"เสียงพัดลมที่พัดอย่างช้าๆ" พร้อมเสียงฝีเท้าที่เดินเหยียบพื้นไม้ที่มันวาว

กับ  เสียงเรียกชื่อที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่    "นาย พิเชษฐ์ ปิติชัยวัฒน์"

"ครับ"เสียงหนุ่มขานรับร้อยเวรอาวุโสที่หน้าตา เสมือนโดนเมียจับได้ว่าแอบซ่อนตังค์  ใช่แล้วมันคือห้องขังขนาดประมาณ4*4ที่มีเพื่อนรวมห้อง5-6คน มาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย  ย้อนกลับไป พ.ศ 2540 ตอนที่ผมเจอเชต ครั้งแรกช่วงนั้นเชตอยู่ ม.3 ผมอยู่ ม.2 อายุเราห่างกันแค่ปีเดียว ฐานะที่บ้านก็คล้ายกัน บวกกับบ้านก็อยู่ใกล้กัน ลืมบอกไปผมย้ายมาโรงเรียน เดียวกับ เชต ก็ตอน ม.2 เทอม2 ซึ่งผมด้วยความเป็นเด็กใหม่ ก็จะมีเด็กเจ้าถิ่นรุ่นเดียวกันมาโชว์ความเป็นเจ้าถิ่น ประดุจญาติผู้ใหญ่มาร่วมลงเสาร์เอกแก่โรงเรียนนี้ ด้วยความอดทนอดกลั้นถึงขีดสุด หลังห้องเรียนระหว่างคาบก็เป็นสนามมวยเฉพาะกิจ ผมไม่รอช้าหลังคุณครู คณิต ลับสายตา ผมยืนตั่งหลักพร้อมปล่อยหมัดขว้าข้างถนัด 2หมัดซ้อน ไม่ให้เจ้าถิ่นเพื่อนร่วมห้องได้ตั่งตัว หมัดที่3ก็ปล่อยไปโหนกแก้มพอดี"เป๊ะ" เพื่อนเจ้าเพื่อนเจ้าถิ่นไม่รอช้าเข้าบวกอีก ทุกส่วนในร่างกายมันชาใส่กันมั่วไปหมดแล้วเสียงระฆังก็ช่วยผมไว้ได้ ครูมา ครูมา นั้นแหละเสียงระฆังของผม เสียงครูแนะแนว ทำอะไรกันมานี้เลย มีใครมั่ง มาๆยืนหน้าห้อง ผมค่อยๆเดินออกไปพลางมองหาเม็ดกระดุมที่กระจายอยู่หลังห้อง  "มีเรื่องอะไรกัน" เสียงคุณครูหนุ่มฝ่ายปกครอง 3นักเรียนเจ้าถิ่นเงียบกริ๊ป รวมถึงผมด้วยและไม่ผลาดที่จะโดนไม้กระบี่ อาวุธคู่กายครูหนุ่มฝ่ายปกครอง ที่นักเรียนหลายคนล่ำลือนัก "ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก " คนละ4เพลงกระบี่เป็นอันเสร็จพิธี คาบสุดท้ายก่อนเลิกเรียนผมมองหาเพื่อนเจ้าถิ่น3คน "หายไปแล้ว"

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว