BTS FIC : Officemate มนุษย์ออฟฟิศ KookV ft.BTS #กุกวีมนุดออฟฟิศ

แฟนฟิก

BTS FIC : Officemate มนุษย์ออฟฟิศ KookV ft.BTS #กุกวีมนุดออฟฟิศ

BTS FIC : Officemate มนุษย์ออฟฟิศ KookV ft.BTS #กุกวีมนุดออฟฟิศ

SuperVx10

แฟนฟิก

3
ตอน
4.1K
เข้าชม
62
ถูกใจ
4
ความคิดเห็น
20
เพิ่มลงคลัง

 

 

 

Officemate มนุษย์ออฟฟิศ KookV ft.BTS #กุกวีมนุดออฟฟิศ

 

Genre : Romantic Comedy

Writer : SuperV x 10

Twitter : @Supervx10

 

 

 

 

 

 

 

“นิยามของนนุษย์อะหรอ...สัตว์สังคมที่รักแต่ตัวเองล่ะมั้งครับ”

“นี่หลอกด่าฉันปะเนี่ย”

“เปล่านะครับผมหมายถึงทุกคนนั่นแหละ”

 

 

 

 

 

00

 

 

 

 

 

 

 

สวัสดีมนุษย์...

สวั...

สวัสดีครับมนุษย์อาแบบนี้แหละน่าจะเขียนแบบนี้ขอโทษด้วยที่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรนี่เป็นครั้งแรกกับการเขียนข้อความลง Naver Blog อันที่จริงผมลบและพิมพ์ใหม่อยู่หลายต่อหลายครั้งด้วยทักษะด้านภาษาที่ติดลบของผมแต่ก็หวังว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่แสนจำเจได้ว่าแต่ความจำเจและน่าเบื่อหน่ายของผมมันจะน่าสนใจยังไงกันนะผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมียอดอ่านมากกว่า 1 ครั้งรึเปล่าซึ่ง 1 ครั้งตามที่กล่าวก็คือตัวกระผมเอง

 

 

ผมชื่อคิมแทฮยองอายุ 26 ปีเป็นพนักงานบริษัทเกี่ยวกับโฆษณาแห่งหนึ่งในโซลผมเริ่มทำงานที่นี่ได้เกือบจะ 6 เดือนแล้วจะพูดไปมันช่างยาวนานเหมือนอยู่ในนรกเลยมีคนเลยเล่าว่านรกมีเวลายาวนานกว่าโลกมนุษย์ถึง 72 ชั่วโมงต่อวันซึ่งการทำงานของมนุษย์ออฟฟิศอย่างผมก็ให้ความรู้สึกยาวนานเช่นนั้นก็ไม่ปาน (แม้ว่าผมจะยังไม่เคยลงไปทัวร์นรกก็ตาม) งานของผมในบริษัทก็ไม่ใช่งานที่น่าเบื่อหน่ายเสียทีเดียวหรอกผมมีหน้าที่ประสานงานระหว่างบริษัทกับครีเอทีฟฟรีแลนซ์จะว่าง่าย ๆ บริษัทของผมคือสื่อกลางเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า(ผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการซึ่งหน้าที่นั้นไม่ใช่ของผม) แต่ผมมีหน้าที่ติดต่อกับคนที่จะสร้างสรรค์งานและเอาไปเสนอลูกค้าอีกทีหรือที่คนทั่วไปจะรู้จักผมในฐานะ AE นั่นแหละ Account Executive

 

 

 

 

 

 

นี่ผมเผลอพิมพ์อะไรที่น่าเบื่อออกไปอีกแล้วสินะ

 

 

พอเถอะคิมแทฮยองงานเขียนอาจจะไม่ใช่พรสวรรค์ของนาย...ผมบอกตัวเองก่อนจะปิดบล็อกไปโดยไม่ได้กดบันทึกบทความ

 

 

ระหว่างที่นั่งรอให้ความคิดตกผลึกเป็นคริสตัลอันล้ำค่าผมเผลอเหลือบสายตาไปที่โต๊ะข้าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นโต๊ะของเพื่อนร่วมงานนั่นเองบริษัทของผมไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าอะไรมากนัก แค่ลุกขึ้นยืนก็จะสามารถมองเห็นคนทุกตำแหน่งได้ยกเว้นผู้จัดการที่ห้องถูกกั้นออกไปอย่างมีสัดส่วนจากนั้นก็เป็นคุณป้าซูยองแม่บ้านฟรีแลนซ์ของที่นี่เธอทำงานเป็นกะ อย่าว่าอย่างนั้นเลยถ้าบริษัทสกปรกแล้วถึงจะโทรเรียกมาแบบนั้นจะดีกว่าผมเจอเธออาทิตย์ละครั้งสองครั้งเท่านั้น บางทีพนักงานอย่างฝ่ายบัญชีประชาสัมพันธ์หรือผู้ประสานงานลูกค้าอย่างผมก็รับจ๊อบเป็นแม่บ้านด้วย

 

 

บริษัทนี้มีการบริหารที่อบอุ่นราวกับครอบครัว

 

 

เขาขยำกระดาษที่ใช้เพียงหน้าเดียวทิ้งลงถังขยะ ผมนี่ก็สอดรู้สอดเห็นใช้ได้เขาที่ว่าก็คือเพื่อนร่วมงานของผม ‘กาก้าบ้ากาม’ เป็นฉายาที่ผมแอบเรียกเพียงในใจเท่านั้น (กาก้ามาจากนักฟุตบอลที่เขาชอบส่วนบ้ากามคือพฤติกรรม) แท้แล้วชื่อจริงของเขาก็คือ มินยุนกิ หนุ่มตี๋ตัวขาวจั๊วเหมือนเต้าหู้ มีมั่นหน้า 90% แชทคุยกับหญิงไม่ซ้ำหน้าเขาจะอัพเดทรายชื่อหญิงสาวที่เขาแอ๊วสำเร็จให้ผมฟังทุกวันหรือบางทีก็เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่อยู่แบบนั้นเห้อ...เขาดำรงดำแหน่งเป็นพนักงานฝ่ายบัญชีซึ่งไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้รับตำแหน่งที่ไม่เข้ากับอุปนิสัยของเขาเสียเลยก็หมอนี่หน่ะ...เอาเถอะครับข้ามประเด็นนี้ไปก่อนแล้วกันแต่นอกเหนื่อจากการแอ๊วหญิงเขานั้นชื่นชอบฟุตบอลเป็นอย่างมากเมื่อใดที่มีแมชหยุดโลกล่ะก็คุณจะได้ยินเสียงของเขาโวถึงทีมที่เขาสวามิภักดิ์ไปทั้งวันเป็นบุคคลที่มีความน่ารำคาญ 80% หากไม่รวมว่าเขาก็เป็นคนจริงใจ(กระมัง) หมอนี่ก็ไม่เลวร้ายอะไรนักหรอก

 

 

 

การนินทาคนในความคิดเป็นสิ่งที่สนุกและฆ่าเวลาได้ดีอีกอย่างมนุษย์มีนิสัยชอบทำตัวเป็นนักวิจารณ์กันอยู่ในสายเลือด หรือจะปฏิเสธ ? เริ่มคนที่นั่งตรงข้ามกับผมไปสามเท้าก้าวกันต่อคนนี้ผมเรียกเขาว่า ‘มินตับเหล็ก’ ชื่อจริงคือปาร์คจีมินฝ่ายการตลาดอายุ 25 ปีความสามารถพิเศษของเขาคือ ปิดยอดได้เป็นชวนเมา เลิกงานเป็นชวนเมา วันเกิดอาจุมม่าก็ชวนเมา กลาง

เดือนเงินยังไม่ออกก็ชวนเมา วันขอบคุณพระเจ้าก็ไม่เว้น เอาเป็นว่าเขาชอบสังสรรค์มากจนน่าประหลาดใจ เขาสามารถหาข้ออ้างเพื่อดื่มได้ทุกวัน ล่าสุดก็ซื้อเหล้าขาวใส่กล่องพร้อมหลอดดูดมาแจกเพื่อน ๆ ในออฟฟิศ หมอนี่มีมั่นหน้า 70% เขาอัธยาศัยดีมากเลยทีเดียวแต่กลับอกหักบ่อยจึงกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาชอบดื่ม(กระมัง)

 

 

 

“บุหรี่ของนาย” ผมสลัดตัวเองออกจากบทบาทนักนินทามืออาชีพกระทันหันเสียงของจองโฮซอกฉุดผมขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง “สามพันวอน” เขาส่งกล่องบุหรี่พร้อมกับทวงเงินทันทีทว่าใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆผมว่าโฮซอกควรได้อยู่แผนกบัญชีเสียมากกว่าดูเหมาะกับเขาดีฮาๆแต่งานด้านกราฟฟิกของเขาก็ดูดีไม่เลวเช่นนั้นงานกราฟฟิกก็เหมาะกับเขาแล้วล่ะ “ทอนด้วยสองพัน” ผมว่าเสียงเรียบปนกระแทกขณะยื่นธนบัตรฉบับห้าพันวอนให้เขาที่จริงผมสนิทกับเขาที่สุดในออฟฟิศก็เลยใช้คำพูดเสียมารยาทด้วยได้สำหรับหมอนี้แล้วฉายาเดียวที่ตรงทั้งใจทั้งปากคือ “โฮเกรียน” ผมเรียกเขาอย่างเปิดเผยโดยเขาก็ไม่เอาเปรียบผมนะครับเรียกมาเรียกกลับไม่โกง “แทกาก” นั่นคือชื่อเล่นน่ารักๆของผมเรามีนัดนอกรอบกันเสมอในเกมออนไลน์นั่นคือที่มาของฉายาของเรานั่นเอง

 

 

 

เราถกกันเล็กน้อยถึงเรื่องราวในเกมที่ค้างคาเย็นนี้เรามีนัดสะสางกันต่อ ไม่นานนักโฮซอกจำต้องกลับไปประจำที่นั่งของตัวเองที่อยู่ถัดจากผมไปห้าเท้าก้าวนับจากขวามือไป ขณะที่คนอื่นต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขมักเขม่น ก็ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนเดียวที่ว่างงานก็มันไม่มีลูกค้าให้ต้องโทรคุยนี่หน่า อีเมล์ผมก็ส่งหมดแล้ว อันรวมไปถึงการกำจัดอีเมลขยะด้วยหน่ะนะ เราก็จะมีเวลาว่างมาทำอาชีพเสริมกันต่ออาชีพเสริมที่ไม่ได้ตังค์ ‘นักนินทา’ แต่มันสนุกและท้าทายมากเรื่อยๆเมื่อคุณสามารถขุดเรื่องราวของบุคคลใดบุคคลนึงขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ ฮาๆ ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยที่ดีนักหรอก แต่คนนี้ต้องพูดถึงเขาเป็นคนที่จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาดกับ คิมซอกจิน คนนี้บอกเลยว่าภายนอกนั้นเขาช่างสมบูรณ์แบบเขาคือ ‘ภาพลักษณ์ของบริษัท’ (ขนาดนั้นเลย) เป็นฉายาที่คนทั้งออฟฟิศแห่กันยกให้เขานั่นเอง

 

 

ถ้าเปรียบเป็นวงนักร้องบอยแบนด์เขาก็คือหน้าตาของวง หน้าที่ของเขาคือคนประสานงานทั่วไปในออฟฟิศ และพ้วงอีกตำแหน่งก็คือ AE ซึ่งมีถึง 2 คนรวมถึงผมเขาจะทำหน้าที่ประสานงานกับลูกค้าในขณะที่ผมประสานงานกับครีเอทีฟจากที่ต่าง ๆ แต่ดูเหมือนซอกจินจะถูกวางตำแหน่งอีกหนึ่งตำแหน่งนั่นก็คือ ‘คู่แข่ง’ เขาเก่งไปเสียทุกเรื่องแถมยังมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น(หล่อว่างั้น ผมเปล่าอิจฉานะ) วาทศิลป์อันเป็นเลิศ มารยาทดีเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้บนโลก คนแบบนี้นี่แหละน่าวินิจฉัยเป็นที่สุด จากที่ผมได้กล่าวมา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัย ซึ่งเอาเข้าจริงผมก็เหมือนไม่เคยได้รู้จักเขาเลย ทั้งที่เราก็ต่างมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน เขาและผม เขาและเพื่อนร่วมงานอื่น ๆ ผมไม่รู้จักวิจารณ์เขาได้อย่างไร เพราะเขาไม่ยอมเผยตัวตนออกมาเสียที เช่นนั้นผมจึงขอปักหมุดเขาเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

 

 

มาที่คนสุดท้ายตัวละครเด็ดอีกตัวที่เราไม่พูดถึงเห็นจะไม่ได้เขาก็คือตัวละครผู้จัดการ เขาคือเจ้านายของเราทั้งหมดถ้าไม่รวมเจ้าของบริษัทที่เป็นเจ้านายของเขาและเราอีกทีหน่ะนะ คุณคิมนัมจุน บอสของเรานั่นเอง ที่จริงการนินทาเจ้านายก็เป็นเรื่องสนุกเราสามารถสร้างหัวข้อเรื่องในการนินทาได้อย่างหลากหลายและแตกหน่อมากมาย แต่สำหรับผู้จัดการคิมแล้วผมไม่อยากจะนินทาเขาเลยเขาเป็นคนดีคนหนึ่งที่น่าเลื่อมใสเขาทำหน้าที่ผู้ปกครองได้อย่างน่าชื่นชม แม้ในบางครั้งเขาจะสปอยล์คิมซอกจินอออกหน้าออกตามากไปก็เท่านั้นเอง เห้ย! ผมไม่ได้กำลังอิจฉาเขานะแต่มันน่าหมั่นไส้จริง ๆ นั่นแหละ ถึงผู้จัดการจะใจดีและไม่มีเรื่องให้น่าเอามาถกต่อแต่พวกเราก็มีกรุ๊ปคาทกลับๆ (วีโวมีเดีย NO MANAGER) ผมขอเรียกว่ากรุ๊ปแชทใจบาปก็แล้วกันครับ

 

ถึงไม่มีเรื่องให้น่านินทาเท่าไหร่นักอาจจะด้วยช่วงวัย (35) และบุคคลิกที่เป็นผู้ใหญ่รวมไปถึงบางเรื่องเขาก็ไม่ควรรับรู้เช่นการยักยอกกระดาษเอสี่กลับบ้านคนละรีมสองรีม หรือจะเป็นเศษเงินเหลือทอนจากงบกินเลี้ยงบริษัท(ซึ่งยุนกิเอามันไปบ่อยที่สุด) แม้กระทั้งหมึกปริ้นเตอร์ที่เราไปซื้อหมึกเติมแบบไส้กระสือมาแทนหมึกแท้อย่างที่ควรจะเป็น เอาล่ะเข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะครับว่ากรุ๊ปแชทนี้ใจบาปและไม่ควรมีผู้จัดการในนี้จริง ๆ แต่กรุ๊ปไลน์ดรีมทีมที่มีเขาอยู่ก็มีนะครับอันนั้นก็จะมีน้องพนักงานสาว ๆ สองสามคนในนั้นด้วยส่วนมากบทสนทนาก็จะไม่หลุดไปจากการประสาทงานและก็แอ๊วสาวมีสองหัวข้อใหญ่ ๆ เท่านั้นแหละครับ

 

 

 

ส่วนสาว ๆ อีกสองสามคนผมขอติดไว้ก่อนเดี๋ยวจะมานินทาต่อทีหลังตอนนี้ได้เวลาข้าวเที่ยงแล้วล่ะครับมีคนมาส่งข้าวแล้วล่ะ

 

 

 

“ข้าวเที่ยงมาแล้วครับ” เสียงเจือหอบของพนักงานส่งข้าวกล่องดังขึ้นประหนึ่งสวิทช์ปิดเปิดการทำงานของคนทั้งบริษัทไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการนอนและอาหารนี่แหละนะมนุษย์รวมถึงตัวผมเองที่กำลังเดาให้เสร็จก่อนที่จะมีคนอ้าปากถามว่าอาหารวันนี้มีอะไรกินบ้าง

 

 

เดาไปว่าบิบิมบับ(ข้าวยำ) แน่นอนผมหรี่ตามองกระเป๋าเก็บความร้อนใบสีแดงที่กำลังถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว “อะไรอะ” ว่าแล้วไงมีคนถามขึ้นมาจนได้

 

 

“บิบิมบับครับผม” พนักงานส่งข้าวตอบหน้าระรื่นก่อนจะยิ้มมาทางแทฮยองเด็กหนุ่มหน้าใสเหมือนจะอ่านใจแทฮยองได้อย่างไรอย่างนั้นแต่แท้จริงแล้วแทฮยองก็แค่เปรยๆไว้เมื่อวานว่าอยากทานข้าวยำขึ้นมาแต่ไม่คิดว่าจะเป็นบุญปากในวันนี้

 

 

“ของคุณฮะของคุณของคุณพี่ของพี่สาวของผู้จัดการแล้วก็ของพี่” เด็กหนุ่มแจกจ่ายข้าวกล่องให้ทุกคนโดยการเดินเสิร์ฟถึงที่กระนั้นเขากลับส่งมอบข้าวกล่องให้กับคนที่อยากกินที่สุดเป็นคนสุดท้ายด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้แวะคุยกับเขานานๆ

 

 

“เอาจริงดิไม่คิดว่าจะได้กินนะเนี่ย” เป็นแทฮยองที่เอ่ยปากขึ้นก่อน

 

 

“ถ้าพี่อยากกินอะไรก็บอกได้เลยนะครับผมจะกำชับแม่เป็นพิเศษ” เด็กหนุ่มส่งข้าวนี้ไม่ธรรมดาเขาเป็นลูกเจ้าของร้านอาหารที่อาสาช่วยครอบครัวขับรถมอร์เตอร์ไซค์ส่งข้าวกล่องในเวลาที่ว่างเว้นจากการเรียนเขาเท้าแขนบนโต๊ะของแทฮยองอย่างตั้งใจอันนี้รวมไปถึงตั้งใจมองหน้าเขาขณะที่กำลังตื่นเต้นกับอาหารพื้น ๆ อย่างข้าวยำด้วย

 

 

“มองไรวะไม่กลับไปเรียน?” แทฮยองชะงักเมื่อรังสีของการถูกถ้ำมองรุนแรงเสียเหลืออด

 

 

“ขอดูพี่กินก่อนไม่ได้หรอนี่แม่ผมตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะครับอ่อของพี่ให้ไข่ดาวสองฟองเลยนะ” เด็กหนุ่มป้องปากกระซิบกระซาบตอนท้ายประโยค

 

 

“เดี๋ยวก็ถีบให้ไปเรียนได้แล้วไป!” แทฮยองเพยิดใบหน้าเป็นเชิงขับไล่

 

 

“ก็ได้งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ผมแวะมาใหม่นะ” เด็กหนุ่มยินยอมอย่างว่าง่ายเขาโพล่งประโยคสุดท้ายออกมาโดยไม่หันไปมองหน้าคู่สนทนาเลยสักนิด แม้ว่าใบหน้าของแทฮยองจะบิดเบี้ยวไปด้วยความหงุดหงิดและสับสน แต่นั่นเป็นสาเหตที่เด็กหนุ่มเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย” แทฮยองส่ายหัวระรัวร่วมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปมเด็กส่งข้าวคนนั้นคิมจองกุกเด็กหนุ่มที่ไม่มีได้ปฎิสัมพันธ์กันในรูปแบบเพื่อนร่วมงาน แต่ก็นับเป็นความสัมพันธ์แบบฟรีแลนซ์ที่ผูกพันคล้าย ๆ กับป้าซูยองแม่บ้านของบริษัทแต่ดูเหมือนจะพิเศษกว่าหน่อยเพราะว่าเด็กหนุ่มหน้าตาสลักเสลาคนนี้มาปรากฎตัวกวนสายตาอยู่เสมอ

 

 

 

“ไว้ฉันจะนินทานายให้หนักกว่าใครแน่ จอนจองกุก!”

 

 

แท็ก #กุกวีมนุดออฟฟิศ

 

 

ทอล์ค : สวัสดีค่ะแฮะ ๆ ขอฝากผลงานไว้หน่อยนะคะสามารถเม้นท์วิจารณ์ติชมได้นะคะไว้จะรีบมาอัพเร็ว ๆ มีคนอ่านแค่คนเดียวก็ดีใจแล้วจะมาอัพให้จบน้า

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว