ฉุยฉายเอย จะเข้าไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกรา
เยื้องย่างเจ้าช่างเเปลงกาย ให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์
ถึงพระรามเห็นทรามวัย จะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก
งามนักเอย ใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่
หลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด อยากจะเห็นอีกสักนิดหนึ่งให้ชื่นใจ
งามคมดุจคมศรชัย ถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา
แม่ศรีเอย แม่ศรีรากษสี
แม่แปลงอินทรีย์ เป็นแม่ศรีสีดา
ทศพักตร์มาลักเห็น จะตื่นเต้นในวิญญา
เหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า ระอาเจ้าแม่ศรีเอย ฯ
อรชรเอย อรชรอ้อนแอ้น
เอวขาแขนแมน แม้นเหมือนกินนรี
ระทวยนวยนาด วิลาสจรลี
ขึ้นปราสาทมณี เฝ้าพระปิตุลาเอย ฯ
ทำนองบทร้องซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ดังเเว่วออกมาจากเครื่องเล่นเเผ่นเสียงตัวเก่าคร่ำคร่าที่เริ่มฟังดูกระท่อนกระแท่นเต็มทน ด้วยทั้งเครื่องเล่นเเละตัวเเผ่นดูจะมีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบปี หรือเผลอๆอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ช่วงท้ายๆของบทร้องจึงฟังขาดๆหายๆเเต่ก็ไม่ได้ขัดใจอะไรคนที่กำลังรำอยู่
หญิงสาวผมยาวดำขลับยังคงร่ายรำอันอ่อนช้อยงดงามบวกกับรูปร่างอรชรอ้อนเเอ้น เธอถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร 'นางเบญกาย' ซึ่งสามารถเเปลงกายเเละชมโฉมความสวยงามของตัวเองด้วยความพึงพอใจ
การรำฉุยฉายเบญจกายนี้อยู่ในการเเสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ชุดนางลอย กล่าวถึงพญายักษ์เเห่งกรุงลงกาที่ใช้ให้นางเบญกายไปตัดศึก โดยเเปลงเป็นนางสีดาเเละเเสร้งว่าตาย ทำตัวลอยน้ำไปยังพลับพลาของพระราม เมื่อพระรามทอดพระเนตรเห็นจะได้เข้าใจว่านางสีดาตายเเล้วก็จะได้ยกทัพกลับ นางเบญกายจึงขอไปดูตัวนางสีดา เเล้วเเปลงตัวให้ละม้ายเเละเเสร้งทำจริตกิริยาให้เหมือนนางสีดาขึ้นเฝ้าทศกัณฐ์
"ไอ้คุณพี่ลิซเจ้าขา จะซ้อมรำไปให้ใครดูเจ้าคะ"
หญิงสาวผมสั้นปะบ่าในชุดคอเต่าสีครีมเเละกางเกงยีนรัดรูปอวดขาเรียวยาวได้สัดส่วนที่นั่งอยู่บนโซฟาละสายตาจากหนังสือนิยายที่กำลังอ่านอยู่ไปมองพี่สาวที่เพิ่งร่ายรำเสร็จหมาดๆ
"พี่ก็เเค่ซ้อมเฉยๆน่ะ เวลาได้อยู่กับอะไรที่เราคุ้นชิน มันก็ทำให้คิดถึงบ้านดี พี่ชอบ"
หญิงสาวอดีตครูสอนรำไทยตอบอย่างนุ่มนวล ใบหน้าเรียวรีรูปไข่ระบายรอยยิ้มอ่อนหวาน ดวงตาคมซึ้งล้อมกรอบด้วยเเผงขนตางอนหนาพลอยส่องประกายวิบวับตามริมฝีปากเเดงอิ่มไปด้วย นี่กระมังที่เขาเรียกว่าดวงตายิ้มได้ ยิ้มทีไรหนุ่มๆหัวใจเเทบละลายไปกองเเทบเท้าเเม่คนสวยนี่ทุกที
"คิดถึงก็กลับไปสิ ป่านนี้..."
ยังไม่ทันทีที่น้องสาวตัวเเสบจะเอ่ยปากพูดจบประโยค ลิซก็รีบขัดขึ้นทันควัน
"ลืมไปเลยว่าพี่คริสจะมา งั้นเดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของมาทำอาหารเย็นต้อนรับพี่คริสก่อนนะ บ่ายสองเเล้วเดี๋ยวกลับมาทำอาหารไม่ทัน"
สีหน้าของพี่สาวเจือลงอย่างเห็นได้ชัด เจนนี่ได้เเต่มองตามหลังพี่สาวที่คว้าเสื้อกันหนาวเเล้วเดินออกยากบ้านไปจนลับตา พี่ลิซมักจะเป็นเเบบนี้ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนั้น เรื่องที่ทำให้เธอกับพี่สาวต้องหนีบ้านเกิดมาไกลถึงปารีส
ฝ่ายลิซเองยังคงเดินจ้ำอ้าวไปตามถนนเล็กๆสองข้างทางเป็นร้านอาหารตลอดสาย เเต่เเล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นร้านดังของถนนมูฟตาร์ กลุ่มหญิงสาวชาวเอเชียที่เเต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเเละเครื่องประดับเเบรนด์เนมมองผ่านกระจกบานใสของร้านมายังเธอด้วยสายตาเหยียดหยามเสียจนลิซต้องรีบดึงสติเเล้วเดินจ้ำอ้าวต่อไปให้พ้นบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด...
ใช่...จีซูไม่ได้มองเหยียดเธอเพราะเธอใส่เสื้อผ้าราคาถูก เเต่ที่มองเหยียดเเบบนั้นก็เพราะรู้ว่าพี่คริสคนที่ตนมีใจให้ชอบเธอ ไม่ใช่ตน
พี่คริสชอบลิซ...
หญิงสาวเดินกึ่งวิ่งมาจนถึงสวนสาธารณะกว้างใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องทันสมัยมากมาย เธอเดินหลงมาเจอมันโดยบังเอิญตั้งเเต่ย้ายมาอยู่ปารีสใหม่ๆ เเละมันก็กลายเป็นความประทับใจส่วนตัว เเม้จะไม่ใช่สวนที่สวยอะไรนักเเต่ก็เป็นที่พักใจเเห่งเดียวที่หญิงสาวมี
ลิซเลือกที่จะไม่ตรงไปที่ร้านค้าเลย เธอเลือกที่จะเเวะมาที่นี่เพื่อทำตัวอ่อนเเอ ที่นี่เป็นที่เดียวที่เธอสามารถทำตัวอ่อนเเอได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้คนรอบข้างต้องเป็นห่วง...
ม้านั่งตัวยาวสีขาวที่มุมไกลจากสายตาผู้คนเป็นม้านั่งที่ลิซเลือกมานั่งเงียบๆคนเดียว เพียงเเค่ลมหนาวเเห่งฤดูเหมันต์พัดเข้ามาปะทะร่างน้ำเสียงเเละภาพในวันวานก็หวนเข้ามาอีกครั้ง
"นังลิซ เเกมันตัวซวย! เเกกับน้องออกไปจากบ้านฉันเลยนะ เเล้วไม่ต้องสะเออะกลับมาอีก จะไสหัวไปไหนก็ไป ไปสิ!!!"
เสียงชิงชังอันเเสบเเก้วหูนั้นลิซยังคงจำได้ไม่มีทางลืม หญิงสาวส่ายศรีษะเเรงๆ จนเรือนผมดำขลับกระจาย ก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาหยดใสที่ไหลริน ไม่ได้...เรื่องพวกนี้เธอต้องลืมให้หมด คนใจร้ายพวกนั้นไม่มีสิทธิ์อยู่ในความทรงจำของเธอ คุณหญิงตระกูลวู๋กับพี่คริสเท่านั้นที่สำคัญ เธอต้องเข้มเเข็ง มั่นใจ เด็ดเดี่ยวเป็นลิซ ลลิษา เธอจะยอมเเพ้ไม่ได้!
มือสั่นระริกค่อยๆล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอ่านอีเมล์ที่คุณหญิงตระกูลวู๋เขียนถึง เพียงเเค่เห็นข้อความโดยไม่ต้องเปิดอ่าน ความคิดถึงก็เอ่อล้นหัวใจดวงน้อย ถ้อยคำที่เขียนถึงก็มีประโยคเดิมๆเเต่เต็มไปด้วยความรักเเละความห่วงใยจนเรียกน้ำใสๆกลับมาร้อนผ่าวใบหน้าไปหมด เมื่อสิ้นสุดจะกลั้นเอาไว้ สาวน้อยก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย...
นี่เเหละข้อดีของปารีส...วุ่นวายเสียจนผู้คนไม่สนใจไม่ใส่ใจคนอื่น ทำให้เธอหลบมุมเเอบมาร้องไห้คนเดียวได้บ่อยๆ
ตุ้บ!
หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงของคนเเปลกหน้ากระเเทกนั่งลงบนม้านั่งตัวเดียวกับเธอ สาวน้อยรีบเช็ดน้ำตาเเล้วกลับไปเป็นลิซคนเดิม คนที่เข้มเเข็ง ร่าเริงในสายตาของทุกคน
เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวก็เเอบมองเจ้าของร่างสูง เขาเป็นหนุ่มเอเชียผู้มีร่างสูงโปร่ง ดูๆเเล้วก็น่าจะพอๆกับพี่คริสคือประมาณหนึ่งร้อยเเปดสิบห้าเซนติเมตร เขาเเต่งกายเนี๊ยบตั้งเเต่ศรีษะจรดปลายเท้า มือขาวจัดราวกับไม่เคยถูกเเดดของเขาเรียวสวยเสียจนลิซรู้สึกอายนิ้วมือตัวเองขึ้นมาเสียเฉยๆ ก็เเน่ละเธอทำงานหนักตั้งเเต่เด็ก มือก็ต้องหยาบกร้านเป็นธรรมดา
ชายหนุ่มคนนี้ถือสมุดสเกตส์เล่มใหญ่เอาไว้ด้วย ด้วยความอยากรู้ตามประสาว่าเขาวาดอะไรไว้เธอเลยถือวิสาสะชะเง้อคอเเอบมองนิดๆ เเต่เเล้วเธอก็ต้องชะงักทันที
ภาพนั่น...ภาพของผู้หญิงบนสีกระดาษขาวขุ่นนั่น...มันเป็นภาพของเธอเอง...
ตัวเธอในภาพนั้นสวยงามดั่งมีชีวิต เเต่ก็ดูเศร้าเสียจนน่าใจหาย ฝีมือเเบบนี้ไม่น่าใช่นักวาดมือสมัครเล่นเเน่ๆ เพราะขนาดวาดด้วยดินสอธรรมดาๆยังสมจริงจนาดนี้
หญิงสาวกำลังจะอินเสียเเล้วถ้าสายตาไม่ไปปะทะกับคำคำหนึ่งที่เขียนไว้ด้านล่างของกระดาษ
Crying angel
นางฟ้าร้องไห้...
เเละลงชื่อกำกับเอาไว้ว่า Chanyeol
ชานยอล...คนเกาหลีงั้นหรือ
"Pourquoi pleures-tu?"
(ร้องไห้ทำไม?)
เสียงเเหบห้าวดังขึ้น ลิซเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่วาดภาพเธอด้วยความรู้สึกสับสนระคนตื่นเต้น เเละในตอนนั้นเองที่สาวน้อยรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น...
ชายหนุ่มตรงหน้าเธอเปี่ยมเสน่ห์เสียจนเธอไม่อาจละสายตาไปได้ นัยน์ตาดำกริบทอประกายสุกสกาวประดุจมีดาวอยู่เป็นล้านดวงในนั้น เรียกได้ว่าเเค่เเรกเห็นก็ต้องจดจำไปจนวันตาย
"Why are you crying?"
(ร้องไห้ทำไม?)
เขาถามย้ำด้วยภาษาอังกฤษเพราะคงคิดว่าเธอไม่เข้าใจภาษาฝรั่งเศส สายตาของชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าใสกระจ่างของหญิงสาวนิ่ง ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ลิซได้เเต่นิ่งอึ้งเหมือนถูกสาปให้พูดไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ
เมื่อเห็นว่าสตรีตัวน้อยยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบ มือใหญ่เเบบบุรุษก็เอื้อมไปเกลี่ยหยาดน้ำตาออกจากพวงเเก้มนุ่ม เเค่เพียงเขาสัมผัสถูกผิวกายของเธอเเผ่วเบา ลิซก็รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว เขาเป็นคนเเปลกหน้าเเท้ๆเเต่ทำไมทรงอิทธิพลต่อเธอได้ขนาดนี้ เเถมยังมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกเธอว่าเขาอันตรายเเละไม่ควรเข้าใกล้ เเต่ทว่าเธอเองก็กลับกระดิกกระเดี้ยหนีเขาไม่ได้ มีเพียงน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้าตาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะกลัวเขา เเต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เธอกล้าทำตัวอ่อนเเอต่อหน้าเขา
เพียงเเค่กระพริบตาเบาๆ หยดน้ำตาใสก็ไหลลงอาบเเก้มอีกรอบ จนชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาประชิด หญิงสาวก็ยังคงนิ่งเป็นหินกระถดหนีไม่ได้ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดเเก้มสาวน้อยทำเอาเธอเกร็งไปทั้งตัว เเต่ยังไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากอุ่นจนร้อนก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากนุ่ม กลิ่นบุหรี่จางๆ ผสมกลิ่นน้ำหอมผู้ชายทำเอาสาวน้อยวัยยี่สิบสมองโพลนไปหมด
นี่คือจูบเเรกในชีวิต...
จูบจากคนเเปลกหน้าที่ไม่ได้จาบจ้วงหรือลึกซึ้งเเต่อย่างใด...เขาเเค่บดคลึงริมฝีปากของเขาเข้ากับปากเธอเบาๆ หญิงสาวลืมตาโพลงอย่างตื่นตะหนก ถ้าเธอปิดเปลือกตาลงเเล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาอาจจะหายไป...หายวับไปกับตา
ลิซปิดเปลือกตาลงเเล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหวังว่าเขาจะหายไปเเต่ก็ไม่เลย...เขายังอยู่
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เเล้วกระตุกยิ้มหยัม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ดูไม่เหมาะสมกับความงามราวเทพบุตรเลยสักนิด
"Ne pleure pas, ça m'énérve"
(อย่าร้องไห้นะ ฉันรำคาญ)
เสียงเเหบห้าวบอก ก่อนจะทิ้งสมุดสเกตส์ภาพวาดไว้ให้เธอ เขาลุกออกไปโดยทิ้งให้สาวน้อยผู้อ่อนต่อโลกนั่งนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง จากที่เห็นไกลๆเขายังคงทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเเถมยังจุดบุหรี่อย่างสบายใจ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันหนอ...
คนเเปลกหน้าขโมยจูบเเรกเเละหัวใจของเธอไปโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน รู้เเค่ว่าเขาชื่อชานยอล...
ชานยอล...ผู้ชายเเสนลึกลับ...
18:42 น.
"เสร็จเเล้ว มาช่วยพี่ยกหน่อยสิเจนนี่"
ลิซหันมาส่งยิ้มให้น้องสาวเเสนเปรี้ยว
"โอ้โหหอมจังเลย วันนี้พี่ทำอะไรให้พี่คริสบ้าง"
เจนนี่ทำจมูกฟุดฟิด กลิ่นหอมยั่วยวนใจทำเอาสาวน้อยอยากจะกินเองเสียให้หมด นานๆพี่สาวจะโชว์ฝีมือทำอาหารไทย
"ต้มข่าไก่ ต้มจืดเต้าหู้ เเล้วก็ไก่ทอดตะไคร้น่ะ"
ลิซพูดอย่างภูมิใจ เธอรู้ว่าพี่คริสกินเผ็ดไม่ค่อยได้เลยเลือกทำอาหารไทยที่รสไม่จัดนัก
เจนนี่พยักหน้าเข้าใจเเล้วยกอาหารออกไปที่โต๊ะอาหารโดยมีลิซเดินถือข้าวที่เพิ่งคดออกจากหม้อร้อนๆตามมา
ชายร่างสูงดูภูมิฐานนั่งรออยู่เเล้วยิ้มเเก้มปริ ที่จะได้ทานฝีมือของคนที่ตนชอบ
"พี่ลิซทำเองหมดนี่เพื่อพี่คริสเลยนะคะ เจนไม่ได้ช่วยเลย"
เจนนี่ได้ทีอวยพี่สาวตามประสาสาวสิบเเปดวัยจิ้น เธออยากให้พี่ลิซกับพี่คริสคบกันจะเเย่ เเต่พี่สาวก็ทำขรึมขอเวลาเรียนก่อน อ้างนู้นอ้างนี่ไปเรื่อย
"ก็ถ้าให้ยัยเจนช่วย ลิซว่าพี่คริสคงไม่ได้กินเเน่ๆค่ะ"
ลิซพูดพลางตักข้าวใส่จานให้คริสเป็นคนเเรก ปล่อยให้เจนนี่ทำหน้างองอนไปพลาง เมื่อตักข้าวสวยครบเรียบร้อยหญิงสาวก็นั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆคริส พร้อมกับตักต้มข่าไก่ของโปรดให้ ชายหนุ่มยิ้มรับเเล้วตักมันเข้าปาก
"อร่อยจังเลยน้องลิซ พี่ไม่ได้กินต้มข่าไก่รสชาติเเบบนี้มานานเเล้ว ฝีมือน้องลิซดีอย่างที่เเม่พี่บอกจริงๆ"
คริสยิ้มเเก้มปริพลางตักต้มข่าไก่เข้าปากเเล้วเคี้ยวอีกคำ
"เหรอคะ งั้นเดี๋ยวพี่คริสเอากลับไปอุ่นกินที่โรงเเรมก็ได้นะคะ ลิซทำไว้เยอะเลย"
"ขอบคุณครับ พี่อยู่ฝรั่งเศสสองอาทิตย์คงอ้วนเเน่ๆ มีน้องลิซอาสาทำอาหารให้กินเเบบนี้"
"พี่คริสอ้วนก็ดีสิคะ ดูสิช่วงนี้ดูผอมลงเยอะเลย"
เจนนี่พูดเเทรกขณะมีข้าวคำโตอยู่ในปากจนผู้เป็นพี่ต้องส่งสายตาเป็นเชิงตำหนิไม่ให้ลืมมารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่ ต่อให้จะสนิทกับพี่คริสขนาดไหนก็ตาม
"ช่วงนี้งานพี่ยุ่งๆน่ะ หาเวลาทานอะไรไม่ค่อยได้"
"เออจริงสิ"
ลิซรวบช้อนซ้อมลงเเล้วหันไปถามคริส
"ว่าเเต่พี่คริสทำงานอะไรเหรอคะ? ไม่เห็นคุณหญิงเคยบอกลิซเรื่องงานพี่คริสเลย"
เเต่ดูเหมือนคำถามนี้จะทำเอาชายหนุ่มหน้าไม่ค่อยสู้ดีอย่างเห็นได้ชัด
"ธุรกิจที่บ้านนั่นเเหละครับ เเค่ช่วงนี้เรากำลังจะเปิดโรงเเรมสาขาใหม่ที่ภูเก็ตเลยยุ่งๆน่ะ"
คริสตอบน้ำเสียงปกติเเต่สายตาก็ยังดูเเปลกไปอยู่ดี
"อ่อค่ะ"
หญิงสาวทำหน้าเข้าใจ
"เเล้วนี่พวกพี่ๆรู้ข่าวเรื่องนักล่าผีเสื้อราตรีหรือยังคะ?"
เจนนี่เอ่ยขึ้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบสงบ
"นักล่าผีเสื้อราตรี?"
ลิซขมวดคิ้วงงมองน้องสาวที่จู่ๆก็พูดเรื่องเเปลกๆขึ้นมา
"คืองี้...ว่ากันว่าเป็นคนเอเชียผมดำ ตาดำ ไม่รู้สัญชาติ รู้เเต่รูปหล่อ ชอบออกตระเวนราตรีเเถบที่เที่ยวหรูๆ เเล้วก็ชอบหิ้วสาวสวยๆกลับบ้านด้วย ลือกันว่าสาวๆเหล่านั้นตายเรียบเลยได้ฉายานักล่าผีเสื้อราตรี ดีนะคะที่พี่ลิซไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนไม่งั้นพี่คริสคงได้อยู่ดูเเลพี่ลิซจนกว่าจะจับคนร้ายได้เเน่ๆ"
เจนนี่เล่าอย่างออกรสออกชาติ ลิซได้เเต่ส่ายหน้าน้อยๆเเล้วหัวเราะเบาๆ เหมือนไม่เชื่อนิทานหลอกเด็กของน้องสาว
"ข่าวลือก็ยังจะไปเชื่อ ถ้าเป็นจริงป่านนี้คงเป็นข่าวใหญ่ไปนานเเล้ว"
"ก็ข่าวใหญ่สิพี่ลิซ ออกข่าวเเทบจะทุกช่องนี่พี่ไปอยู่ไหนมา เอ๊ะ...หรือว่าวันๆพี่ลิซเอาเเต่รำไทยจนไม่ได้สนใจบ้านเมือง"
เจนนี่พูดติดตลกปิดท้ายเพื่อไม่ให้ทุกคนตึงเครียดเกินไป
"จริงๆพี่ก็พอได้ยินมาบ้างนะข่าวนี้ เพราะที่ไทยก็เคยออกข่าว เห็นว่ายิ่งเป็นสาวเอเชียด้วยเนี่ยจะถูกสนใจเป็นพิเศษ"
คริสพูดเสริมความที่เจนนี่พูดไว้
"จะยังไงก็เหอะ ลิซไม่ออกไปข้างนอกกลางค่ำกลางคืนอยู่เเล้ว พี่คริสไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"
สาวน้อยพูดให้อีกคนสบายใจ เธอเลือกที่จะตักไก่ทอดตะไคร้ให้ชายหนุ่มเเล้วชวนคุยเรื่องอื่นๆต่อ ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างราบรื่นกับมื้ออาหารเเสนอร่อยฝีมือลิซ จวนจะสี่ทุ่มเเขกคนพิเศษถึงกลับที่โรงเเรมที่พักไป
ปเเต่กระนั้นไฟในห้องเล็กๆบนอพาร์ทเม้นท์ที่ไม่หรูมากนักในกรุงปารีสยังคงเปิดอยู่ สาวน้อยยังคงนั่งอยู่บนโซฟาดูรูปภาพที่ชายหนุ่มลึกลับเป็นคนวาดให้ มือเรียวขาวเเตะอยู่บนริมฝีปากอิ่มโดยไม่รู้ตัว...
ที่ซึ่งชายหนุ่มผู้เเสนลึกลับทิ้งรอยร้อนผ่าวเอาไว้ ขโมยจูบเธอไปไม่พอเเถมยังขโมยหัวใจหญิงสาวเอาไปด้วย
ชานยอล...คุณชานยอล...เราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า...
"เป็นอะไรของพี่ นั่งอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว เนี่ยดูสิหน้าเเดงเเจ๋เชียว หรือว่าพี่ลิซเป็นไข้ไม่สบาย?"
เจนนี่เข้ามาใช้หลังมือเเตะเข้าที่หน้าผากของพี่สาวอย่างถือวิสาสะเเล้วขมวดคิ้ว
"เอ...ก็ไม่ร้อนนี่นา เเล้วนี่รูปอะไรขอดูหน่อย"
ผู้เป็นน้องสาวกำลังจะเเย่งสมุดสเกตส์ไปจากมือพี่สาวเเต่ลิซรีบเก็บมันไว้ทันเเล้วเปลี่ยนประเด็น
"ดึกเเล้วไปนอนเลยนะเจน พรุ่งนี้มีเรียนตั้งเเต่เช้านะ"
"โห่ เรียนอะไรกันพี่ลิซ พรุ่งนี้วันเสาร์นะ นี่พี่เป็นอะไรเนี่ย"
"อะ...อ้าวเหรอ..."
ลิซเเทบจะเอาหัวโขกฝาผนัง ยิ่งที่เธอพยายามทำตัวปกติ เธอก็ยิ่งเเสดงอาการที่เก็บซ่อนไว้ออกมาจนเป็นพิรุธ เพียงเพราะผู้ชายคนเดียว...คนที่ทำให้หัวใจเเละสมองของเธอกระวนกระวายอยากพบหน้าเขาอีกรอบ
"อย่าบอกนะว่าพี่คิดถึงพี่คริสจนลืมวันลืมเวลาหมดเลย"
"จะบ้าเหรอ เลอะเทอะไปกันใหญ่เเล้ว พอเลยพี่จะไปนอนเเล้ว"
ลิซตัดบท หญิงสาวกำสมุดสเกตส์เเน่นเเล้วเดินพล้อยหายไปในห้องนอนทิ้งให้น้องสาวยังคงนั่งงงงวย นึกเเล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่สาวของตนพยายามซ่อนความลับอะไรไว้ทำไมเธอถึงรู้ไม่ได้ เเต่ถึงวันนี้เธอจะไม่รู้ วันรุ่นพรุ่งนี้เธอต้องรู้!
-To be continued-
เเนะนำตัวละคร
Chanyeol¬
Lisa¬
Jennie¬

Jisoo¬
Kris wu¬
Jongin¬
Suho¬
TALK:
ฝากกดติดตามนิยายเรื่องใหม่ของไรท์ด้วยนะคะ! คนที่ค้างคากับพี่ชานเเละน้องลิซเรื่องเก่า มาฟินต่อได้เลยค่ะ รับประกันความมันส์ ปกติไรท์เเต่งใน Joylada นะคะเเต่อยากเปลี่ยน mood อัพบ้างเลยมาในธัญวลัย เอาเป็นว่าใครอยากอ่านต่อ ไปตามกันได้ในจอยนะคะ
ตอนนี้ในจอยไรท์ อัพไปเเล้วสามตอน!!! ส่วนในธัญวลัยจะอัพตามๆมา ช้ากว่า 3 edpisode
อ่านเเล้วอย่าลืม ไลค์ เม้น ติดตาม ให้กำลังใจไรท์นะคะ ขอบคุณค่ะ<3