กับดักรัก กับดักหัวใจ

 

 

 

 

"คุณรู้ไหมครับกว่าผมจะจีบรุ่นน้องต่างโรงเรียนคนนี้มาเป็นแฟนได้ลำบากแค่ไหนแล้วเรื่องอะไรจะให้คนอื่นมาชิงไปง่ายๆ ไม่มีทางครับ รุ่นน้องคนนี้ผมทั้งรักทั้งหวง ที่สำคัญว่าที่อนาคตเมียผมชองยุนโฮคนนี้ครับ แจจุงต้องเป็นของยุนโฮคนเดียว" By.Yunho

 

 

 

 

 


 

 

 

"คุณรู้ไหมครับกว่าผมจะวางแผนอ่อยรุ่นพี่ต่างโรงเรียนคนนี้แบบเนียนๆ จนได้มาเป็นแฟนเนี่ยผมคิดจนหัวผมแทบแตก แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะยอมให้ชะนีพวกนี้มาแย่งรุ่นพี่สุดที่รักของผมไปได้ง่ายๆ ล่ะไม่มีทางหรอก ยุนโฮต้องเป็นของแจจุงคนเดียว ว่าที่สามีในอนาคตของแจจุงคือชองยุนโฮคนนี้คนเดียวเท่านั้น" By.Jaejoong

 

 

 

 


 

เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้วนักเรียนหลายคนเตรียมตัวกลับบ้านหลายคนเตรียมตัวไปซ้อมกีฬาและบางคนเตรียมตัวเพื่อไปรับใครบางคน

ชองยุนโฮเด็กหนุ่มหน้าตาดีมีดีกรีเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียน TVXQ เพราะนอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับรูปปั้นที่สลักไว้เรื่องความสามารถทางด้านกีฬาก็เป็นที่หนึ่งที่หาตัวจับยากยิ่งเรื่องการเรียนไม่ต้องพูดถึง ถึงแม้จะไม่ได้เข้าเรียนครบตามตารางที่กำหนดไว้เนื่องด้วยกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนไหนจะเรื่องการแข่งทางวิชาการอีกแต่ก็ไม่สามารถทำให้การเรียนตกได้ยังคงเป็นอันดับหนึ่งของชั้นเรียนและของทั้งโรงเรียนในทุกๆ เทอมได้อย่างสม่ำเสมอจนหลายคนคิดว่าชองยุนโฮคนนี้อาจไม่ใช่คนแต่เป็นเทพเจ้าลงมาจุติก็เป็นได้ แต่ใครจะรู้บางครั้งภาพลักษณ์ที่เห็นก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตนเองก็เท่านั้น

ชายหนุ่มเก็บของลงกระเป๋าเป้และตรวจสอบความเรียบร้อยว่าไม่ได้ลืมอะไรแล้วก็ขอตัวกลับก่อนพร้อมกับบอกให้ทุกคนรีบกลับส่วนเรื่องงานเอกสารพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ เมื่อเดินออกมาจากห้องประธานนักเรียนแล้วยุนโฮก็รีบเร่งฝีเท้าของตัวเองแต่ยังคงภาพลักษณ์ที่สง่างาม ส่งรอยยิ้มที่เป็นมิตรไปตลอดทางที่มีนักเรียนแต่ล่ะคนส่งยิ้มมาให้ทั้งๆ ที่ในใจร้อนรุ่มจนอย่างจะเลิกเดินเลิกยิ้มแล้วรีบวิ่งไปให้สุดฝีเท้าปลดปล่อยภาพลักษณ์ที่สง่างามลงแต่ก็ทำไม่ได้

“รุ่นพี่ยุนโฮคะนี่เป็นคุกกี้ที่ฉันทำในชั่วโมงคหกรรมค่ะเลยอยากเอามาให้รุ่นพี่ยุนโฮได้ชิมค่ะ” โบอาหญิงสาวที่แอบปลื้มรุ่นพี่มานานยืนมือออกไปตรงหน้ายุนโฮก่อนจะก้มหน้าก้มตาพูดพร้อมกับแก้มที่แดงขึ้นมาด้วยความเขิน

ยุนโฮชะงักเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ มีนักเรียนหญิงมายืนขวางทางข้างหน้า สายตามองคุกกี้ที่อยู่ในมือของหญิงสาวที่ยื่นมาตรงหน้าก่อนจะส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมทั้งคำพูดที่นุ่มนวลกลับไปให้

“ขอบใจมากนะแต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจคุกกี้ที่เธอทำนะใครทำมาให้ฉันก็ยินดีแต่ว่าถ้าฉันรับอาจมีนักเรียนชายหลายคนอกหักผิดหวังก็เป็นได้นะอีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้นักเรียนหญิงโรงเรียนเรามีปัญหากัน ยังไงก็ขอบใจมากแต่ฉันขอรับไว้แค่น้ำใจดีกว่านะ ขอบคุณมากถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระต้องรีบไป”

“อ้อ...เอ่อ...ค่ะ เชิญรุ่นพี่เลยค่ะขอโทษนะคะที่รบกวน” โบอาตกใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ถอยมายืนด้านข้างเพื่อเปิดทางให้รุ่นพี่ที่เธอชอบได้ไป

“ขอบใจมากนะ” ยุนโฮกล่าวสั้นๆ ก่อนจะรีบเดินไปต่อ

“รุ่นพี่ยุนโฮโคตรสุภาพบุรุษเลยอ่ะแกถ้าใครได้เป็นแฟนนะคือโคตรโชคดีเลยอ่ะ” เฮเคียวเพื่อนสาวที่เดินมาเป็นเพื่อนเอ่ยอย่างชื่นชมทันที

“ใช่เลยแกฉันถึงอยากเป็นคนที่โชคดีคนนั้นน่ะแต่ดูถ้าจะหมดโอกาสแม้แต่คุกกี้ฉันรุ่นพี่ยังไม่สนใจเลย” โบอาเอ่ยออกมาอย่างเศร้าๆ

“เฮ้ยแกรุ่นพี่ก็บอกเหตุผลแล้วนี่ว่าเพราะอะไรมันก็ถูกแล้วถ้ารุ่นพี่รับของแกไว้ก็ต้องรับขอคนอื่นด้วยถูกปะเพราะถ้ารับแต่ของแกแล้วไม่รับของคนอื่นงานนี้แกโดนนักเรียนหญิงทั้งโรงเรียนรุมตบแกแน่”

“มันก็จริงนะฉันลืมคิดไปถ้าฉันแอบให้โดยที่ไม่มีใครเห็นก็ว่าไปอย่างแต่นี่มันกลางทางเดินคนผ่านไปมาก็เยอะแยะเป็นธรรมดาที่รุ่นพี่จะไม่รับ”

“อืมอย่างที่แกว่านั้นแหละ”

“ดีแล้วคราวหน้าฉันจะแอบเอาให้รุ่นพี่ให้ได้เลยคราวนี้รุ่นพี่จะได้รับคุกกี้ฉันได้อย่างสบายใจ”

“จะเอาไงก็ตามใจแกแต่อย่าหวังมากนะเพราะใช่ว่ารุ่นพี่รับขนมแกแล้วเขาจะชอบแกน่ะ”

“ฉันรู้แต่ฉันว่าฉันก็สวยพอนะรุ่นพี่ก็น่าจะสนใจฉันอยู่”

“ฉันเอาใจช่วยแกนะโบอา”

“ขอบใจมากนะเฮเคียว”

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนรถยนต์ส่วนตัวของที่บ้านก็มาจอดที่หน้าโรงเรียนพอดีและคนขับรถก็รู้หน้าที่คือลงจากรถแล้วเปลี่ยนให้คุณหนูยุนโฮขับแทนก่อนจะมีรถอีกคันตามมาติดๆ เพื่อรับคนขับรถกลับ ยุนโฮที่ขึ้นรถได้ก็รีบขับออกไปในทันทีสายตาก็ก้มมองเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือของตนเองก่อนจะรีบเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันเวลาที่ตัวเองนัดไว้ เพราะถ้าสายสักนาทีชีวิตเขาจบแน่ เมื่อขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางสายตาก็เห็นคนที่ตัวเองนัดไว้ยืนคุยกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างสนุกสนานรอยยิ้มที่ส่งไปนั้นมันทำให้ใจของยุนโฮเต้นแรงด้วยความไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครได้รอยยิ้มนั้นไปรอยยิ้มนั้นต้องมีแต่เขายุนโฮที่ได้เพียงคนเดียว

คนที่ยืนคุยอยู่เมื่อเห็นรถมาจอดก็รู้ว่าคนที่นัดตัวเองไว้มาถึงแล้วจึงได้เอ่ยลากับเพื่อนสนิทของตนเองแต่ไม่วายที่จะกอดกันแบบเพื่อนแต่ทำให้ใครอีกคนต้องกำพวงมาลัยรถแน่นด้วยความไม่พอใจ

“ไปก่อนนะชางมินพรุ่งนี้เจอกัน”

“พรุ่งนี้เจอกันโชคดีนะแจจุง”

“มาขอกอดที”

“ได้เลยว่าแต่ไม่กลัวแฟนนายโกรธหรอได้ข่าวว่าขี้หึงมาก”

“กล้าโมโหเหวี่ยงใส่ฉันก็ลองดูซิ”

“จ้าแม่คนเก่งแล้วเอาฉันมาแกล้งเขาให้โมโหเล่นเนี่ยไม่ห่วงฉันว่างั้น?”

“ทำอย่างกับว่าคนอย่างนายจะยอมงั้นแหละ”

“หึๆ ไปเถอะป่านนี้โมโหจนกลายเป็นหมีตกมันแล้วล่ะมั้ง”

“พูดเกินไปชางมินไปแล้ว”

เพื่อนรักสองคนหลักจากกอดกันเสร็จแล้วก็จับมือกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แจจุงจะเดินไปขึ้นรถที่จอดรอตัวเองอยู่สักพักแล้ว เมื่อขึ้นรถได้ใส่เบลล์เสร็จคนขับก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็วตามอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจของตนเอง

“พี่ยุนโฮเป็นอะไรหรอครับ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมหันหน้ามาแล้วเอียงคอมองใส่คนขับรถด้วยหน้าตาที่สงสัย

ยุนโฮไม่ตอบแต่ถอนหายใจออกมาดังๆ เพื่อระบายความอึดอัดในใจแต่กลับทำให้ใครอีกคนเข้าใจน้อยใจขึ้นมาทันที

“พี่ยุนโฮจอดรถตรงนี้ก็ได้ครับเดี๋ยวแจจุงขึ้นรถเมล์กลับเอง” เสียงหวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจพร้อมกับปลดเบลล์ที่ตัวเองคาดอยู่ออกทันที

“ทำอะไรแจจุงใครให้ถอดออก” ยุนโฮหันมาถามด้วยความตกใจที่จู่ๆ คนรักของตัวเองถอดเบลล์ออก

“ก็แจจุงคงทำให้พี่ยุนโฮไม่พอใจพี่ยุนโฮคงรำคาญและก็เบื่อที่ต้องมารับแจจุงทุกวันใช่ไหม? พี่ยุนโฮถึงถอนหายใจออกมาแรงๆ แบบนี้” เสียงหวานเอ่ยด้วยความสั่นเครือน้ำตาใสคลออยู่ที่ดวงตาสวยก่อนจะค่อยๆ ไหลลงมาเมื่อเจ้าตัวก้มหน้ามองมือที่อยู่บนตักตัวเอง

“ไม่ใช่นะพี่ไม่ได้ไม่พอใจหรือรำคาญที่ต้องมารับแจจุงทุกวันนะพี่เต็มใจที่จะมารับแจจุงทุกวันไม่ร้องนะครับคนดี” ยุนโฮรีบจอดรถเข้าข้างทางทันทีก่อนจะหันไปดึงคนรักเข้ามากอดปลอบยิ่งเห็นน้ำตาไหลออกมายุนโฮก็ยิ่งปวดใจ

“ฮึ ฮือออ กะ ก็พี่ยุนโฮถอนหายใจอ่ะ ละ ละก็ตะคอกใส่แจจุงด้วย ฮือๆๆ”

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนดีของพี่ยุนพี่ก็แค่หึงแจจุงมากไปก็เท่านั้นเอง พี่หวงแจจุงของพี่พี่ไม่ชอบผู้ชายคนไหนมากอดแจจุงของพี่มาจับมือแจจุงของพี่ยิ่งรอยยิ้มเวลาที่แจจุงยิ้มไปให้คนอื่นพี่ไม่ชอบพี่ชอบให้เรายิ้มให้กับพี่คนเดียว” ยุนโฮรีบบอกความรู้สึกของตนเองออกไปทันทีที่รู้ว่าคนรักร้องไห้เพราะอะไร

“แต่นั้นชางมินเพื่อนแจจุงนะ”

“ยิ่งเป็นเพื่อนนี่แหละตัวดีไม่เคยได้ยินหรอเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ”

“แล้วพี่ยุนโฮล่ะ”

“พี่เป็นแฟนแจจุงเป็นคนรักของแจจุงก็เป็นเรื่องปกติที่จะคิดไม่ซื่อถูกไหม?”

“พี่ยุนโฮ!!!” นี่พี่ยุนโฮคิดจะนอกใจแจจุงหรอ

“จะให้พี่มาทนไม่กอดไม่หอมไม่ลวนลามไม่ชิมแจจุงพี่ทำไม่ได้หรอกนะ แจจุงของพี่นอกจากจะตัวหอมแล้วยังนุ่มนิ่มน่ารักแถมหวานไปทั้งตัวอีกไปไม่ว่าจะชิมส่วนไหนก็หวานถูกใจพี่ยิ่งบนเตียงด้วยแล้วนะ”

“พี่ยุนโฮทะลึ่ง!!!” ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นเมื่อได้ยินประโยคชวนวาบหวิวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากอกแกร่งแล้วใช้มือทุบที่หลังของชายหนุ่มแรงๆ

“พี่ทะลึ่งกับแจจุงคนเดียวนะครับคนอื่นพี่ไม่สนใจหรอก”

“จริงๆ นะ” ดวงตาหวานช้อนตามองขึ้นมาอย่างถามหาคำตอบ

“จริงซิครับพี่รักแจจุงคนเดียวนะ” ก่อนที่ใบหน้าคมจะค่อยๆ ก้มลงมาแล้วประทับจูบที่แสนนุ่มนวลลงไปที่ริมฝีปากบางอย่างปลอบประโลมและอาจจะเลยเถิดไปมากกว่านั้นถ้าไม่มีเสียงดังขัดขึ้นมาก่อน

‘ก๊อกๆ’ “พวงมาลัยไหมพี่ยี่สิบบาท”

แจจุงรีบผลักยุนโฮออกก่อนจะหันมานั่งนิ่งๆ แต่มือไม้ของตัวเองกลับลูบผมลูบหน้าไปมาเพื่อแก้อาการเขิน

ยุนโฮถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันไปกดเปิดกระจกรถแล้วตะโกนออกไป “ไม่เอาโว้ยยยยย!!!” ก่อนจะรีบกดกระจกรถปิดหนีแล้วขับออกไปในทันทีดีนะที่ติดฟิมล์ทึบไม่อย่างนั้นน่ะไม่อยากจะคิด ว่าแต่หนีไปเกาหลีตอนนี้ทันไหม?

“กูผิดอะไร?” เด็กขายพวงมาลัยได้แต่เกาหัวอย่างงงๆ ก่อนจะเดินไปขายพวงมาลัยต่อ ลัยไหมพี่พวงมาลัยยี่สิบบาท

เมื่อมาถึงห้างและจอดรถเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินไปเลือกหนังที่จะดูก่อนจะเดินไปซื้อตั๋วแต่กว่าหนังจะฉายเกือบสองชั่วโมงดังนั้นการหาอะไรลงท้องก่อนจึงเป็นการดีที่สุด และยุนโฮก็ดีใจที่คนรักของตนเองอารมณ์ดีกินอาหารอย่างมีความสุขพูดคุยเล่าเรื่องที่โรงเรียนของตนเองว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ด้วยความที่เรียนกันคนล่ะโรงเรียน ตัวเองเรียนอยู่ TVXQ ส่วนแจจุงเรียนอยู่ C-JES ทำให้ยุนโฮไม่สามารถตามดูแลแจจุงได้ตลอดและไม่รู้ว่าคนรักของตนเองทำอะไรบ้างจึงเป็นเรื่องดีและมีความสุขของยุนโฮที่ได้นั่งฟังคนรักเล่าเรื่องของตนเองถึงจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างเวลาที่แจจุงเอ่ยถึงเพื่อนรักที่ชื่อชางมิน

จะว่าไปแล้วตัวเขาก็โชคดีที่ได้แจจุงมาเป็นคนรักเพราะเขาเห็นเพื่อนหลายๆ คนในห้องหรือเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่มีแฟนแล้วแฟนทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมากเกินไปต้องแสดงตัวว่าฉันเป็นคนรักนะเพราะกลัวคนอื่นมาแย่งหรือโทรตามจิกทุกชั่วโมงอยู่ไหนทำอะไรไปกับใครคือบางทีก็มากเกินไปในสายตาและความคิดของตนเอง แต่แจจุงไม่เป็นอย่างนั้นแจจุงพอใจที่ได้อยู่ในที่ตัวเองไม่แสดงออกว่าเป็นคนรักของยุนโฮแม้แต่โทรตามก็ไม่เคยมี เคยลองถามก็ได้คำตอบว่าไม่อยากให้ท่านประธานนักเรียนสุดหล่อลำบากใจที่สำคัญไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในโรงเรียนอยู่แบบนี้สบายใจกว่า อีกอย่างเพราะเชื่อใจในตัวเขาด้วยเพราะถ้าคนจะเปลี่ยนใจต่อให้ตัวผูกติดกันก็ยังคงนอกใจได้อยู่ดี ซึ่งที่แจจุงพูดก็ถูกแต่ตัวเขาไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างแน่นอนได้เพชรเม็ดงามมาอยู่ในกำมือแล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้หลุดไปได้

มีครั้งหนึ่งที่ตัวเขายุ่งกับการเตรียมตัวแข่งวิชาการและโรงเรียนที่ต้องแข่งด้วยคือโรงเรียน C-JES ที่แจจุงเรียนอยู่และนั้นทำให้ไม่มีเวลาไปรับแจจุงหรือแม้แต่โทรหาก็แทบไม่ได้โทรตอนนั้นยังคิดว่าแจจุงอาจจะงอนอาจจะน้อยใจที่คนรักไม่ใส่ใจแต่เปล่าเลยนอกจากไม่น้อยใจแล้วยังส่งข้อความมาให้กำลังใจและบอกว่าไม่กวนเวลาคนแก่ทำงานหรอก อ่านแล้วอยากจะจับมาฟัดให้จมเตียงจริงๆ คืนก่อนวันแข่งที่โรงเรียน C-JES ต้องมาแข่งที่โรงเรียน TVXQ ตัวเขาก็ถามว่าแจจุงจะมาให้กำลังใจเขาหรือเปล่าแต่เจ้าตัวกลับบอกไม่ไปเรื่องอะไรไปเชียร์โรงเรียนคู่แข่งแต่พอถึงวันจริงๆ เจ้าตัวกลับนั่งแถวที่สองตรงกลางแถมยังใส่แว่นตาหนาๆ มาเพื่ออำพรากตัวแต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาของเขาได้ ทั้งๆ ที่ก็มีนักเรียนมานั่งกันเยอะแยะแต่ทำไมเขาถึงสะดุดตากับเด็กที่นั่งหัวยุ่งแว่นหนาเตอะอยู่ที่แถวที่สองก็ไม่รู้ พอดูๆ ดีก็เห็นเป็นคนรักของตัวเองมานั่งอยู่ นี่คนบอกไม่มานะเลยระหว่างที่กำลังจะแข่งขันก็แอบถ่ายรูปก่อนจะส่งข้อความพร้อมรูปไปก่อนจะปิดมือถือแล้วส่งให้อาจารย์ไปเก็บเพราะการแข่งขันห้ามเอามือถือเข้าไป ก็ไม่รู้เจ้าตัวอ่านแล้วจะคิดยังไงแต่พออ่านแล้วก็ทำหน้ายุ่งก่อนจะส่งสายตาเคืองๆ กลับมาให้แต่นั้นทำให้กำลังใจมาเต็มร้อยและแน่นอนงานนี้โรงเรียนเขาชนะใสๆ

เมื่อได้เวลาดูหนังยุนโฮก็จ่ายเงินค่าอาหารก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในโรงหนังแต่กว่าหนังจะเลิกก็เกือบเที่ยงคืนแล้วดีที่ว่าพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องไปเรียนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องตื่นนอนสักเท่าไหร่

“ดึกแล้วคืนนี้แจจุงไปนอนที่คอนโดพี่นะ” ยุนโฮบอกเมื่อคนทั้งคู่กำลังเดินออกมาจากโรงหนังเพื่อไปที่ลานจอดรถ

“บ้านแจจุงก็มีทำไมแจจุงต้องไปนอนที่คอนโดของพี่ยุนโฮด้วยล่ะ”

“แต่ตอนนี้พ่อแม่ของแจจุงไม่อยู่ไปต่างจังหวัดกว่าจะกลับก็อีกตั้งหลายวันพี่ไม่เสี่ยงให้แจจุงอยู่ที่บ้านคนเดียวหรอกนะ”

“พี่ยุนโฮรู้ได้ไงว่าพ่อแม่ของแจจุงไม่อยู่”

“ไม่มีอะไรที่พี่อยากรู้แล้วจะไม่รู้โดยเฉพาะเรื่องของคนรักของพี่ยิ่งต้องรู้เป็นพิเศษ” ยุนโฮพูดพร้อมขยิบตาส่งไปให้

“คนเจ้าเล่ห์” แจจุงพูดพร้อมย่นจมูกใส่ยุนโฮอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินนำอย่างไม่สนใจ

ยุนโฮได้แต่ขำก่อนจะเดินตามหลังคนรักไปติดๆ “ว่ายังไงตกลงไปนอนที่คอนโดพี่นะ”

“ไม่แจจุงจะนอนที่ห้องตัวเอง”

“พี่มีให้เลือกสองทางหนึ่งไปนอนที่คอนโดพี่หรือสองพี่ไปนอนด้วยที่ห้องแจจุงเลือกมาว่าทางไหน”

“ทำไมพี่ยุนโฮต้องนอนที่ห้องของแจจุงล่ะห้องนอนรับแขกก็มี”

“ก็พี่ไม่ใช่แขกแต่เป็นแฟนของแจจุงยังไงล่ะ”

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย”

“ตกลงเลือกได้หรือยังว่าจะนอนที่ไหน?”

“ทางไหนแจจุงก็มีแต่เสียเปรียบ”

“แจจุงเสียเปรียบตรงไหนมีแต่ได้กับได้นะไปนอนคอนโดพี่ก็มีพี่นอนกอดไปนอนที่ห้องของแจจุงๆ ก็มีพี่นอนกอดเห็นไหมมีแต่ได้กับได้”

“คนที่บอกว่าพี่ยุนโฮเป็นเทพบุตรเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนใจดีน่ะแจจุงอยากให้มาเห็นตัวตนของพี่ยุนโฮตอนนี้จริงๆ นอกจากจะเป็นซาตานจอมเจ้าเล่ห์แล้วยังเป็นผู้ชายที่หื่นจ้องจะเอาเปรียบคนรักตลอดเวลาอีก”

“พี่เอาเปรียบและเจ้าเล่ห์กับคนรักเท่านั้นแหละว่าแต่สรุปได้หรือยังว่าจะนอนที่ไหน?” ร่างสูงไม่พูดเปล่ากับดันให้ร่างบางไปยืนชิดที่รถของตัวเองก่อนจะใช้แขนคร่อมร่างเอาไว้เพื่อกักไม่ให้คนรักของตัวเองหนีไปได้

“แจจุงยังเลือกได้หรอ”

“เลือกได้ซิก็พี่ให้เลือกอยู่นี้ไง ว่าไงจะนอนที่ไหนดี” ยุนโฮยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะพูดชิดริมฝีปากบาง

“นะ นอนห้องพี่ยุนโฮก็ได้ อืมมมมม” เมื่อได้คำตอบยุนโฮก็มอบรางวัลที่ชวนให้แจจุงลุ่มหลงกับรสจูบที่อ่อนหวานแต่ก็แฝงความร้อนแรงเอาไว้

“คืนนี้พี่จะนอนกอดแจจุงไม่ปล่อยทั้งคืนเลย” ยุนโฮกระซิบที่ลำคอขาวก่อนจะกดจูบย้ำๆ จนเกิดรอยแดงจางๆ ขึ้นมา

“อะพี่ยุนโฮ” แจจุงได้แต่ย่นคอหนีเพราะรู้สึกเสียวกับน้ำเสียงกระเส่าที่พูดอยู่ตรงแถวๆ คอมันทำให้ขนอ่อนแถวนั้นลุกชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

เมื่อมาถึงคอนโดแจจุงก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนก่อนจะรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนอนที่มิดชิดออกมาก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วรีบล็อกประตูทันที ยุนโฮเดินตามหลังเข้ามาอย่างไม่รีบก่อนจะดึงเนคไทออกจากคอแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ใยดีก่อนจะถอดเสื้อสูทนักเรียนออกแล้ววางพาดอย่างลวกๆ บนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียงถอดถุงเท้าออกอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกจนหมดก่อนจะโยนลงในตะกร้าแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูออกมาพาดไว้ที่ไหล แจจุงที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ

“พี่ยุนโฮทำไมไม่ใส่เสื้อ”

“ก็พี่กำลังจะอาบน้ำแล้วจะให้ใส่เสื้อไว้ทำไมยังไงแจจุงก็เห็นทั้งตัวของพี่มาหลายครั้งแล้วนะยังจะเขินอะไรอีก”

“พี่ยุนโฮคนทะลึ่งไม่พูดด้วยแล้ว” แจจุงรีบวิ่งไปที่เตียงก่อนจะกระโดดขึ้นไปแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมทั้งตัวทันที

ยุนโฮส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับผิวปากเบาๆ แต่ชวนให้คนนอนคลุมโปงใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว เมื่ออาบน้ำเสร็จยุนโฮก็เดินออกมาโดยที่พันผ้าขนหนูไว้ตัวเดียวที่เอวก็ไม่รู้จะใส่เสื้อทำไมเพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องถอดทิ้งอยู่ดีเปลื้องน้ำยาซักผ้าเปล่าๆ ก่อนจะค่อยๆ แทรกตัวลงไปใต้ผ้าห่มอุ่นแล้วจัดการดึงคนที่นอนคลุมโปงเข้ามากอดพร้อมกับหอมที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆ

แจจุงที่กำลังเคลิ้มก็สะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆ ถึงดึงไปก่อนจะต้องร้องตกใจออกมาเมื่อหางตาเห็นแว๊บๆ ว่าคนรักไม่ได้ใส่เสื้อ

“พี่ยุนโฮทำไมไม่ใส่เสื้อไปใส่เดี่ยวนี้เลยนะ” ร่างบางหันมาแว๊ดใส่ทันทีและนั้นเท่ากับเปิดโอกาสให้รุ่นพี่เจ้าเล่ห์ได้คร่อมร่างของรุ่นน้องเอาไว้อย่างไม่ต้องออกแรง

“ใส่ทำไมเดี๋ยวก็ต้องถอดที่จริงแจจุงไม่ควรใส่เสื้อนอนด้วยซ้ำไปนะไม่สงสารแม่บ้านหรอเสื้อใส่แป๊ปเดียวก็ถอดทิ้งแล้ว”

“พี่ยุนโฮ!!!”

“ว่าไงครับน้องแจจุงวันนี้เรียกชื่อพี่หลายรอบแล้วนะกลัวพี่ลืมชื่อตัวเองหรอ”

“ไม่เรียกก็ได้” แจจุงตอบอย่างงอนๆ

“ไม่ต้องเรียกชื่อพี่แค่ครางชื่อพี่ออกมาก็พอแล้ว”

“พี่!!! อืมมมม” เจ้าของเสียงเรียกได้แค่นั้นจริงๆ ก่อนที่เสียงจะถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากอุ่นที่ค่อยๆ เพิ่มความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ มือหนาสอดเข้าไปใต้ชุดนอนก่อนจะลูบไล้ร่างนวลเนียนอย่างหลงใหลนิ้วหนาค่อยๆ บีบคลึงเค้นเม็ดสีชมพูที่แบบเรียบจนเริ่มแข็งเป็นไตขึ้นมา เสื้อนอนที่อยู่บนตัวของร่างบางถูกถอดออกอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือที่ช่ำชองในขณะที่ปากยังคงสอดลิ้นร้อนไล่ต้อนลิ้นเล็กให้จนมุมจนหนีไปไหนไม่รอดจนต้องโอนอ่อนตามไปในที่สุด ริมฝีปากหนาค่อยๆ จูบไซ้ที่ลำคอบางก่อนจะค่อยไล่เลียมาเรื่อยๆ ลิ้นร้อนแวะตวัดเลียดูดดึงติ่งไตสีชมพูที่ลอยชูชันเด่นขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ ไล่ไปตามหน้าท้องแบนราบพร้อมกับที่มือร้อนค่อยๆ ดึงกางเกงนอนพร้อมชั้นในของร่างบางออกไปจนพ้นทางก่อนจะค่อยๆ สร้างความสุขให้กับคนรักจนเจ้าของร่างที่ถูกปรนเปรอต้องบิดร่างกายไปมาด้วยความเสียวซ่านมือบางขยุ้มผ้าปูที่นอนเพื่อหาที่ระบาย ขาเรียวที่พยายามบีบเข้าหากันเพื่อว่าจะลดความเสียวซ่านนี้ได้ก็ถูกจับแยกออกจากกันด้วยมือร้อนอย่างง่ายดายก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังๆ เมื่อความเสียวซ่านนั้นมาถึงจุดสิ้นสุด

ร่างบางนอนหายใจหอบพร้อมกับน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะอยู่บนริมฝีปากร้อนและในมือหนาก่อนที่แจจุงจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ มีบางอย่างแทรกเข้ามาในร่างกายของตนเองนิ้วเรียวยาวที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นกำลังขยับเข้าขยับออกก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วที่สองและสามเข้าไปเพื่อเปิดช่องทาง ยิ่งจำนวนนิ้วเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ภายในร่างกายของแจจุงก็ยิ่งเสียวซ่านมากเท่านั้นยิ่งนิ้วเรียวยาวไปโดนจุดกระสันเข้าก็ยิ่งออกแรงกระแทกเข้าไปแรงๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่นจนร่างบางต้องกรีดร้องและบิดร่างไปมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อยุนโฮเห็นว่าแจจุงพร้อมจะรับบางสิ่งเข้าไปแทนที่แล้วก็ไม่รอช้าที่จะจับขาเรียวบางแยกออกจากกันก่อนจะยกขึ้นมาพาดบนบ่าของตนเองทั้งสองข้างแล้วค่อยๆ โน้มตัวเองไปข้างหน้าเพื่อให้ช่องทางสีสวยกว้างขึ้นก่อนจะค่อยๆ แทรกร่างกายของตนเองเข้าไปในร่างบางอย่างช้าๆ ก่อนที่จะกดกระแทกลงไปรวดเดียวจนเจ้าของร่างที่ถูกแทรกต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเสียวเมื่อจุดที่ถูกกระแทกเข้ามานั้นเป็นจุดกระสันพอดี ยุนโฮไม่รอช้ากระแทกส่วนของตนเองเข้าออกอย่างรวดเร็วลิ้นร้อนก็ดูดเลียติ่งไตสวยทั้งสองข้างสลับไปมาอย่างกลัวน้อยหน้ากัน

แอร์ที่เปิดไว้จนเย็นช่ำก็ไม่อาจสู้ความร้อนที่ร่างทั้งสองกำลังสร้างขึ้นมาได้ เตียงนอนที่ดูมั่นคงก็เริ่มสั่นคลอนจากแรงกระแทกเคลื่อนไหวของทั้งสองร่างที่ตอนนี้ร่างบางนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มแขนเรียวสวยโอบกอดรอบคอร่างสูงเพื่อพยุงไม่ให้ตนเองล้มลงไปในขณะที่ร่างสูงยังคงจับสะโพกมนให้ขยับขึ้นลงเพื่อรองรับความแข็งแกร่งของตนเองก่อนที่จะเร่งให้เร็วขึ้นเมื่อใกล้ถึงขีดสุด สองร่างต่างผสานเสียงครางสูงและเสียงครางต่ำราวกับกำลังร้องอะแคปเปล่าก็ไม่ปาน ก่อนที่ร่างทั้งสองจะถึงขีดสุดและถูกปลดปล่อยออกมา แจจุงฟุบหน้าหายใจหอบกับบ่าแกร่งในขณะที่ร่างทั้งสองยังไม่แยกออกจากกัน ความหนุ่มแน่นและเลือดในกายที่สูบฉีดกำลังจะทำให้ร่างบางต้องร้องครางเสียงหวานข้างหูของยุนโฮซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอดทั้งคืน

ร่างบางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ ถึงแอร์ที่เปิดไว้จะเย็นและร่างกายไม่ได้ใส่เอาไว้แต่กลับไม่รู้สึกหนาวเพราะได้ไออุ่นของคนรักที่โอบกอดเอาไว้ภายใต้ผ้าห่มอุ่นทำให้ร่างบางแทบไม่อยากลุกไปไหนอยากนอนซุกซบอกอุ่นอยู่แบบนี้ไปนานๆ ก่อนจะหวนนึกถึงเมื่อก่อนที่ตัวเองเจอกับยุนโฮเป็นครั้งแรกแต่ยุนโฮคงจะจำไม่ได้แล้วแหละก็มันผ่านมานานมากแล้วนี่นะและตัวเองในตอนนั้นก็ต่างจากตัวเองในตอนนี้มากด้วย

 

 

 

 

ตอนนั้นแจจุงยังเป็นเด็กตัวอ้วนกลมใส่แว่นหนาเตอะและก็มักจะถูกเพื่อนๆ คอยแกล้งอยู่เสมอ วันนั้นตัวเองนั่งร้องไห้อยู่ที่สวนสาธารณะปกติก็ไม่เคยมีใครคิดจะสนใจจนเมื่อจู่ๆ มีผ้าเช็ดหน้าสีเทายืนมาให้ตรงหน้า

“ไม่ร้องนะเจ้าหนูเช็ดน้ำตาซะลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้ออกมาง่ายๆ ให้ใครเห็นนะ”

เสียงทุ้มนุ่มที่พูดด้วยนั้นทำให้หัวใจของเด็กน้อยใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวยิ่งมีผ้าเช็ดหน้ายื่นมาให้ด้วยแล้วยิ่งใจสั่นเข้าไปใหญ่ไม่เคยมีใครใจดีกับแจจุงแบบนี้มาก่อนเลย มือน้อยๆ ค่อยๆ ยื่นไปหยิบมาด้วยมืออันสั่นเทาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองพี่ใจดีแล้วยิ่งใจสั่นเข้าไปใหญ่ดวงตาที่อบอุ่นใบหน้าที่หล่อเหลาทำให้แจจุงถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย มีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยหรอ

“ไหนมีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้ไหม? เพื่อพี่จะช่วยเราได้แต่ถ้าช่วยไม่ได้พี่ก็เป็นผู้ฟังที่ดีให้ได้นะ บางครั้งเราก็ต้องระบายออกมาบ้างนะขืนเก็บกดไว้ได้อึดอัดตายพอดี”

“เพื่อนๆ เอาแต่แกล้งผมล้อผมเป็นไอ้อ้วนไอ้เตี้ยขาสั้น บางวันรองเท้าผมก็หาย บางวันก็ถูกแป้งเทลงมาจากประตู พวกกีฬาผมก็ไม่เอาไหนเพื่อนๆ ก็จะคอยว่าเพราะแกมันอ้วนมันเตี้ยก็จะถูกเพื่อนๆ คอยแกล้งและก็ไม่ให้เข้ากลุ่มด้วย”

“เรื่องแค่นี้ไม่เห็นยากถ้าไม่อยากถูกเพื่อนแกล้งเพื่อนล้อก็ตั้งใจออกกำลังกายให้หุ่นเราดีเมื่อหุ่นดีร่างกายก็จะแข็งแรงแล้วก็ดื่มนมเยอะๆ จะได้สูงๆ ส่วนเรื่องแว่นน่ะพอโตขึ้นค่อยใส่คอนแทคเลนส์หรือไม่ก็ไปทำเลสิกก็ได้เรื่องแค่นี้เอง”

“แค่นี้ผมก็จะไม่ถูกเพื่อนแกล้งเพื่อนล้อหรอครับ”

“อืมแค่นี้แหละ”

“ร่างกายผมจะแข็งแรงและก็เก่งกีฬาด้วยหรอครับ”

“ใช่ขอแค่เราตั้งใจไม่ท้อถอยและยอมแพ้นะ”

“ผมจะทำตามที่พี่บอกนะครับว่าแต่พี่ชื่ออะไรครับ”

“พี่ชื่อยุนโฮ”

“พี่ยุนโฮผมชื่อ....”

“เฮ้ย! ไอ้ยุนโฮมัวทำไรอยู่”

“เอ่อๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละพี่ไปก่อนนะ”

“ครับผม”

เด็กหนุ่มขยี้หัวเด็กน้อยเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่แต่ไม่วายที่จะหันกลับมาตะโกนบอกให้สู้ๆ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

เด็กน้อยยิ้มเบาๆ ก่อนที่มืออวบๆ จะลูบตรงที่มือใหญ่สัมผัสเมื่อสักครู่ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกถึงความอบอุ่นและก็เชื่อที่จะทำตามจากคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พี่ยุนโฮบอกให้ทำนั้นเกือบจะได้อย่างที่พี่ยุนโฮบอกนะถ้าไม่ติดว่าพอออกกำลังกายพร้อมกับกินนมกินอาหารที่มีประโยชน์และมีวินัยในตนเองแล้วจากเด็กน้อยที่อ้วนกลมกลายเป็นเด็กน้อยตัวบาง ใบหน้าที่กลมเหมือนซาลาเปาก็เรียวบางลงแต่แทนที่จะดูหล่อขึ้นกลับกลายเป็นสวยหวานซะงั้น ตอนนี้จากที่มีแต่คนคอยแกล้งก็เปลี่ยนมาชื่นชอบแถมยังเอาอกเอาใจกันยกใหญ่อีก ทุกอย่างดีขึ้นอย่างที่พี่ยุนโฮพูดไว้จริงๆ ว่าแต่ตอนนี้พี่ยุนโฮอยู่ที่ไหนนะแจจงอยากให้พี่ยุนโฮเห็นว่าแจจุงเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่เจอกันวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยแจจุงก็ได้แต่หวังว่าสักวันจะได้เจอพี่ยุนโฮอีกครั้ง

และก็ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์แกล้งเมื่อวันหนึ่งที่แจจุงไปดูประกาศผลสอบแล้วพบว่าตัวเองสอบติดม.ปลายโรงเรียน C-JES ก็ดีใจมากๆ ถึงแม้โรงเรียนที่เล็งไว้อย่าง TVXQ ไม่ได้ก็ตามแต่อย่างน้อยขอไปยืนส่องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไปเรียนที่ C-JES หน่อยเถอะและพอไปแอบยืนอยู่หลังต้นไม้ตรงข้ามโรงเรียนก็ต้องช็อกเมื่อคนที่กำลังเดินออกมานั้นคือคนเดียวกับที่ตนเองรอคอยอยู่ พี่ยุนโฮในที่สุดผมก็เจอพี่แล้วแต่เดี๋ยวนะพี่ยุนโฮใส่ชุดโรงเรียน TVXQ เดินออกมาจากโรงเรียนที่ตัวเองเล็งไว้ คุณพระ!! พี่ยุนโฮเรียนที่ TVXQ แต่ตัวเองดันสอบติด C-JES แล้วแบบนี้จะได้เจอพี่ยุนโฮได้ยังไงล่ะ แจจุงนายทำบาปอะไรไว้หรือเปล่าเนี่ย!!!

ระหว่างที่เดินโอดครวญกับโชคชะตาตนเองจนไม่ทันได้มองทางให้ดีจึงเดินชนใครบางคนเข้าจนตัวเองเซจนเกือบจะล้มดีที่คนที่ตัวเองชนคว้าไว้ได้ทัน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับขอโทษทีผมเดินไม่ได้ดูทางให้ดีๆ”

“อ้อ! ไม่เป็นไรครับ” เดี๋ยวนะเสียงนี้มัน พี่ยุนโฮ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ” โอ้โห้สวยเอ็กซ์สเปคยุนโฮครับ

ต่างฝ่ายต่างอึ้งเมื่อได้เห็นหน้าอีกคนแต่ในความคิดที่ต่างกันแต่สิ่งที่คิดตรงกันคือ งานนี้ไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน

“เอ่อ! โทษนะครับเห็นมาเดินแถวนี้น้องมาดูที่จะเรียนหรือว่าสอบติดที่นี่ครับ”

“เอ่อ! เปล่าครับผมสอบติด C-JES ครับแค่แวะมาดูโรงเรียนที่เล็งไว้แต่สอบเข้าไม่ได้น่ะครับ”

“งั้นหรอครับเสียดายจังไม่งั้นเราสองคนได้เรียนที่เดียวกันแล้วเนอะ” พี่จะได้จีบน้องได้ง่ายหน่อย

“นั้นซิครับเสียน่าเสียดายจริงๆ” ฮือๆๆ แจจุงเสียใจแรง

“ถึงไม่ได้เรียนที่เดียวกันก็ไม่เป็นไรนะมีไรโทรมาปรึกษาพี่ได้หรือจะให้สอนก็ได้นะ”

“จะดีหรอครับผมกับพี่เพิ่งรู้จักกันนะครับ”

“พี่เต็มใจสอนเด็กที่ตั้งใจเรียนหรือตั้งใจทำอะไรเสมอนะ”

“งั้นก็ได้ครับนี่เบอร์ผมนะครับ” แจจุงจดเบอร์โทรของตนเองใส่เศษกระดาษก่อนส่งให้คนตรงหน้า

“ชื่อแจจุงหรอ”

“ครับ”

“พี่ชื่อยุนโฮนะนี่เบอร์พี่” ยุนโฮบอกชื่อตนเองก่อนจดเบอร์โทรลงสมุดแล้วฉีกส่งให้ไป

“ขอบคุณครับ” ได้เบอร์พี่ยุนโฮแล้วดีใจอ่า >///<

หลังจากที่ได้เบอร์แล้วก็โทรหากันไปมาโดยตลอดมีปรึกษาเรื่องเรียนบ้าง เรื่องกินบ้าง บางวันพี่ยุนโฮก็ชวนไปดูหนังซึ่งผมดีใจมากแต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีพวกชะนีพวกนี้มาคอยวุ่นวายกับพี่ยุนโฮของผม

“อุ๊ย! รุ่นพี่ยุนโฮไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่นะคะรุ่นพี่มาดูหนังเหมือนกันหรอคะเนี่ย”

ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำมาเจอที่จริงพวกหล่อนแอบตามมาตั้งแต่โรงเรียนแล้วเถอะ ผมได้แต่บ่นอยู่ในใจทั้งๆ ที่อยากจะพูดออกไปใจจะขาด

“ใช่ครับไม่คิดว่าจะเจอน้องๆ ที่นี่” ยุนโฮตอบพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้

พี่ยุนโฮอ่ะไปยิ้มให้นังพวกนี้ทำไมดูไม่รู้หรอว่าพวกนั้นน่ะตอแหล ชริ!!

“ว่าแต่พี่ยุนโฮมาดูเรื่องอะไรหรอคะเพื่อดูเรื่องเดียวกัน”

“พี่ดูเรื่องทรานฟอร์มเมอร์น่ะเราล่ะดูเรื่องอะไร”

“เรื่องเดี๋ยวกันเลยค่ะรุ่นพี่หนูชอบเรื่องนี้มากนี่ค่ะรอบที่หนูจองไว้” พูดเสร็จก็รีบหยิบตั๋วหนังส่งให้ดู

“รอบเดียวกันเลยนี่เดี๋ยวนะที่นั่งติดกันด้วย”

“จริงหรอคะบังเอิญจังเลยค่ะดีจังได้นั่งดูหนังกับรุ่นพี่ด้วย”

โอ้ย!!! นังชะนีอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะพวกหล่อนแอบตามมาและก็รีบวิ่งเข้าไปซื้อตั๋วตามหลังล่ะซิอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ อย่าหวังนะว่าพวกหล่อนจะได้นั่งดูหนังกับพี่ยุนโฮของฉันนะ

“งั้นเดี๋ยวเจอกันในโรงหนังนะพี่ขอไปกินข้าวก่อน”

“อ้อ! ตามสบายเลยค่ะแล้วเดี๋ยวเจอกันนะคะ”

ไม่ยอม!! พี่ยุนโฮจะต้องดูหนังกับแจจุงคนเดียวว่าแต่จะทำยังไงดีล่ะแจจุงคิดเร็วซิคิด

ยุนโฮที่เห็นแจจุงเดินตามหลังอย่างเงียบก็ได้แต่แปลกใจปกติต้องมาเดินข้างๆ ก่อนหน้านี้ก็เดินข้างๆแล้วทำไมตอนนี้ถึงเดินตามหลังแถมยังทำหน้าแบบนั้นล่ะ

“แจจุงเป็นอะไรไหนบอกพี่ซิ”

“มะ ไม่เป็นไรครับ” แจจุงที่กำลังคิดหาวิธีแยกรุ่นพี่กับรุ่นน้องชะนีพวกนั้นให้ห่างกันก็ตกใจที่จู่ๆ ถูกถามขึ้นมากะทันหัน

“แบบนี้ยังจะบอกไม่เป็นไรอีกไหนบอกพี่ยุนโฮคนนี้หน่อยนะครับว่าเป็นอะไร” ยุนโฮเอื้อมมือไปแขนบางทั้งสองข้างดึงเข้ามาหาตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงไปถามคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาบอกก่อนจะตกใจเมื่อคนที่ก้มหน้าก้มตาพูดเงยหน้าขึ้นมาพร้อมน้ำตาคลอ “แจจุงร้องไห้ทำไมใครทำอะไรแจจุงบอกพี่ซิ”

จะใครก็พี่ยุนโฮนั้นแหละ ใจก็อยากจะพูดแบบนั้นแต่สิ่งที่พูดออกไปคือ “แจจุงไม่เป็นอะไรพี่ยุนโฮไปดูหนังกับรุ่นน้องพี่เถอะครับแจจุงขอตัวกลับก่อน” ถึงจะบอกไม่เป็นไรแต่น้ำตากลับค่อยๆ ไหลลงมาผ่านแก้มใส จมูกที่เริ่มแดงนิดจากการเริ่มร้องไห้ ปากเล็กๆ สีชมพูอิ่มสดที่กำลังสั่นเพราะกั้นเสียงสะอื้นทำให้ยุนโฮถึงกับสติหลุดหนังเหนิงไม่ดูแล้วดูแลเด็กน้อยคนนี้ของเขาสำคัญกว่า

“เดี๋ยวพี่พากลับเองสภาพแบบนี้กลับเองไม่ได้หรอก” ใช่ขืนปล่อยให้กลับเองได้โดนฉุดกลางทางแน่ถ้าจะร้องไห้ได้น่ารักน่าฟัดขนาดนี้ ตบะที่อดกลั้นมานานจะแตกก็ตอนนี้แหละ ยุนโฮได้แต่บอกกับตัวเองในใจ

“แจจุงกลับเองได้รุ่นพี่ยุนโฮไปดูแลรุ่นน้องของรุ่นพี่เถอะ”

“พี่บอกว่าไปส่งก็ไปส่งซิแล้วทำไมจู่ๆ ถึงเรียกพี่ว่ารุ่นพี่”

“ก็รุ่นพี่ยุนโฮเป็นรุ่นพี่จริงๆ นี่หรือไม่ใช่”

“แต่แจจุงไม่เคยเรียกพี่แบบนี้”

“จะเรียกพี่หรือเรียกรุ่นพี่ก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรอ”

“แต่พี่ไม่ชอบ”

“............”

“อย่ามาเงียบใส่พี่แบบนี้นะ”

“.............”

ยิ่งเห็นเด็กน้อยของเขายืนตัวสั่นเพราะพยายามกั้นเสียงร้องริมฝีปากเม้มเข้าหากันแต่น้ำตาไหลเป็นสายยุนโฮก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเลยจัดการอุ้มร่างน้อยขึ้นมาแนบอกแล้วเดินตรงไปยังลาดจอดรถทันที

“พี่ยุนโฮทำอะไรน่ะ” แจจุงร้องออกมาอย่างตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นมากะทันหันจึงรีบคว้าคอร่างสูงเข้ามากอดเพื่อกันตัวเองตกก่อนจะโล่งใจที่ถูกอุ้มมาที่รถก่อนจะถูกจับใส่เข้าไปในตัวรถแล้วเจ้าตัวก็เดินอ้อมมาฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไปในทันที

ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั้งรถจอดสนิทแจจุงถึงได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่หน้าบ้านตัวเองแต่เป้นคอนโดของยุนโฮต่างหาก

“พี่ยุนโฮจะทำอะไรน่ะ” แจจุงตกใจดิ้นรนเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็ถูกอุ้มอีกครั้งก่อนเดินเข้าประตูคอนโดไป

“ถ้าอยากขายหน้าตรงนี้ก็รองออกมาแจจุง”

ก็เล่นพูดออกมาแบบนี้แถมน้ำเสียงก็ดูจริงจังใครจะกล้าล่ะก็เลยก้มหน้าซุกลงกับอกกว้างเพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้าตัวเองเลยไม่ได้รู้ว่าตอนนี้ถูกพาเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้วกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสกับที่นอนนุ่มแล้วๆ ตัวเองก็ถูกกักขังด้วยแขนทั้งสองข้างทำให้จะหนีไปไหนก้หนีไปไม่ได้

“พี่ยุนโฮจะทำอะไรปล่อยแจจุงนะ”

“พี่ไม่ปล่อยจนกว่าจะพูดกันดีๆ”

“แล้วตอนนี้ไม่ได้พูดกันดีๆ หรือไง”

“บอกพี่มาว่าแจจุงเป็นอะไรทำไมจู่ๆ ถึงร้องไห้แล้วทำไมถึงพูดประชดพี่แบบนั้นบอกพี่มา”

“แจจุงไม่ได้เป็นอะไรร้องไห้ที่ไหนก็แค่ฝุ่นเข้าตาแล้วแจจุงก็ไม่ได้พูดประชดพี่ยุนโฮด้วย”

“ก็เพิ่งรู้ว่าเวลาฝุ่นเข้าตาน้ำตามันไหลออกมาได้พรากขนาดนั้น”

“..............”

“แจจุงมีอะไรไม่พอใจหรือเคยมีเรื่องอะไรกับรุ่นน้องสองคนนั้นหรือเปล่าเพราะตั้งแต่ที่เจอน้องสองคนนั้นแจจุงก็มีท่าทีเปลี่ยนไป”

“...............”

“หรือว่าหึงที่พี่คุยกับผู้หญิงอื่น? หรือว่าหึงที่ได้ดูหนังรอบเดียวกันแล้วได้ที่นั่งติดกัน? หรือเพราะพี่ชวนพวกนั้นตอนที่บอกว่าเจอกันในโรงหนัง ว่ายังไงเป็นแบบไหน”

“................”

“อืมไม่ตอบงั้นไม่เป็นไรพี่กลับไปดูหนังกับรุ่นน้องสองคนนั้นก็ได้พี่คงเข้าใจผิดไปเอง กลับเองได้ใช่ไหมพี่ไม่ไปส่งนะยังไงตอนออกจากห้องก็ล็อกประตูให้พี่ด้วย”

แจจุงไม่พูดอะไรเมื่อยุนโฮลุกขึ้นแล้วเดินจากไปแจจุงก็รีบพลิกตัวหันหนีทันที พอได้ยินเสียงประตูที่ปิดลงน้ำตาก็ไหลออกมาทันที ไปแล้วพี่ยุนโฮไปแล้วพี่ยุนโฮทิ้งให้แจจุงอยู่คนเดียวแล้วไปหานังชะนีพวกนั้น

“พี่ยุนโฮคนบ้า!!! คนใจร้าย!!! ไม่รู้หรือไงว่าแจจุงไม่ชอบ!!! ไม่ชอบให้พี่ยุนโฮสนใจใครนอกจากแจจุงคนเดียว!!! ฮือๆๆ พี่ยุนโฮคนใจร้ายคนนิสัยไม่ดี” แจจุงตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงสิ่งที่กักเก็บไว้ในใจถูกระบายออกมาจนหมด รู้ว่าพูดออกไปแล้วเจ้าตัวก็ไม่มีทางได้ยินหรอกแต่มันทนไม่ไหวแล้วจริง อย่างน้อยขอให้ได้ระบายใส่ประตูก็ยังดีก่อนจะคว้าหมอนหนุนเข้ามากอดแล้วซบหน้าร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร

“แล้วรักพี่ยุนโฮที่ใจร้ายนิสัยไม่ดีคนนี้หรือเปล่าล่ะ”

“รักซิไม่รักจะมานั่งร้องไห้แบบนี้หรอ”

“พี่ยุนโฮคนนี้ก็รักน้องแจจุงนะครับ”

“พี่ยุนโฮ!!!” แจจุงตกใจกับเสียงที่บอกรักตอบกลับมาตอนแรกที่ได้ยินคำถามก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเป็นสิ่งตัวเองกำลังคิดอยู่คิดว่าถ้ายุนโฮมาถามจะตอบว่ายังไงแต่ตอนนี้มันไม่ใช่

“ถ้าจะหึงขนาดนั้นทำไมไม่บอกพี่มาละ”

“แจจุงบอกได้หรอ”

“ทำไมจะบอกไม่ได้”

“ก็”

“กลัวว่าพี่จะไม่ชอบเราเหมือนที่เราชอบพี่ใช่ไหม?”

แจจุงไม่ตอบแต่พยักหน้าตอบแทน

“ถ้าพี่ไม่รักเราพี่ไม่ให้เบอร์โทรตั้งแต่แรกหรอก ถ้าพี่ไม่รักเราพี่ไม่พาไปกินข้าวดูหนังหรือติวหนังสือให้หรอกรู้ไหม”

“จริงหรอครับพี่ยุนโฮรักแจจุงจริงๆ นะหรอ”

“จริงซิรักมากด้วยนะ”

“แจจุงก็รักพี่ยุนโฮเหมือนกัน” ร่างบางดีใจที่อีกฝ่ายก็คิดเหมือนกันกับตนเองจึงโผเข้าไปกอดด้วยความดีใจ

“คราวต่อไปไม่ต้องมานั่งหึงอะไรแบบนี้รู้แล้วรู้ไหมเพราะพี่ไม่ชอบที่จะเห็นเราร้องไห้หรือเมินใส่พี่แบบนี้ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำอะไรให้เราต้องเสียใจอีกแล้วนะพี่สัญญา”

“แจจุงก็สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่งอนกับพี่ยุนโฮอีกแล้วมันปวดใจมากเลยที่พี่ยุนโฮไม่สนใจแจจุง”

“พี่ยุนโฮรักแจจุงนะครับ”

“แจจุงก็รักพี่ยุนโฮเหมือนกันครับ”

 

 

 

 

 

 

พี่ยุนโฮจะรู้หรือเปล่าว่าวันนั้นน่ะแจจุงรู้อยู่แล้วว่าพี่ยุนโฮไม่ได้ออกไปไหนยืนรออยู่หน้าประตูห้อง ก็นะคนจะออกไปข้างนอกอะไรทั้งกุญแจบ้านกุญแจรถกระเป๋าเงินยังวางไว้อยู่ที่หัวเตียง ถามหน่อยเถอะจะออกจากบ้านไปได้ยังไงกันคิดดู และมีหรือที่คนอย่างแจจุงจะยอมให้ไปง่ายๆ ถึงไม่ลืมของพวกนี้จริงก็มีวิธีอื่นอยู่ดีนั้นแหละ แต่ไม่คิดนะว่าแผนบีบน้ำตาจะใช้ได้ผลนะแค่ลองเสี่ยงดูเฉยๆ ก็เท่านั้นเอง ฮาๆๆๆๆๆๆ

ยุนโฮที่รู้สึกตัวตื่นมาเพราะรุ้สึกมีอะไรยุกยิกไปมาอยู่ที่หน้าอกพอลืมตาขึ้นมาก็เห็นหัวกลมๆ กำลังขยับซุกหน้ากับอกอุ่นอยู่เลยดึงเข้ามากอดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างบางของคนรัก จู่ๆ ยุนโฮก็นึกถึงตอนเจอกันครั้งแรกไม่คิดว่าจู่ๆ ฟ้าจะส่งนางฟ้าลงมาให้ในอ้อมกอด

 

 

 

 

 

วันนั้นหลังจากที่ตัวเองเดินออกมาจากโรงเรียนก็นึกได้ว่าลืมเอกสารเลยรีบกลับไปเอาก็ไม่คิดว่าตัวเองรีบเดินจนไม่ทันได้มองว่ามีคนสวนมาจึงชนเข้าไปเต็มๆ ดีที่ตอนนั้นคว้าไว้ได้ทันเพราะถ้าล้มลงไปคือลงคลองสาธารณะพอดีเลยนะ และไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอรักแรกพบ ผู้ชายอะไรสวยมากสวยกว่าผู้หญิงที่เคยเห็นมาซะอีกถึงแม้จะใส่ชุดนักเรียนแต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกได้ถึงความเซ็กซี่ในตัวสรุปโดยรวมแล้วคือตรงตามสเปคตัวเองเปะๆ งานนี้ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน และงานนี้การขอเบอร์มือถือต้องมาจะได้สานสัมพันธ์ได้อย่างต่อเนื่อง

แน่นอนเมื่อได้เบอร์มาการโทรหาพูดคุยจึงเริ่มขึ้นจากการให้คำปรึกษาเรื่องเรียนก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาเลี้ยงข้าวหลังจากนั้นตามมาด้วยการชวนไปดูหนัง แต่ดูท่าการค่อยๆ จีบของผมอาจทำให้แจจุงเข้าใจผิดคิดว่าไม่ได้ชอบตัวเองที่ทำไปก็เหมือนทำให้กับคนอื่นๆ ถ้าไม่เกิดเรื่องในวันนั้นเราสองคนอาจไม่มีวันนี้ก็ได้ แต่หลังจากที่คบกันเป็นแฟนแบบจริงจังผมก็ไม่ทันได้นึกอะไรจนกระทั้งวันนั้นวันที่ผมมีแข่งวิชาการกับโรงเรียนของแจจุงแต่พอถามเจ้าตัวจะมาไหมกลับบอกไม่มาหรอ แต่พอถึงวันงานสายตาผมก็คอยมองหาว่าแจจุงจะมาไหมเพราะผมรู้สึกได้ว่าแจจุงต้องมาและก็มาจริงๆ ถึงจะมาในลุกส์ที่ดูแปลกๆ ในสายตาผมเพราะใส่แว่นแบบหนาเตอะและผมก็ยุ่งๆ แต่นั้นทำให้ผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นคนลักษณะแบบนี้ที่ไหนมาก่อนๆ ที่ภาพของเด็กน้อยตัวอ้วนกลมใส่แว่นหนาเตอะที่ร้องไห้เพราะโดนเพื่อนแกล้งในวันนั้นลอยทับขึ้นมาบนหน้าของแจจุงจึงรีบถ่ายรูปไว้ก่อนจะมาดูให้ดีๆ เหมือนมากๆ เหมือนจริงๆ แต่จะใช่คนเดียวแน่หรอ ในเมื่อไม่แน่ใจว่าใช่ไหมแต่ไหนๆก็ถ่ายมาแล้วก็ส่งให้เจ้าตัวดูหน่อยละกันอยากรู้ว่าถ้าอ่านข้อความแล้วจะเป็นยังไง

‘มานั่งตัวกลมแว่นตาหนาเตอะอะไรแบบนี้ครับที่รัก’

นอกจากจะไม่มีปฏิกิริยาตกใจแล้วยังส่งสายตาเคืองๆ กลับมาให้อีกหรือจะไม่ใช่เราคิดไปเองหรอ ก่อนจะส่งมือถือให้อาจารย์เอาเข้าไปเก็บ ไม่เป็นไรแข่งเสร็จเมื่อไหร่ไปสืบก็ได้แล้ว และก็เป็นดั่งที่ยุนโฮคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เด็กน้อยอ้วนกลมในวันนั้นกลายเป็นเด็กน้อยหน้าสวยสุดเซ็กซี่ไปแล้วในวันนี้ อ้าวๆ แล้วเรื่องแบบนี้ใครจะยอม คนที่ทำให้แจจุงสวยขึ้นมาได้ก็คือตัวเขาชองยุนโฮคนนี้ เพราะคำพูดเขาในวันนั้นทำให้แจจุงมีลูกฮึดจนผอมสวยได้ขนาดนี้แล้วใครจะยอมใช่ไหมครับ คิมแจจุงต้องเป็นของชองยุนโฮคนเดียว และตั้งแต่นั้นผมก็กลายเป็นคนขี้หึงขึ้นมาได้ไงไม่รู้

“ตื่นแล้วหรอครับคนสวยของพี่ จุ๊บ”

“อืมมม พี่ยุนโฮแจจุงปวดไปทั้งตัวเลยอ่ะ”

“เขาบอกหนามยอกต้องเอาหนามบ่งเดี๋ยวพี่จัดอีกสักสองสามรอบงานนี้แจจุงเดินตัวปลิวแน่นอน”

“จะบ้าหรอแบบนั้นแจจุงได้ตายกันพอดี”

“ไม่หรอกเชื่อพี่แต่ถ้าถึงตอนนั้นแจจุงลุกไม่ไหวจริงเดี๋ยวพี่อุ้มให้เองจะไปไหนบอกพี่ยุนโฮจัดให้แจจุงได้เสมอ”

“ไม่เอานะพี่ยุนโฮ เดี๋ยวก่อนๆ ตรงนั้นน่ะ อ้าาาาาาาา”

จากเสียงร้องที่พยายามเอ่ยห้ามปรามสุดท้ายก็กลายเป็นเสียงร้องครางหวานหู ดูท่าวันหยุดนี้คนทั้งคู่อาจจะไม่ยอมลุกขึ้นมาจากเตียง.....ก็เป็นได้

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว