มายาป่าทมิฬ
5
ตอน
973
เข้าชม
21
ถูกใจ
3
ความคิดเห็น
3
เพิ่มลงคลัง

ยกที่  1

 

ประมาณเที่ยงคืนในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน  แม้ในตัวเมืองจะยังสว่างไสวด้วยแสงไฟ  แต่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่นภายใต้อากาศที่เหน็บหนาวของเดือนมกราคม

“ยายเอื้อยบ้าเอ้ย  บอกไห้มารับตอนห้าทุ่ม  นี่ปาเข้าไปจะเที่ยงคืนอยู่แล้วยังไม่มาอีก  หรือเราจะเดินเข้าไปเองดีวะ...    แต่ในซอยนี่มันมืดชะมัด”

“แต่ระยะทางแค่ห้าร้อยเมตรคงไม่เป็นไรมั่ง...  เอาวะเดินก็เดิน”  หญิงสาวผิวขาวสวยหม๋วยเซ็ก(ซี่) สูงประมาณร้อยหกสิบห้า  ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนรับรูปรองเท้าส้นสูงสองนิ้ว  บ่นกระปอดกระแปดก่อนที่จะเดินอย่างแร่งรีบเข้าไปในซอยเปลี่ยวที่มีไฟดวงเล็กๆ อยู่ประปราย  หญิงสาวเดินไปได้ประมาณร้อยเมตร  ด้านหลังพลันมีเสียงคนเดินตามมา

ดึกดื่นที่เงียบสงัดพลันมีเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังกุบกับ  หัวใจของหญิงสาวเต้นตึกตักอย่างหวาดผวา  จึงรีบก้าวยาวๆ อย่างรวดเร็วพร้อมกับเงี่ยหูฟังทางด้านหลังอย่างจดจ่อ  และในตอนที่เธอกำลังเดินอย่างแร่งรีบนั้นเสียงที่เดินตามมาด้านหลังก็รีบตาม

“แม่..จ้าวโว้ยซวยแล้วละมั้งกู...”  หญิงสาวรำพึงด้วยความหวาดหวั่นพร้อมกับตัดสินใจ

“วิ่ง...โธ่โว้ย...ไม่น่าใส่รองเท้าส้นสูงมาเลย”  หญิงสาวรำพึงอย่างหัวเสียพร้อมกับออกวิ่งเหยาะๆ อย่างลำบากเพราะไหนจะเป็นทางลูกรังและรองเท้าที่ใส่มาก็เป็นรองเท้าส้นสูงแม้จะไม่สูงมากก็ตาม  แต่ก่อนที่จะได้คิดทำอะไรต่อไปนั้น

“กำลังจะไปไหนหรือจ๊ะน้องสาว  ไห้พวกพี่ๆไปส่งมั้ยจ๊ะ?”  เสียงพูดอย่างอารมณ์ดีแต่น้ำเสียงและท่าทางบ่งบอกถึงการคุกคามอย่างเห็นได้ชัด  พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งมาดักด้านหน้าของหญิงสาวเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับที่อีกสี่คนวิ่งมาสมทบ  และยืนเรียงรายกลายเป็นวงยืนล้อมหญิงสาวไว้ตรงกลางอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวหยุดชะงักด้วยความตกใจและตื่นกลัวสุดขีด  แต่ยังคงพยายามควบคุมอารมณ์และสติพร้อมกับเหลียวมองกลุ่มคนที่กำลังล้อมตนเองเอาไว้ซึ่งมีอยู่ด้วยกันห้าคน

“พวกคุณจะทำอะไร?”  หญิงสาวถามโดยพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นพร้อมกับมองไปยังคนทั้งห้า  แม้แสงสลัวเลือนรางแต่ก็พอมองเห็นใบหน้าและสายตาของทั้งห้าที่ยกยิ้มอย่างหื่นกระหาย

“ไม่ต้องกลัว  พวกพี่เพียงแค่ต้องการอยากรู้จักเท่านั้น  ว่าแต่น้องสาวไม่ใช่คนแถวนี้นี่  กำลังจะไปไหนเหรอจ๊ะ?”  ผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งมาสมทบถามอย่างอารมณ์ดี

“ชั้นจะไปหาเพื่อนที่อยู่ด้านหน้านี่เอง  พวกคุณช่วยหลีกทางให้หน่อยได้ไหม?” หญิงสาวพยายามกล่าวอย่างใจดีสู้เสือ

“ได้ซิ...เชิญ”  ชายคนที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าเบี่ยงกายพร้อมกับผายมืออย่างสุภาพ

“ขอบคุณ”  หญิงสาวพูดขึ้นอย่างโล่งอกพร้อมกับเดินเฉียดคนที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้า...

“พลั๊ก!  อุ๊ก!”  ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินผ่านผู้ชายคนที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้า  ผู้ชายคนนั้นพลันคว้าข้อมือขวาของเธอเอาไว้พร้อมกับชกเข้าที่ท้องของหญิงสาวอย่างแรง  ทำให้หญิงสาวตัวงอ  พร้อมกับที่ชายผู้นั้นเบี่ยงมาล็อกคอของหญิงสาวเอาไว้ทางด้านหลัง  ก่อนที่ชายอีกสองคนจะวิ่งมาจับขาของหญิงสาวเอาไว้คนละข้างแล้วยกขึ้น  แต่ก่อนที่ทั้งห้าจะได้พาร่างของหญิงสาวเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง

“เฮ้ย!  ขอกูร่วมด้วยคนได้รึเปล่าวะ?”  น้ำเสียงทุ้มกังวานแต่แสดงออกถึงความรำคาญอย่างชัดเจนดังขึ้นอย่างกะทันหัน  จนผู้ชายทั้งห้าสะดุ้งเฮือกพร้อมกับหันไปมองทางที่มาของเสียง

อย่างเชื่องช้า  เสียงเดินกุบกับของรองเท้าพื้นแข็งที่กระทบพื้นดังเป็นจังหวะ  ยามดึกสงัดเช่นนี้เสียงรองเท้ากระทบพื้นจึงดังกังวานเป็นพิเศษ

“ช่วย...ด้วย!”  เสียงแหบเครือดังแผ่วเบาเพราะอาการจุกของหญิงสาวดังขึ้นอย่างมีความหวัง

“มึงเป็นใครวะ?”  ผู้ชายหนึ่งในห้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเมื่อเห็นเจ้าของเสียงที่เป็นชายหนุ่มผมเผ้าเป็นกระเซิงหนวดเครารกครึ้มใส่ชุดยีนเก่าๆ  ในมือถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ

“พวกมึงไม่ต้องสนใจหรอกว่ากูเป็นใคร  แต่พวกมึงยังไม่ได้ตอบคำถามของกูเลยว่า  ขอกูร่วมด้วยคนได้หรือเปล่า?”  เสียงชายผู้มาใหม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายพร้อมกับมองไปยังร่างของผู้หญิงที่กำลังถูกหาม  แม้แสงไฟจะสลัวแต่ผู้มองยังสามารถเห็นได้ถึงรูปร่างที่สมส่วนและผิวขาวนวลสะท้อนในแสงสลัว

“หมูเขาจะหาม  เสือกเอาคานเข้าไปสอด”  ชายผู้มาใหม่รำพึงเบาๆ เพียงได้ยินแต่ลำพัง

“ได้ซิวะ  มึงตามมาเลย”  ผู้ชายคนเดิมพูดขึ้นอย่างผ่อนคลายพร้อมกับทำท่าจะเดินเข้าไปในป่าละเมาะริมทาง

“เฮ้ย!  เดี๋ยวก่อน”  ชายผู้มาใหม่เรียกไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ

“อะไรของมึงอีกวะ”  ชายคนเดิมกระชากเสียงอย่างหัวเสีย

“ก็...ขอกูก่อนซิวะ”  ชายผู้มาใหม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวนและเจือไปด้วยอารมณ์ขันอย่างยากที่จะข่มกลั้น

“อะไรของมึงวะ  นี่มึงจะล่อนังนี่ตรงนี้เลยหรือวะ?”

“เปล่า...ที่กูบอกพวกมึงว่าขอกูก่อนนะ  คือหมายความว่า...ขอกูกระทืบพวกมึงก่อนต่างหาก”

“หะ!  อยากตายนักรึมึง?  มีเพียงแค่คนเดียวเสือกทำซ่า”  ชายคนเดิมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมพร้อมกับชักมีดพกออกมาแทงเข้าใส่ชายผู้มาใหม่อย่างรวดเร็วโดยไม่คิดที่จะให้ฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งตัว  แต่แทนที่ชายผู้มาใหม่จะถอย  กลับเดินสวนเข้ามาหนึ่งก้าวพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย  ทำให้มีดผ่านชายโครงไปอย่างพอดี  การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผู้มาใหม่นั้นเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเนิบนาบแต่พอดีเป็นที่สุด  เหมือนกับจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเคลื่อนไหวอย่างไร  การเคลื่อนไหวของเค้าจึงเหมือนเป็นการดักรอและตอบโต้  มือของชายผู้มาใหม่คว้าเอาข้อมือที่ถือมีดแล้วบิดวูบ  ก็สามารถบิดมือของผู้ชายคนนั้นขึ้นสูงแล้วกระทุ้งเข่าเข้าท้องน้อยอย่างจัง  ส่งผลไห้ชายผู้นั้นร่างงองุ้ม  อย่างต่อเนื่อง  ชายผู้มาใหม่ใช้สันมือฟันเข้าที่คอด้านหลังอีกครั้ง  ส่งผลให้ร่างนั้นลงไปกองกับพื้นและแน่นิ่งไป  ผู้ชายที่เหลืออีกสี่คนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตลึงงันไปชั่วขณะก่อนที่จะปล่อยร่างของหญิงสาวลงพื้นอย่างไม่ใยดี  และทั้งสี่ก็พุ่งเข้าหาชายผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียงและรวดเร็วจนดูแทบไม่ทัน  เท้าขวาของชายผู้มาใหม่ยันโครมเข้าหน้าท้องของร่างที่พุ่งล้ำหน้าเข้ามาก่อน  ส่งผลให้ร่างนั้นกระเด็นกลับหลังและชนเข้ากับชายทีพุ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด  จึงทำให้ทั้งคู่ล้มไปด้วยกันอย่างไม่เป็นท่า  แต่หนึ่งในสองของชายที่ยังเหลือ

“ย่าห์”  เสียงดังพร้อมกับเท้าขวาที่ประเคนเข้าใส่ชายผู้มาใหม่  เสียงพลั๊กเมื่อชายผู้มาใหม่ยกแขนซ้ายขึ้นกันเอาไว้พร้อมกับหมัดขวาที่ชกเข้าโคนขาด้านในอย่างจังพร้อมกับเท้าซ้ายที่แตะตัดขาซ้ายของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง

“พลั๊ก...อ๊อก!”  ชายคนดังกล่าวหวายหลังหัวฟาดพื้นแน่นิ่งไปอีกคน  ในขณะที่ชายอีกคนชกหมัดขวาตรงเข้าใบหน้าของชายผู้มาใหม่  ชายผู้มาใหม่ก้มหลบวูบพร้อมกับหมัดซ้ายที่ปล่อยใส่ชายโครงซ้าย  เสียงตุ๊บพร้อมกับร่างสะท้านเฮือกและหมัดขวาที่ปิดฉากลงอย่างเฉียบขาดเข้าปลายคาง

“มึงตาย!”  เป็นชายสองคนที่ถูกถีบล้มไปเมื่อซักครู่  เสียงแค้นเคืองที่ดังพร้อมกับมีดพับขนาดห้านิ้วแทงเสยตรงเข้าชายโครงของชายผู้มาใหม่  หนึ่งก้าวของชายผู้มาใหม่ที่ถอยฉากพร้อมกับมือขวาที่คว้าหมับเอาข้อมือฝ่ายตรงข้ามปิดยกขึ้นพร้อมกับหมุนร่างตนเองเข้าหาก่อนที่จะกดแขนฝ่ายตรงข้ามลงบนบ่าของตนเองอย่างแรง  เสียงดังกร๊อบระคายหูชวนขนลุกต่อผู้ที่ได้ยิน

“อ๊าก!!”  เสียงร้องโหยหวนสะท้านไปทั้งราตรีที่เงียบวังเวง  ชายผู้มาใหม่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง  หมุนกายพร้อมกับหมัดขวาที่หวดเข้าเต็มปลายคางเสียงร้องโหยหวลจึงเงียบลงในทันที  เสียงผั๊วเมื่อเท้าของชายที่ยังเหลือกระทบกับเข่าของชายผู้มาใหม่ที่ยกขึ้นกันพร้อมกับถีบส่ง  ทำให้ชายคนดังกล่าวเสียหลักเซถอยไปด้านหลัง

“ชิ!”  เสียงแค่นเบาๆ ของชายผู้มาใหม่พร้อมกับร่างที่กระโจนวูบเท้าขวาเหยียบเข่าฝ่ายตรงข้ามโหนตัวขึ้นไปเสียงดังพล๊อกเมื่อศอกของชายผู้มาใหม่กระแทกลงกลางกระบานของฝ่ายตรงข้าม  ยามบรรยายนั้นยืดยาวหากแต่จริงๆแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายดูแทบไม่ทันและแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองว่าคนๆ หนึ่งจะสามารถคว่ำคู่ต่อสู้ห้าคนได้อย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นชายผู้มาใหม่ได้เดินไปหาสาวสวยที่ยืนกุมท้องหน้าซีดเซียวแต่ยังพยายามเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่มาช่วยตนเอาไว้อย่างทันท่วงที  แสงสลัวเลือนรางทำให้พอที่จะเห็นใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราผมเผ้าค่อนข้างยาวเป็นกระเซิงอย่างขาดการเอาใจใส่  ใส่ยีนเก่าๆ ร่างค่อนข้างสูง  แผ่ความรู้สึกอบอุ่นออกมาอย่างประหลาด

“ขะ...ขอบคุณมากคะที่ช่วยเหลือชั้นไว้  ไม่เช่นนั้น...”  สาวสวยพูดเสียงแผ่วอย่างสำนึกแม้ว่าจะยังจุกเสียดอยู่อย่างมาก  แต่ก็นับว่าตนได้หลุดพ้นออกมาจากขุมนรกแล้วด้วยความช่วยเหลือของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังก้มลงมองดู  ความรู้สึกที่ตื้นตันปลื้มปริ่มจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ

“เป็นอะไรมากรึเปล่า...ป้า?”   เสียงแผ่วทุ้มพูดออกมาอย่างติดตลกในขณะที่ก้มลงมองดูหญิงสาวตรงหน้า

“!??#$&*!”  ความปลื้มปริ่มความตื้นตันพลันหายมะลายสิ้นไปกับการเรียกหาเพียงครั้งเดียว  เพราะพ่อเจ้าพระคุณดันไปจี้ใจดำของสาวเจ้าเข้าให้อย่างจัง

“ป้า!  รึ...?  กรี๊ด! ผั๊ว! ”  สาวสวยที่มีอาการอ่อนแอจนน่าสงสารของเมื่อซักครู่พลันกลายเป็นนางมารร้ายภายในพริบตาพร้อมกับกำปั้นน้อยๆ ต่อยผั๊วเข้าไปที่ปากครึ่งจมูกครึ่งของชายหนุ่มที่กำลังก้มลงมองดูหญิงสาวตรงหน้าอย่างห่วงใย

“โอ้ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรของคุณกันวะเนี่ย?”  ชายหนุ่มร้องเสียงดังอย่างหัวเสียพร้อมกับคลำจมูกของตัวเองอย่างเจ็บปวด  แต่ก่อนที่จะได้ว่ากล่าวอะไรกันต่อ

“หยุดนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ยกมือขึ้น!”  เสียงตะวาดพร้อมกับตำรวจห้านายพร้อมด้วยอาวุธ

“จับพวกมันเลยคะคุณตำรวจ  พวกมันทำร้ายชั้นและจะข่มขืนชั้นด้วย”  หญิงสาวชี้กราดชายหนุ่มและพวกที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น

“อ้าว!  ป้า..ทำไมพูดหม..ๆอย่างนั้นละ”  ชายหนุ่มร้องขึ้นอย่างหัวเสียระคนกับความขำขันที่ปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง

“ป้ารึ?  นอนคุกไปก่อนซักคืนเถอะไอ้ปากปีจอ”  หญิงสาวรำพึงอย่างแค้นเคือง  พร้อมกับนึกถึงตนเองอย่างโมโห

“เรารึหน้าตาใช่ว่าจะขี้เหร่  แต่ทำไมถึงไม่มีแฟนกับเค้าบ้างวะ”  หญิงสาวครุ่นคิดพร้อมกับมองค้อนนายปากเสียที่กำลังถูกควบคุมตัวไปขึ้นรถ

“ทางตำรวจต้องขอให้คุณไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ”  ตำรวจนายหนึ่งพูดกับหญิงสาว

“ได้ค่ะ”  หญิงสาวตอบรับพร้อมกับเดินตามไปขึ้นรถ

“นี่...ป้า...คุณทำกับคนที่ช่วยคุณแบบนี้ได้อย่างไรกัน  หา?”  ชายหนุ่มยังคงโวยวายอย่างเย้าหยอก

“หึ!”  หญิงสาวมองค้อนพร้อมกับเชิดหน้าเดินไปขึ้นรถตำรวจ

เมื่อถึงโรงพักตอนที่หญิงสาวกำลังจะไห้การกับตำรวจ หลังจากตำรวจขอบัตรประชาชนไปบันทึกรายละเอียดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“โอ้ย!”  หญิงสาวร้องครางเบาๆพร้อมกับกุมหัว

“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ?”  ตำรวจถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ชั้นรู้สึกปวดหัวนะค่ะ  ชั้นขอมาไห้การพรุ่งนี้ได้รึเปล่าค่ะ?”  หญิงสาวถามพร้อมกับยกมือกุมหัว

“งั้นเดี๋ยวผมไห้ตำรวจพาไปโรงพยาบาลนะครับ”  ตำรวจนายนั้นบอกอย่างกังวล  แต่ทันใดนั้น...

“ยายวิ!  เกิดอะไรขึ้น?”  เสียงหวานใสของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นอย่างเป็นห่วง

“อ้อ..ยายเอื้อยมาแล้วรึ  เดี๋ยวค่อยไปคุยกันในรถเถอะ”  วิภาหันไปพูดกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างอวบอัดชวนมองเป็นอย่างยิ่ง

“คุณตำรวจเดี๋ยวชั้นไปกับเพื่อนก็ได้คะ”  วิภาหันไปบอกกับตำรวจนายนั้นก่อนที่จะชวนเพื่อนเดินออกมา

 

===============

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า...นี่แกทำกับพระเอกขี่ม้าขาวของแกอย่างนั้นได้ยังไงวะ?”  หลังจากที่วิภาได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไห้เพื่อนสาวฟังจนจบ

“พระเอกบ้านะซิ  หน้าตายังกะโจร  แถมยังปากหม..อีก”  วิภาร้องขึ้นอย่างหงุดหงิด  แต่ยามนี้เมื่อหายโมโหแล้วกลับรู้สึกเสียใจบ้างเล็กน้อยเมื่อนึกถึงการกระทำของตนเอง

“คงไม่เป็นไรหรอกนะ  อยู่ในคุกแค่คืนเดียว”  หญิงสาวรำพึงเบาๆกับตัวเอง

“หือ  แกเป็นอะไรวะ  บ่นงึมงำอยู่คนเดียว?”

“เปล่า...ไม่มีอะไร  ว่าแต่แกเถอะไปไหนมาถึงได้ผิดนัดกับชั้นตั้งชั่วโมงกว่า?”  วิภาถามเพื่อนสาวอย่างฉุนเฉียว

“น่า..นะ...ขอโทษ  พอดีติดธุระส่วนตัวนิดหน่อย  ฮิฮิฮิ...”  เอื้อยคำพูดเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด

“แอบไปกินผู้ชายมาอีกละซิท่า?”  วิภาหันไปถามเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้

“ฮิฮิฮิ... ก็ชั้นมันสวยเลือกได้นี่หว่า”

“ยะ...เมื่อไหร่แกจะเลิกลอยชายแล้วหาใครซักคนที่ถาวรเป็นตัวเป็นตนซะทีวะ  ทำตัวเป็นของสาธารณะไปได้”  วิภาพูดขึ้นอย่างอ่อนใจ

“ก็ชั้นกำลังรอแกไง  รอแกมีผัว  เอ้ย!...แต่งก่อนแล้วชั้นค่อยแต่งไง”  เอื้อยคำพูดพร้อมกับหลิ่วตาอย่างยั่วเย้า

“คงจะยากวะ  ชาตินี้ชั้นคงหาผัวไม่ได้แล้ววะ  แกไม่ต้องรอชั้นหรอก”  วิภาพูดขึ้นอย่างปลงๆ

“ก็แกนี่นะ...สวยเริดเชิดหยิ่งซะขนาดนี้ใครจะกล้าจีบวะ” เอื้อยคำโวยอย่างหมั่นไส้

“ก็ใครจะไปไวไฟเหมือนแกกันละย่ะ”  วิภาค้อนเพื่อนสาวอย่างรักใคร่

“เออๆ  อาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะวะแก”  เอื้อยคำบอกเมื่อรถเก๋งคันงามเลี้ยวเข้าจอดบริเวณบ้าน

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว