คู่อริรักข้ามสถาบัน
5
ตอน
13K
เข้าชม
91
ถูกใจ
12
ความคิดเห็น
57
เพิ่มลงคลัง

 

 

 

ภายในมหาวิทยาลัยเอกชนที่หน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งมีนักศึกษาชายหน้าตาดียืนรอใครบางคนอยู่ที่หน้าตึกคณะ บรรยากาศโดยรอบก็เหมือนเดิมทุกๆปี ซึ่งปีนี้ตัวเขาเองก็เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามแล้ว การใช้ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากปีก่อนๆแต่อย่างใด ซ้ำซากจำเจ มันน่าเบื่อจนน่าหงุดหงิดมีทั้งเสียงซุบซิบ ต่างๆที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของเขาจากบรรดาพวกผู้หญิงต่างคณะหรือแม้แต่รุ่นพี่รุ่นน้องในคณะที่เดินผ่านเขาไปคนแล้วคนเล่า ส่วนมากก็ชมเรื่องรูปร่างหน้าตาของเขาทั้งนั่น ไม่ได้คุยเรื่องอื่นกันเลยจริงๆ เขาไม่ได้หลงตัวเองนะก็คนมันหล่ออย่างกับเทพบุตร ขนาดพี่ชายยังไปเป็นนายแบบโกอินเตอร์อยู่ที่ต่างประเทศเลย แบบนี้ก็คิดดูกันเอาเองเถอะนะว่าเขานั่นหล่อขนาดไหนแถมยังมีรางวัลเดือนมหาลัยเป็นตัวการันตีความหล่อของ ผู้ชายอย่างเขาคนนี้ คนที่ชื่อสันเขื่อน

 

 

 

Part สันเขื่อน

 

 

 

“พ่อนี้ก็นะ มีอะไรจะคุยนักหนาวะ อุตส่าห์บอกว่าเดี๋ยวตอนเย็นเข้าไปก็ไม่ฟังสรุปคือยืนรอเกือบชั่วโมงนึ่งแล้วนะเฮ้ย”

 

 

 

“อ้าว!! ไอ้เขื่อนมึงยังไม่ขึ้นเรียนอีกหรอ สายแล้วนะเว้ยคาบเรียนของมึงอ่ะ” ฟิล์มที่มีเรียนคราบต่อจากสันเขื่อนถามขึ้นเนื่องจากฟิล์มเรียนคนละสาขากับสันเขื่อน

 

 

 

“กลัวสายทำไมวะกูใครครับ ลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยไหมล่ะมึง”

 

 

 

“ถ้างั้นก็ช่างมึงเถอะถามดีๆเสือกตอบกวนตีนกูอีก กูไปล่ะเบื่อมึงวะเจอกันตอนเที่ยงที่เดิมนะมึง”

 

 

 

“เออๆ เจอกัน ฝากมึงบอกไอ้พวกที่เหลือด้วยล่ะ”

 

 

 

“เคๆ กูไปนะ”

 

 

 

“ไว้เจอกัน”

 

 

 

หลังจากที่ฟิล์มแยกจากสันเขื่อนเวลาก็ผ่านมาสักพักแล้วแต่พ่อของเขาก็ยังไม่มา จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของสันเขื่อนก็ดังขึ้น

 

 

 

RRRRRRRRRRRRR~~~

 

 

 

“ฮัลโหล พ่อถึงไหนแล้ว ผมรอนานล่ะนะครับ”

 

 

 

(โทษที พอดีมีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการ ฉันก็เลยจะโทรมาบอกแกเนี่ยแหละว่าไม่ได้เข้าไปหาแกแล้วนะ)

 

 

 

“ไงเป็นงั้นล่ะพ่อ สรุปพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมกันแน่”

 

 

 

(จริงๆฉันงานเข้าวะ ตอนนี้กำลังจะไปอเมริกาไปหาแม่แกนั่นแหละ อีกอย่างช่วงนี้พี่ชายแกก็เอาแต่เป็นข่าวแม่แกเลยให้พักงานเดินแบบไป แล้วก็ส่งไอ้ขุนกลับมาไทย คืนนี้ไปรับมันที่สนามบินด้วยล่ะ อ่อใช่ฉันกะให้มันอยู่ดูงานที่มหาลัยแทนเพราะฉันกับแม่แกจะไปเที่ยวพักผ่อน โอเครู้เรื่องนะ อย่าลืมไปรับมันล่ะ น่าจะถึงไทยตอนสามทุ่ม แค่นี้นะเครื่องจะออกแล้ว)

 

 

 

“เฮ้ย!!! พ่ออะไรเนี่ย โหลๆ พ่อ อ้าวรีบวางไปไหนของเขาวะ”

 

 

 

“ไม่เคยคิดจะกลับมาตั้งห้าปี อยู่ๆก็ถูกส่งกลับ คงทำเรื่องไว้เยอะจนแม่เคลียร์ไม่ไหวแน่ๆเลยเฮียขุนเอ้ย จะว่าไปหมดเวลาเรียนคาบนี้พอดีไปรอพวกมันที่ประจำเลยดีกว่าได้นอนสักหน่อยท่าจะดี ง่วงๆ”

 

 

 

ณ ห้องประจำและเป็นแหล่งสุมหัวของแก๊ง DK

 

 

 

แก๊กๆ แอดดด ปัง  (เสียงไขกุญแจ เปิดและปิดประตูตามลำดับ)

 

 

 

“ไม่ล็อกดีกว่าเดี๋ยวไอ้พวกที่เหลือก็คงใกล้จะมาแล้วแหละ”

 

 

 

จากนั่นสันเขื่อนก็ล้มตัวลงนอนที่โซฟาที่ประจำของเขา และค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราจนหลับไปในที่สุด zzzzzzz~~

 

 

 

 

 

 

 

Part โค้ก

 

 

 

“เฮ้ย!!! มึงอ่ะหยุดนะเว้ย”

 

 

 

“หยุดก็โง่ดิวะ เรื่องอะไรกูต้องฟังมึงด้วยไม่ทราบ”

 

 

 

“เฮ้ยพวกมึงตามอย่าให้มันหนีไปได้ ปากเก่งแบบนี้ขอกูกระทืบให้หนำใจหน่อย อย่าหนีดิวะ”

 

 

 

เสียงฝีเท้าและเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายไล่ตามเดลไม่หยุด เพราะดันไปปากหมาใส่คู่อริของตนตั้งแต่ชาติปางก่อนจนทำให้มันตามหาเรื่องไม่ยอมเลิกราสักที ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้เพียงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เพราะเขาไม่มีทางยอมโดนไอ้เด็กมหาวิทยาลัยเอกชนกระทืบเอาง่ายๆแน่

 

 

 

“เฮ้ย!!! หลบโว้ย เกะกะขวางทางฉิบหายใครไม่อยากโดนลูกหลงหลบไปไกลๆ”แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เดินฟังเพลงไม่สนใจโลกและไม่สนใจเสียงตะโกนของเดลด้วย คือมันฟังเพลงดังขนาดไหนของมันวะถึงไม่ได้ยินเสียงกูเนี่ย เดลได้แต่คิดในใจ

 

 

 

“เหี้ย!!! เบรกไม่ทันสัดเอ้ย”

 

 

 

พลั่ก!!!

 

 

 

เดลวิ่งชนคนที่ว่า แต่เขาคนนั้นเบี่ยงตัวหลบได้ จึงทำให้ชนแค่ไหล่ของผู้ชายคนนั้น เหี้ยมันมีตาหลังไงวะถึงรู้ว่าจะโดนชนเนี่ย ทีกูตะโกนคอแทบแตกเสือกไม่ได้ยิน เดลจึงหันไปมองและบอกว่าตนนั้นรีบ

 

 

 

“โทษทีวะกูรีบ ดูจากสภาพมึงแล้วคงไม่เป็นไรมาก”

 

 

 

“ไอ้เดลมึงอย่าหนีนะโว้ย เฮ้ยรีบวิ่งไปล้อมมันดิวะ คลานกันอยู่รึไงพวกมึงอ่ะ”

 

 

 

“แม่งตามกูมาทันจนได้เอาไงดีวะ มึงไปกับกูเนี่ยแหละเดี๋ยวโดนลูกหลงถ้ามึงยังยืนอยู่ตรงนี้ไอ้พวกนั่นมันคงเข้าใจผิดไปแล้วล่ะว่ามึงอ่ะเป็นเพื่อนกู วิ่งตามกูมา”

 

 

 

อีกฝ่ายมองเดลทำท่าทางไม่ใส่ใจกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าสักเท่าไหร่ พอดึงหูฟังออกเขาก็ตอบกลับเดลหน้าตายสนิท

 

 

 

“หึ หนีเป็นหมาจนตรอกเลยนะมึง กลัวโดนรุมยำรึไง”

 

 

 

“อ้าวไอ้นี่ ปากดีซะด้วย มาต่อยกับกูเลยดีกว่ามาๆ”

 

 

 

“มึงอ่ะไม่หนีแล้วรึไง”แล้วผู้ชายตรงหน้าเดลก็แสยะยิ้ม “แต่กูว่าคงไม่ทัน พวกมันล้อมมึงซะแล้ววะ”

 

 

 

“ไอ้เหี้ยเอ้ย” ตอนนี้เดลทำได้แค่สบถออกมา

 

 

 

“ไงมึงไอ้เดลแค่นี้ก็หมดทางหนีแล้วหรอวะ ถ้างั้นก็อยู่ให้พี่เคคนนี้กระทืบเล่นก่อนดิ พอดีกูไม่ได้รีบไปไหน อยู่เล่นกับมึงได้ทั้งวัน แล้วไอ้หน้าหล่อนี่ใครวะเพื่อนมึงหรอ อยู่เล่นกับพวกกูก่อนล่ะกันนะ” เคคู่อริตลอดกาลของเดลหันไปพูดกับบุคคลที่ยืนอยู่ข้างๆเดลในประโยคหลัง

 

 

 

“อ่อ ไอ้หน้าเหี้ยนี้อ่ะนะมึงมองไงว่ามันหล่อวะ หน้าอ่อนขนาดนี้ อีกอย่างนะมันไม่ใช่เพื่อนกู มึงกับกูตัวๆดีกว่ารึไม่กล้าวะไอ้เคอ่อน”

 

 

 

“อ้าว…” เคกำลังจะโต้ตอบกับเดลแต่อีกคนกับสวนขึ้นมาซะก่อน

 

 

 

“หน้าตามึงดีตายแหละ ปากอย่างงี้ สมควรโดนรุมกระทืบ”

 

 

 

“ฮ่าฮ่า ไอ้หน้าหล่อมึงพูดถูกใจวะ”

 

 

 

“อ้าวไอ้สัดนี้ ไอ้เคมึงกับกูไว้ทีหลังสงสัยกูคงต้องซัดกับไอ้อ่อนนี้ก่อนวะ”

 

 

 

“ยังจะปากดีอยู่ได้นะมึง จะโดนพวกมันรุมกระทืบอยู่แล้วยังจะมาต่อปากต่อคำกับกู แถมมีหน้าหาส้นตีนมาให้กูอีกกูยืนฟังเพลงของกูอยู่ดีๆ”

 

 

 

“มึงสองตัวกูยังยืนอยู่ตรงนี้นะโว้ยเผื่อพวกมึงลืม ถึงมึงจะไม่ใช่เพื่อนมันแต่พวกกูคันตีนอยากกระทืบคนจบนะ เฮ้ย!!ยืนอยู่กันทำไมวะเล่นแม่งดิ”แล้วเคก็ตะโกนสั่งพวกที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ ถ้ากะด้วยสายตาก็มีประมาณห้าคนเห็นจะได้

 

 

 

“มึง ไอ้หน้าอ่อนอยู่เฉยๆไปเลยเรื่องนี้เรื่องของกูกูจัดการเอง มึงน่ะหนีไปซะ”

 

 

 

“มึงนะซิที่อ่อน เอ้า!! ถือของให้กูด้วย”

 

 

 

“มึงจะทำไรวะ”

 

 

 

บุคคลตรงหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลงหลังจากส่งโทรศัพท์และกระเป๋าให้เดลถือไว้แล้ว ก็ยกเท้าขึ้นถีบที่ท้องของเค ทำให้คนที่กำลังจะเข้ามารุมกระทืบเดลยืนตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มตะลุมบอลกันยกใหญ่

 

 

 

พลั่กๆ ตุบๆๆ  พลั่กๆ

 

 

 

“ไอ้เหี้ย บู้เก่งอย่างกับจาพนม”เดลยืนดูอยู่ไม่ห่าง

 

 

 

ปรี๊ดดดดดดด เสียงนกหวีดถูกเป่าขึ้นจากตำรวจจราจรที่อยู่แถวนั้น คาดว่าน่าจะมีคนไปตามมา อีกสักพักคงมีพวกตำรวจแห่กันมาอีกเพียบเป็นแน่ แล้วคิดว่าคนอย่างพวกผมจะอยู่ให้ถูกจับไหมล่ะงานนี้มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละ หนีซิครับรออะไรแต่ก็คงไม่พ้นต้องลากไอ้หน้าอ่อนนั้นไปด้วยขืนปล่อยไว้มีหวังโดนตำรวจรวบตัวไปแน่ๆ

 

 

 

“พวกมึงหยุดตำรวจมา”

 

 

 

จากนั้นทุกคนก็พากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง

 

 

 

“มึงไอ้หน้าอ่อนทางนี้เว้ย เร็ว รถกูจอดอยู่แถวนี้เดี๋ยวกูพามึงหนีเอง”

 

 

 

ชายปริศนาจึงทำได้แค่วิ่งตามเดลไป

 

 

 

หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถและขับออกไปแล้วเดลจึงเป็นคนเริ่มบทสนทนา

 

 

 

“ไอ้เหี้ยเอ่ย ซวยแต่เช้าเลยกู กะจะหาอะไรใส่ท้องตอนเช้าก่อนไปเรียนซะหน่อย ว่าแต่มึงจะให้กูไปส่งที่ไหน”

 

 

 

“คอนโด M”

 

 

 

“ไอ้เหี้ยตอบกูแค่นี้กูจะไปถูกไหม กูไม่ใช่แท็กซี่นะสัดบอกทางด้วย อีกอย่างมึงไม่ไปเรียนไงแต่งตัวมาเต็มขนาดนี้จะโดดว่างั้น”

 

 

 

“กวนตีน จะโดดไม่โดดมันก็เรื่องของกูไหมล่ะ”

 

 

 

“กูว่ามันไม่น่าจะใช่ทางไปคอนโด M ของมึงนะ เดี๋ยวกูก็ทิ้งมึงลงตรงนี้ให้หาทางกลับเองเลยนิ”

 

 

 

“จอด”

 

 

 

จากที่เดลสนใจเฉพาะทางข้างหน้าถึงกลับต้องหันไปถามเพื่อความแน่ใจว่ามันจะให้เขาจอดรถตรงนี้จริงๆหรอวะ

 

 

 

“ห๊ะ มึงว่าไงนะ”

 

 

 

“จอด”

 

 

 

“เออ จอดก็จอด”

 

 

 

“ขอบใจ”

 

 

 

แล้วชายปริศนาก็เปิดประตูรถกำลังจะก้าวลงไปแต่เดลทักขึ้นมาซะก่อน

 

 

 

“แน่ใจนะว่าไม่ให้กูไปส่ง”

 

 

 

“เออ”

 

 

 

“โทษนะว่าแต่มึงชื่ออะไรวะ แล้วก็ขอโทษอีกทีที่หาตีนให้มึงแต่เช้า”

 

 

 

“กูชื่อโค้ก ส่วนเรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

 

 

 

“งั้นกูไปนะ”

 

 

 

“เออ ถ้าเจอกันอีกคงจะไม่มาพร้อมตีนหรอกนะ”

 

 

 

“ฮ่าๆ กูจะพยายามล่ะกัน ไปล่ะ โชคดีมึง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

TBC*

ฝากช่วยกดให้กำลังใจ+คอมเม้นด้วยนะ ^^

**นิยายเรื่องนี้เป็นแนวชายรักชาย มีคำหยาบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

เนื้อหาต่างๆเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการเท่านั้น

***บุคคลในรูปไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิยายที่แต่งขึ้น และรูปทุกรูปที่นำมาใช้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับนิยายเรื่องนี้

***ขอบคุณเคดิตเจ้าของรูปด้วยคะ

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว