมาก เเล้วผมก็เดินดูรูปบริเวณข้างผนังบ้าน ซึ่งเป็นผนังไม้ มีรูปติดอยู่หลายรูป ผมก็เดินดูรูปเเต่ละภาพ

ก็มีทั้งรูปงานศพ ซึ่งก็เพ่งมองดูเป็นงานศพคนเเก่ ซึ่งเป็นหญิง ผมก็ไม่ได้คิดอะไร จนค่ำ ก่อนนอนผมก็ไม่ละเลย

จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขออนุญาติมาพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ เสร็จก็กลางมุ้ง กราบก่อนนอน

ตอนนั้นเวลาสักประมาณ 21.00 น. เห็นจะได้ ซึ่งบ้านในชนบท ก็เงียบมาก เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในป่าเเละสวนลำใย สลับกับเเมกไม้อื่น

ผมหลับตานอน ผมก็มีความรู้สึกว่ามีคนนั่งมองผมบนขื่อกลางบ้าน ผมก็ลืมตา มองก็ไม่มีอะไร เพราะผมเปิดไฟไว้ทั้งบ้าน

พอหลับตาอีก ก็มีความรู้สึกว่ามีคนจ้องมองผมอยู่บนขื่ออีก ผมก็เริ่มใจคอไม่ดี ก็ลุกขึ้นมาสวดมนต์อีกรอบ

เพราะสมัยผมเป็นครู ผมเช่าหออยู่บ้านยายที่คุ้นเคยกัน ท่านชอบทำบุญเเละท่านก็ให้หนังสือสวดมนต์ผมมา 1 เล่ม

ซึ่งหน้าปกก็จะมีรูปสมเด็จพุฒิธาจารย์  พอสวดเสร็จผมก็หลับตานอน ความรู้ศึกนั้นก็มาอีกว่ามีคนจ้องมองผมอยู่บนขื่อบ้าน เเต่ความรู้สึก

คือเป็นผู้ชายที่นั้งอยู่บนขื่อ ก็เริ่มกลัวเเละไม่กล้าหลับตานอน นอนหันหลังให้ฝาบ้าน เเละจ้องไปทางขื่อกลางบ้าน

จนเวลาล่วงเลยมา เกือบตีสอง คนงานก็ไม่กลับมาซะที ไม่มีใครขึ้นมานอนเป็นเพื่อนสักที ก็เริ่มง่วงมากๆ

จึงต้องลุกมาสวดมนต์อีกรอบ รอบนี้สวดเสร้จก็ตี 2 กว่า เเล้ว จะทำงัย ง่วงก็ง่วง

ครั้งนี้ผมจึงหยิบหนังสือสวดมนต์ มานอนกอดเเล้วเอารูปสมเด็จพุฒิธาจารย์ หันหน้าออก วางไว้บนอก เเล้วตั้งจิตบอกหลวงต่อสิ่งศักดิ์ทั้งหลาย ว่าลูกง่วงนอนมากเเล้ว ลูกขอนอนพักผ่อน  อย่าได้มากวนกันอีกเลย พอหลับตา ไม่รู้ด้วยความที่ผมง่วงจัดไหม ผมก็หลับไป มารู้สึกตัวอีกครั้ง

ไก่ขันตอนสักตี4 ครึ่งได้ ผมรีบลุกอาบน้ำเเต่งตัวเก็บของ คิดในใจกูไม่อยู่เเล้ว ไม่ไหว เเถมคนงานก็โกหกไม่มานอนเป็นเพื่อน

ผมขนของมาที่ทำงาน เเละนอนพักทีเหมืองหินเลย โดยยึดห้องทำงานเป็นที่นอน

จนเวลาล่วงเลยมาจนหลายเดือนผม ไม่ได้ลาออกจากที่ทำงาน ซึ่งเจ้านายก็ยื่นเสนอเงินเดือนให้ใหม่ขึ้นให้อีก 2,000 บาท ผมก็ไม่ยอมอยู่ต่อ  เจ้านายจึงต้องรับพนักงานใหม่มาอยู่เเทนผม ซึ่งก็เป็นเด็กในหมู่บ้าน เป็นลูกหลานผู้นำของหมู่บ้าน เเต่ก่อนกลับผมจะต้องสอนงานให้น้องเขา 2 อาทิตย์ ระหว่างที่สอนงาน มีเวลาว่างเราคุยกัน  ผมจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่ได้เจอมาในคืนเเรกที่มาอยู่ที่เหมือง เพราะน้องมันถามว่าทำไมไม่นอนบ้านเช่า จึงเล่าให้น้องคนเขาฟัง พอเล่าจบ น้องเขาจึงได้เล่าเหตุการณ์ของบ้านเช่านี้ให้ผมฟัง

น้อง : พี่หนูเป็นคนในหมู่บ้าน เท่าที่หนูรู้ นะค่ะ บ้านนี้ เจ้าของบ้านคือคนผุู้ชายมีอายุนะพี่ เขาจะอยู่ห้องเล็กๆ ด้านหน้าบ้านตรงรั้วเข้าบ้านนะค่ะ เเต่ตาเเกไม่ค่อยอยู่หลอก เพราะเเกอยู่คนเดียว ส่วนใหญ่เเกจะไปอยู่สวนลำใยเเก ส่วนเมียเเกได้เสียชีวิตไปนานเเล้ว ด้วยโรงประจำตัว ที่จริงเเกก็มีลูกชาย เเต่ลูกชายเเกติดสารเสพติดเเล้วไปเลิก เเต่พอกลับมาก็เหมือนจะเคลียด อยากกลับไปใช้ใหม่  เเต่ด้วยเหตุอะไรไม่รู้ลูกชายตาเเกก็ผูกคอตาย ใต้ต้นลำใยใหญ่หน้าทางเข้าบ้านตรงหน้าห้องพักลุงนะ พี่เห็นไหม ส่วนลูกสาวก็เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นนานเเล้ว เเสดงว่าพี่คงเจอดีเข้าเเล้วจิท่า

เรา : จริงติ ถ้าพี่รู้ก่อนพี่คงไม่คิดที่จะไปนอนเเน่นอน เเต่พี่ไม่รู้ มารู้ความจริงเอาตอนนี้ ฟังเเล้วขนลุกเลยนะ ไม่คิดว่าสิ่งที่พี่คิดว่าพี่คิดไปเองนั้นจะเป็นสิ่งที่น้องเล่าให้พี่ฟังหรือเปล่า ถ้าใช่ ลูกชายตาเเกก็คงวนเวียนอยู่ที่บ้านนี้เเน่เลย เพราะเขาผูกคอตาย อายุไขเขายังไม่หมด

ขนหัวลุกเลย

.................. เรื่องนี้จากประสบการณ์ที่ถ้าใครเจออย่างผมก็คงต้องหลอน........ไว้โอกาศหน้าผมจะเล่าเรื่องที่เหมืองหินให้ฟังนะครับ สำหรับวันนี้ ขอพักร้อนเเต่เพียงเเต่นี้นะครับ ขอบคุณนะครับ ......ถ้าชอบก็ขอกำลังใจด้วยนะครับ เเนะนำได้นะครับ ภาษาอาจจะไม่ถูกต้องถูกหลักนัก เพราะผมเขียนด้วยประสบการณ์เเละไม่ได้ตรวจทานก่อน หวังว่าทุกท่านคงไม่ว่ากะไรนะครับ  ขอบคุณครับ

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว