จบ [NCT] นายท่าน #NoRen NC+SM/OS  20+
0
ตอน
35.7K
เข้าชม
162
ถูกใจ
13
ความคิดเห็น
192
เพิ่มลงคลัง

[One Shot Fiction]

“ทำตัวตามสบายเหมือนบ้านนายได้เลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยกล่าวกับร่างบางที่เดินถือกระเป๋าใบน้อยตามหลังมา

เจโน่ทิ้งตัวลงบนเตียงเก่าที่ถูกทำความสะอาดเป็นอย่างดี

“นายชื่ออะไรนะ” เจโน่เปิดบทสนทนากับร่างบางที่ค่อยๆจัดแจงสัมภาระเข้าตู้เสื้อผ้า

“ผมชื่อหวง เหรินจวิ้นครับ” เหรินจวิ้นไม่ได้หันหน้าไปตอบ เขารู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทแต่ตอนนี้เขาเร่งรีบที่จะจัดของเครื่องใช้ส่วนตัวให้เสร็จ

“เป็นชื่อที่ไพเราะดีนะครับ” ทันใดที่ประโยคดังกล่าวเอ่ยขึ้น เขารู้สึกได้ว่าลทปากนั้นอยู่ใกล้แค่เพียงซอกคอของเขา  เหรินจวิ้นค่อยๆหันหลังกลับไปมอง ก็พบว่าเจอเจ้านายหน้าแมวนั่งยิ้มอยู่บนเตียงที่เดิม

สงสัยเขาคิดไปเองมั้ง

คุณเจโน่ใจดีจะตายไป ดูเป็นคนดีเสียด้วย

“ขอบคุณมากๆนะครับ” เหรินจวิ้นเอ่ยขอบคุณอย่างแผ่วเบา

“ถ้าทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว 6โมงเรามีนัดทานอาหารที่ห้องโถงใหญ่นะครับ ส่วนงานของคุณจะเริ่มพรุ่งนี้ เดี๊ยวผมจะให้คุณมาร์คมาแจกแจงงานให้คุณนะครับ” เจโน่กล่าวลา มือหนาค่อยๆผลักประตูไม้ออกไป



หลังจากที่เหรินจวิ้นจัดการจัดของจนเข้าที่เสร็จสับแล้ว เขาย้ายร่างอันเหน็ดเหนื่อยของตัวเองไปที่หน้าต่างบานเดียวในห้องนอนของเขา เขามองออกไปจนสุดขอบสายตา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าได้พาตัวเองมาถึงจุดนี้ ต้องขอบคุณความใจดีของคุณเจโน่ที่ตอบรับข้อเสนอที่เขายื่นสมัครเพื่อมาเป็นเลขาส่วนตัวให้




ก๊อก ๆ

เหรินจวิ้นหลุดออกจากภวงค์ ร่างบางค่อยๆสาวเท้าไปเปิดประตู

ดวงตากลมสบกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าที่มีสีหน้าเรียบนิ่ง

“คุณคือหวง เหรินจวิ้น เลขาคนใหม่ของคุณเจโน่ใช่ไหม” ใบหน้าเฉยชามองสลับขึ้นลงระหว่างแฟ้มเอกสารในมือเขากับหน้าของเหรินจวิ้น

“ใช่ครับ ส่วนคุณคือ?” เหรินจวิ้นตอบด้ยเสียงแผ่วเบา

“ผมชื่อลี มาร์ค เป็นรองประธานของคุณเจโน่” มาร์คตอบกลับด้วยเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียวกับใบหน้าของเขา



“คุณเจโน่แจ้งมาว่ามีนัดรับประทานอาหารเย็นกับท่านประธานเวลา6โมง รบกวนใส่ชุดที่อยู่ในกล่องที่ทางเราจัดเตรียมด้วยนะครับ” เหรินจวิ้นทอดสายตาตามปลายนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังกล่องสีขาวถูกผูกไว้ด้วยโบสีแดงสด



“ถ้ามีอะไรสอบถามเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อผมได้นะครับ”

มาร์คกล่าวลาเหรินจวิ้นแล้วหันหลังกลับเพื่อจะเดินออกจากห้อง

“กรุณาอย่าสำรวจบ้านนะครับ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของท่านประธาน”

มาร์คหันมาเตือนเหรินจวิ้นเพื่อเป็นการกำชับกฏของที่นี่



“อ๋อ แล้วอีกอย่าง  อย่าทำให้ท่านประธานไม่พอใจเป็นเด็ดขาด นะครับ”





หลังจากที่มาร์คออกไปจากห้อง เหรินจวิ้นก็ยังค้างคาใจกับเร่องที่มาร์คพูดกับเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

เหริจวิ้นทิ้งตัวลงบนเตียง มือข้างถนัดเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงเพื่อกดโทรหาเพื่อนคนสนิท

“เหรินจวิ้น เป็นยังไงบ้าง คุณเจโน่ว่าไง!!” เสียงจากปลายสายดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นกับข่าวที่จะได้รับ

“อื้ม ก็..คุณเจโน่รับฉันเข้าทำงานแล้วแหละ” นึกถึงหน้าคนปลายสายตอนนี้คงยิ้มแป้นอยู่แน่เลย

“เห้ย ฉันว่าแล้ว! ก็หวง เหรินจวิ้น นักศึกษาดีเด่นระดับเกียรตินิยมอันดับ1แบบนี้เขาจะไม่รับนายได้ยังไง  แต่ก็นะ  คุณเจโน่เลยนะเว้ย!! นักธุรกิจสุดหล่ออันดับๅของประเทศ จากที่ฉันสำรวจโพลมา คุณเจโน่เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดแถมเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งประเทศเลยนะเว้ย!!” แจมินพูดรัวจนเหรินจวิ้นคิดว่า ถ้าแจมินนั่งข้างๆเขาตอนนี้ น้ำลายคงจะกระเด็นเต็มตัวเขาไปหมดแน่ๆ

“พูดเวอร์เกินไปแล้วแจมิน” เหรินจวิ้นพยายามให้เพื่อนสนิทใจเย็นลง

“ไหนๆ แกเล่าได้ไหมว่าคุณเจโน่เขาเป็นคนยังไง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนสุขุมเอามากๆ” เหรินจวิ้นได้แต่ถอนหายใจ แจมินก็ยังคงเป็นแจมินอยู่วันยันค่ำ

“คุณเจโน่น่ะหรอ..ก็..เป็นคนที่จิตใจดี สุภาพ มีความเป็นสุภาพบุรุษ ฉลาดเฉลี่ยว เรียบง่าย..”

“โอยๆๆ พอแล้วๆ แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้ว อิจฉาแกหว่ะเหรินจวิ้น ถ้าฉันได้คุณเจโน่มาเป็นแฟนนะคงจะดีไม่น้อย แต่เสียดาย เหมือนเขาจะไม่สนใจเรื่องความรักเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าได้มีโอกาสคุยกับคุณเจโน่ก็อย่าลืมแนะนำฉันด้วยนะว่านา แจมิน เพื่อนของนาย โสด ซิงค์”

“พอเลยนะ นา แจมิน!นั่นเจ้านายฉันนะ!” เหรินจวิ้นดุเพื่อนของด้วยเองด้วยความเอื่อมระอา

สายตาของเหรินจวิ้นไปบรรจบกับนาฬิกาบนผนังพอดี

“แจมิน แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องรีบไปทำธุระ”

ไม่ทันที่นาแจมินจะเอ่ยลา สายก็ถูกตัดไปก่อน

เหรินจวิ้นเดินไปกล่องของขวัญที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เขา

ภายในกล่องเป็นเสื้อสูทสีขาวพร้อมกับผ้าพันคอสีกรมปักด้วยด้ายขาวเป็นชื่อเขา



หลังจากที่จัดเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้ว เหรินจวิ้นก็ค่อยๆเดินตามแผนที่ที่มาร์คได้ให้ไว้

มือบางค่อยๆผลักประตูบานใหญ่เข้าไปในห้องโถง

“สวัสดีคุณเหรินจวิ้น มาตรงเวลาพอดีเลย” เจโน่เอ่ยเสียงทุ้ม

เหรินจวิ้นค่อยๆนั่งลงบนโต๊ะอาหารที่มีความยาวตั้งแต่ที่นั่งเขาจนไปถึงสุดขอบห้องที่มีเจโน่นั่งอยู่

เจโน่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่โชว์รอยยิ้มอันใสซื่อของตัวเองภายใต้กรอบแว่นนั้น

ด้วยความที่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเป็นถึงเจ้านายและประธานบิรษัทยักษ์ใหญ่ เขาจึงไม่อยากเสียมารยาทจนเกินไปถ้าเข้าจะชวนคุย

“คุณเหรินจวิ้นลองสำรวจรอบบ้านดูหรือยังครับ” เจโน่เป็นคนเริ่มเปิดบทสนทนาก่อน

“เอ่อ..ผมไม่ทำหรอกครับ มันเปนบ้านของคุณเจโน่ ผมก็คง..” เหรินจวิ้นตอบแบบลุกลี้ลุกลน

“ฮ่า ฮ่า คุณนี่เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆเลยนะครับ” เจโน่เอ่ยปากชมพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ





บทสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นการพูดคุยเพื่อทำให้ร่างบางนั้นไม่เกร็งจนเกินไป



“ขอบคุณนะครับสำหรับการสละเวลาเพื่อมารับประทานอาหารเย็นกับผม” เจโน่โค้งขอบคุณร่างบางที่ดูจะเกร็งๆ

“ไม่เป็รไรครับคุณเจโน่ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ” เหรินจวิ้นรีบโค้งตัวรับ

“นี่ก็เริ่มดึกแล้ว ฝันดีนะครับคุณเจโน่” เหรินจวิ้นกล่าวลาคนตรงหน้าแล้วเดินกลับห้องไป








แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเหรินจวิ้น เขายังคงอยู่ในชุดเมื่อตอนเย็น นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความต่างสถานที่จึงทำให้เขาไม่ชินนักที่จะหลับได้ง่ายๆ

ร่างบางเห็นแบบนั้นแล้วจึงตัดสินใจเดินไปหาหนังสือมาอ่านเพื่อจะได้นอนหลับได้อย่างสบายใจ

เหรินจวิ้นค่อยๆไล่สายตาดูสันหนังสือแต่ละเล่มว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เขาไปสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่งที่เด่นออกมา

มือบางค่อยๆเอื้อมมือไปดึงเล่มนั้นออกมา





แกร๊ก




ครืดดดดดด



ดูเหมือนว่าหนังสือที่เขาเลือกนั้นจะไปโดนกลไกอะไรบางอย่างของบ้านหลังนี้



เหรินจวิ้นกลืนน้ำลากอึกใหญ่ก่อนที่จะนึกคำของมาร์คที่เตือนเขาเมื่อตอนเย็น




“นิดๆหน่อยๆคงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ” ไหนๆแล้วก็คงำม่มีใครรู้หรอก อีกอย่าง เขาจะได้มีเรื่องไปแบ่งไอ้เจ้าเพื่อน นา แจมินของตัวเองเสียบ้าง






ร่างบางค่อยๆเดินตามทางหินอ่อนด้วยเท้าเปล่า ความรู้สึกเย็นยะเยือกถูกถ่ายทอดผ่านหินมาบนเท้าของเขา




เพี๊ยะ



ร่างบางหยุดชะงักลงเหมือนมีเสียงแทรกเข้ามาในหูเขา

อ๊ะ อ๊ะ..

เหรินจวิ้นรู้สึกว่าเสียงนั้นคงอยู่ที่ไหนซักแห่งในทางเดินนี้

‘คุณเจโน่ครับ ได้โปรด..’

เพี๊ยะ!

‘อ๊าาา..ท่านประธาน..’

“คุณเจโน่หรอ!?” เหรินจวิ้นทวนคำพูดที่เพิ่งได้ยินมา  เหรินจวิ้นหันไปพบกับช่องที่มีแสงเล็ดลอดออกมา ร่างบางค่อยๆขยับเข้าไปดูผ่านช่องรูนั่น



เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองในสิ่งที่เขากำลังเห็น






ภายในห้องสีแดงสดปนดำที่เต็มไปด้วยอุปกรณเครื่องมือทรมาณต่างๆนั้นยังคงมีหนุ่มร่างหนาเปลือยบนคอยเฆี่ยนตีอีกคนที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอยู่

“ผมบอกแล้วใช่ไหม ว่าให้คุณเรียกผมว่านายท่าน” เสียงทุ้มต่ำในตอนนี้ได้เพิ่มความยี้ยวนอารมณ์เพิ่มมากขึ้น

“ผะ..ผมขอประทานโทษครับ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำผิดอีกครั้งครับ..โอ๊ย!!” ไม่ทันจะได้แก้ตัว แซ่ก็ถูกฟาดเขาไปที่บั้นท้ายขาวของผู้พูด

“นายต้องให้ฉันทำโทษนายอีกกี่ครั้งกันเชียว หื้ม มาร์ค” เจโน่เลิกคิ้วขึ้นและค่อยๆเผยรอยยิ้มมุมปาก

“ทำโทษผมตามที่นายท่านพอใจเลยครับ..อ๊าาา..” จากเสียงที่เคยเรียบนิ่ง กลับกลายเป็นเสียงครางหลงของร่างบางที่ถูกอีกคนควบคุม

ริมฝีปากบางของเจโน่ถูไถไปตามร่างเปลือยเปล่าของมาร์คที่มีรอยฟกช้ำและรอยจ้ำแดงจากการถูกอีกคนทำโทษ

“นายนี่มันจริงๆเลยนะ..” เจโน่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา  มือหนาทั้งสองข้างทึ้งแขนของมาร์คออกจากกันพร้อมกับใส่กุญแจมือติดไว้กับผนัง

ปลายลิ้นอุ่นค่อยๆสัมผัสไปตามซอกคอขาวแล้วไปหยอกล้อกับยอดอกสีชมพูที่ตั้งรับเขาอยู่ เจโน่เลื่อนต่ำลงมาพร้อมกับหยอกล้อกับแก่นกายอ่อนของมาร์ค

“ดูเหมือนนายจะยังไม่ตื่นนะ มาร์คน้อย” เจโน่เอ่ยทักทาย

เพี๊ยะ

“โอย!..ฟาดผมแรงๆเลยครับนายท่าน” การกระทำกลับได้ผลตอบรับตรงข้ามเมื่อคนที่ถูกกระทำนั้นดูชอบใจ

“ที่นี่มันหนาวๆนะว่าไหม” ลิมฝีปากบางของเจโน่กระซิบแผ่วเบาข้างๆใบหูของมาร์ค

เจโน่หันไปจัดการกับอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถมองจากมุมของเหรินจวิ้นได้

“เอาหล่ะ ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันเกิด แต่มาร์คอยากเป่าเทียนไหมครับ?” เจโน่จุดเทียนไขและรอมันเผาที่ผึ้งเพื่อให้เกิดเป็นน้ำตาเียน

“ถ้ามาร์คเป็นเด็กดี มาร์คจะได้เป่าเทียน แต่ถ้ามาร์คเป็นเด็กดื้อ มาร์คก็จะ..” เจโน่ค่อยๆนำเทียนไขไถไปตามร่างกายของมาร์ค

“ไม่ครับ มาร์คไม่อยากเป็นเด็กดี มาร์คเป็นเด็กดื้อ นายท่านลงโทษมาร์คเลยครับ อื้อ...อ๊าาาาา...” เสียงครางตามมาด้วยเสียงกัดปากของมาร์คเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าน้ำตาเทียนค่อยๆหยดไหลตามร่างกายของเขา

เจโน่ระเรงสาดน้ำตาเทียนไปที่ยอดอกของมาร์ค เป็นเช่นนั้นแล้ว มาร์คก็เด้งรับเป็นอย่างดี

“ตอนเย็นผมยังกินไม่อิ่มเลย..อยากกินเพิ่มอีกซักหน่อย...” เจโน่เอ่ยโปรยแล้วบรรจงลิ้นอุ่นไปตามซอกคอมาร์คอีกครั้ง

“เชิญเลยครับท่านประธาน เชิญกลืนกินผมได้ตามที่ท่านต้องการ” มาร์คตอบเจโน่ด้วยเสียงสั่นเครือ

พอลิ้มรสซอคอของร่สงบางจนพอใจแล้ว เจโน่นั่งคุกเข่าลงพร้อมกับพยอกล้อมาร์คน้อยทีตั้งรับตรงหน้าเขา

ปากสวยคร่อมแก่นกายของร่างบางเอาไว้  ฟันซี่ขาวสวยขนแก่นกายเป็นระยะเพื่อหยอกล้อร่างบางที่โดนตรึงอยู่

“อ๊ะ...อ๊ะ..ชอบไหมครับท่านประธาน” มาร์คก้มลงไปมองผู้ที่เป็นเจ้านายที่กำลังลิ้มรสแก่นกายของเขา

“อืม..” เจโน่เริ่มใช้มือสาวแก่นกายของมาร์คไปพร้อมกับละเลงลิ้นอุ่นของตัวเอง

พอมือหนาสาวแก่นกายแรงขึ้น ร่างบางขอมาร์คนั้นก็กระตุกรับปากอุ่นของเจโน่

แก่นกายได้กระแทกเข้าไปในโพรงปากอ่นพร้อมกับปลดปล่อยน้ำรักสีขาวไปทั่วปากของเจโน่

เจโน่ผละออกจากแก่นกายของมาร์คแล้วยืดตัวขึ้นมองใบหน้าสีแดงก่ำของมาร์ค

“อื้อ..” มาร์คเผลอครางอีกครั้งเมื่อเจโน่จู่โจมทางปากแล้วใช้ลิ้นอุ่นของเขาแบ่งปันน้ำรักของมาร์คเต็มไปทั่วปาก






มือหนาทั้งสองค่อยๆปลดกุญแจมือที่เป็นเครื่องบรรณการออกจากข้อมูลน้อยของมาร์ค

ร่างบางทรุดลงกับพื้นด้วยความอ่อนล้า

“แฮ่ก แฮ่ก”  มาร์คหอบถี่เพื่อเรียกอาการหายใจเข้าไปในปอด

“ทีหลังอย่าทำให้ผมไม่พอใจอีกนะครับมาร์ค” เจโน่หันหลังกลับมาคุยกับร่างบางที่นั่งคุกเข่าหอบอยู่ที่พื้น

มือหนาข้างถนัดคว้าเสื้อสูทของตนมาพาดที่แขนแล้วหยิบแว่นตากรอบหนาสีดำขึ้นมาสวม




“ราตรีสวัสดิ์ครับท่านรองประธาน”






ตึง



หลังจากที่เสียงประตูปิด สองมือบางของเหรินจวิ้นถูกกำไว้ที่ปากของตัวเองเพื่อไมให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป

ขายาวรีบซอยเท้ากลับมายังห้องนอนของตัวเอง

เหรินจวิ้นควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองเพื่อจะรีบโทรแจ้งเพื่อนสนิท

แต่แล้วเขากลับผมว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมดันมาแบตหมดซะนี่

แต่แล้วอยู่ดีๆเขาก็รู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่เขาต้องเจอเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ทำให้เหรินจวิ้นฟรุบหลับไปบนเตียงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว










“คุณเหรินจวิ้น ตื่นได้แล้วครับ”

“คุณเหรินจวิ้น”

เหรินจวิ้นค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มือบางถูกยกขึ้นมาบังตาตัวเองเนื่องจากแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาอยงตาของเขา

“วันนี้คุณเจโน่มีประชุมบอร์ดบริหารตั้งแต่เช้า รบกวนจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จภายในเวลา10นาทีนี้ด้วยครับ” ภายใต้เสียงเรียบนิ่นั้นยังคงมีความเย็นชาอยู๋

เหรินจวิ้นคิดว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนคงเป็นความฝันไป อาจะเป็นเพราะเขาไม่ชินกับสถานที่จึงทำให้เข้าคิดฟุ้งซ่า

แต่แล้วสายตาก็ไปปะทะกับรอยจั้มแดงที่เลยออกมาบริเวณคอ

“คอคุณมากไปโดนอะไรมาหรอครับ” เหรินจวิ้นซักถาม

“ผมโดนยุงกัดเมื่อคืนแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง” มาร์คยังคงพูดตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

เหรินจวิ้นไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาได้แต่เพียงยิ้มกลับตามมารยาท มาร์คเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ตีหน้าเรียบตามปกติแล้วเดินออกจากห้องไป






แอ๊ด..

เสียงประตูไม้สลักดังขึ้นทำให้ร่างหนาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังราคาแพงค่อยๆหมุนมันเพื่อมาเผชิญหน้ากับคนที่เพิ่งอย่างกลายเข้ามา

“คุณเหรินจวิ้นมาแล้วครับท่านประธาน” มาร์คเอ่ยกล่าว

นิ้วเรียวสวยกรีดกรายไปรอบขวดไวน์ขาวชั้นดี เจโน่ค่อยๆเผยยิ้มมุมปากอันแสนเสน่ห์ให้กับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

มาร์คโค้งลงก่อนที่จะเปิดออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ

ภายในห้องส่วนตัวที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกบานใหญ่มีเพียงแค่เหรินจวิ้นและเจโน่เพียงลำพัง บรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบขรึม เว้นเสียแต่ลมหายใจของเหรินจวิ้นอย่างแผ่วเบา

“ก่อนอื่น หลังจากที่คุณจะเริ่มงานวันนี้ ผมมีเอกสารมาให้คุณเซ็น” มือหนายื่นเอกสารให้กับร่างบางที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานกระจกของตนเอง

“กรุณาอ่านอย่างละเอียดแล้วเซ็นต์ยืนยันความยินยอมนะครับ” เจโน่ดูมีท่าทีสุขุมนุ่มลึก ต่างจากเมื่อวานที่เขาจะดูร่าเริงกว่านี้ แต่ติดเป็นนิสัยที่เวลาเจรจาธุรกิจทีไรเขาก็จะกลายเป็นคนจริงจังขึ้นมาทันที

มือบางค่อยๆเปิดเอกสารอ่านรายละเอียดโดยพอสังเขป แต่ก็ไปสะดุดตากับข้อความนึงในหน้าสุดท้าย



‘สัญญาพิเศษ’

“สัญญา..พิเศษ..?” คิ้วบางถูกขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เหรินจวิ้นเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนที่ยิ้มเล็กน้อยอย่างเป็นนิสัยตรงหน้าเขา

“เอาเป็นว่าค่อยว่ากันทีหลังแล้วกันนะครับ รบกวนเซ็นต์แค่เอกสารจ้างงานปกติก็พอ” มือนายื่นไปหยิบดินสอไม้แกะสลักที่เป็นชื่อเขาให้ร่างบางได้เซ็นต์





“ท่านประธานครับ รถลีมูซินจอดรออยู่ที่หน้าคฤหาสแล้วครับ” มาร์คแง้มประตูเข้ามาแจ้งอีกรอบ

“เดี๊ยวพวกฉันตามไป” เจโน่เอ่ย








“คุณแน่ใจหรอครับว่าจะให้ผมไปกับคุณจริงๆ” เหรินจวิ้นยังคงยืนยันคำเดิมที่จะไม่ขึ้นรถคันหรูนั้นเพียงเพราะมันไม่เหมาะสมกับเขา

“ไปด้วยกันเลยดีกว่าครับ ยังไงคุณก็เป็นเลขาของผม คุณต้องตัวติดกับผมตลอดเวลา” เจโน่พูดเหตุผลเสริมขึ้นมาจึงทำให้เหรินจวิ้นต้องทำตามแต่โดยดี

ทั้งรถในขณะนี้เข้าสู่บรรยากาศเงียบอีกครั้ง เหรินจวิ้นไม่พูดอะไร เพียงแต่แค่เหม่อมองทิวทัศน์นอกกระจกรถ

“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ” เจโน่เปิดบทสนทนา เหรินจวิ้นสะดุ้งจากสัมผัสของคนข้างกายเขาที่สะกิดไปยังไหล่บางของเหรินจวิ้น

“เอ่อ..ครับ” เหรินจวิ้นนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ได้แต่คิดว่ามันคงเป็นความฝัน แต่มันทำไมช่างสมจริงเหลือเกิน

เจโน่สังเกตได้ว่าร่างบางกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง

ร่างหนาบังคับจิตใตตัวเองโดนการกลืนน้ำลายลงคอย

“แต่เมื่อคืนผมได้ยินเสียงประตูเปิด คุณคงไปเข้าห้องน้ำสินะครับ” เจโน่เห็นท่าทางบ่ายเบี่ยงของอีกคนก็รู้สึกได้ว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว

“ชะ..ใช่ครับ พอดีผมเดินหาห้องน้ำ” เหรินจวิ้นเริ่มพูดตะกุกตะกักและกัดริมฝีปากตัวเองมาขึ้น

“แล้วเจอใช่ไหมครับ..ไอ้นั่น..”  เจโน่รู้ดีว่า ’ไอ้นั่น’ ไม่ได้หมายถึงห้องน้ำ

เหรินจวิ้นได้แต่เพียงก้มหน้าไม่พูดอะไร

มือหนาค่อยๆโอบรอบไหล่บางของเหรินจวิ้น เหรินจวิ้นสะดุ้งกับการกระทำของอีกคนที่มีท่าทีต่างออกไปจากเหมือนวาง

“คุณรู้ไหมว่าการกัดริมฝีปากของคุณนะมันทำให้ผมอยากลิ้มรสมันเสียจริง” เจโน่กระซิบไปที่ข้างใบหูที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ

“แต่ผมจะไม่ทำอะไรคุณหรอก จนกว่าคุณจะเซ็นต์เอกสารสัญญาเสียก่อน” ร่างหนาเขยิบถอยออกให้ร่างบางได้มีอากาศหายใจ

“เอกสารสัญญาอะไรหรอครับคุณเจโน่?” เหรินจวิ้นจ้องเข้าไปยังดวงตารูปสระอิที่มองเขาอยู่แล้วกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้งตามนิสัย






“ชั่งหัวเอกสารเถอะ”



ริมฝีปากบางของเจโน่จู่โจมเขาไปลิ้มรสริมฝีปากบางนั่น มือหนาผลักร่างบางให้ล้มตัวลงนอนบนเบาะรถหนัง

“อื้อ..คุณเจโน่..จะทำอะไรน่ะครับ..อื้ออ..” เหรินจวิ้นเผลอครางด้วยความตกใจเมื่อมือหนาเล่นซุกซนภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวของเหรินจวิ้นแล้วลูบไล้ไปตามหน้าท้องขาวจนไปถึงยอดอกสีชมพู

เจโน่ไม่มีอาการโต้ตอบอะไร เว้นเสียแต่ดันลิ้นอุ่นของตัวเองเข้ามาลิ้มรสทั่วโพร่งปากอุ่นของเหรินจวิ้น



“ถึงที่ปะชุมแล้วครับท่านประธาน” มาร์คผู้ที่ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนขับรถเอ่ยกล่าว

เจโน่ผล่ะร่างบางออกอย่างรวดเร็วแล้วเช็คความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายตัวเองและร่างบาง

“เชิญครับท่านประธาน” มาร์คเดินลงมาเปิดประตูให้กับเจโน่

ร่างหนาก้าวเดินออกจากรถไปก่อนตามด้วยร่างบางอย่างเหรินจวิ้น  เหรินจวิ้นค่อยๆเดินลงจากรถ เขาหันไปสบตากับมาร์คที่ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย

มาร์คจ้องมองเหรินจวิ้นแล้วสีหน้าเหมือนเปลี่ยนไปชั่วขณะ เหมือนเขารู้สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น และอาจจะรู้มากกว่าที่เหรินจวิ้นรู้ก็ได้





ในขณะการประชุมบอร์ดผู้บริหาร ไม่มีอะไรพิเศษมากนัก เหรินจวิ้นเพียงแค่มีหน้าที่จดบันทึกและจัดตารางงานของเจโน่ตามปกติ เหรินจวิ้นสังเกตได้ว่าเจโน่ปกปิดความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดีและมีความเป็นมืออาชีพทางด้านนักธุรกิจระดับโลก





ลีมูซินคันสวยแล่นกลับมายังคฤหาสตระกูลลี

หลังจากที่รถจอดสนิทแล้ว เจโน่หันไปหาร่างบางที่นั่งนิ่งเงียบอยู่

มือหนาถูกยื่นมาตรงหน้าของเหรินจวิ้น

ดวงตากลมหันไปมองร่างหนาที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่

เหมือนวันแรกที่เจอกัน

“ไปทานอาหารเย็นแล้วค่อยคุยเรื่องเอกสารสัญญากันนะครับ” เจโน่เผยยิ้มบางให้กับคนที่นั่งอยู่บนรถ

เหรินจวิ้นสูดหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่แล้วค่อยไวางมืออ่อนโยนของตัวเองไว้บนมือหนาที่แบอยู่









ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกยื่นมาตรงหน้าของเหรินจวิ้น

“ลองเปิดอ่านดูก่อนนะครับ” เจโน่ผายมืออนุญาตให้ร่างบางที่อยู่ต้องหน้าได้อ่านรายละเอียดเอกสาร

‘สัญญาว่าจ้างบ่าว’

คิ้วบางขมวดกันเป็นปมอีกครั้งด้วยความสงสัย

“ถ้าคุณเหรินจวิ้นไม่ยอมรับข้อตกลง ผมยินยอมให้คุณออกได้ครับ” เจโน่ยังคงจ้องทุกอริยาบทของคนตรงหน้าอย่างละเอียด

ดวงตากลมโตค่อยๆไล่อ่านเอกสารที่บ่งบอกรายละเอียดไว้อย่าชัดเจน



ข้อความต่อไปนี้คือสัญญาที่ผูกมัดระหว่างบุคคลที่เป็นนายและบุคคลที่เป็นบ่าว จุดประสงค์หลักของสัญญาฉบับนี้คือเพื่อให้บ่าวได้สำรวจความพึงพอใจทางเพศของตนและข้อจำกัดของตนอย่างปลอดภัย

ผู้เป็นนายและผู้เป็นบ่าว ตกลงเป็นผู้รับทราบ ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของสัญญานี้ เป็นการยินยอมร่วมกัน เก็บเป็นความลับและขึ้นอยู่กับข้อจำกัด และมาตรการความปลอดภัยต่างๆ ที่ระบุไว้ในสัญญา

• ผู้เป็นบ่าวต้องตกลงยอมรับกิจกรรมทางเพศใดๆ ที่นายเห็นว่าเหมาะสมและ สร้างความพึงพอใจ เว้นแต่ว่าเป็นกิจกรรมที่กำหนดในข้อสัญญาขั้นสูง

• บ่าวจะต้องไม่ดื่มของมึนเมาเกินขนาด สูบบุหรี่หรือว่าเสพยาเพื่อย้อมใจ หรือทำให้ตนเองได้รับอันตรายโดยไม่จำเป็น

• บ่าวจะต้องไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับบุคคลอื่น นอกจากนายคนเดียว

• บ่าวจะต้องจัดหายาคุมกำเนิดแบบใช้กิน จากแพทย์ที่นายเลือกหาให้

• บ่าวจะรับประทานอาหารสม่ำเสมอ เพื่อบำรุงร่างกายและสุขภาพ ตามรายการอาหารที่ระบุไว้

• ผู้เป็นบ่าวจะต้องเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างของผู้เป็นนาย ต้องทำตามด้วยความกระตือรือร้นและไม่ลังเลแต่อย่างใด

• ผู้เป็นบ่าวจะแตะต้องตัวนายไม่ได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายก่อน

• ผู้เป็นบ่าวจะต้องประพฤติตนในลักษณะที่ให้ความเคารพและจะต้องเรียกนายว่า ท่าน หรือ คุณเกรย์ เท่านั้น หรือเรียกในชื่ออื่นตามแต่ที่นายจะสั่ง

• ผู้เป็นนายมีสิทธิ์ตี ฟาด เฆี่ยน หรือ ลงโทษผู้เป็นบ่าวทางร่างกายตามแต่เห็นสมควร เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาวินัย หรือเพื่อความสุขส่วนตัวของนาย

• คำปลอดภัยเหลืองจะถูกนำมาใช้เพื่อบอกนายว่าบ่าวใกล้ถึงขีดจำกัดของตน

• คำปลอดภัยแดง นายจะต้องหยุดการกระทำทั้งหมดที่ทำอยู่และโดยทันที

• บ่าวยินยอมถูกพันธนาการ ด้วยการมัด  ผูกตา อุดปาก ผู้เป็นบ่าวยินดีรับความเจ็บปวด

“ยังไงผมให้เวลาคุณกลับไปคิดดูก่อนนะครับ” มือหนาล้วงเข้าไปหยิบแว่นตากรอบดำอันโปรดของตัวเองขึ้นมาใส่ก่อนที่จะลุกแล้วโค้งลาร่างบาง







ทั้งคืนที่ผ่านมาเหรินจวิ้นได้แต่เพียงเดินไปเดินมาในห้องนอนของตัวเอง คิดทบทวนเรื่องราวที่เขาเห็นมากับตาตัวเอง

เขากลัว..เขากลัวว่าต้องเซ็นต์ยินยอมไป มันจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาบ้าง

แต่อยู่ๆก็มีหน้าของเจโน่ผุดขึ้นมาในหัวเขา

ทำไมทุกครั้งที่มีหน้าเจโน่โผล่ขึ้นมาเขาถึงรู้สึกอบอุ่นใจทุกที เหมือนว่าเขาไว้ใจนักธุรกิจหน้าแมวคนนี้






ตอนเช้าตรู่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ เหรินจวิ้นต้องตื่นแต่เช้าเพื่อกลับไปหาแจมิน รูมเมทที่ซื่อสัตย์ของเขา มาร์ครับหน้าที่เป็นคนขับรถไปส่งเหรินจวิ้นตามคำสั่งของท่านประธาน

ในขณะที่มาร์คกำลังขนย้ายกระเป๋าสัมภาระอยู่นั้น เหรินจวิ้นก็มองขึ้นไปยังหน้าต่างบานใหญ่ของคฤหาส

เขาเห็นร่างหนาภายใต้ผ้าเช็ดตัวผืนบางกำลังมองลงมาหาเขาอยู่

เหรินจวิ้นไม่ได้แสดงท่าทางอะไรแล้วก้าวขึ้นรถลีมูซินไป





ภายในรถยังคงเงียบเหมือนอย่างที่มันเคยเป็นมาตลอด

เหรินจวิ้นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนที่ะตัดสินใจถามออกไป

“คุณรู้เรื่องเอกสารสัญญายินยอมอะไรนั่นไหม” มาร์คเงยหน้าขึ้นไปมองเหรินจวิ้นจากกระจกมองหลัง

เขากลับไปสนใจถนนต่อโดยที่ไม่พูดอะไร

“คุณก็เซ็นต์สัญญานั่นใช่ไหม มันคืออะไร คุณได้อะไรจากสัญญานี้บ้าง” เหรินจวิ้นพยายามเค้นหาข้อเท็จจริงจากเรื่องนี้

“ผมและคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม นอกจากท่านประธานเท่านั้น” มาร์คตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนเหรินจวิ้นต้องเม้มปากไว้แล้วกลับไปนั่งพิงพนักเช่นเคย






รถลีมูซินคันเดิมจอดหน้าบ้านเช่าตึกแถวย่านหนึ่งในชานเมือง ร่างบางอีกคนดูมีท่าทีดี้ด้าที่เพื่อนตัวเองมาถึง

“คิดถึงแกมากๆเลยเหรินจวิ้น รู้ไหมว่าเจ้าบงซิกก็คิดถึงแกเหมือนกัน ดูสิ” แจมินรีบวิ่งเข้ามากอดเหรินจวิ้นแน่น ส่วนเจ้าบงซิกก็เข้ามาคลอเคลียกับขาของเขา

“ฉันทำอาหารไว้แล้วรีบเข้ามทานก่อนมันจะเย็นชืด” แจมินอาสาทำหน้าที่แบกกระเป๋าของเหรินจวิ้นเข้าไปในบ้านแล้วตามด้วยร่างบางที่ก้มลงไปอุ้มบงซิกขึ้นมา







“ไหนๆ ทำงานกับคุณเจโน่เป็นยังไงบ้าง ฉันอยากจะฟังเต็มที่แล้ว” แจมินโดดจากหลังโซฟามานั่งข้างเหรินจวิ้นที่กำลังจิบโกโก้ร้อนอยู่

“เขาก็..เป็นคนดี สุขุม มีสเน่ห์..” อยู่ดีไเขาก็นึกถึงใบหน้าอ่อนโยนนั่นอีกครั้ง

“โอย เรื่องนั้นเขารู้กันทั้งเมือง!! นี่ เขามีแฟนรึยัง ยังบริสุทธิ์อยู่อย่างที่เขาว่าจริงๆใช่ไหม” แจมินเค้นถามเหรินจวิ้นอย่างไม่ทิ้งช่องว่างให้ตอบ

“แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงเนี่ย!!” เหรินจวิ้นหันมาตะคอกใส่เจ้าเพื่อนตัวแสบที่นั่งข้าง

แจมินมุ่ยหน้าน้อยใจกับการกระทำของเหรินจวิ้น

แจมินเอียงคอไปมาสังเกตกิริยาเหม่อลอยของเหรินจวิ้นที่ดูแตกต่างออกไป




“นายหลงรักคุณเจโน่เหมือนกันสินะ”

ดวงตากลมโตหันมาหาแจมินทันทีที่เขาพูดจบ



“ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะหวง เหรินจวิ้น ฉันคิดว่านายชอบเขาจริงๆแล้วหล่ะ”







พรึ่บ!

ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกวางลงบนโต๊ะกระจก

เจโน่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เพิ่งมาถึงอย่างพละกาล เพราะปกติ ถ้ามีคนมาหาเขา มาร์คจะต้องแจ้งเข้าก่อน

“ผมจะได้อะไรจากการทำแบบนี้บ้าง” เหรินจวิ้นยืนกอดอกจ้องมองคนตรงหน้า

เจโน่เผลอหัวเราะกับการกระทำของคนตรงหน้าเล็กน้อย

มือหนาค่อยๆถอดแว่นตากรอบดำออกแล้ววางบนโต๊ะกระจก มือหนาทั้งสองข้างค่อยๆผสานกันบนโต๊ะ

“คุณและผม จะได้ความสุข” เจโน่กล่าว

“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมจะมีความสุข” เหรินจวิ้นเลิกคิ้วขึ้น

เจโน่สังเกตเห็นเหรินจวิ้นกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง

“ผมรู้ว่าคุณอยาก ดูที่ริมฝีปากคุณสิ” เจโน่ทำท่าทางเลียนแบบเหรินจวิ้นโดนการกัดริมฝีปากบาของตัวเอง

ตอนนี้กลับกลายเป็นเหรินจวิ้นที่เริ่มกลืนน้ำลายลงคออีกรอบ

“แล้วถ้าผมเซ็นต์ยินยอม ต่อจากนี้ คุณจะทำอะไรผม” เหรินจวิ้นย้ายมานั่งที่เบาะหน้าโต๊ะทำงานของเจโน่

“คุณก็ต้องทำตามที่ผมสั่ง” เจโน่เขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้เหรินจวิ้น

“ให้ผมเดานะ..คุณคงจะผลักผมขึ้นมาตรงโต๊ะกระจกราคาแพงของคุณแล้วลูบไล้ไปตามร่างกายของผม..” เหรินจวิ้นค่อยๆบรรจงเซนต์ลายเซ็นต์ของตัวเองไปบนเอกสาร





“แล้วคุณก็จะ..ทำให้ผมมีความสุข”



“ของมันแน่อยู่แล้ว”




พอเหรินจวิ้นเซนต์เอกสารเสร็จ เจโน่ก็ดึงร่างบางขึ้นมาบนโต๊ะกระจกของตัวเอง เขาค่อยๆปลดกระดุมของเหรินจวิ้นออกทีละเม็ด ริมฝีปากแดงระเรื่อตอนนี้ถูกกัดเพื่อเพิ่มความแดงอันน่าลิ้มรสให้กับเจโน่

มือหนาเหวี่ยงเสื้อเชิ้ตแขนยาวของร่างบางไปที่อื่น ริมฝีปากบางค่อยๆบรรจงจูบไปตามเนื้อหนังมังสาอันแสนสะอาดของเหรินจวิ้น

มือหนาทั้งสองข้างถอดเนคไทของตัวเองอย่างเร่งรีบ เจโน่นำเนกไทของตัวเองรัดไปที่ข้อมือบางทั้งสองข้างของเหรินจวิ้นเอาไว้ด้วยกันแล้วให้ร่างบางนั้นชูมันขึ้น

เจโน่ค่อยๆใช้ลิ้นอยู่ของตัวเองลูบไล้ไปทั่วซอกคอเหรินจวิ้น

“อื้อ..คุณเจโน่..” เหรินจวิ้นเผลอหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน

“เรียกผมว่านายท่าน” เจโน่ออกคำสั่งร่างบางที่ดูล่างตัวเขา

“อื้อ..” เหรินจวิ้นครางดังมากกว่าเดิมเมื่อเจโน่ใช้ฟันของเขาขบไปยังตามส่วนต่างๆ

เพี๊ยะ!!

มือหนาฟาดเข้าไปที่บั้นท้ายสวยของเหรินจวิ้นจนขึ้นรอยแดงจากฝ่ามือหนา

“ผมบอกให้เรียกผมว่าท่านประธานไง!!” เจโน่ขึ้นเสียงสั่งเหรินจวิ้นที่กำลังมองหน้าเขาอยู่

“ฮึก..ครับ..นายท่าน” เหรินจวิ้นเริ่มสะอื้นจากความเจ็บที่ร่างหนาทำกับเขา

เจโน่ค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าชุดสูทของตัวเอง เผยให้เห็นแก่นกายที่ตั้งรับกับช่องทางสีหวานของเหรินจวิ้น

“ผมจะต้องทำโทษคุณ โทษทานที่เอาเรื่อยนี้ไปคุณกับรองประธานของผม!!” เจโน่กระแทกแก่นกายของตัวเองเข้ามาทำให้ร่างบางนั้นเผลอเด่งตัวขึ้นมา

“อึก..ผมแค่อยากรู้..ผม..อ๊า..” เหรินจวิ้นครางดังขึ้นเมื่อมือหนารูดสาวแก่นกายของเขาไปด้วย

“นายทำผิดกฎ นายต้องถูกฉันลงโทษ” มือหนาอีกข้างฟาดเข้าไปที่บั้นท้ายของเหรินจวิ้นอีกครั้ง

“ผม..ฮึก..ผมขอโทษครับนายท่าน..” เหรินจวิ้นเริ่มสะอื้นหนักกว่าเดิม

เจโน่เผยยิ้มอย่างพอใจที่ได้ทำโทษร่างบางที่อู่ภายใต้อำนาจเขา

เจโน่เร่งจังหวะและกระแทกแก่นกายของเขาแรงกว่าเดิม

ร่างบางกระตุกเพื่อปลดปล่อยน้ำรักสีขาวของตัวเองก่อนที่จะตามมาด้วยเจโน่

“อ๊ะ...อ๊ะ.. นายท่าน.....” เหรินจวิ้นหอบถี่หลังจากตัวเองได้ปลดปล่อยแล้ว

เจโน่ค่อยๆถอนแก่นกายออกจากช่องทางสีหวานนั่น เขาค่อยๆสวมชุดสูทของตัวเองแล้วจัดเครื่องแต่งกาย ก่อนที่จะเดินไปนำเสื้อผ้าที่เขาโยนออกไปมาให้ร่างบางที่นอนหมออยู่บนโต๊ะทำงานของเขา






“เดี๊ยวตอนเย็นคุณมาเจอที่ห้องโถงในคฤหาสน์ ผมจะไปรอที่นั่ง” เจโน่เอ่ยกับเหรินจวิ้นก่อนที่จะปิดประตูห้องตัวเอง

เหรินจวิ้นจัดผมตัวเองเล็กน้อยแล้วเดินตามมาร์คที่นำเขาไปส่งที่คฤหาสน์

ด้วยความเหนื่อยจากคนที่เขาต้องปรนนิบัตรมาทำให้เขาเผลอหลับหลังจากร่างบางของตัวเองทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม





“เหรินจวิ้น”




“เหรินจวิ้น”







“หวง เหรินจวิ้น”

เหรินจวิ้นที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาวค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มของเจโน่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเขา

“ไปทานข้าวกันผมได้แล้ว” แขนหนาทั้งสองข้างช้อนร่างบางนั้นขึ้นจากเตียง ด้วยความที่เหรินจวิ้นตกใจจึงทุบไปที่แผ่นอกกว้างนั้น

“เดี๊ยวผมก็ตกหรอกคุณ!!” เหรินจวิ้นเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเจโน่ที่เลิกคิ้วใส่

“ผมหมายถึง….ครับ..นายท่าน..” เหรินจวิ้นหุบตาต่ำลงแล้วเอาแก้มยุ้มของตัวเองซุกแผ่นอกของเจโน่




ร่างหนาวางร่างบางลงที่หน้าประตูไม้สีขาวที่ดูเรียบสนิทไปกับผนัง เหรินจวิ้นหันไปหาเจโน่ด้วยความสงสัย

“นี่ไม่ใช่ห้องทานอาหารนี่ครับนายท่าน” ริมฝีปากปากยกยิ้มขึ้น มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับหยิบกุญแจสลักลายสวยขึ้นมาแล้วไขไปยังประตูนั่น

เหรินจวิ้นกลืนน้ำลายอีกครั้งมีมือหนาเปิดสวิชต์ไฟเพื่อให้แสงสว่างแก่ห้อง



ห้องถูกบุด้วยผนังเก็บเสียงสีแดง พร้อมถูกประดับประดาไปด้วยเครื่องบรรณาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้หรือโต๊ะ รวมไปถึงแซ่ที่ดูเหมือนจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

เหรินจวิ้นกระชับเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งเขาที่คลุมร่างเปลือยเปล่าของเขาแล้วค่อยๆเดินสำรวจภายในห้อง

มือบางค่อยๆสัมผัสอุปกรณ์ต่างๆที่ตัวเองได้เห็น

“นั่นแซ่หางม้าหน่ะ” เจโน่ที่ยืนพิงผนังอยู่เอ่ยกล่าวกับเหรินจวิ้น

ร่างบางยังคงเดินสำรวจต่อไป

เหรินจวิ้นสะดุดตากับแผ่นไม้แผ่นใหญ่ที่มีโซ่ล่ามอยู่

เป็นอันเดียวกับที่เขาเห็นมาร์คถูกขรึงไว้กับแผ่นไม้แผ่นนี้

“ไหนหล่ะครับนายท่าน อาหารที่ว่า?” เหรินจวิ้นหันหลังกลับมาถามเจโน่ที่ตอนนี้ยืนแนบชิดหลังเจ้าอยู่

แต่ไม่ทันจะได้คำตอบ เจโน่ก็ดันร่างบางนั้นไปชนกับโต๊ะหินอ่อนพร้อมกับปลุกเร้าอารมณ์อีกคนด้วยการละเลงลิ้นอุ่นในโพรงปากอุ่นของเหรินจวิ้นอีกครั้ง

“อื้อ..นายท่านครับ..” สองแขนบางโอบกอดรัดคอของคนที่เป็นนายไว้แน่

สองมือหนาของเจโน่ยกร่างบางของเหรินจวิ้นให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะหินอ่อนนั่น ร่างบางใช้ขาเรียวทั้งสองข้างของตัวเองเกี่ยวเอวของเจโน่ไว้

เจโน่เล่นถูไถแก่นกายภายใต้ชุดสูทตัวเองกับบั้นท้ายขาวของเหรินจวิ้น

“ผมคิดว่าผมถอดชุดสูทออกก่อนดีกว่า ตัวนี้ตัวโปรดผมเสียด้วย ถ้าคุณทำเปื้อนขึ้นมาหล่ะจะแย่” เจโน่ละจากการปลุกเร้าอารมณ์เมื่อครู่แล้วหันไปปลดเสื้อสูทของตัวเองแล้วพาดไว้ เผยให้เป็นท่อนบนอันเปลือยเปล่าของนักธุรกิจหนุ่มที่ใครๆก็หมายปอง

เห็นอย่างงั้นแล้วร่างบางก็เผลอไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากตัวเอง

เจโน่หันไปยังถาดที่คนของเขาได้จัดเตรียมไว้ให้

มันเป็นชุดจานผลไม้สดแต่ละชนิดพร้อมกับแจกันดอกกุหลาบ

“ผมหิวจะแย่แล้ว นอนราบบนโต๊ะเร็ว” เจโน่หันไปบอกเหรินจวิ้นให้ทำตาม ร่างบางพยักหน้าแล้วทำตามแต่โดยดี

เจโน่เดินวนรอบโต๊ะหินอ่อนเพื่อจัดแจงรัดข้อมือและเท้าของเหรินจวิ้นไว้เพื่อไม่ให้เขาได้ขยับได้เยอะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆจัดจานอาหารของตัวเองโดยการเอาผลไม้ต่างๆไปประดับตามจุดต่างๆของร่างเปลือยเปล่าของเหรินจวิ้น

“นายชอบกินวิปครีมไหม?” เจโน่หันมาถามเหรินจวิ้นขณะที่ก้มลงไปหยิบกระป๋องวิปครีมขึ้นมา

เหรินจวิ้นเงยหน้ามองหาเจโน่แล้วพยักหน้า

“ชอบครับนายท่าน”



ใบหน้าคมก้มลงไปใกล้ๆหน้าหวานของเหรินจวิ้น เจโน่แลบลิ้นของตัวเองออกมาแล้วบีบวิปครีมใส่ลิ้นของตัวเอง

“งั้นก็กินเลยสิ”

เจโน่ก้มลงไปมากกว่านี้เพื่อเหรินจวิ้นจะได้ลิ้มรสอย่างสะดวก

เหรินจวิ้นค่อยๆอ้าปากอย่างช้าๆ แต่ก็แล้ว เขาไม่เคยทำอะไรทันตามใจนายท่านเลย

เจโน่ใส่ลิ้นอุ่นของเขาเข้ามาในโพรงปากของเหรินจวิ้นอีกครั้งแล้วปาดวิปครีมไปทั่วปากของเหรินจวิ้น

“แค่ก แค่ก” ดูเหมือนว่าการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เหรินจวิ้นสำลักวิปครีม

“อย่ารีบกินสิครับ เดี๊ยวก็ติดคอเอาหรอก” เจโน่หันมาดุเหรินจวิ้น

ร่างหนาเดินกลับไปยังโต๊ะที่เตรียมอุปกรณ์ไว้

มือหนาหยิบไม้ขีดไฟออกมาจากกล่องแล้วขูดมันเข้ากับข้างกล่องเพื่อจุดไฟ

มืออีกข้างหนึ่งละจากกล่องไม้ขีดไฟแล้วเอื้อมไปหยิบเทียนไขสีส้ม

เจโน่ค่อยๆจุดไฟลงบนเทียนไขอย่างเชื่องช้า




“ผมอยากทานอาหารใต้แสงเทียนกับคุณมานานแล้วเหรินจวิ้น”




“อ๊ะ..อ๊า….นายท่าน!!” เหรินจวิ้นครางออกมาด้วยความอวดครวญเมื่อมือหนาระเรงน้ำตาเทียนใส่หน้าท้องเรียบเนียนของเขาเพื่อจะตั้งเทียนไขไว้บนร่างกายเขา ประดุจเขาเป็นอาหารชั้นเลิศ

ริมฝีปากบางของเจโน่จุมพิตไปที่ดอกกุหลาบสีแดงก่อนที่จะยื่นให้เหรินจวิ้น

“คาบมันเอาไว้ ถ้าคุณเจ็บ ก็แค่กันมัน” เหรินจวิ้นอ้าปากคาบดอกกุหลาบจากเจโน่ไว้

ดวงตากลมหยีตาตัวเองกลั้นความเจ็บปวดจากหลามกุหลายที่ทิ่มแทงปากอวบอิ่มของเขา



เจโน่ค่อยๆลงสัมผัสปลายลิ้นของตัวเอง เริ่มตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าค่อยๆขึ้นไป ตามกินผลไม้สดตามส่วนต่างๆ

ลิ้นอุ่นหยุดหยอกล้อกับแก่นกายอ่อนของร่างบางที่เริ่มตั้งรับลิ้นอุ่นนั่น

เจโน่เห็นแบบนั้นจึงคว้ากระป๋องวิปครีมแล้วตกแต่งแก่นกายนั่น

ลิ้นอุ่นยังคงลงสัมผัสไปตามหน้าท้อง กลืนกินรสชาติต่างๆบนร่างกาย ไปบรรจบกับยอดอกที่เด้งรับสัมผัสอ่อนนวลจากเจโน่

หลังจากที่เจโน่ทานอาหารเรียกน้พย่อยเสร็จแล้ว เขาก็พร้อมี่จะรับประทานอาหารจานหลัก



เจโน่ค่อยๆเสียบแก่นกายเข้าไปในช่องทานสีหวานของเหรินจวิ้น เขากระแทกแรงขึ้น หนักพอๆกับแรงตอดของช่องทางสีหวานที่ตอดรัดแก่นกายของเขา

ในตอนนี้ เหรินจวิ้นไม่สามารถทำอะไรได้เพราะถูกตรึงแขนขาให้กางออกรับแรงกระแทกจากคนเป็นนายเพียงอย่างเดียว

ด้วยความเสียวซ่านและเจ็บปวดนั้นทำให้เขาเผลอกัดดอกกุหลาบที่เจโน่เป็นคนให้คนเลือดนั้นไหลออกมามากกว่าที่มันเคย

มือหนาเอื้อมไปหยิบแซ่อันโปรดแล้วฟาดมันลงไปที่ยอดอกที่ตั้งรับเขาอยู่

เหรินจวิ้นยกอกของตัวเองขึ้นรับกับแรงฟาดจากแซ่

เจโน่ยกหน้าขึ้นมามองเพดานด้วยความเสียวซ่านแล้วกระแทกแก่นกายตัวเองเข้าไปแบบไม่ยั้ง

“นายชอบไหมเหรินจวิ้น” มือหนาข้างถนัดบีบเข้าไปที่แก้มของเหรินจวิ้น แรงจนเขาเผลอผละกุหลาบออกจากปาก

“ฉันถามว่านายชอบแบบนี้ไหม หวง เหรินจวิ้น!!” เจโน่เน้นเสียงของตัวเองหนักขึ้นพร้อมกับความเร็วในการกระแทกแก่นกายตัวเอง

“ผม..ผมชอบครับนายท่าน...” เหรินจวิ้นรับสนองสั่งจากมือหนาที่ล้วงเข้าไปในปากเขา

เจโน่เลียมือหนาของตัวเองที่เปื้อนเลือดจากปากอวบอิ่มของเหรินจวิ้น

เจโน่ยังคงกระแทกแก่นกายแล้วรูดสาวแก่นกายของร่างบางอย่างไม่ยั้ง

“นายรู้ไหม ว่านายคือคนแรกที่ฉันมีอะไรบนที่นอนและโต๊ะทำงาน” เจโน่สารภาพความจริง ในขณะที่เหรินจวิ้นพยายามควบคุมสติตัวเองไม่ได้หลุดจากการบรรนิบัตรนาย

“เพราะฉันรักนายยังไงหล่ะ..ฉันรักนาย” ริมฝีปากปากบดขยี้ปากอวบอิ่มแล้วลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดที่ไหลออกจากปากของเหรินจวิ้น



“อ๊ะ..อ๊ะ..” เสียงครางของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับแก่นกายทั้งสองที่ปลดปล่อยน้ำสีขาวออกมา

ร่างหนาหอบถี่ขณะที่นอนทับร่างบางอยู่

ริมฝีปากช้ำของเหรินจวิ้นค่อยๆประทับรอยจูบไปบนหน้าผากของเจโน่อย่างแผ่วเบา






“ผมก็รักนายท่านครับ..”

 

 

 

 

 

 

 

 

------------------------------

 

เรื่องนี้เอาเคร้าโครงมาจากหนังเรื่อง 50 shades of greyนะ เดี๊ยวขอดูก่อนว่ากระแสตอบรับดีไหม จะได้นำเคร้าโครงภาค2มาเขียนต่อ

ถ้านักอ่านท่านใดไม่พอใจ เราขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว