นิยามความรักของคุณคืออะไร
นิยามความรักของผมคือ “ออฟกัน”
“ก๊อกๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ออฟลากสังขารที่หนักอึ้งและปวดระบมออกไปเปิดประตู ผู้มาเยือนแทรกตัวเข้ามาพร้อมถุงของในมือ เขาปิดประตูตามหลังแล้วเดินตามเข้าไปในครัว ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะทานอาหารจ้องมองอีกคนจัดการเทอาหารใส่จานอย่างเงียบๆ
“ข้าวต้มอุ่นเวฟหน่อยไหม?” กันเอ่ยถาม เขาส่ายหัวน้อยๆคนตัวเล็กเลยวางชามข้าวต้มให้เขา พร้อมเครื่องเคียงสองอย่าง เป็นหมึกผัดไข่เค็มกับกระเฉดผัดไฟแดง
“กินมาแล้วหรอ?”
“กินกับพวกพี่ๆเข้ามาแล้ว” กันตอบก่อนหันไปเก็บข้าวของอื่นๆที่ซื้อมาเข้าตู้เย็น เขาเลยตักหมึกผัดไข่เค็มเข้าปาก รู้สึกปวดตาตุบๆ สงสัยจะร้องมากไป ทุกอย่างมันกดดันมากๆ พอมันผ่านไปแล้ว มันดีเขาก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ
“ไปทำฟันมาหรือยัง?” คนที่ยังจัดของอยู่เอ่ยถาม
“ยางงงง” เขาตอบเสียงยานคาง เขี่ยผักกระเฉดผัดไฟแดงไปมา
“อ้าว!! แล้วแบบนี้จะเคี้ยวกระเฉดได้ไหมล่ะ” กันหัวเราะเบาๆ ปิดประตูตู้เย็นแล้วทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“กินหมึกผัดอย่างเดียวก็ได้ “
“แต่ป่าปี๊บ่นอยากกินกระเฉดผัด”
“ก็ถ้ามันกินยากก็ไม่กินไง” เขารู้สึกตัวเองทำเสียงงอแงออกไป อีกคนเลยได้แต่ส่ายหัวไปมา
“ไม่ยากหรอก ถ้าอยากกินกันจะทำให้” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปเอาช้อนส้อมมาอีกคู่หนึ่ง พร้อมกับดึงจานผัดผักไปตรงหน้าตัวเอง บรรจงใช้ช้อนกดผักให้ขาดเป็นชิ้นเล็กๆพอเคี้ยวไหว แล้ววางลงในถ้วยข้าวต้มของเขา
เขารู้สึกละอายขึ้นมานิดหน่อยที่ชอบงี่เง่าใส่กัน เลยได้แต่งึมงำขอบคุณเบาๆแล้วตักข้าวเข้าปาก
กัน อรรถพันธ์ ดูแลเขาอย่างดีมาตลอดจริงๆ ใส่ใจในหลายๆอย่างที่คนอื่นๆมองข้าม ถึงแม้จะเป็นคนที่เหมือนจะดูแลทุกคนแต่พออยู่กับเขาก็เลือกเขาก่อนเสมอ ตรงนี้ล่ะมั้งที่ทำให้เขารู้สึกดีกับคนๆนี้มากขึ้นทุกๆวัน มากกว่าเพื่อนร่วมงาน มากกว่าคู่จิ้น
“ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวปี๊เก็บล้างเอง” หลังจากเขากินอิ่มคนที่นั่งรออยู่ก็เตรียมจะเก็บไปล้างจนต้องห้ามไว้
“ช่วยกันก็ได้นะจะได้เสร็จไวๆ”
“ไม่เป็นไรแค่สองสามใบเอง ไปอาบน้ำเถอะเสร็จแล้วปี๊จะได้อาบบ้าง”
กันช่างใจอยู่นิดนึงก่อนพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป เขาเลยหันมาจัดการเก็บล้าง พอเสร็จแล้วเดินเข้ามาในห้องก็พอดีกับคนตัวเล็กอาบน้ำเสร็จ
“กันเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้ จะได้คลายเมื่อยหน่อยพรุ่งนี้ค่อยไปนวด “ กันพูดเสียงใส ยกผ้าขนหนูซับหยดน้ำที่เกาะพราวตามตัว เขาถึงกับกลื่นน้ำลายอึกใหญ่ แต่ก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะ”แข็งตัว” รู้สึกเขามันจะแค่แปะแก่ๆ ตามที่ใครกระแนะกระแหนจริงๆสินะ ได้แต่ร้องไห้เงียบๆในใจแล้วคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมานึกว่ากันจะหลับไปแล้ว แต่คนตัวเล็กยังนั่งพิงหัวเตียงไถโทรศัพท์อยู่เลย
“ทำไมไม่นอน”
“รอป่าปี๊” กันตอบเสียงงัวเงีย
“มานอนตักกันสิ กันจะประคบตาให้ ตาป่าปี๊บวมมากเลยนะ” ว่าแล้วก็ตบขาตัวเองปุๆ เขาเลยทิ้งตัวหนุนตักอย่างว่าง่าย กันเอี้ยวตัวไปหยิบแผ่นเจลประคบเย็นที่เอาออกมาวางให้คลายความเย็นลงนิดหน่อย มาแปะลงบนตาให้อย่างเบามือ ความเย็นจากแผ่นเจลซึมลงบนผิวเปลือกตา ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้น
“ขอบคุณนะ” เขาบอกรู้สึกตื้อขึ้นมาในอก แค่การใส่ใจเล็กๆแค่นี้มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ กันขานรับเสียงเบา มือเล็กๆสางไปตามเส้นผมชี้ฟูของเขาก่อนเอ่ย
“วันนี้ตอนป่าปี๊ร้องไห้ กันอยากบอกว่ากันอยู่ตรงนี้ แต่กันพูดไม่ถูกคนที่คอยดูแลกัน คนที่ขี้แกล้งอยู่ๆก็ร้องไห้ออกมาแบบนั้นกันทำตัวไม่ถูกจริงๆ”
“แต่ป่าปี๊รู้ใช่ไหม? กันอยู่ตรงนั้น” ถึงรูปประโยคจะดูสับสน แต่ก็สมเป็นอรรถพันธ์ดี ออฟดึงแผ่นเจลออกจากตา แล้วมองจ้องสบตากลมที่มองลงมา เขาจับมือของอีกคนมากดจูบเบาๆแทนคำตอบ มือน้อยๆนี้ที่ลูบไหล่เขา ตาคู่นี้ที่คอยมองเขา ปากที่คอยพูดชมเขา คอยหัวเราะกับคำพูดของเขา เวลาที่เขาทำอะไรไม่เข้าท่าคนอื่นว่าแต่อรรถพันธ์กับคอยพูดปกป้องเสมอ ทุกอย่างที่มีอรรถพันธ์คนนี้ มันทำให้เขารู้ว่า “ออฟกัน” สำหรับเขามีค่าเสมอ
เขาดันตัวลุกขึ้นหันหน้าไปหาคนน้องแล้วรวบเข้ามากอด กันหลับตาซบหน้าลงกับอกแล้วสวมกอดเอวเขาไว้หลวมๆ
“ขอบคุณนะ” เขาจูบลงบนกลุ่มผมนุ่ม กันยิ้มกว้างทั้งที่ยังหลับตา
“รักป่าปี๊นะ” ถึงจะไม่ได้พูดดังไปกว่าเสียงกระซิบ แต่เขาได้ยินมันชัดเจน
ถึงจะดีใจที่ถูกบอกรักจนหัวใจฟูคับอก แต่ก็ยังคาใจว่าถ้าไม่มีสถานะแบบนี้ มันจะดีจริงๆหรอมันเป็นไปได้ขนาดไหนนะ
“เราเป็นแฟนกันไหม?” ในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ ถามออกไปในที่สุด กันเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตางุนงง ก่อนจะส่ายหัวไปมา ใจเขาหายวาบที่ผ่านมาเขาคิดไปเองงั้นหรอ?
“ไม่เป็นแฟน เพราะกันเป็นคนรัก” พอพูดจบก็พุ่งเข้าอกเขาด้วยความเขิน ส่วนตัวออฟกว่าจะหาสติเจอก็ตอนที่หงายหลังตกเตียงลงไปแล้วนั่นแหละ ดีที่ข้างเตียงเป้นพรมหนาไม่งั้นคงได้หัวร้างข้างแตกกันไปข้าง เขายันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าเจ้าเด็กแสบที่กลิ้งโคโล่ห่างออกไปเข้ามาสำรวจดูว่ามีแผลตรงไหนหรือเปล่า พอเห็นว่าไม่มีก็เบาใจไปหน่อย
“นี่ทำไมตกใจหมดเลยรู้ไหม?”
“ขอโทษ” เจ้าตัวดีก้มหน้างุดสำนึกผิด
“สรุปไม่ใช่แฟนแต่เป็นคนรักถูกมะ??” เขาถามเสียงกลั้วหัวเราะ กันเลยเอาหัวโหม่งอกเขาเต็มแรงก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
“นี่เสี่ยวติดลิฟท์ออยมาถูกมะ??”
“ป่าปี๊!!!!!” คนตัวเล็กกว่าตาโตพุ่งเข้ามากอดเขาอีกครั้งเมื่อเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
กว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้า ทั้งที่เหนื่อยมากๆ แต่พอมีอีกคนอยู่ใกล้ๆก็เหมือนจะเหนื่อยน้อยลง
ออฟก้มลงจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากของคนที่หลับพริ้มอยู่ในอ้อมกอด มันดีจริงๆนะที่มีอีกคนอยู่ด้วย เขายิ้มบางๆก่อนหลับตาแล้วจมลงสู่ห้วงนิทราในอ้อมกอดของกันและกัน
กว่าเขาจะตื่นก็บ่ายๆ คนที่นอนกอดกันเหมือนคืนไม่อยู่แล้ว มีแต่โน้ตลายมือหวัดๆติดเอาไว้ตรงตู้เย็นว่าออกไปกับพี่ที่บริษัท อาหารเช้าทำไว้ให้แล้วในตู้เย็นให้เขาอุ่นกินเอา แถมมีกำชับให้พักผ่อนเยอะๆอีก เหอะ! ไม่แก่บ้างก็แล้วไปเถอะ!!!
เขานั่งไถทวิตขณะที่จิบน้ำเต้าหู้ที่กันเตรียมไว้ให้ เข้าส่องแท็กไปเรื่อยเปื่อย แต่ดูเหมือนแท็กเรือผีจะเยอะจนเขาอ่อนใจ เลยต้องทวิตอะไรบ้าง
Tumcail : #อย่าให้บ้านกูล่ม
หลังจากทวิตเสร็จสักพักเสียงไลน์ก็ดังขึ้น พร้อมรูปที่ถูกแคปมาจากทวิตของเขาเอง
“ป่าปี๊”
“บ้านไม่ล่มหรอก”
“ใครไม่ออฟกัน”
“กัน ออฟกันนะ”
“อืม”
“กูก็ ออฟกันนะ”
เรื่องบางเรื่อง ความสัมพันธ์บางความสัมพันธ์ ก็ให้นิยามที่แตกต่างกันไป มันอยู่ที่ตัวเราจะกำหนดมัน ชื่อเรียกจึงแตกต่างกันไป ส่วนความสัมพันธ์ของผม มีชื่อเรียกว่า “ออฟกัน” ชื่อสั้นๆแต่บอกอะไรได้มากมาย ลองใช้ใจสัมผัสดูสิ ถ้ารู้สึก แสดงว่าคุณเข้าใจนิยามความรักของผม แล้วถ้าเจอกันไม่ต้องถามผมนะว่ารัก
”กัน”ไหม เพราะผมจะตอบคุณว่า “ออฟกัน” อิสเรียล