หมาป่าร่ายรัก
0
ตอน
2.47K
เข้าชม
52
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
21
เพิ่มลงคลัง

 

หมาป่าร่ายรัก

 

บทนำ

 

แคร้ง!!!

 

เสียงอาวุธกระทบโสตประสาททำให้ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีขาวสะอาดหยุดชะงักฝีเท้าของตนลงที่ใต้ต้นไม้ต้นที่ใกล้ที่สุด ดวงตาเฉียบคมดุจพญาเหยี่ยวจับจ้องมองฝ่าความมืด เหมือนแสงเพียงน้อยนิดจากเหล่าดวงดาวจะเพียงพอแล้วสำหรับการรับชมความบันเทิงจากเรื่องตรงหน้า มือขวาโยนผลท้อที่สุกงอมขึ้นไปในอากาศสองสามครั้งด้วยความลืมตน รอยยิ้มยกเย้ยหยันความวุ่นวายตรงหน้าอีกครั้ง พลางยกลูกท้อที่รับได้อย่างแม่นยำขึ้นกัดอย่างสบายใจ

 

“น่าสนุก... ช่างน่าสนุกจริง ๆ “

 

หลิวกังเอ่ยกับตนเองอย่างถูกใจเรื่องตรงหน้ายิ่งนัก ใคร ๆ ทั่วทั้งหุบเขาร้อยพิษต่างรู้ดีว่าหลิวกังผู้นี้ชื่นชอบความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นที่สุด ยิ่งถ้าเรื่องเดือดร้อนเหล่านั้นกำเนิดเกิดขึ้นมาจากการกระทำของเขาด้วยแล้วเขายิ่งยินดี...

 

แต่ถึงแม้เรื่องตรงหน้าของเขาคราวนี้เขาจะไม่มีเอี่ยวด้วยเลยสักนิดเขาก็ยังปรีดาและอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะชุดมือปราบสีน้ำเงินเข้ม ตัดด้วยมังกรสีทองตัวเขืองที่เย็บปักอย่างประณีตประทับบนเรือนร่างของชายฉกรรจ์หลายนายเบื้องหน้าด้วยกระมัง ที่ทำให้เขายิ่งสนใจเรื่องตรงหน้าเพิ่มเข้าไปอีก

 

พวกมือปราบราชสำนัก...

 

หลิวกังกัดผลท้ออีกคำอย่างสบายใจ เหลือบสายตามองตามการเคลื่อนไหวคล้ายกำลังตามรอยใครบางคนอย่างเร่งร้อน จะเกิดเรื่องใดขึ้นเขาเองก็ไม่ทราบ แต่ท่าทางร้อนรนเหมือนถูกน้ำร้อนลวกมือของคนในวังหลวงช่างถูกใจเขายิ่งนัก

 

“ช่วย...ด้วยยย”

 

เสียงหวีดร้องของสาวงามทำให้เหล่ามือปราบและหลิวกัง อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองท้องฟ้าหาต้นตอที่มาของเสียง ร่างบอบบางของสตรีในชุดยาวกรุยกรายสีชมพูบ่งบอกความสูงศักดิ์พลิ้วไหวไปตามสายลม พร้อมด้วยเงาร่างสีดำทะมึนกลืนไปกับรัตติกาลที่เคลื่อนคล้อยตามไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน

 

แคร้ง!!!!

 

“กรี๊ดดดด”

 

ทุกครั้งที่มีดสั้นของชายชุดดำอำพลางกายปะทะเข้ากับคนร้ายลักพาตัวกระทบกัน เสียงกรีดร้องครวญครางปานจะขาดใจของแม่นางผู้แสนจะสูงศักดิ์ก็จะดังลั่นสนั่นหูจนแม้แต่หลิวกังที่แอบดูอยู่วงนอก ยังต้องยกมือขึ้นมาปิดแก้วหูมันเสียทุกหน

 

นี่แม่นางขยันรับประทานนกหวีดเข้าไปหรืออย่างไร พลังเสียงในการหวีดร้องแต่ละครั้งถึงได้ทำร้ายแก้วหูข้าได้ถึงเพียงนี้

 

หลิวกังส่ายหน้าให้กับความคิดเชิงขบขันของตัวเองพลางใช้ปลายนิ้วก้อยที่ว่างอยู่เขี่ยเข้าไปในรูหูอย่างไม่ได้อาทรร้อนใจใด ๆ แต่เดิมหลิวกังก็ไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกับพวกคนในวังหลวงพวกนั้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าให้นึกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับพระราชวังยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาอยู่กันคนละด้าน เป็นยิ่งกว่าแสงและเงา

 

แล้วท่านหลิวกังผู้นี้จะต้องสอดมือสร้างศัตรู ด้วยการเข้าไปห้ามความวุ่นวายทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองเลยสักนิดไปทำไม

 

พอคิดได้แบบนั้นหลิวกังก็กระตุกรอยยิ้มเย้ยหยันให้ตนเองอีกครา คว้าลูกท้อในมือมากัดเข้าปากเสียอีกคำแล้วตัดสินใจแอบเฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่ภายนอกแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

 

 

 

แคร้ง!!!!!!!

 

“กรี๊ดดด”

 

การต่อสู้ของชายชุดดำผู้ลึกลับดูเหมือนจะมีฝีมือมากกว่าอีกคนอยู่สองขั้น หากแต่เสียงกรีดร้องไม่ขาดปาก และการเอาร่างสตรีมาบังหน้าไม่ขาดสาย ทำให้การต่อสู้ที่ไม่สมควรจะยืดเยื้อยาวนานนี้ ไม่ยอมจบสิ้นลงเสียที

 

“ข้าชอบความรื่นเริง แต่ให้เอาแก้วหูมาเสี่ยงแบบนี้ข้าก็ไม่ไหวนะ”

 

หลิวกังไหวไหล่หลังจากที่ตัดสินใจดูต่อไปก็มีแต่อะไรเดิม ๆ ที่ยิ่งดูยิ่งน่าเบื่อ แถมยังพ่วงด้วยเสียงที่ทำร้ายประสาทหูเขาไม่น้อย

 

เจ้าตัวเลยตัดสินใจเดินหนีออกมาจากเรื่องวุ่นวายเพราะหมดสนุกเสียแล้ว หากแต่โชคชะตาคงไม่ยอมให้หลิวกังได้จากไปง่าย ๆ ฝ่ายชายผู้ลักพาตัวถึงได้พาร่างสตรีผู้มีเสียงเป็นอาวุธ ทะยานข้ามอากาศมาตกลงตรงหน้าของเขา โดยมีชายชุดดำประกบติดเบื้องหลังของเขาอีกที

 

ซะ...ซวยล่ะสิทีนี้...

 

หลิวกังที่ชะงักเท้ากึกไม่รู้จะขยับไปทางทิศใดดี เบื้องหน้าเป็นสตรีน้ำตาคลอที่กำลังถูกจับเป็นตัวประกัน ส่วนเบื้องหลังก็เป็นเหล่าทหารหลวงที่พากันชี้อาวุธจ่อเข้าใส่ฝ่ายผู้ร้ายลักพาตัว โดยมีเขาที่ดวงกุดที่สุดอยู่ตรงกลาง

 

“ช่วยข้าด้วย...”

 

ขาดคำของสตรีเบื้องหน้า เหล่าทหารฉกรรจ์เบื้องหลังก็ฟาดรัศมีดาบเต็มพลังเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่สนใจหลิวกังที่อยู่ตรงกลางสมรภูมิรบเลยสักนิด ชายหนุ่มในชุดขาวรีบเบี่ยงกายหนี เมื่อดาบและมีดสั้นของทั้งสองฝ่ายแหวกอากาศพุ่งเข้าหากันโดยมีร่างของเขายืนขั้นกลางอยู่ในตอนแรก

 

“หากเจ้าไม่ช่วยก็อย่าได้ยืนเกะกะขวางทางข้า”

 

นอกจากไร้ซึ่งคำขอโทษจากชายชุดดำสนิทที่ดูเหมือนจะเป็นใหญ่ที่สุดในฝ่ายทหารหลวง คำจิกกัดและน้ำเสียงเย็นชา รวมไปถึงมีดบินคมกริบยังสาดโครมเข้าใส่ใบหน้า ให้หลิวกังได้คอยหลบหลีกด้วยโทสะที่เริ่มจะควบคุมเอาไว้ไม่ค่อยอยู่ จนเผลอกำลูกท้อแหลกคามือ

 

ไร้มารยาทยิ่งนัก!!!

 

“อาเฟย... ช่วยข้าด้วย”

 

เสียงสตรีที่คราวนี้ฟังระรื่นหูขึ้นมานิดเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนก ร่างบอบบบางถูกเหวี่ยงซ้ายสะบัดขวา เพื่อช่วยให้ผู้ที่จับนางมาขยับดาบเล่มใหญ่ได้ง่ายขึ้น แถมยังมีนางเป็นโล่ชั้นดี ที่แม้แต่คนชุดดำจอมเย็นชา ยังไม่กล้าทำอะไรวู่ว่ามไปมากกว่านั้น

 

“ลาล่ะ”

 

โจรร้ายเอ่ยอย่างสะใจ กระชากร่างบอบบางมาล็อกคอแล้วถลาไปกลางอากาศ โดยที่ชายชุดดำทำท่าจะทะยานตามไป แต่ติดที่นิ้วมือหยาบกร้านตามวัยของหลิวกังกระตุกไหล่ของเขาเอาไว้เสียก่อน

 

“สู้กันแบบนี้จนฟ้าสาง ท่านคิดว่าจะช่วยแม่นางท่านนั้นกลับมาได้หรือ”

 

เขาไม่ได้อยากสอดปากจริง ๆ นะ แต่ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ ตัวเขาที่ถูกลูกหลงมาแล้วสองห่าใหญ่ ๆ คงได้ตัวขาดกลายเป็นสามสิบสองท่อน จากลูกหลงห่าที่สี่หรือห้าก็เป็นได้ แล้วถ้ายังปล่อยให้เรื่องวุ่นวายบานปลายไปขนาดนั้น ตัวเขาที่ตั้งใจหนีมาชมความสงบเงียบ ๆ แถมยังมีเวลาจำกัด ย่อมจะต้องซวยไปด้วยแน่ ๆ

 

“แล้วเจ้ามีวิธีอื่นหรือไร” ชายในชุดดำถามเสียงเรียบ “ก็เห็นอยู่ว่ามันเล่นสกปรกเพียงไหน”

 

“ในเมื่ออีกฝ่ายคิดไม่ซื่อแล้วเหตุใดท่านต้องอยู่ในกรอบเล่นตามกติกาด้วยเล่า” หลิวกังเผยรอยยิ้มซุกซนมุมปาก แม้จะเป็นรอยยิ้มจากบุรุษเพศเช่นเดียวกัน แต่มันกลับสามารถสะกดชายในชุดดำผู้ชำนาญงานสังหารให้ยืนนิ่งได้ในพริบตา

 

พรึ่บ!!!

 

เสียงโลหะขนาดเล็กแหวกอากาศไม่สามารถเล็ดลอดประสาทการได้ยินของชายในชุดดำไปได้ เขารีบเบนสายตามองไปยังท้องฟ้าอย่างพินิจ จนสามารถเห็นเข็มเล่มเล็กแหวกอากาศไปปักกลางแซกหน้าของผู้ร้ายที่กำลังหลบหนีได้อย่างแม่นยำ

 

“อ๊ากกกก”

 

เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ทำให้ร่างกำยำไม่อาจโอบอุ้มหญิงสาวไว้ได้อีกต่อไป สองร่างเสียการทรงตัวในอากาศ แต่เหมือนทั้งหลิวกังและชายในชุดดำจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องทำอะไร

 

หลิวกังเป็นฝ่ายไปถึงจุดที่ทั้งสองคนลอยอยู่บนฟากฟ้าได้ก่อน ท่อนแขนหนาคว้าร่างอันบอบบางของสตรีในชุดสีชมพูฟูฟ่องเข้ามากอดแนบอกและหมุนตัวลดทอนแรงเสียดทานจนชุดขาวพลิ้วสะบัดตัดกับอาภรณ์เนื้อดีสีชมพูเข้ม ดวงตากลมโตสีดำสนิทสบเข้ากับดวงตาเรียวคมแฝงความทะเล้นสีน้ำตาล ช่วงเวลารอบด้านเหมือนช้าลงจนแทบไม่เคลื่อนไหว

 

สตรีผู้แสนบอบบางได้ยินเสียงเต้นระรัวอยู่ภายในอกด้านซ้ายของตนจนเลือดลมค่อย ๆ เปล่งปลั่งไปที่สองแก้มแดงชวนให้บุรุษเพศทุกผู้ทุกคนที่มีโอกาสได้พบเห็นล้วนต้องหยุดมองความงดงามนั้นทั้งสิ้น จนกระทั่งปลายเท้าร่อนลงสัมผัสพื้นได้อย่างงดงามราวกับโบยบิน หลิวกังถึงได้มีโอกาสเบนสายตามองสิ่งอื่น นอกเหนือจากใบหน้างดงามไร้ที่ติของหญิงสาวสูงศักดิ์ตรงหน้าผู้นี้

 

ในขณะที่ชายชุดดำผู้มาถึงช้ากว่าเพียงเสี้ยววินาที จำต้องช่วยประคองร่างของโจรผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังภายในแตกสลายเพราะเข็มพิษเพียงเล่มเดียว

 

“เจ้าเป็นใคร...”

 

ชายในชุดดำเอ่ยถามขึ้นมาเสียงแผ่ว โดยที่หลิวกังเพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปากให้เขาเท่านั้น เหล่ามือปราบในชุดสีน้ำเงินตัดด้วยลายมังกรสีทองรีบพากันมารายล้อมรอบกายของสตรีชุดชมพูผู้นั้นและคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาหลิวกังอดสะดุ้งกับเรื่องตรงหน้าไม่ได้

 

“พวกเราสมควรตายยิ่งนัก ขอให้องค์หญิงสิบสองโปรดลงโทษด้วย”

 

องค์หญิงสิบสอง!!!

 

หลิงกังเหลือบมองหญิงสาวที่ตนยังโอบเอวเอาไว้ด้วยความตื่นตะลึงเล็กน้อย องค์หญิงสิบสองเพียงแค่ส่งยิ้มบาง ๆ อย่างเอียงอายให้หลิวกัง แล้วค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นยืนโดยยังใช้แขนของหลิวกังในการทรงตัว

 

“ชะ...ช่างเถอะ เพราะได้ท่านผู้นี้ช่วยเหลือเอาไว้ เราจึงไม่ได้รับอันตรายใด ๆ” องค์หญิงสิบสองเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแตกต่างจากก่อนหน้านี้นัก และมันก็ประหลาดมากสำหรับเหล่าผู้รับใช้คนสนิทอีกด้วย “พวกท่านรีบลุกขึ้นเถิด นำทางเรา ท่านจางเฟย และท่าน...”

 

ดวงตากลมโตแลเหลือบขึ้นมาจ้องมองหลิวกังอย่างทอดไมตรี หลิวกังถอนหายใจยาว สงสัยว่าครานี้เห็นทีเขาจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ตนเองเสียแล้วกระมัง จึงจำใจต้องตอบออกไปอย่างเสียมิได้

 

“ข้าชื่อหลิวกัง”

 

“และท่านหลิวกังกลับวัง ระหว่างนี้พวกเจ้าจะต้องดูแลท่านหลิวผู้นี้อย่างดี” องค์หญิงสิบสองสั่งทุกคนด้วยเสียงเฉียบขาดสายตาวาวเอาเรื่องจับจ้องมองไปทางชายชุดดำสนิทเป็นพิเศษเหมือนต้องการจะย้ำเขาชัด ๆ “ข้าจะเอ่ยขอให้ท่านพี่ประทานรางวัลที่คู่ควรที่สุดแก่ท่านหลิว!!!”

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว