[ ปฐมบท ยักษา ]
หลังจบศึกการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และยักษ์ที่กรุงคิริกัณฑ์ ผ่านมาได้ 3 ปี
ความสงบสุขหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างยอมรับซึ่งกันและกันบ้างได้สร้างครอบครัวตั้งถิ่นฐานที่ต่างเมืองและเกิดความรักระหว่างสองเผ่าพันธุ์ขึ้นจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชาวเผ่ามนุษย์และยักษ์
หากถามว่าราชาที่เคยยิ่งใหญ่องอาจของเผ่ายักษ์ได้หายไปไหนและมีชีวิตอยู่อย่างไรบ้างนั้นคงมิต้องสงสัยเป็นอื่น ยักษ์เขียวสีมรกตที่น่าเกรงขามและดุดันนั้นได้ถูกคุมขังหน่วงเหนี่ยวอยู่ภายในคุกใต้ดินที่ลึกที่สุดของกรุงรามเทพนคร 'เทหะยักษา' ได้รับโทษทัณฑ์ให้ต้องชดใช้ความผิดบาปไปจนชั่วกัลป์ชั่วกาลจนกว่าชีวิตจะมอดสลายดับไปเหลือเพียงเถาธุรีหากแต่การรับโทษในครานี้กลับดูเบากว่าที่ยักษาตนนี้ได้นึกคิดเอาไว้มากนัก เหตุไฉนไม่ฆ่าทิ้งเสียให้เรื่องมันจบๆไป
' พวกมนุษย์มันอ่อนแอนัก เพราะเหตุนี้ไง
รามเทพนครจึงถูกยักษ์เช่นข้าเล่นงานเอาได้ง่ายๆ! '
เสียงตวาดลั่นดังขึ้นภายในจิตใจพร้อมรอยยิ้มที่ถูกยกขึ้นบนมุมปาก สองแขนที่ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนถูกขึงไว้บนกำแพงหนาแกร่ง พร้อมกัยปลอกคออาคมที่อยู่บริเวณลำคอหนา ' มันน่าหงุดหงิดนัก! อัปยศ และน่าสมเพชที่สุด!! ' คำด่ากรนมากมายถูกกรนด่าออกมาถายในใจยักษาตอนนี้ที่ภายนอกกลับดูนิ่งเงียบเยือกเย็นจนดูน่ากลัว ดวงตาสีทองแวววาวจ้องเขม็งไปยังนอกลูกกรงพรางคิดไปต่างๆนาๆว่าหากมีโอกาสอีกครั้งเขาจะต้องบดขยี้ร่างพวกมนุษย์พวกนั้นให้แหลกคามือ
ตึก ...ตึก..
เสียงฝีเท้าของใครบางคนดีงแว่วเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆเทหะยักษาทำได้เพียงเงียบและเงี่ยหูฟังเพื่อรอดูว่าผู้ที่มาเยือนนั้นคือใครก่อนบุคคลปริศนาจะหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าลูกกรงด้านนอกพร้อมกับจ้องมองมายังตัวเขาเอง
" มีธุอะไร เหตุใดไฉนชายผู้สูงส่งเฉกเช่นเจ้าจึงได้ลงมาเยี่ยมเยียนหาข้าเองเช่นนี้? "
ยักษาผู้ถูกพันธนาการไว้พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนสงสัยทั้งที่ไม่แม้แต่จะเงยมาขึ้นมาสบตาแต่กลับรู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยมาจากผู้เยี่ยมเยียน ราชาไชยราเมษ องค์เหนือหัวคนใหม่แห่งกรุงรามเทพนครถึงขนาดลงมาพบข้าเองโดยตรงเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างเป็นแน่หากแต่ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ภายใต้แววตาเท่านั้นใบหน้าและท่าทางยังคงนิ่งเฉยอยู่คราเดิม
" เทหะยักษา.. "
เสียงเจื้อยแจ้วดังลอดผ่านลูกกรงมายันตัวเขา
" ข้ามาเสนอโอกาสให้แกเจ้าเพื่อแลกกับอิสรภาพ "
บุคคลตรงหน้ายังคงมองตัวเขาผ่านลูกกรงอย่างแน่วแน่ทำให้รู้ว่าเรื่ิองนี้ไม่ได้ล้อเล่น เทหะยักษาเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากับอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถามเสียงแหบแห้งออกไป
" โอกาสงั้นรึ? "
เทหะยักษาขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่นพลางจ้องมองไปที่ราชาไชยราเมษ.
" ตามหาตัวคน วีรชนนามว่า 'อ๊อด'
ให้พบให้จงได้ แล้วเจ้าจะได้รับอิสรภาพ"
มือเรียวของราชาเผ่ามนุษย์เอื้อมมาจับลูกกรงตรงหน้าไว้แน่นพลางมองสบดวงตาแข็งกร้าวตรงหน้าคล้ายกับวิงวอนแกมบังคับ
" เกิดอะไรขึ้นเผ่ามนุษย์หันมาฆ่าฟันกันเองเสียแล้วรึ หึ น่าขันนัก "
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นมาเบาๆพอทำให้อีกฝ่ายและตัวเขารับรู้ก็เพียงเท่านั้น
" หลังจบศึกที่กรุงคิริกัณฑ์ อ๊อด ได้มาฝึกสอนมวยที่นี่เป็นระยะเวลา 1 ปีก่อนขอตัวกลับบ้านที่เกาะนกนางแอ่น หลังจากนั้นผ่านมาอีก 2 ปีข้ากับอ๊อดก็ยังคงติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา..อ๊อดได้หายตัวไปอย่างไร้ล่องรอย ขาดการติดต่อ ไม่มีผู้ใดรู้หรือพบเห็น "
" อาจจะไปแอบฝึกวิชามวยอยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้เจ้ามนุษย์นั่นไม่มีทางตายง่ายๆหรอก "
เทหะยักษากล่าวเปรยขึ้นอย่างนึกขันแค่คนหายตัวไปคนเดียวถึงกับต้องมาขอให้ยักษ์เช่นเขาช่วยออกตามหาแลกกับอิสรภาพ
ไร้สาระ ไร้สาระสิ้นดี ทำไมมันถึงได้โง่เง่าถึงเพียงนี้กัน ข้าอาจจะกลับไปโจมตีรามเทพนครอีกคราก็เป็นได้ ในเมื่อตอนนี้ วีรชนคนสำคัญของเจ้าก็หายตัวไปเฉกเช่นกัน นรกกำลังให้โอกาสเขาอยู่ คิดพลางก็ยกยิ้มขึ้นอีกครั้งหนึ่งจนทำให้มนุษย์ตรงหน้าสังเกตุเห็นได้
" ข้าไม่ได้อยากจะมาขอร้องเจ้าหรอก เทหะยักษา พระอนุชาของเจ้าต่างหากทีี่ไหว้วานข้ามาหากเจ้ายอมรับข้อเสนอและไม่คิดกลับมาทำลายรามเทพนครอีกล่ะก็ อสูรสีชาต ไม่สิ
มารตา สัญญาว่าจะอยู่ปกครองกรุงคิริกัณฑ์กับเจ้าตลอดไปไม่หนีหายไปที่ใดอีก "
เมื่อฟังจบร่างแกร่งกลับเงียบกริบทำได้เพียงจ้องหน้าของชาวเผ่ามนุษย์อย่างไตร่ตรองในข้อเสนอ มารตา เจ้าห่วงมนุษย์พวกนี่ถึงขั้นขอให้ข้าช่วยแล้วหรือ เจ้ามันอ่อนแอเสียจริงน้องข้าหากข้ายอมทำตามข้อเสนอจนสำเร็จลุล่วงเมื่อใด ข้าสาบาน ว่าจะกลับไปฝึกฝนอบรมเจ้าใหม่ให้เป็
นยักษ์ที่เกรียงไกรกว่านี้แน่!!
" ข้าตกลง.. "