เรื่องเล่าความรักสีเลือด
3
ตอน
2.84K
เข้าชม
61
ถูกใจ
4
ความคิดเห็น
2
เพิ่มลงคลัง

***มือใหม่นะครับขอความกรุณาติชม คอมเม้นด้วยครับ แล้วจะรีบนำตอนต่อไปมาให้ได้อ่านกันครับ***

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

บทนำ

เฮ้อ.....ผมถอนดหายใจยาวๆติดกันหลายแล้ว เฮ้อ.....นี่ก็อีกครั้ง ทำไมชีวิตคนเรามันน่าเบื่ออย่างนี้นะ ทำไมคนเราต้องเกิดมา เราเกิดมาทำไม การเกิดมามันคือความสุขจริงหรือเปล่า...???

ข้างหน้าผมตอนนี้มีรถวิ่งสวนกันไปมาขวักไขว ซ้ายทีขวาที สวนกันไปสวนกันมาดูสับสนลานตาไปหมด ตอนนี้ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร หรือจะเรียกว่า นครแห่งเหล่าทวยเทพ ชื่อเพราะดีคนโบราณนี่เก่งจริงๆช่างคิดช่างสร้างสรรค์

ว่ะ ฮ่า ฮา ฮ่า....แต่เวลานี้ พ.ศ.นี้ ชื่อนี้ช่างไม่เข้ากับการกระทำของคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่เลย คุณลองย้อนคิดดูสิว่าคุณเองเคยเห็นสิ่งที่ผมจะพูดให้คุณฟังบ้างไหม?? ไม่ต้องตอบคำถามของผมหรอก คุณตอบตัวเองดีกว่า หรือจะเก็บไว้เผื่อวันหนึ่งคำตอบอาจจะปรากฏตรงหน้าคุณก็ได้ การดูถูก การแก่งแย่ง การเอารัดเอาเปรียบ การกดขี่ ความโกง ฉ้อฉล ผู้หญิงหากิน ยาเสพติด การพนัน ปล้น ฆ่า ข่มขืน โอ๊ยอีกเยอะแยะมากมาย มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ที่ๆชื่อว่ากรุงเทพมหานคร นครแห่งเหล่าทวยเทพ

ครืด....ครืด....ครืด.....เสียงท้องฟ้าคำราม ผมก้มดูนาฬิกาเรือนเก่าๆที่ข้อมือ มันบอกเวลา...ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงกว่าๆ เวลาแสงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ยิ่งตอนนี้ฝนเริ่มตั้งเค้าจะตก...บรรยากาศมันช่างเป็นใจเหลือเกินที่จะทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางเรื่องของใครคนหนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นของเรื่องราวโศกนาฏกรรม!!ความรัก....เหมือนในวันที่ฝนตกอย่างวันนี้....

มานี่สิขยับเข้ามาใกล้ๆผมจะเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาและเธอให้คุณได้ฟัง...!! .................เรื่องมันมีอยู่ว่า....

 

............................................................................................................................

 

ต่างคนต่างใจ

 

ใน..ใจ....ของ....ผู้ชาย

 

คุณเคยรักใครไหม?? นั้นแหละคือคำถามที่ผมอยากจะถามคุณ

พลอย เพื่อนสมัยเด็กของผมเราโตมาด้วยกัน บ้านเราอยู่ติดกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน เธอรักกับหนุ่มต่างคณะคนหนึ่งตั้งแต่เข้าเรียนปี 1 ผมเองก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกับมัน!! แล้วที่ผมมานั่งอยู่ในร้านไอศกรีมวันนี้ก็เพราะ......พลอย..ขอให้มาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรอคอยมัน!! ทำไมผมเรียกว่ามันน่ะหรอ หึ..ก็เพราะ.......มันหลอก...เพื่อนที่ผมรักที่สุด และเพื่อนที่ผมรักที่สุดก็ยอมให้มันหลอก ทุกครั้งที่ผมเตือนเราจะต้องทะเลาะกันทุกครั้ง ทั้งๆที่สิ่งเหล่านั้นผมเห็นมากับตา หลายครั้งที่พลอยเอ่ยปากไม่ให้ผมมายุ่งกับเธออีก แม้แต่ในฐานะเพื่อน!!

เจ็บแล้วจำคือคน แต่เจ็บแล้วทนคือควาย!! คำพูดที่ได้ยินกรอกหูอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมก็ยังยอมที่จะทน ทนจนความรู้สึกมันชินชาต่อการกระทำและคำพูดของคนหนึ่งคนได้ดีกว่าใคร

และหากมีโอกาสครั้งไหนที่จะได้พูดปลอมใจพลอย ผมใช้สิทธ์ของคำว่าเพื่อนตอกย้ำซ้ำเติมเธอให้เจ็บยิ่งกว่าเดิมให้สาสมต่อความรู้สึกของเพื่อนที่ไม่เคยสำคัญของเธอคนนี้

และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่...พลอย...ได้รับข้อความเพื่อปรับความเข้าใจกับมัน!! ณ ร้านไอศกรีมแห่งนี้

 

เราเลือกที่นั่งบริเวณในสุดริมหน้าต่างเพื่อจะได้ดูทิวทัศน์ของทะเลยามค่ำคืนในเมืองพัทยา ผมหันหลังพิงเก้าอี้..สีแดงนุ่มนิ่ม บรรยากาศของร้านเหมาะที่จะนั่งด้วยอารมณ์เป็นสุข โทนร้านตกแต่งด้วยสีแดงเข้มช่วยขับเน้นให้ข้อความตัวหนังสือสีขาวเด่นชัดขึ้นมา”moment of happiness” ช่วงเวลาแห่งความสุข.....แต่ผม..ไม่มีความสุขกับบรรยากาศเหล่านี้เลย

 

ถัดจากเก้าอี้ที่ผมนั่งเป็นเก้าอี้ที่มันกำลังเดินทางมานั่ง และอีกฝั่งเป็นที่นั่งของเพื่อน...รัก..ของผม…

ผมเลือกที่จะนั่งตรงนี้เพื่อที่ผมจะได้รับรู้บทสนทนาที่ทั้ง 2กำลังจะคุยกัน...เพื่อผมจะได้ยินถ้อยคำของมัน!! อย่างชัดเจน....

ผมก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือขวา...ตอนนี้เป็นเวลา 5โมงเย็น เรามาก่อนเวลานัดประมาณ 10นาทีเพื่อที่ต่างคนต่างจะได้เตรียมตัว...เตรียมใจ...

 

ช่างยาวนาน...ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น!!

อากาศข้างนอกเริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนตั้งเค้าจะตก เมฆสีดำก้อนใหญ่ลอยปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ข้างนอกร้านไอศกรีมในเวลานี้นอกจากท้องทะเล ถนน ผู้คนแล้วยังมีขยะลอยเคว้งตามแรงลมที่พัดมา...

เปรี้ยง!!เสียงฟ้าร้องเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกชีวิต!!หาที่หลบจากความบ้าคลั่งครั้งนี้...

 

อากาศข้างนอกจะมืดเท่าไหร่ ฝนตั้งเค้าตกหนักแค่ไหน ผมไม่ได้สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลย สิ่งที่ผมสนใจอยู่ตรงหน้าผม ที่ม้านั่งริมถนนฝั่งตรงข้าม.... ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาเด็กคนนี้ผมรู้สึกคุ้นหน้าเธอมาก ในจังหวะที่ผมกำลังเพ่งมองอยู่นั้น สายตาของเด็กคนนั้นก็มองมาสบตาเข้ากับผม มันเป็นแววตาที่แฝงความเศร้า...เย็น ไร้แววตา เหมือน...คนที่ไม่มีชีวิต...!!

ขนผมลุกตั้งทันที ในช่วงเวลานั้นเองเด็กผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งลงมาที่ถนน

ปี๊ป...ปี๊ป...ปี๊ป...เสียงบีบแตรของรถสองแถวสีแดงดังลั่นสนั่นเสียงคนขับร้องเสียงดังลั่นเพื่อเป็นสัญญาณให้เด็กน้อยถอยออกไปจากถนน

 

ไร้ผล!!!เด็กน้อยไม่ได้ยิน หรือเจตนาของเด็กน้อยที่ไม่อยากจะหลบ

 

ตูม...เสียงรถพุ่งเข้าชนร่างของเด็กสาวตัวน้อยอย่างจังร่างของเด็กน้อยโชกไปด้วยเลือดลอยข้ามถนนจากอีกฝั่งพุ่งเข้าชนกับตู้กระจกร้านไอศกรีม

เพล้ง!!!...เสียงแตกของกระจก ตามด้วยร่างของเด็กน้อยที่กำลังค่อยๆกลิ้ง...กลิ้ง...กลิ้ง..ช้าลง...ช้าลง...และหยุดลงข้างหน้าผม!!!ห่างจากผมไม่ถึงคืบ...ที่ปลายเท้าของผม!!!ร่างของเด็กน้อยหยุดนิ่งลง... ดวงตาของเด็กน้อยกลิ้งกลอกไป มา และหยุดนิ่งจ้องมาที่หน้าผม!!

กรี๊ด....เสียงกรีดร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์ เสียงโวยวาย เสียงตะโกนให้เรียกรถพยาบาล ดังอืออึงไปหมด ผมกลับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น

 

เสียงที่ผมได้ยินมันดังอยู่ในหัวผม

.......................................................

”พี่เก้า ช่วยแพรวด้วย แพรวยังไม่อยากตาย พี่เก้าช่วย แพรว....ดะ..ดะ......ด้ว..ย..ย..ย...”

มีเพียงเสียงนี้เท่านั้นที่ผมได้ยิน!!

 

............................................................................................................................

 

ใน..ใจ....ของ....ผู้หญิง

เฮ้อ....คุณเคยเบื่อไหมที่ต้องคอยวิ่งตามใครสักคน?...ฉันเบื่อเหลือเกินกับการวิ่งตามใครสักคนหนึ่งเพื่อให้เขาเห็นคุณค่าของเรา...

ฉันชื่อพลอย ส่วนคนที่นั่งโต๊ะถัดไปที่หันหลังให้ฉันอยู่ตอนนี้ เขาชื่อเก้า เราเป็นเพื่อนกันมา?คนคิดทำทียกนิ้วขึ้นมานับ..เอ่ กี่ปีแล้วนะ เจ็ด แปด หรือ สิบปีนะ จำไม่ได้ช่างเถอะเอาเป็นว่ามันนานแล้วกัน พลอยเผลอยิ้มออกมา ตอนนี้เราอยู่ในร้านไอศกรีม...ริมหาดพัทยา ฉันขอให้เขามาอยู่เป็นเพื่อน..นี่ก็ไม่รู้เป็นอะไรตั้งแต่เดินเข้ามาก็ไม่พูดไม่จา นั่งเหม่อมองกระจกอยู่นั้นแหละ แล้วแทนที่จะมานั่งด้วยกันเป็นเพื่อนกัน ชิ!!ทำเป็นติสแยกไปนั่งคนเดียว พนักงานร้านกำลังเดินเข้ามารับ order โต๊ะของฉันแล้ว....

“รับรายการอะไรดีค่ะ...” เธอยิ้มให้ฉันพร้อมกับยื่นเมนูส่งมาตรงหน้า...ฉันรับเมนูขึ้นมาดูซักพัก อันนี้ของชอบ..ฉัน....ส่วนอันนี้ของ....เก้า... Sticky chewy..ฉันเลือกซักพักแล้วสั่งเมนูตามที่ได้คิดไว้

“น้องค่ะ...ขอ Fondue 1ที่ค่ะ ส่วนของ โต๊ะโน้นเอา Sticky chewy 1 ที่ให้เพื่อนพี่ด้วยนะ” ฉันสั่งเมนูโปรดที่ชอบและไม่ลืมที่จะสั่งให้กับเก้าด้วยเช่นกัน

จริงๆแล้ววันนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญมากนักหรอก ก็แค่นัดคุยกับเพื่อนของฉันเอง...เพื่อนคนที่ครั้งหนึ่งไม่ใช่เพื่อน...

แต่วันนี้ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันนอกไปเสียจากเพื่อน!!

ความจริงก็คือ...ฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว...

ระหว่างที่ฉันกำลังครุ่นคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ แว่วๆว่าฉันได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ฟังแล้วก็รู้สึกคุ้นหูมาก ฉันจึงลุกขึ้นมองไปข้างหน้าต้นทางของเสียงเรียกที่ฉันได้ยิน........ว่างเปล่า......ไม่มีใคร...ไม่มีอะไร...ทุกสิ่งว่างเปล่า ฉันอาจจะหูแว่วไปเองก็ได้ ทำใจลอยไปได้ยัยพลอยแกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ...ฉันบ่นกัยตัวเองในใจ

 

ด้านนอกฝนตั้งเค้าจะตกหนักอยู่เหมือนกัน เมฆแต่ล่ะก้อนอึมครึมบรรยากาศเวลานี้ดูน่ากลัวพิกลๆ...

ฉันนั่งมองลมมองฟ้าที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจะบ้าคลั่ง...ไปเรื่อยๆ.....เพลินๆ

…………………………………………………………………………………………………………………………

 

ตึก...ฉันสะดุ้งตกใจด้วยว่ากำลังคิดอะไรเพลินๆ

 

“พี่ค่ะ.... Fondue ที่สั่งได้แล้วค่ะ” เสียงของพนักงานสาวชุดแดงประจำร้าน...ฉันสะดุ้งเล็กน้อยและเหมือนพนักงานสาวประจำร้านเธอจะรู้จึงขอโทษฉันเป็นการใหญ่...

ไม่เป็นไรค่ะพี่แค่คอดอะไรเพลินๆ...ฉันตอบเธอที่กำลังขอโทษขอโพยฉันอยู่

จากนั้นเธอก็เดินไปยังโต๊ะที่เก้านั่งอยู่เพื่อนำ Sticky chewy ที่ฉันสั่งไว้ให้เก้า

ฉันนั่งกินไอศกรีมไป มองด้านนอกไป แล้วฉันก็ต้องสะดุ้งสุดตัว!!

แว๊บนึงในกระจกบานตรงหน้าฉัน...คล้ายว่าฉันเห็นอะไรบ้างอย่าง...ใช่จริงๆมันเป็นหน้าของใครบางคนกำลังซบลงบนไหล่ขวาของฉัน...เพียงพริบเดียวก็ลางหายไป...

ไม่มีอะไร ไม่เกิดอะๆรขึ้น...และตรงไหล่ขวาของฉันก้ไม่มี...หน้า!!ของใคร

 

...สงสัยหมู่นี้นอนน้อยไปตาจึงลายได้ขนาดนี้....

......................................................................

 

5 นาที แห่งการทักทาย

 

เสียงเรียกของเด็กน้อยยังคงดังก้องอยู่ในหัว วนไปวนมา ซ้ำไปซ้ำมา และยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ....

”พี่เก้า ช่วยแพรวด้วย พี่เก้า ช่วยแพรวด้วย พี่เก้า ช่วยแพรวด้วย พี่เก้า!! ช่วยแพรวด้วย....”

มันคือเสียงคนที่อ้อนวอนขอความช่วยเหลือ...สั่น... สะอื้น... ขาดๆหายๆ....เหมือนเสียงสุดท้ายของคนที่กำลังจะขาดใจ!!

…เพียงแต่เสียงที่ได้ยินนี้มันหนาวเย็น และโหยหวน…

ผมยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้...ได้ผลเสียงเงียบหายไป....แต่..เพียงครู่เดียวเท่านั้น!!

....ผมลุกขึ้นเตรียมพร้อมที่จะวิ่งออกจากที่นั่งตรงนั้น…ทว่า..กลับรู้สึกถึงแรงดึงบางอย่างยึดให้ต้องอยู่กับที่...

พรึ่บ...!!...ไฟดับ ทุกอย่างรอบข้างเงียบสนิท!!!

มีเพียงแต่ความมืดเท่านั้นในเวลานี้ บรรยากาศในร้านไอศกรีมซึ่งก่อนหน้านี้โทนสีแดงและตัวหนังสือสีขาวช่วยสร้างความรู้สึก สดใส อบอุ่น มีความสุข.... บัดนี้!!!

สีแดงกลับทำให้รู้สึกถึงอันตราย อย่างบอกไม่ถูกอันตรายถึงบางสิ่งบางอย่าง... ยิ่งได้เห็นตัวหนังสือสีขาวกลับยิ่งทำให้รู้สึกกลัว

เมื่อหันมองไปรอบข้างเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่บริเวณนี้...แต่!!....ตอนนี้ที่นี่มีเพียง...เรา...กับ..สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กสาวตัวน้อย...เท่านั้น!!

จะเรียกว่าหายตัว หรือคลาน หรืออะไรก็ช่าง...ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอ...ตอนนี้ได้ยึดเข้าที่ข้อเท้าขวา...แขนเธอที่จับเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล...แหวะหวะ...เห็นเนื้อสีขาว เห็นถึงกระดูก บางแห่งมีกระดูกที่แตกแทงทะลุขึ้นมาเหนือผิวหนัง ทำให้แขนดูผิดรูปร่าง..หงิกงอ!!

เสียงของเธอ ดังขึ้นเรื่อยๆ...เรื่อยๆ กร้าวขึ้น ดุดันขึ้น ดวงตาของเธอที่ยังคงจ้องมองมา...มันเปลี่ยนไป...ดวงตามีเพียงสีแดงไม่มีสีอื่นใดปะปน......เธอกำลังโกรธ!!

เสียงที่ได้ยินเริ่มเปลี่ยนไป!!...

“อย่าทิ้งกู...ช่วยกูด้วย!!...อย่าทิ้งกูไว้....ช่วยกูด้วย!!....กรี๊ด.....ดดดด...ดด....” เป็นเสียงกรีดร้องที่ทั้งดุดันและโหยหวนผสมรวมอยู่ด้วยกัน มันดังจนรู้สึก....เจ็บ!!...เจ็บแสบ..จนแก้วหูเหมือนจะฉีกออกจากกัน....

ความกลัวถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนและด้วยความรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวต้องตะโกนออกไปสุดเสียง...ให้เสียงเป็นเครื่องระบาย ความกลัว ความเจ็บปวด ที่กำลังเผชิญ......อ๊า....ก......ก.........ก.....ก........................ก.....................กก...............................ก......ก......

ขณะที่กำลังแหกปากร้องออกไปสุดเสียงด้วยความกลัว ความเจ็บปวดจากประสาทการรับฟัง เธอเองก็พยายามที่จะลุกขึ้นยืน!!....แต่ด้วยร่ายกายของเธอ...มันบิดเบี้ยว....หงิกงอ ทำให้ไม่อาจยืนขึ้นเองได้...มือที่แหวะหวะของเธอค่อยๆเลื่อนขึ้นๆเปะปะไปตามรายกายของผม...ทุกครั้งที่มือของเธอแตะลงบนตัวผมช่างน่าสะอิดสะเอียดนัก หนองสีแดงของเธอหยดลงตามตัวผม....มือของเธอค่อยๆเลื่อนขึ้น....เลื่อนขึ้น...เพื่อพยุงตัวของเธอให้ยืนขึ้นกระทั้งหยุดลงที่บ่า!!

ใบหน้าของเราแนบชิดติดกัน..เธอได้ยืนขึ้นแล้ว….!!

ข้อความเดิม ”moment of happiness” ช่วงเวลาแห่งความสุข...แต่เมื่อมันอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของเธอแล้ว ความหมายในประโยคก็เปลี่ยนไป ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความกลัวมากขึ้นไปอีก

เราทั้ง 2เผชิญหน้ากัน... กลิ่นลมหายใจของเธอทั้งร้อนผ่าวและเหม็นเน่า

“กรี๊ด......ด.....ด....ด.ด..ด...ช่วย.....ด้...วย” เสียงละล่ำละลักของเธอผสมออกมากับเลือด!!

ใบหน้าของเราแนบชิดติดกัน..เธอได้ยืนขึ้นแล้ว….!!

ข้อความเดิม ”moment of happiness” ช่วงเวลาแห่งความสุข...แต่เมื่อมันอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของเธอแล้ว ความหมายในประโยคก็เปลี่ยนไป ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความกลัวมากขึ้นไปอีก

เราทั้ง 2เผชิญหน้ากัน... กลิ่นลมหายใจของเธอทั้งร้อนผ่าวและเหม็นเน่า

“กรี๊ด......ด.....ด....ด.ด..ด...ช่วย.....ด้...วย” เสียงละล่ำละลักของเธอผสมออกมากับเลือด!!

...กลิ่นคาวเลือดค่อยๆโชยมา...มันแรงขึ้น...รุนแรงขึ้น...ค่อยๆแรงจนรอบบริเวณเพียงกลิ่นคาวเลือด...เพียงแค่ได้กลิ่น ความรู้สึกสะอิดสะเอียน วิงเวียน ก็โถมเข้ามา...

 

“กรี๊ด......ด.....ด....ด.ด..ด...ไอ้....เ...ก้..า....ช่..ว...ย....กู....ด้...ว..ย” เสียงของเธอหวีดร้องอีกครั้งพร้อมกับเขย่าตัวผมอย่างแรง... อาการปวดแก้วหูอย่างรุนแรง กลิ่นที่โชยเข้าสู่ร่างกายก็ช่วยเพิ่มความทรมานให้แก่ร่างกายได้อย่างมาก ตอนนี้ผมกลัวจนแทบสิ้นสติ...แรงเขย่าค่อยๆแรงขึ้น...แรงขึ้น...แต่ผมกับรับรู้ได้ช้าลง...ช้าลง...ทุกอย่างกำลังหยุดนิ่ง กระทั้งทุกอย่างมืดสนิทลง

 

 

 

............................................................................................................................

 

 

 

“พี่ค่ะ.....พี่ค่ะ...พี่ค่ะ!!” เสียงของใครบางคนเรียกพร้อมๆกับสะกิดที่ต้นแขนเบาๆ แต่พอที่จะปลุกคนนอนให้รู้สึกตัวได้...ครั้นเมื่อหันมองก็พบกับพนักงานเด็กสาวในชุดสีแดงยิ้มให้เป็นการต้อนรับ

 

“Sticky chewy ค่ะ พี่สาวคนสวยโต๊ะโน้นสั่งให้พี่ค่ะ...” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆเป็นการยิ้มต้อนรับลูกค้าตามมารยาท

 

ยังไม่ทันจะหยิบไอศกรีม...ทันทีที่ได้สติเก้าหันซ้าย..หันขวา เขาก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือก็ต้องตกใจ!!...เวลาพึ่งจะผ่านมาได้ประมาณ 5นาที!!

 

ช่างเป็น 5 นาทีที่แสนยาวนาน

 

 

 

............................................................................................................................

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว