พรานบุญ ชุด ผจญภัยวัยหนุ่ม ตอนบ้านภูติ

แฟนตาซี

พรานบุญ ชุด ผจญภัยวัยหนุ่ม ตอนบ้านภูติ

พรานบุญ ชุด ผจญภัยวัยหนุ่ม ตอนบ้านภูติ

พันธุ์

แฟนตาซี

1
ตอน
1.33K
เข้าชม
65
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
2
เพิ่มลงคลัง

ตอน บ้านภูติ

 

คราวนั้นพรานบุญศิษย์มหาปัญจฤาษีกัสสปะ  เพิ่งเรียนจบสำเร็จวิชา ก็ดั้นด้นเดินทางผ่านป่าเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านเมืองของตน  ด้วยวัยหนุ่มมีกำลังดุจช้างสาร พรานบุญเลยเดินทางได้วันหลายสิบโยชน์ ใครมาประสบพบตน  ก็ประกอบผลทำตนมีประโยชน์แก่ผู้นั้น   หลังจากแบกช้างบาดเจ็บวิ่งไปหาหมอฑีฆายุที่ตักกศิลา  ก็กลับมาพบม้าป่าถูกเสือร้ายกัดหมายชีวิต   พรานบุญเลยช่วยแบกมันขึ้นบ่าพาวิ่งหนี ไปรักษา   พรานบุญคนใจกล้า   เดินทางเที่ยวในป่าตามความสำราญเบิกบานใจ ไปทางไหนก็มีมิตรเป็นสัตว์วิเศษนานา คอยให้การต้อนรับ ยุคสมัยเรืองเวทย์ป่าไหน ๆก็มีสัตว์วิเศษเที่ยวท่องทั่วไปให้คลาคล่ำไปหมด คนธรรมอาจไม่รอดชีวิตเมื่อผจญอันตรายนานาจากทั้งสัตว์ป่าพืชพิษและเหล่าผีปีศาจฯลฯ

พรานบุญเสร็จภาระกิจช่วยสัตว์ป่า ก็ดั้นด้นท่องเที่ยวไปตามประสาคนหนึ่มผู้แก่กล้าวิชา  จวบจนมาถึงถิ่นนั้น มันเป็นสถานที่ดูรกทึบแปลกตา เป็นป่าดิบดึกดำบรรพ์ มีเถาวัลย์พันเกี่ยวดูเลี้ยวลด ป่าทั้งหมดดูอึมครึมเหมือนค่ำคืน   แสงอาทิตย์ส่องไม่ต้องพื้น  จึงอบอับ ด้วยหมอกควันแลพันธุ์พืชมีพิษร้าย   มีซากศพคนตายดูก่ายกอง   มีสายตาหลายคู่แอบจ้องมองจากไพรพฤษ์

พรานบุญหยั่งรู้ด้วยทิพย์ญาณ ที่เฝ้าเพียรฝึกฝนมานานจนช่ำชอง   ที่นี่มีจิตมุ่งร้ายหมายปองเอาชีวิต เป็นอันตรายแก่สัตว์และมวลมิตรทั้งหลาย พรานบุญจึงย่างกลายมาลองดี ว่าสถานที่นี่มีคุณโทษอย่างไร

หลับตาโอมอ่านโองการอัญเชิญทิพยมนต์เบิกเนตร  ให้เห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงกระจ่างสว่างใจว่า สถานที่นี้เคยมีคนตายนับพันนับหมื่น ด้วยโรคร้ายระบาดกัดกินผู้คนถึงตับไตไส้พุง  จวบจนถึงกระดูก ซากศพจึงล้วนกลายเป็นภูติกระดูกดำ ผู้ที่ผ่านมาหากรอดไปได้  จึงขนานนามสถานที่นี้ว่าบ้านภูติ เป็นแหล่งซ่องสุมดวงวิญญาณร้าย สถานที่สุดอันตรายอีกแห่งหนึ่งในแดนดิน  ไพรลึกลับทมิฬมืดขยายตัวแผ่ความมืดมิดออกมาทุกวัน จนขยายครอบคลุมผืนป่าไปทั่ว  เพราะมันกักเก็บเอาดวงวิญญาณทุกทรมาน คับแค้นและชั่วร้ายไว้มากเกินไป

ณ มุมหนึ่งทางทิศใต้ เบอกาม็อทพ่อมดร้าย กำลังร่ายคาถาเวทย์มนต์เพื่อสูบพลังภูติเข้าตัว ตามหลักตำราวิชาภูติมนต์ จะมีที่ไหนน่าฝึกวิชาเท่าที่นี่ เมื่อทุกพื้นที่เต็มไปด้วยภูติผีเคราะห์ร้าย   ตายด้วยกาฬโรคจนกระดูกดำ คราวนั้นแม้อธิบดีเทพก็แอบจับตาด้วยความกังวล   หากผู้ใดฝึกภูติมนต์สำเร็จ แม้วิษณุมนต์แห่งเทพก็ไม่อาจต้านทาน  โลกอาจถึงกาลอวสานในเร็ววัน  มิทันที่พระอริยสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาเสด็จอุบัติ เพื่อสั่งสอนหมู่สัตว์ให้พ้นทุกข์ภัย อาจถึงขั้นล้างบางสร้างวงศ์กันใหม่เป็นแน่แท้

คราวนั้นอธิบดีเทพจึงมอบหมายงานให้พรานบุญผู้ใจกว้าง  เชิญท่านลงมือล้างอาถรรพ์ก่อนถึงวันสุริยุปราคาที่จะมาถึง  ชะตาโลกจึงฝากไว้ในมือของพรานบุญผู้หนุ่มน้อย ด้วยประการฉะนี้

เจ้าเบอกาม็อทจอมเวทย์เล่าก็เชี่ยวชาญในสัจจอธิษฐานยิ่งนัก มีตบะเดชะที่ได้สั่งสมมาอย่างยาวนานนับพันปี

พรานบุญหนุ่มน้อยจะมีอะไรไปต่อตีเข้าสู้  เมื่อเห็นเป้าหมายและประเมิณกำลังแล้ว พรานหนุ่มจึงใช้ปัญญาเข้าแก้ไข จึงอัญเชิญคาถามหาเวทย์บรมครูโพธิสัตว์ เชิญปัญจมหาฤาษีผู้อาจารย์มาปรึกษา

“ท่านอธิบดีเทพ มอบหมายภาระมาในมือของกระผม จะให้ทำอย่างไรกันดี ขอรับ”

“เรื่องเวทย์มนต์คาถาและพลังวิชา เจ้าอาจสู้ไม่ได้ แต่กลศึกเอาชนะได้ด้วยปัญญา  บัณฑิตจึงกล่าวว่าปัญญาเป็นยอดเยี่ยมในโลก ท่านกัสสปะพุทธามหาฤาษีกล่าวไว้”

พรานบุญจึงได้ความคิด เกิดสติปัญญา เรารึก็อุตส่าห์ร่ำเรียนวิชาแปลงร่างมา ต้องลองใช้  เลยแปลงร่างกายกลายเป็นยุง บินหวี่ ๆ ร้องเรียกพี่ทุกคำ  พี่ ๆๆๆๆๆๆ  ไปทำลายพิธี ทำลายสมาธิของพ่อมด

คราวนั้นเบอกาม็อทกำลังคร่ำเคร่งเร่งลมปราน เพื่อสูบเอาวิญญาณเจตภูติ โลกถึงกับหยุดเคลื่อนไหว เส้นทางเคลื่อนไปทับจันทราเกิดสุริยุปปราคาในกลางวัน จึงเริ่มสุบเอาวิญญาณภูตินับพันมาเข้าตัว เพื่อความชั่วร้ายจะได้เพิ่มพูนจะได้ทวีคูณฤทธิ์ร้ายแรง  ต้องมาสะดุดเพราะเสียงราวกับแมลงหวี ร้องเรียกพี่ทุกคำ  พี่ ๆๆๆๆ แถมยังกัดย้ำดูดเลือด เอาน้ำลายมีเชื้อคันมาฝาก  พรานบุญเลยแยกกายหลายหลากเป็นยุงทั้งฝูง เหล่าอาจารย์ก็ช่วย ไปชวนยุงทั่วแผ่นดินให้มากัดกินเบอกาม็อท ยุงทั้งหมดที่มาได้ก็ทยอยมา กัดตั้งแต่ศีรษะยันบาทาไม่เว้นเลย ส่วนยุงพรานบุญเล่าก็บินเข้ารูจมูก ไปขยายตัวอุดรูไว้มิให้หายใจ จะสูดเอาควันภูติไปก็ติดขัด ยุงสารพัดก็มารุมตอมรุมกิน จนเลือดแทบจะสิ้นจากกายา เบอกาม็อทจึงหยุดร่ายคาถาลงกลางคัน พิธีมีอันต้องล้มเลิกลง ...หงุดหงิดเจียนบ้า

“นี่มันอะไรกันนักหนาวะ ไอ้พวกยุงบ้าชวนรำคาญ เดี๋ยวเถอะจะเจออาร์ทสายฟ้าเบอกาม็อต..” (เด็ก ๆควรทราบว่า เป็นเรื่องธรรมดาของวิชาทุกชนิด ต้องมีสมาธิเป็นฐาน อารมณ์ตั้งมั่นเป็นหลัก  จึงจะรักษาจิตเป็นสมาธิเอาไว้ได้)  บัดนี้เสียอารมณ์เสียสมาธิ หยุดร่ายมนต์ เหล่าเจตภูติจึงหลุดจากการควบคุม แตกตัวกระจาย มุ่งร้ายหมายกลับมาเล่นงาน ด้วยเพลิงแห่งความอาฆาตแค้น เบอกาม็อทจะเป็นอย่างไร มีพักต้องกล่าวถึง....

ก็คราวนั้นจอมเวทย์เบอกาม็อทผู้ร้ายกาจ      เสกคาถาจับอสนิบาตฟาดเปรี้ยงเสียงสนั่น  จนฝูงยุงพลันแตกกระจัดพลัดกระจาย บางส่วนกลายเป็นยุงเผา เป็นขี้เถ้าในพริบตา   เหลือแต่ยุงอันเกิดจากมนต์มายาแยกกาย ขยายร่างของพรานบุญ

เหตุการณ์คับขันถึงปานนั้น  พ่อมดร้ายเบอกาม็อทก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำเสียที  กลับกู้ศักดิ์ศรีของตนคืนมาได้  เริ่มร่ายเวทย์ควบคุมสูบเอาวิญญาณเจตภูติต่อไป

นับว่าเป็นผู้ที่มีสมาธิแก่กล้าและเชี่ยวชาญมากคนหนึ่ง

พรานบุญเกือบจนใจแต่ไม่จนปัญญา จึงกลายร่างมาเป็นสาวงามแช่มช้อย นุ่งน้อยห่มน้อยเต่งตึง หวังดึงสมาธิให้ตกร่วง แต่จอมเวทย์เบอกาม็อทไม่หลงเล่ห์กลเพราะว่าตนเป็นพวกชอบผู้ชาย  เกือบที่พรานบุญจะเลิกล้มความพยามยามเสียงทักถามก็ดังขึ้น

“เจ้าเป็นใคร มาวุ่นวายอะไรกับข้า   จงปรากฏกายมาเถอะ   ข้าเห็นเจ้าแล้ว”

“เก่งนิ เห็นข้าด้วย เอ้าปรากฏตัวก็ได้” พรานบุญแอบส่งเสียงตอบโต้

“เจ้ามากวนพิธีข้าขนาดนี้   หากข้ายังนึกไม่ออกก็โง่เกินไปแล้ว” เบอกาม็อทตอบ

พรานบุญหนุ่มรูปงามจึงปรากฏตัวตรงหน้า   ผิวพรรณพรานหนุ่มเล่าก็ผุดผ่องเป็นยองใย เปล่งประกายใสด้วยตบะแข็งกล้า เพราะเรียนเจนจบวิชาในทางดีงาม จึงเปล่งประกายแห่งธรรมออกจากตัว

“เจ้าสูบเอาวิญญาณเจตภูติเหล่านี้ไปฝึกวิชา มันเป็นบาปกรรม ไม่รู้รึ”

“ขอเพียงหากสำเร็จวิชา เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกนี้   ข้าจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือวิบากกรรมทั้งปวง”

“เพ้อฝัน เรียนน้อยไปนะเจ้า   จึงคิดเองเออเองไปเช่นนั้น  ไม่มีใครอยู่เหนือวิบากกรรมไปได้   แต่เพราะวิชาเจ้านี่แหละ   จะทำให้ดาวเดือนเคลื่อนคล้อย เกิดปรากฏการณ์หลุมดำ ดึงดูดดวงดาว จะฉิบหายทั้งโลก จรดพรหมโลก ยังไม่รู้ตัวอีก”

“ไม่ต้องมายุ่งกะข้า เจ้าไปซะ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

“หากโลกแตก เจ้าก็ตาย ไอ้ซื่อบื้อ”  พรานบุญหาช่องกวนสมาธิ  ด้วยแผนแหย่รังแตน

แต่ไม่ได้ผล   กลุ่มควันดำแห่งเหล่าเจตภูติรวมตัวกันขับไล่พรานบุญเพราะภูติมนต์เริ่มเคลื่อนไหวด้วยพลังมืด   นอกอวกาศก่อเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ ดึงดูโลกให้หลุดจากวงโคจรออกไป เข้าไปหาหลุมดำขึ้นทุกที   โลกสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินจะแยก   เปลือกโลกจะแตกออกเป็นเสี่ยง  หมู่สัตว์หวั่นกลัวภัยหนีตายกันจ้าละหวั่น  ผู้คนเห็นเหตุอัศจรรย์เกินบรรยายก็กราบไหว้ ต้นไม้ และมหาจอมปลวก บางพวกก็แอบในคูหาถ้ำหมายเอาเป็นที่พึ่งพิงหนีตาย  เหตุอันตรายคับขัน  ไม่มีเวลามานั่งรำพึงรำพัน   พรานบุญจึงตัดสินใจใช้วีธีต่อสู้ อย่างน้อยก็ต้องลองดูสักตั้ง   ต้องหยุดยั้งภัยในครั้งนี้ให้ได้  ในใจก็อดนึกด้วยน้อยใจมิได้ว่า

“พวกเทวดาห่าเหวทั้งหลาย ทำไมเอาแต่นั่งนิ่งเฉย   ปล่อยให้ไอ้กระพ้มผู้น้อยมาสู้   กู้โลกอยู่คนเดียว ไม่ช่วยกันมั่งเล้ยย”

เพียงแค่นึกเหมือนเทวดาแหละเหล่าผู้วิเศษจะได้ยิน  ความคิดเป็นผล  เทวดาทั่วฟ้าปฐพีดล จรดพรหมโลก   ต่างรวมกำลังกันมาเป็นพลวปัจจัย หนุนให้พรานบุญเป็นผู้วิเศษชั่วคราว   สามารถหยิบยืมเอาพระแสงดาบเลเซอร์ด้ามยาว อ  าวุธประจำตัวของศิวะเทพพระองค์แรกมาใช้ได้    พอฟาดฟันไปสองครั้ง ปะรำพิธีถึงกับพังปี้ป่น   ป่าถึงกับเผาไหม้ไฟลุกโชนทั่ว  เผาซากศพในป่าบ้านภูติมอดไหม้ไปมิใช่น้อย    เสียงพระยุงไลสวดมหาเมตตาสูตรและอภิธรรมกถา   ส่งวิญญาณเหล่าเจตภูติให้พ้นจากวิบากรรม   เพื่อลดทอนพลังชั่วร้าย    ต่อเวลาก่อนเกิดหายนะเอาไว้ได้   กระนั้นก็ไม่ทำให้จอมเวทย์เบอกาม็อทหยุดร่ายคาถา พรานบุญเลยเสกกาวกำลังช้างสิบเอ็ดตัวมาปิดปาก     เบอกาม็อทจึงลำบากร่ายมนต์ต่อไม่ได้

(เด็ก ๆ ควรทราบว่าการร่ายมนต์คาถาให้ได้ผลดีต้องขยับปากออกเสียงอักขระวิธีให้ถูกต้อง ห้ามบ่นหรือทำเสียง อู้อี้เด็ดขาด ไม่งั้นฟังไม่รู้เรื่องมันไม่ขลัง มนต์จะไม่ได้ผล) เมื่อเบอกาม็อทหยุดร่ายมนต์คาถา หลุมดำก็หยุดตัวเองและอ่อนกำลังลง  อธิบดีเทพฉวยโอกาสจังหวะนั้น ใช้พลังสุริยันจันทรา  ดึงดูดโลกกลับมาสู่วงโคจรเดิม แต่ยังไม่ถึงกับสงบ เพราะเพราะว่าเบอกาม็อทยังไม่ยอมแพ้   แม้พรานบุญเอาศาสตราวุธศิวะเทพจ่อตรงหน้า ก็ยังพยายามใช้วิชาร่ายคาถาไร้เสียง สูบเอาอากาศออกไปจากตรงหน้า พรานบุญถูกเวทย์มนต์คาถาเล่นงาน   จนหายใจไม่ออกแทบสลบ    ขณะกำลังเพลี่ยงพล้ำเสียทีนั่นเอง  เสียงตวาดก้องก็ดังมา

“ไอ้เด็กดื้อไม่รักดี”  เสียงนั้นกังวานทรงอำนาจ ชวนหวาดผวา นี่คงเป็นบิดาเทพตนใดตนหนึ่งลงมาจากสวรรค์เป็นแม้นมั่น  เสียงเขกกบาลเปรี้ยงราวฟ้าผ่า ลงบนหัวเบอกาม็อท  จนน้ำมูกไหลน้ำลายย้อย    กลายเป็นเพียงเด็กน้อยอายุ ๗ ขวบ

“อาจารย์” เบอกาม็อทร้องให้น้ำตาไหลพราก หัวยุบเป็นรูปมะเหงก นั่งประนมมือแต้... แต่พรานบุญสิ   ต้องตกตะลึง   ด้วยไม่เชื่อสายตา เมื่อผู้ที่ปรากฏตรงหน้านั้น คือท้าววสวัตตีมารผู้เป็นใหญ่เหนือสวรรค์และพรหมทุกชั้น     มีนิวาสสถานอยู่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตตะวะสะวัตตี(สวรรค์ชั้นที่๖)

“ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว ว่าห้ามฝึกภูติมนต์มันอันตรายเกินจะหยั่งถึง  เจ้าก็ดื้อดึงแอบขโมย เอาตำรามาฝึกเองจนได้    เจ้าเกือบทำลายทุกอย่างย่อยยับไปแล้ว เจ้าศิษย์โง่   มันน่าเสกให้กลายเป็นเด็กทารกนัก”

(จำไว้นะเด็ก ๆข้าวของบางอย่างมันอันตรายไม่ควรทดลองด้วยตัวเองหรือทำตัวเลียนแบบโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากครูบาอาจารย์)

ท้าวพญาวสวัตตีมาร นำพาเบอกาม็อทจากไปรับโทษ ฐานก่อเหตุให้โลกเกิดความวุ่นวาย จนโลกเกือบถึงกาลอวสาน   ทิ้งให้พรานบุญยืนเหงื่อตกอยู่ตรงนั้น เหล่าพลังเทพที่ส่งมาล้วนหดหาย  เพราะพ่ายแก่พลังพญามาร

พรานบุญแทบสิ้นใจตาย หวุดหวิดไปแล้ว   โลกเกือบถึงกาลวิบัติ    เดชะบุญที่ท่านพญามารมาตามตัวศิษย์เกเรกลับไปทัน   ก่อนที่หายนะจะเกิด แบบนี้เรียกว่า วัวใครก็ควรเรียกเข้าคอกคนนั้น  มิใช่ควาญก็เห็นจะเป็นเรื่องยาก

คราวนั้นอธิบดีเทพกล่าวชมเชยพรานบุญยกใหญ่ ว่าโชคยังดีที่มีไหวพริบยับยั้งภูติมนต์ไว้ได้ทัน   ไม่งั้นคงมีอันได้เห็นวันสิ้นโลก

“เราจะไม่ลืมความดีของท่านในครั้งนี้   ในอนาคตหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ   ขอให้บอก เราจะไม่รีรอเลย” อธิบดีเทพจึงขอให้พรานบุญช่วยจัดการบ้านภูติให้เสื่อมพลังไป   มิให้ใครมาอาศัยฝึกภูติมนต์ได้อีก    พรานบุญจึงได้อัญเชิญพระยุงไลพระธิสัตว์  กับเหล่าสาวกขั้นเทพ ให้มาร่วมประกอบพิธีบำเพ็ญกองการกุศล  สวดเจริญพุทธมนต์แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางบรรพ์   ส่งวิญญาณเจตภูติให้หลุดพ้นจากภพนี้   แยกย้ายกันไปสู่สุคติภูมิในภพใหม่ตามคติวิสัยของ ตน   จนป่าแห่งนั้นพลันสลายหมอกควันพิษ    กลับมาเขียวสดยามต้องแสงแดดดังเดิม และเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์นานา

นานหลายแสนปีต่อมา  เมื่อคนในโลกเพิ่มมากขึ้น ผู้คนที่มาอยู่อาศัยได้รุกล้ำป่าเข้ามาเรื่อย ๆ จนตั้งหมู่บ้านขึ้นที่นั่น   สถานที่อันสัปประยุทธ์กันระหว่างจอมเวทย์เบอกาม็อทกับพรานบุญ  ยังเป็นลานดินกว้างใหญ่เท่าสนามฟุตบอลโดยไม่มีต้นไม้ใบหญ้างอกขึ้นเลยแม้แต่ต้นเดียว จอมเวทย์ยุคหลังหลายคนเคยมาอาศัยที่นั่นฝึกฝนวิชา ด้วยถือกันว่าเป็นสถานที่สำคัญในตำนาน แม้ผู้คนและเหตุการณ์บ้านเมืองจะเปลี่ยนไป  แต่ผู้คนก็ยังขนานนามสืบต่อกันมา ถึงสถานที่อันอุดมสมบูรณ์แห่งนั้น ว่า บ้านภูติ

โปรดติดตามพฤติกรรมของพรานบุญในตอนต่อไป

 

 

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว