[SF] No Exit (Wonho x Hyungwon ::Monsta X)
0
ตอน
5.23K
เข้าชม
46
ถูกใจ
4
ความคิดเห็น
28
เพิ่มลงคลัง

No Exit

 

Chapter : 1

Paring : Wonho x Hyungwon

Rate : NC18+ (มีความ sm เล็กน้อย ใครไม่ชอบแนวนี้กดข้ามไปเลยนะคะ)

 

“I’m gonna go with this so hurry and follow me
Hurry, it’s easy to come in, trust yourself with me
No Lie (Lie)
I  won’t lie
All Right (Right)
Before the night is over

Everybody let’s come and started
Shake it let’s party

Let’s go go
Everything is ready baby
Let’s roll roll
Come in, come in but there’s no exit
That’s no no
Are you kidding? I didn’t even start
Let’s burn burn
Come in, come in but there’s no exit”

 

เสียงเพลงเรียกเข้าที่ดังขึ้นปลุกให้ร่างบางที่นอนขดอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่น มือเรียวควานหาที่มาของเสียงแม้ดวงตาอันหนักอึ้งจะยังปิดอยู่ กรอกเสียงแหบพร่าอย่างคนหงุดหงิดส่งไปให้ปลายสายอย่างลืมตัว

“ฮัลโหล!” ว่าแล้วก็กระแทกเสียงใส่ปลายสายไปสักหนึ่งทีข้อหาโทรมาขัดความอภิรมย์ในการนอนของเขา

เสียงตอบรับที่ดูหงุดหงิดทำให้ปลายสายถึงกับชะงักกึก ไม่แน่ใจว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับมาจากพนักงานสาวฝ่ายบุคคลถูกต้องหรือเปล่า…

“ไม่ทราบว่าใช่เบอร์คุณแชฮยองวอนไหมครับ”

ดวงตากลมโตเบิกโพลงทันทีที่ได้ฟังประโยคตอบรับจากคนที่ทำเขาหงุดหงิดอยู่เมื่อครู่ ร่างบางกระเด้งลุกขึ้นนั่งทันทีอย่างคนตกใจ เสียงนี้มัน…

“พี่โฮซอก?!”

“อ่า…ถูกเบอร์สินะ” คนถูกเรียกชื่อพูดพลางกลั้วหัวเราะ

“ป…ไปเอาเบอร์ผมมาจากไหนเหรอครับ” ฮยองวอนเอ่ยถามเลิ่กลั่ก…ถ้าจำไม่ผิด เขาไม่เคยให้เบอร์พี่โฮซอกไปเลยนี่นา…

 

“จากฝ่ายบุคคลน่ะ ว่าแต่เราตื่นแล้วหรือยังน่ะ…”

 

“ตื่นแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ โทรมาแต่เช้าเลย”

“เช้า…?”

 

 

คำตอบที่ดูเหมือนจะเป็นคำถามเสียมากกว่าทำให้คนที่เพิ่งตื่นนอนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเวลาในนาฬิกาเรือนโตที่ติดอยู่ตรงผนังห้อง ใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายทันทีที่เห็นเวลา…สิบเอ็ดโมง

 

…ชิบหายแล้วแชฮยองวอน…

 

“เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมลืมปลุกนาฬิกา” ….ซะที่ไหนล่ะ!

ความจริงคือนาฬิกามันปลุกเขาตั้งแต่แปดโมงเช้าแล้วล่ะ แต่เขาที่เป็นคนปิดมันเองกับมือ…

 

“อ่า ไม่เป็นไรหรอก พอดีพี่แค่จะโทรมาเตือนเราน่ะว่าวันนี้แผนกเรามีนัดจัดเลี้ยงกันตอนหกโมงเย็นที่ร้านมิสซงน่ะ”

 

“แต่ว่า…” ฮยองวอนพยายามเอ่ยปฏิเสธทันทีที่ได้ยินประโยคแจ้งเตือนจากอีกฝ่าย…ถึงโฮซอกจะเป็นคนเอ่ยปากชวน แต่การไปดื่มกับคนเยอะๆ ไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยสำหรับเขาเท่าไหร่นัก

 

“ทำไมล่ะ” คนที่พยายามชวนเป็นครั้งที่สองหลังจากเคยถูกปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทั้งๆที่ฮยองวอนเข้ากับคนในแผนกได้ดี เป็นรุ่นน้องที่ว่านอนสอนง่ายสุดๆจนคนในแผนกเอ็นดูไปตามๆกัน แต่พอจะนัดฉลองกันทีไร เด็กนี่กลับไม่เคยเข้าร่วมด้วยเลยสักครั้ง…

 

“ผมก็แค่…ไม่ชอบคนเยอะๆน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ” คนเด็กกว่าเอ่ยปฏิเสธอีกครั้งอย่างสุภาพ แน่นอนว่าได้รับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากปลายสายมาเป็นการตอบรับ

 

“งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่ทำงานนะ อย่าสายล่ะหนุ่มน้อยขี้เซา” ยังมิวายเอ่ยแซวให้แก้มนวลต้องขึ้นสีระเรื่ออีกครั้ง…พี่โฮซอกที่ขี้เล่นแบบนี้น่ะไม่ดีต่อหัวใจเขาเลยสักนิด

 

“ครับ” ฮยองวอนเอ่ยรับสั้นๆก่อนจะรีบกดวางสายไปทั้งๆที่หัวใจยังเต้นรัวไม่เลิก

 

…ใช่แล้วล่ะ! เขาชอบพี่โฮซอก! และดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว…

 

พี่โฮซอก หรือชินโฮซอก เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของเขา พอเรียนจบเขาก็ได้เข้ามาทำงานที่บริษัท Starship ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาใฝ่ฝันที่จะเข้ามาทำงานด้วยตั้งแต่สมัยเรียน แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ชีวิตจริงกับสิ่งที่ฝันมันต่างกันหลายขุม ช่วงแรกๆ ที่เขาเข้ามาทำงาน ทั้งโดนเจ้านายด่าว่าสารพัด โดนคอมเม้นต์ติเตียนไม่เว้นวัน โชคดีที่ได้โฮซอกที่เพิ่งย้ายมาจากสาขาย่อยช่วยเอาไว้เสมอ

 

 

โฮซอกย้ายเข้ามาแทนที่หัวหน้าแผนกของฮยองวอนหลังจากที่เขาเริ่มเข้ามาทำงานได้ประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา ท่าทาง บุคลิกที่ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น และมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของโฮซอก ก็ทำให้เขาป็อบปูล่าในบริษัทไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องในบริษัทก็ต่างปลื้มเขา ซึ่งแน่นอนว่าฮยองวอนก็เป็นหนึ่งในนั้น…

 

แต่พอเริ่มรู้ตัวว่าชอบโฮซอกมากเท่าไหร่ ตัวเองก็เริ่มที่จะถอยห่างอีกฝ่ายออกมาเรื่อยๆมากเท่านั้น ถ้าจะถามว่าทำไม ก็คงจะเป็นเพราะว่าโฮซอกมีสาวในใจอยู่แล้ว แถมแฟนสาวของโฮซอก็ยังคอยมาหาที่บริษัทอยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้แชฮยองวอนคนนี้อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรักเลยล่ะ…แต่ก็นะ ต่อให้พี่โฮซอกจะยังโสดก็คงจะไม่หันมามองเขาในฐานะคนรักอยู่ดี ก็เขาเป็นผู้ชายนี่นา จะก้าวต่อหรือจะถอย ยังไงก็อกหักอยู่ดี…ชีช้ำกะหล่ำปลีจริงๆ แชฮยองวอน~

 

ร่างบางสะบัดหัวไล่ความคิดแรงๆ สองสามทีก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

 

…ไม่สมหวังในความรักก็ขอสมหวังในการนอนหน่อยก็แล้วกันนะ…

 

ดวงตากลมโตค่อยๆปิดลงช้าๆ มือเรียวคว้าหมอนข้างใบโปรดเข้ามาสวมกอดทั้งๆที่ยังคงหลับตาอยู่ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งหนึ่ง

 

.

 

 

.

 

 

.

 

“เลิกกันแล้วเหรอ? จริงดิ? งี้ฉันก็มีหวังน่ะสิ?” เสียงแหลมๆ ของซอนมีที่เอ่ยซุบซิบกับเพื่อนสาวโต๊ะข้างๆเรียกความสนใจจากคนที่กำลังนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอย่างแชฮยองวอนได้ไม่น้อย

 

 

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เพราะปกติแล้วสาวๆในแผนกก็มีเรื่องให้ซุบซิบกันทุกวันอยู่แล้ว หากแต่วันนี้บทสนทนากลับมีชื่อของคนที่เขาเองก็สนใจอยู่…ชินโฮซอก

 

“แกคิดว่าหน้าอย่างแกพี่โฮซอกเขาจะสนใจงั้นเหรอ ถ้าอย่างฉันก็ว่าไปอย่าง” คนเป็นเพื่อนสวนกลับ ยกมือขึ้นมาวางใต้คางตัวเองราวกับว่าสวยเสียเต็มประดา ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากซอนมีได้ไม่น้อยทีเดียว

 

“ว่าแต่แกชัวร์แล้วนะว่าพี่เขาเลิกกับแฟนแล้วอ่ะ”

 

 

“จริงสิแก ก็เมื่อคืนที่ไปฉลองกัน พวกหนุ่มๆคุยกันใหญ่เลยเรื่องที่พี่เขาโดนแฟนบอกเลิกอ่ะ”

 

“โอ้ มาย ก๊อชชชชช! นี่มันอันบีลีฟเอเบิ้ลมากๆ ! เป็นไปได้ไงที่ผู้ชายที่แสนจะอบอุ่นแบบพี่โฮซอกจะโดนบอกเลิก ไม่อยากจะเชื่ออ่ะแกร๊!!” ซอนมีอุทานเสียงดังทันทีที่ได้ยินว่าโฮซอกโดนแฟนบอกเลิก ก่อนจะหันไปสบเข้ากับดวงตากลมๆ ที่กำลังมองมาทางเธออยู่

 

หญิงสาวหัวเราะแหะๆ ในลำคอเมื่อเห็นฮยองวอนกำลังมองเธออยู่

“โทษทีที่เสียงดังนะจ๊ะน้องฮยองวอน แบบว่าฟีลลิ่งมันกำลังมาอ่ะจ้ะ แหะๆ”

 

ร่างบางกลั้วหัวเราะเบาๆให้กับท่าทีของหญิงสาวตรงหน้า ส่ายหัวเป็นชิงตอบรับว่าไม่เป็นไร ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ซอนมีหนึ่งที

 

“ว๊ายยยยย! ไม่ได้พี่โฮซอก ขอน้องฮยองวอนก็ยังดีนะเนี่ยยยย” ซอนมีเอ่ยแซวหนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมบางๆ เข้าไปหยิกแก้มนวลหนึ่งทีเป็นเชิงหยอกล้อ

 

“อ่ะแฮ่ม” เสียงกระแอมของคนมาใหม่เรียกให้คนทั้งสามหันไปมองทางเดียวกัน

 

 

ใบหน้าคมที่บูดบึ้งแปรเปลี่ยนเป็นร้อยยิ้มสดใสทันทีที่ถูกจับจ้อง โฮซอกโค้มตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย สาวเท้าเข้าไปยังโต๊ะเป้าหมาย แล้วชวนคนร่างบางที่ยังคงทำหน้างงๆ อยู่ให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน

“ไปกินข้าวด้วยกันไหม”

 

 

ดวงตากลมโตจ้องมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆโฮซอกถึงได้มาชวนเขาไปกินข้าวด้วยกัน ในเมื่อปกติแล้วเขามักจะไปกับกลุ่มเพื่อนตัวเองเสียมากกว่า

“ทำไมล่ะครับ” ว่าแล้วปากก็ไวกว่าใจคิด โพล่งถามอีกคนไปอย่างลืมตัว

และก็ได้เสียงหัวเราะจากคนหน้าคมและพี่สาวอีกสองคนเป็นคำตอบ

 

มือเรียวยกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆด้วยความสงสัย ก่อนที่สมองน้อยๆจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้คือวันศุกร์

 

ใช่แล้วล่ะ! บริษัทของเขามีนโยบายให้บุคลากรที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันในแผนกชวนกันไปทานข้าวกลางวันด้วยกันเพื่อลดช่องว่างในการทำงานของคนในแต่ละแผนก ซึ่งวันนี้ก็คงจะเป็นโชคดีของเขาซะแล้วละมั้ง…นะ

 

“แหม พี่โฮซอกนี่ชวนแต่ผู้ชายทุกทีเลย สาวๆแบบหนูก็แห้วกันหมดแผนกสิคะพี่” ซอนมีเอ่ยแซว เสียดายหน่อยๆที่โฮซอกมักจะหลีกเลี่ยงการชวนผู้หญิงในแผนกไปทานข้าวด้วย

 

รอยยิ้มละมุนคือคำตอบที่หญิงสาวได้รับ โฮซอกเคอะเขินเล็กน้อยที่โดนแซว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าใดนัก หันไปเอ่ยปากชวนคนที่ยังทำหน้ามึนๆใส่เขาไม่เลิกอีกครั้ง

 

“ทีนี้ก็ไปกันได้แล้วเนอะ…ฮยองวอน”

 

 

คนโดนชวนพยักหน้ารับ เผลอส่งยิ้มบางๆไปให้อีกคนอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบหุบยิ้มแทบจะในทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องเขาไม่วางตา ขาเรียวยาวก้าวตามอีกคนที่เดินนำอยู่ไปจนขนาบด้านข้าง แอบลอบมองคนที่สูงน้อยกว่าเขานิดหน่อยด้วยความชื่นชม จริงอยู่ที่เขาสูงกว่าโฮซอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสัดส่วนของร่างกายนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

 

นอกจากเรื่องงานและนิสัยแล้ว สิ่งที่เขาอดชื่นชมในตัวโฮซอกไม่ได้เลยนั่นก็คือการรักษารูปร่าง แม้จะเป็นผู้ชายแต่โฮซอกกลับใส่ใจการออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างอยู่เสมอ นั่นทำให้กล้ามเนื้อของเขาได้รูปสมชายชาตรีจนเกินมาตรฐานหนุ่มเกาหลีคนอื่นๆ ไปเยอะเลย รวมถึงร่างกายซูบผอมของฮยองวอนเองก็เช่นกัน

 

“หืม?”

และดูเหมือนว่าคนที่ถูกจ้องอยู่จะรู้ตัวไวไปหน่อย คนที่แอบจ้องกล้ามแขนคนอื่นจึงทำได้แต่เพียงหัวเราะแห้งๆ

 

ถึงกระนั้นโฮซอกก็ไม่ได้ถือสากับท่าทีของคนข้างๆแต่อย่างใด ได้แต่นึกขันในท่าทีเงอะๆงะๆของฮยองวอน ไม่ว่าจะเป็นตอนเจอกันครั้งแรกจนมาถึงปัจจุบัน เด็กคนนี้ก็ยังคงมีท่าทีแปลกๆไม่เลิกเสียที ซึ่งถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คงจะต้องบอกว่าน่ารักแปลกๆดีเหมือนกัน

ริมฝีปากสีสดยกยิ้มขึ้นน้อยๆ เมื่อสังเกตเห็นใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นพราะถูกจับได้หรือเพราะว่าอากาศในโรงอาหารมันร้อนกันแน่ แต่ก็ชวนให้น่ามองอยู่ไม่น้อย

 

โฮซอกให้ฮยองวอนนั่งลงที่โต๊ะริมสุด ซึ่งตอนแรกฮยองวอนเป็นคนออกตัวก่อนว่าจะเป็นคนไปเอาอาหารมาเองแต่กลับถูกคนแก่กว่าขัดขึ้นเสียก่อน จึงได้แต่นั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว ไม่นานนักร่างหนาก็กลับมาพร้อมกับจานอาหารควันฉุยสองจาน พร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆอีกสองกระป๋อง

 

ร่างหนายกจานอาหารวางลงตรงหน้าฮยองวอนก่อนจะยื่นเครื่องดื่มไปให้

“บิบิมบับกับโค้กซีโร่ นายโอเคเนอะ” ร่างหนาเอ่ยถาม ไม่แน่ใจเท่าไรนักว่าอีกคนชอบทานอาหารแบบนี้หรือเปล่า เพราะพอวางปุ๊บ คนตรงหน้าก็จัดการเขี่ยผักออกจากจานก่อนเป็นอันดับแรกเลย

“ได้ครับ พอดีผมแค่ไม่ชอบทานผักน่ะครับ แหะๆ” ฮยองวอนรีบตอบทันทีเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าสลดลง ไม่นานนักผักที่ถูกเขี่ยออกก็ถูกคีบไปอยู่ที่จานของอีกคนแทน

“งั้นพี่ทานแทนให้ก็แล้วกันเนอะ นายจะได้ทานได้อร่อยๆไง” ว่าพลางสงยิ้มให้อีกคนพร้อมกับลงมือทานอาหารทันที

 

ร่างบางชะงักกึกกับการกระทำของคนตรงหน้า ในใจยังคงสั่นระรัวไม่เลิก รู้สึกร้อนที่ใบหน้าจนต้องแก้เขินด้วยการก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“อั้ก!”

 

และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด…ข้าวเจ้ากรรมก็ดันติดคอซะได้

 

“ดื่มน้ำก่อนๆ” โฮซอกเอ่ยด้วยเสียงตกใจ รีบคว้าน้ำให้คนตรงหน้าดื่มเพื่อไล่อาหารลงคอ

“แค่กๆ” ลำคอระหงส์กลืนอาหารที่ติดอยู่ลงไปอย่างยากลำบาก ก่อนจะทำสำเร็จในที่สุด ใบหน้านวลแดงก่ำ น้ำใสๆ รื้นที่ขอบตาจนอีกคนอดที่จะ “ยกยิ้ม” ขึ้นมาไม่ได้

 

ดวงตากลมโตจ้องมองรอยยิ้มของอีกคนด้วยความฉงน ก่อนที่โฮซอกจะรีบเปลี่ยนสีหน้าในทันที

 

“นายโอเคนะ…”

 

 

ฮยองวอนพยักหน้าตอบรับโฮซอกช้าๆ แม้จะยังคงติดใจเรื่องรอยยิ้มแปลกๆนั้นอยู่

“ว่าแต่คืนนี้นายว่างไหม”

 

 

ยังไม่ทันจะขบคิดได้ถี่ถ้วน อีกคนก็โพล่งถามออกมาเสียก่อน …หรือว่าเมื่อครู่เขาจะตาฝาดไปเอง…

 

“ก็ว่างอยู่ครับ” ตอบอย่างไม่คิดอะไร เพราะกลับไปเขาก็คงจะโดดลงเตียงนอนเหมือนทุกๆ วัน…

“งั้นก็ไปดื่มกันไหม…”

“แต่ผม…” เตรียมเอ่ยปฏิเสธเต็มที่แต่กลับถูกคนชวนขัดขึ้นเสียก่อน

“…กับพี่แค่สองคน”

 

โชกกกกก!!

สิ้นประโยค น้ำสีน้ำตาลเข้มก็ไหลลงจากริมฝีปากอิ่มของคนที่กำลังยกน้ำดื่มแก้กระหาย ดวงตากลมโตยังคงเบิกค้างจนคนมองต้องยกมือขึ้นมาโบกตรงหน้าอีกคน

 

“นายเป็นไรมากไหมเนี่ย ฮ่าๆๆ” โฮซอกเอ่ยถามพลางกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ถึงเขาจะรู้ดีว่าฮยองวอนเป็นเด็กแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะแปลกมากขนาดนี้

 

เมื่อรู้สึกตัวแล้ว ก็รีบยกมือเรียวขึ้นมาเช็ดปากและคอของตัวเอง หัวเราะแห้งๆ กอนจะเอ่ยถามคนตรงหน้าใหม่อีกครั้ง

“เมื่อกี้พี่ว่าไงนะครับ”

 

โฮซอกถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยกมือหนาขึ้นไปวางบนศีรษะน้อยๆของอีกคนเพื่อบังคับให้หันมามองเขาตรงๆ ก่อนจะเอ่ยชวนอีกครั้ง

“คืนนี้ไปดื่มกับพี่สองคนไหม”

“ทำไมล่ะ” …นั่นสิทำไม

“ก็นายไม่ชอบดื่มกับคนเยอะๆนี่”

 

….ก็ใช่ครับ แต่พี่มาชวนผมทำไม…คนหน้าหวานได้แต่ลอบคิดในใจแต่ไม่กล้าถามอีกฝ่ายออกไปตรงๆ ซึ่งความเงียบคือคำตอบที่ร่างหนาได้รับ

 

“นายไม่ตอบพี่ถือว่าตกลงนะ คืนนี้เจอกันสองทุ่มตรงล่ะ ห้ามเลท ห้ามหนีกลับบ้าน ไม่งั้นพี่จะไปตามนายถึงบ้านเลย พี่ไปนะ จะเข้างานแล้ว” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ร่างหนาๆ ก็ลุกออกจากตะไปทันที ไม่มีโอกาสให้ฮยองวอนได้ปฏิเสธแม้แต่น้อย

 

ร่างบางได้แต่นั่งกรีดร้องอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าวันนี้มันเป็นวันโชคดีอะไร ทั้งได้รู้ว่าพี่โฮซอกเลิกกับแฟนแล้วมิหนำซ้ำเขายังมาชวนทานข้าวด้วยอีกต่างหาก เท่านั้นไม่พอยังจะมาชวนไปดื่มด้วยอีก

 

ฮยองวอนเอ้ย…นี่มันปีทองของแกชัดๆ!

 

.

 

 

.

 

 

.

 

‘ที่คอนโดพี่เหรอครับ’

 

ร่างบางทวนชื่อสถานที่กับโฮซอกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเขาไม่ได้หูฝาดไป และได้รับนอยยิ้มจากอีกคนมาเป็นคำตอบ รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับใส่รถของโฮซอกมาอยู่ ณ ที่หมายเสียแล้ว

 

ดวงตากลมโตจ้องมองขวดน้ำสีอำพันสลับกับมองหน้าอีกฝ่ายที่รินเครื่องดื่มนั้นให้เขาอย่างไม่วางตา ก่อนจะหันไปสำรวจรอบๆ ห้องของอีกฝ่ายซึ่งเรียบร้อยกว่าที่เขาคิดไว้เยอะนัก

ดวงตาคมมองตามอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยชวนคุยอย่างคนรู้ทัน

“สัปดาห์ก่อนแฟนพี่เพิ่งเก็บให้น่ะ”

 

 

ฮยองวอนสะดุ้งเบาๆ เมื่อได้ยินอีกคนพูดถึงบุคคลที่สาม ก่อนที่ความอยากรู้จะทำให้เขาเผลอโพล่งถามออกไปอย่างลืมตัวเหมือนที่ผ่านๆมา

 

“ผมได้ยินมาว่าพี่เพิ่งเลิกกับแฟน…”

 

 

“อืม เลิกกันเมื่อสองวันก่อน” คนโดนถามตบกลับด้วยท่าทีสบายๆ เท้าแขนข้างหนึ่งลงกับพื้น นอนยืดขาไปทางด้านข้าง พร้มกับยกแก้วน้ำที่บรรจุของเหลวสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจ

 

ฮยองวอนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยปนใคร่รู้ในปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่าย คิดว่าโฮซอกจะต้องเคืองแน่ๆที่เขาถามออกไป แต่ปล่าเลย…ท่าทีสบายๆ นั่นไม่เหมือนคนเพิ่งอกหักมาสักนิด

และเหมือนอีกคนจะรู้สึกตัวอีกเช่นเคยจึงได้หันมาจ้องเขากลับ ส่งยิ้มน้อยๆมาให้ก่อนจะพยักเพยิดให้เขาเริ่มดื่มด้วยกันบ้าง

 

“นายก็ดื่มด้วยสิ พี่ชวนนายมาดื่มนะ ไม่ได้ให้มานั่งจ้องหน้าพี่น่ะ”

ใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อจนเกือบจะถึงหูเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยแซว ก้มหน้าดื่มเหล้าทีอีกคนรินให้ไม่หยุดเพื่อปิดบังความเขินอาย

 

 

จากหนึ่งแก้วก็เพิ่มเป็นสองแก้ว สามแก้ว สี่ ห้า หก…จนหมดขวด

 

มือหนายังคงรินเหล้าให้อีกคนเรื่อยๆ โดยที่ดวงตาคมยังคจ้องมองใบหน้านวลไม่วางตา ริมฝีปากสีสดแสยะยิ้มขึ้นด้วยความพอใจที่อะไรๆ เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก

 

เมื่ออีกฝ่ายเริ่มกรึ่มได้ที่ร่างหนาก็รีบเข้าไปประคองร่างบางไว้ทันที…

ฮยองวอนส่งยิ้มให้อีกคนอย่างลืมตัว ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

 

“นายชอบพี่สินะ…ฮยองวอน”

ประโยคคำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจากร่างหนาทำให้ฮยองวอนสะดุ้งโหยง จากที่กรึ่มๆอยู่ถึงกับตาสว่างในทันที มือเรียวออกแรงผลักร่างอีกคนเข้าโครมใหญ่แล้วรีบลุกขึ้นยืนจนสุดความสูง

 

“ผะ…ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ว่าพลางสาวเท้ายาวๆ ไปที่ประตู แต่กลับถูกอีกคนออกแรงดันจนร่างบางๆ กระแทกเข้ากับกำแพงข้างประตูเต็มแรง

 

ฮยองวอนทรุดลงกับพื้นเมื่อความเจ็บจากการกระแทกกับผนังแผ่ซ่านไปทั่วหลัง ก่อนจะรู้สึกตัว ลมหายใจร้อนๆจากอีกคนก็กระทบเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างจัง

“ว่าไง…” ดวงตาคมตรงหน้าที่จ้องเขาไม่วางตาทำให้ร่างบางทำอะไรไม่ถูก พยายามหลบตาอีกฝ่ายแต่ก็ถูกมือหนาเชิดคางขึ้น บังคับให้เขาเผชิญหน้ากันตรงๆ

“ผมไม่ได้…” เมื่อสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้จึงพยายามที่จะปฏิเสธแทน แต่ก็ต้องถูกอีกคนขัดขึ้นอีกครั้งด้วยประโยคที่ทำให้เขาตกตะลึงที่สุดในชีวิต

 

 

“แต่พี่ชอบนาย”

 

 

“….”

“จะไม่ตอบอะไรพี่หน่อยเหรอ”

เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย โซซอกก็เลือกที่จะถามขึ้นอีกครั้ง แต่คำตอบที่รับกลับทำให้เขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

“แต่ผมเป็นผู้ชาย…”

 

 

“พี่ก็ผู้ชาย”

 

“แล้วทำไม…”

 

“นั่นสิ ทำไม…”

 

สิ้นคำตอบ มือหนาก็ปล่อยคางมนให้เป็นอิสระ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง ก่อนจะยีหัวตัวเองลวกๆ เป็นการระบายอารมณ์ที่ไม่ได้คำตอบจากอีกคนเสียที

 

“พี่คงคิดผิดเองที่นึกว่านายเองก็ชอบพี่เหมือนกัน…” โฮซอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงระคนผิดหวัง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้อีกคน

“ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ต้องรู้สึกแปลกๆ กลับบ้านดีๆ….”

 

 

ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคดี ใบหน้าคมก็ต้องยกยิ้มขึ้นมาด้วยความพอใจ เมื่อร่างบางที่นั่งนิ่งมานานลุกขึ้นมาปิดประตูแล้วกดล็อก พร้อมกับเอ่ยประโยคที่เขาอยากได้ยิน

 

“ผมเองก็ชอบพีเหมือนกัน ชอบมานานแล้วด้วย ชอบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยด้วยซ้ำ”

 

ประโยคบอกรักถูกเอ่ยขึ้นรัวๆผ่านริมฝีปากอิ่ม พร้อมๆกับแขนเรียวที่เอื้อมมากอดเขาเข้าที่ด้านหลัง ไม่นานนักคนโดนบอกรักก็ต้องรู้สึกอุ่นๆ ที่หลังเมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากดวงตากลมโต พร้อมกับเสียงสะอื้นน้อยๆจากอีกคน

 

โฮซอกหันหน้าไปหาฮยองวอน จับไหล่บางเบาๆ แล้วดันไปที่เตียงขนาดคิงไซส์ ก่อนจะ…แสยะยิ้ม

 

ลิ้นร้อนถูกส่งไปสัมผัสกับผิวหน้านวลเพื่อซับน้ำตาทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยง ดวงตากลมโตเบิกโพลงอีกครั้งกับท่าทีของคนตรงหน้า ก่อนจะสะดุดเข้ากับรอยยิ้มแปลกๆ ที่เขาเคยคิดว่าตาฝาดไป

 

“นายน่ะ น่ารักมากเลยนะ…” ร่างหนาเอ่ยชมคนตรงหน้าที่ยังคงทำหน้าฉงนไม่เลิก พร้อมกับกวาดมือหนาเข้ารวบข้อมือบางเอาไว้เหนือหัว

 

“…”

“ยิ่งตอนร้องไห้ก็ยิ่งน่ารัก…”

 

จบประโยค ฮยองวอนก็รู้สึกได้ถึงแรงรัดตรงข้อมือบาง แล้วจะโพล่งถามอีกคนด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก

 

“พี่มัดผมทำไม…”

ร่างหนาไม่ตอบคำถาม ก้มลงไล้ริมฝีปากสีสดตามใบหน้านวล ก่อนจะประกบปากกับริมฝีปากอิ่มตรงหน้า ส่งลิ้นร้อนเข้ารุกรากอีกคนอยางรุนแรง ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะความตกใจหรือไม่ชิน คนหน้าหวานจึงได้เผลอกัดริมฝีปากของเขากลับคืน

 

“ผ…ผมไม่ได้ตั้งใจ” ดวงตากลมโตจ้องมองอีกคนด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเห็นเลือดสีสดที่ริมฝีปากของโฮซอก แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะเข้ารุกรานร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง

 

“อึ่ก!”

ลิ้นร้อนยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดี ควานลิ้มรสความหวานจากร่างบางตรงหน้า รู้สึกพอใจไม่น้อยกับรสคาวของเลือดที่เจือปนอยู่

 

 

ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายเริ่มดิ้นน้อยๆ เห็นดังนั้น ร่างหนาที่คร่อมทับอีกฝ่ายอยู่ก็จัดแจงส่งมือหนาเข้าแหวกขาเรียวออกจากกันแล้วแทรกตัวเข้าไปแทนที่ทันที

 

ดวงตากลมโตเบิกโพลงอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเริ่มทำการปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างบางๆ ของตน ก่อนจะดิ้นขลุกขลั่กเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก

 

“แฮ่กๆ” เสียงหอบกับใบหน้าแดงก่ำจากคนใต้ร่างเรียกรอยยิ้มจากโฮซอกได้ไม่น้อย ส่วนมือหนาก็ยังคงปลดเปลื้องอาภรณ์ของอีกคนแล้วโยนทิ้งลงที่ข้างเตียง พลางเลื่อนเข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายที่เริ่มตื่นตัวน้อยๆ แล้วเช่นกัน

 

“อ๊ะ!” คนหน้าหวานเผลอครางเบาๆเมื่อถูกกอบกุมส่วนอ่อนไหวพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง พยายามบิดต้นขาเข้าหากันเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายล่วงล้ำได้ถนัด แต่กลับถูกร่างหนาดันเอาไว้เต็มแรง มิหนำซ้ำ ริมฝีปากอิ่มยังถูกครอบครองเอาไว้เสียอีก

 

เมื่อลิ้มความหวานเป็นที่พอใจแล้ว ริมฝีปากสีสดก็ไล้ลงมายังลำคอระหงส์ กดจูบหลายครั้งจนร่างบางถึงกับครางกระเส่า แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดเมื่ออีกฝ่ายขบกัดเขาเข้าอย่างแรง

“เจ็บ…”

ไม่ทันที่จะเอ่ยปรามอีกฝ่ายได้นานนัก ยอดอกสีหวานก็ถูกครอบครองไว้แทบจะในทันที

 

ดวงตาคมลอบมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่กำลังเม้มปากเอาไว้แน่น พยายามหันหน้าไปซุกกับหมอนเพื่อกลั้นเสียงของตนเอาไว้อย่างพึงพอใจ ก่อนจะไล้ริมฝีปากไปตามร่างบางแล้วขบกัดตามส่วนต่างๆ อย่างแรงด้วยรอยยิ้ม

 

…อ่า…น่ารักชะมัด

 

โฮซอกลอบคิดในใจ แล้วขยับมือหนาที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ให้แรงขึ้นด้วยเช่นกัน

 

 

“อื้ออออออ” เสียงครางที่พยายามกลั้นไว้ถูกส่งออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ใบหน้านวลสะบัดไปมา ก่อนจะเอ่ยปรามอีกฝ่าย

“พ…พอก่อนครับ” แต่เรี่ยวแรงที่หดหายและคำเอ่ยปรามกลับกลายเป็นรั้งอีกฝ่ายให้มอบสัมผัสอย่างต่อเนื่อง

 

“พี่โฮซอก…ผ…ผมว่าเรา… อื้ออออออออ” ฮยองวอนพยายามเอ่ยปรามอีกครั้ง แต่คราวนี้ริมฝีปากอิ่มกลับถูกปิดด้วยเนกไทด์ของอีกฝ่าย รู้สึกเจ็บไม่น้อยที่จู่ๆก็ถูกรัดปากเอาไว้

 

ริมฝีปากสีสดยกยิ้มขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆ รื้นอยู่ตรงดวงตากลมโต ก้มลงกดจูบแล้วโลมเลียเข้าที่ดวงตาคู่สวยที่ปิดลงทันทีที่เขาสัมผัส แค่นหัวเราะน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายโอนอ่อนตามเขาง่ายๆ โดยไม่ขัดขืนเหมือนดั่งตอนแรก

“น่ารักจังนะ ฮยองวอน…” พูดจบก็กดจูบเข้าที่แก้มนวลไปหนึ่งฟอด

 

คนที่คร่อมทับอยู่กระซิบทั้งที่ริมฝีปากยังคงคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากอิ่ม แผ่นอกสีนวลถูกบีบคลึงอย่างหนักหน่วง ก่อนริมฝีปากร้ายกาจจะเคลื่อนตามลงมาครอบครองยอกอกสีหวานทั้งสองข้างสลับไปมาจนเปลี่ยนเป็นสีเข้ม แล้วขบกัดดังเช่นก่อนหน้านี้

 

ส่วนกายท่อนล่างก็ถูกเสียดสีโดยตรง ร่างบางที่บัดนี้เปลือยเปล่า ถูกเล้าโลมเสียจนสติสัมปชัญญะกระเจิดกระเจิงแอ่นกายรับสัมผัสจนอีกคนย่ามใจ

 

มือหนาอีกข้างหนึ่งป่ายต่ำแล้วกอบกุมส่วนอ่อนไหว ขยับโยกเป็นจังหวะช้าเร็วสลับกันไปอีกครั้ง ก่อนจะหยุดแล้วเอาเนกไทด์ของอีกคนที่เพิ่งปลดเปลื้องออกมารัดไว้จนร่างบางสะดุ้งเกร็ง

 

ฮยองวอนที่ตอนแรกยอมอยู่นิ่งๆให้อีกคนมอบสัมผัสร้อนให้พยายามสะบัดตัวเป็นเชิงขัดขืน แต่อีกฝ่ายหาได้สนใจหรือก็เปล่า ลุกขึ้นเดินไปทางตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเลื่อนกล่องปริศนาออกมา แล้วหยิบอุปกรณ์ที่ทำให้ดวงตาที่โตอยู่แล้วของร่างบางต้องเบิกโพลงหนักกว่าเก่า

 

…สายรัดหนังสำหรับ BDSM…

 

ร่างบางส่ายหน้ารัวทันที รู้ตัวว่าอีกไม่กี่อึดใจ อุปกรณ์พวกนั้นจะต้องถูกใช้กับเขาเป็นแน่…

 

แค่รสนิยมแบบรุนแรงของโฮซอกก็ทำให้เขาตกใจไม่น้อยอยู่แล้ว แต่นี่เล่นมีอุปกรณ์มาเต็มสูบแบบนี้ เห็นทีเขาคงช้ำใน…

 

คนหน้าหวานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่จนอีกคนถึงกับชะงักไปชั่วครู่ จรดริมฝีปากอุ่นคลอเคลียอยู่ที่หูของร่างบางก่อนจะเอ่ยพูดกับอีกฝ่าย

“อย่าทำหน้าผิดหวังใส่พี่แบบนั้นสิ เห็นแล้วมันอยากแกล้งมากกว่าเดิมนะ…”

 

พูดจบก็ส่งมือหนาเข้ากระชากผ้าที่ปิดปากร่างบางอยู่กดจูบอย่างรุนแรงจนอีกฝ่ายออกอาการหายใจไม่ทัน หอบแรงๆ จนตัวโยนจึงได้หยุด

“อึ่ก” คนหน้าหวานกลั้นเสียงสะอื้นตัวเองเอาไว้ กลัวอีกฝ่ายจะแกล้งเขามากกว่าเดิม

“ถ้านายเชื่อฟังพี่ดีๆ วันนี้พี่จะยังไม่ใช้ของพวกนั้นก็แล้วกันนะ…” โฮซอกพูดพลางยกมือหนาขึ้นไล้ไปตามใบหน้านวลอย่างเบามือ

 

ฮยองวอนรีบพยักหน้ารับทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ แล้วเริ่มพูดแทรกด้วยเสียงอันเบาหวิว หวังว่าอีกฝ่ายจะยอมฟังคำขอของตนบ้าง

“ก…แก้มัดผมด้วย…ได้หรือเปล่าครับ…”

“อืม...ก็ได้”

เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ ริมฝีปากอิมก็ยกยิ้มขึ้นแทบจะทันที

 

 

สิ้นประโยคมือหนาก็จัดการแก้มัดที่ข้อมือบางและส่วนอ่อนไหวของอีกคนออก แล้วจัดแจงให้อีกฝ่ายเอามือโอบรอบลำคอแกร่งของตนเอาไว้ ก่อนจะส่งมือหนาอีกข้างหนึ่งป่ายต่ำแล้วกอบกุมส่วนอ่อนไหว ขยับโยกเป็นจังหวะช้าเร็วสลับกันไป

 

“อ๊ะ!..เดี๋ยวก่อน…ผม…อึ่ก” ฮยองวอนที่เพิ่งถูกปลดพันธนาการร้องท้วง มือบางที่เกาะบนบ่ากว้างออกแรงบีบน้อยๆ นัยน์ตาหวานปรือปรอยเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ ทว่าความจริงที่ต้องประจักษ์คือความรู้สึกหวามไหวที่เขามีต่อคนตรงหน้า มือหนาที่เขาหลงใหลนั้นช่างร้อนแรงจนเขาแทบหลอมละลาย ริมฝีปากที่ประดับบนใบหน้านวลของคนที่ถูกคนหน้าคมฝากรอยรักไว้ทั่วจนกายนวลขาวบิดเร่า

 

…ตอนนี้ไม่ว่าพี่โฮซอกจะพาเขาไปนรกหรือสวรรค์..เขาก็ยินดี…

 

“อื้อ…พี่โฮซอก...ผม…จะไม่ไหวแล้ว…อ๊า!” คนน่ารักหยัดกายขึ้น ซบหน้าลงกับลำคอขาวซีดของอีกฝ่าย

เพียงมือหนาดึงรั้งอีกไม่กี่ครั้ง หยาดหยดแห่งอารมณ์ก็หลั่งริน ดวงหน้าหวานภายหลังได้รับการปลดปล่อยขับกับแสงไฟสีส้มจากภายนอกห้องดูงดงามราวกับประติมากรรมชิ้นเอกจนอีกคนเผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

 

ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ไม่มีโอกาสได้พักหายใจนานนัก กางเกงขายาวของคนบนร่างที่ถูกปลดออกตอนไหนไม่รู้ถูกเตะทิ้งไปที่ปลายเตียง รู้สึกตัวอีกทีแกนกายอันขึงขังของคนตรงหน้าก็สัมผัสกับช่องทางสีหวานของเขาโดยไร้สิ่งใดขวางกั้น

 

การเล้าโลมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ทุกการกระทำนั้นเต็มไปด้วยความกระหาย กลิ่นกายหอมบริสุทธิ์ของคนใต้ร่างทำให้ชายหนุ่มไม่อาจกักเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป

 

นิ้วแกร่งลูบไล้ไปตามช่องทางสีหวานก่อนจะค่อยๆ แทรกนิ้วลงไปจนอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะจิกเล็บลงบนไหล่กว้างเพื่อระบายความเจ็บปวด เมือเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ริมฝีปากสีสดก็ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะกระซิบบอกรักอีกฝ่ายด้วยเสียงอันแหบพร่า

“พี่รักนายนะ ฮยองวอน”

สิ้นประโยคร่างบางก็ต้องกัดฟันกรอดเมื่ออีกฝ่ายแทรกนิ้วเข้ามาถึงสามนิ้วในทีเดียว ก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ อย่างรุนแรง

 

 

“อื้ออออออออ” ฮยองวอนพยายามสกัดกลั้นเสียงตัวเอง เม้มปากแล้วขบฟันเอาไว้เพื่อระบายความเจ็บปวด หยาดน้ำใสๆ ยังคงไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยเช่นเดิม

 

ไม่ทันที่คนน่ารักจะได้ตั้งตัว นิ้วทั้งสามก็ถูกแทนที่ด้วยความเป็นชายของอีกฝ่าย

 

“อ๊า!!” เสียงร้องของอีกฝ่ายถูกสกัดกั้นด้วยจุมพิตแสนหวาน โฮซอกรอกระทั่งคนใต้ร่างคุ้นชินจึงค่อยๆ ขยับเป็นจังหวะเนิบช้า กัดฟันกรอด พยายามสกัดกั้นอารมณ์ของตนเองเอาไว้ แม้ภายในกายอีกฝ่ายจะโอบรัดแน่นจนเขาแทบคลั่งก็ตาม

 

“พ…พี่โฮซอก…อ๊ะ..อ๊า!” คนใต้ร่างครางเสียงหวานเมื่ออีกฝ่ายกระแทกกายถูกจุดศูนย์รวมแห่งอารมณ์

ความเจ็บปวดจึงถูกแทนที่ด้วยความสุขสม สองแขนโอบรอบคอคนที่อยู่ด้านบน มิวายจิกเล็บเข้าที่แผ่นหลังกว้างเพื่อระบายอารมณ์ ในขณะที่เรียวขาถูกจับให้โอบรอบเอวหนาเอาไว้

 

“พี่รักนายนะ รักมานาน นานจนนายไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ” คนเป็นพี่กระซิบบอกคนในอ้อมแขน แล้วโถมกายเต็มกำลังเหมือนลูกคลื่นที่สาดซัดในท้องทะเลที่บ้าคลั่ง

 

ร่างหนาขยับเข้าออกแรงๆ อีกไม่กี่ครั้ง คนทั้งสองก็ไปถึงจุดมุ่งหมาย น้ำรักสีขาวขุ่นถูกปล่อยออกมาจนเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอนสีควันบุหรี่ ถึงกระนั้นเจ้าของเตียงหาได้ขุ่นเคืองใจหรือก็เปล่า ยังคงกอดรัดคนใต้ร่างด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขพอๆ กันกับคนใต้ร่างที่พอเห็นโฮซอกยิ้มให้ก็ฉีกยิ้มหว้างส่งให้อีกคนกลับมา จนร่างหนาอดไม่ได้ที่จะส่งมือหนาเข้าไปยีหัวเล็กๆ เล่น

 

ไม่นานนักดวงตากลมโตที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาก็ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆเหมือนคนหมดแรง ซึ่งคนร่างหนาก็เลือกที่จะกระชับอ้อมแขนให้อีกคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แล้วเอนกายเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยเช่นกัน

 

.

 

 

.

 

 

.

 

แสงแดดยามอรุณรุ่งลอดผ่านผ้าม่านสีเบจเข้ามายังเตียงขนาดคิงไซส์ภายในห้องนอนที่เงียบสงัด ดวงตาอันหนึกอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ปรับโฟกัสสายตาให้ชัดเจน แล้วพยายามขยับร่างกายยันตัวเองขึ้นก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วตัว

 

หันไปมองที่ข้างกายก็ปะทะเข้ากับร่างหนาที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา ฉับพลันสมองน้อยๆ ก็เริ่มประมวลผลถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แล้วกุลีกุจอหมายจะกระโดดลงจากเตียงอย่างเลิ่กลั่ก แต่กลับถูกมือแกร่งคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน

 

“ถ้านายหนีล่ะก็ พี่จะจับมัดไว้กับเตียงทั้งวันเลย”

 

คนที่เพิ่งตื่นนอนเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาคมฉายแววไม่พอใจเท่าใดนักเมื่ออีกคนทำท่าจะลงจากเตียงไป

 

“ผมเจ็บ…” คนเด็กกว่าบ่นด้วยเสียงอันเบาหวิว หันไปมองอีกคนที่นอนแผ่หลาอยู่ข้างๆ ด้วยหวาดกลัวอยู่น้อยๆ

“ก็นายน่ารักนี่…” คนแก่กว่าเอ่ยตอบ ไล้นิ้วแกร่งไปตามรอยกัดบนเนื้อนวล แล้วเอี้ยวตัวไปกระซิบที่ข้างแก้มของคนคนน่ารัก

“ยิ่งมีรอยพวกนี้อยู่บนตัวก็ยิ่งน่ารัก”

 

พูดจบใบหน้านวลก็ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆทีในใจรู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้าแต่ความรักที่มีให้ก็ไม่ลดน้อยลงเลยแม่แต่นิด เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับคนชมก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มไปให้ร่างบางที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงมานอนนอนอยู่ข้างๆเขา ก่อนจะส่งแขนเข้าไปโอบอีกคนให้เข้ามาชิดกับอกแกร่ง

 

“ดีจังที่นายไม่เกลียดพี่”

“ทำไมผมถึงจะต้องเกลียดพี่ด้วยล่ะ” ฮยองวอนเอ่ยถามเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยแววตาสงสัย

“นายไม่โกรธเหรอที่พี่ทำรุนแรงกับนาย…” คิ้วหนาขมวดมุ่นพลางก้มมองคนในอ้อมแขน ก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ผิดหวังเหรอที่นิสัยภายนอกกับรสนิยมเรื่องบนเตียงของพี่มันผิดกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้น่ะ…”

 

ร่างบางก้มหน้าลงกับอกแกร่งแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยเสียงอู้อี้ในลำคอ

“ก็ผมชอบพี่ไปแล้วนี่นา…”

 

แม้จะก้มหน้าอยู่แต่แก้มแดงๆก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากดวงตาคมได้ โฮซอกมองคนในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่สมองคมจะหวนคิดถึงคนรักในอดีตแต่ละคนที่เลิกรากับเขาไปด้วยจุดจบที่ไม่สวยสักคน

 

จริงอยู่ที่เขาค่อนข้างจะป็อบปูล่า แต่ก็เพราะมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับนิสัยภายนอกที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายอบอุ่นนี่แหละที่ทำให้หลายๆ คนเข้าใจเขาผิดว่าเขาจะต้องเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนแน่ๆ ซึ่งพอได้ลองคบกันจริงๆ แล้ว รสนิยมเรื่องบนเตียงของเขาเองนี่แหละที่ทำให้คนรักที่ผ่านมาแต่ละคนของเขาต้องเข็ดขยาดกันไปเป็นแถบ

 

‘ผิดหวังชะมัด’

‘พี่มันโรคจิต’

‘เราเลิกกันเถอะ’

เป็นประโยคที่เขาได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน…

 

ใจจริงเขาเองก็เคยคิดที่จะเลิกมีความรักมาแล้วก็หลายครั้ง แต่สุดท้ายพอได้มาเจอกับฮยองวอนก็อดที่จะอยากแกล้งและทำความรู้จักไม่ได้

 

 

เขายังจำครั้งแรกที่ได้พบกับเด็กน่ารักคนนี้ได้ดี ดวงตากลมโตที่รื้นไปด้วยน้ำตาในขณะที่ยืนมองป้ายโฆษณาเกี่ยวกับการทอดทิ้งสัตว์เลี้ยง กับท่าทางเงอะๆงะๆ เมื่อถูกมอง ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้

 

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าโลกกลมพรหมลิขิตหรืออย่างไร เขาจึงได้ย้ายมาเป็นผู้จัดการแผนกของเด็กที่เขาสนใจอยู่พอดี หลังจากที่ได้รู้จักกันไปสักพัก เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าฮยองวอนเองก็มีใจให้เขาอยู่ไม่น้อย แต่เด็กนี่ก็ทึ่มเสียจนเขาเองหงุดหงิดใจ ทั้งควงผู้หญิงมาให้ลองหึงเล่น หรือแกล้งจีบคนอื่นต่อหน้า แต่ฮยองวอนกลับไม่มีทีท่าฟูมฟายเลยสักนิด จะแกล้งชวนให้ไปฉลองด้วยกันแล้วมอมเหล้าให้สารภาพรักก็ดันผิดแผนไปหมดเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ปฏิเสธเขาท่าเดียว

 

จากคนที่อยากแกล้งก็เลยกลายเป็นฝ่ายที่ต้องหงุดหงิดเสียเอง…

 

โชคดีที่คราวนี้ฮยองวอนยอมมาดื่มกับเขาโดยง่าย แม้แต่เขาเองก็อดประหลาดใจไม่ได้เหมือนกัน เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน จึงจัดการรวบหัวรวบหางเด็กทึ่มนี่เอาไว้ได้

คิดแล้วก็กระชับกอดอีกคนให้แน่นขึ้น จนร่างบางเริ่มดิ้นขลุกขลั่กในอ้อมกอดของเขา ก่อนจะลอบบ่นเสียงเบาๆ

“พี่บ้า…”

 

เพียงเท่านั้นชินโฮซอกที่กลั้นขำมานานก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะใส่คนที่ทำตัวเป็นเด็กน้อยในอ้อมกอด ส่งมือหนาเข้าไปยกร่างอันเบาหวิวของอีกคนขึ้นมาพาดทับร่างแกร่งของเขา ก่อนจะกดจูบลงบนแก้มนวลฟอดใหญ่โทษฐานทำตัวน่ารักไม่เลิก

 

“โอ๊ย…เจ็บๆๆ” ฮยองวอนโอดโอยขึ้นทันทีเมื่อมือแกร่งจับเข้าที่สะโพกมน ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับจากร่างหนาก็เป็นไปตามคาดคือนอนยิ้มให้เขาหน้าตาเฉย

 

“คบกันนะ”

 

ประโยคขอคบที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดใจอยู่ถึงกับชะงัก ดวงตาคู่สวยสบกับดวงตาคมที่ตอนนี้ไม่ได้ฉายแววขี้เล่นเลยสักนิด

“จะไม่ตอบพี่เหรอ…” เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนาน คนที่มั่นใจในตอนแรกก็เริ่มไมค่อยมั่นใจเสียแล้ว ถามย้ำอีกครั้ง คาดหวังคำตอบจากอีกฝ่าย

 

เมื่อรู้สึกตัว คนที่ทำให้เกิดเดดแอร์ไปครู่ใหญ่ก็พยักหน้ารับอีกฝ่ายแบบงงๆ จนคิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความไม่แน่ใจ

 

“นายมีสติดีนะ” คนแก่กว่าถามย้ำอีกครั้ง แต่คำตอบที่ได้รับกลับต้องทำให้เขาหัวเราะร่วน

“พี่ดีดหน้าผากผมทีสิ” พูดพลางทำสีหน้าราวกับว่าตัวเองกำลังฝันอยู่

“นายติงต๊องหรือเปล่าเนี่ย”

ถึงปากจะบ่น แต่ก็ทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ส่งนิ้วแกร่งเข้าไปดีดหน้าผากมนเข้าหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว…ทึ่มสมกับเป็นฮยองวอนจริงๆ

“โอ๊ย! เจ็บ!”

“นายนี่มันจริงๆ เล้ยยยยยยยยย!” เอ่ยพลางบีบแก้มป่องๆตรงหน้าเข้าเต็มรัก

มือเรียวพยายามปัดป้องแก้มของตัวเองเอาไว้เต็มที่ โถมตัวเข้าสู้อีกฝ่ายที่นอนอยู่ใต้ร่าง สุดท้ายเรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็ปราชัยให้กับอีกคนที่มีขนาดร่างกายใหญ่กว่าจนได้

 

ฮยองวอนหัวเราะคิกคักในลำคอ แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าการโดนโฮซอกขอคบด้วยเป็นเรื่องที่ราวกับความฝัน เคยคิดว่าตัวเองจะต้องอกหักแน่ๆ แต่ไม่เคยเตรียมใจเอาไว้เลยว่าอีกฝ่ายจะใจตรงกันแบบนี้

 

แม้นิสัยเรื่องบนเตียงของอีกฝ่ายจะทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ไปแล้วนี่นา พี่โฮซอกจะรุนแรงสักแค่ไหนเขาก็ยอมทั้งนั้น…

 

อยู่ในภวังค์ได้ไม่นานนักก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขึงบริเวณสะโพก ใบหน้านวลก้มลงมองสิ่งที่ตัวเองกำลังนั่งทาบทับอยู่แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้เขาแล้วยักคิ้วใส่อย่างคนเจ้าเล่ห์ เพียงเท่านั้น ฮยองวอนก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเพียงใด

 

ขาเรียวหยัดขึ้นเต็มความสูง หมายจะวิ่งหนีลงจากเตียง แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่กลับตัวขึ้นมาทาบทับเขาอาไว้ได้ทันท่วงที

 

ดวงตาคมจับจ้องใบหน้านวลไม่วางตา จรดริมฝีปากสีสดเข้ากับริมฝีปากอิ่ม แล้วเพลงรักบทใหม่ก็ได้ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้ง…

 

 

“Let’s go go
ไปกันเลยที่รัก
Everything is ready baby
ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วล่ะ
Let’s roll roll
มาเถอะนะ
Come in, come in but there’s no exit
เข้ามาข้างในสิ เข้ามาได้แต่วามันไม่มีทางออกหรอกนะ
That’s no no
ไม่ ไม่!
Are you kidding? I didn’t even start
เอาจริงดิ? นี่ฉันยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำนะ
Let’s burn burn
Come in, come in but there’s no exit
เข้ามาข้างในสิ เข้ามาได้แต่วามันไม่มีทางออกหรอกนะ”

 

---------------------------------------------- โปรดติดตามตอนต่อไปที่จะมาตอนไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ ------------------------------------

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว