แมวข้างบ้านผมเป็นพระเจ้า

ตลก

แมวข้างบ้านผมเป็นพระเจ้า

แมวข้างบ้านผมเป็นพระเจ้า

Poun:D

ตลก

0
ตอน
1.65K
เข้าชม
378
ถูกใจ
3
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

 

แมวข้างบ้านผมเป็นพระเจ้า

“นพ เรามีเรื่องอยากจะบอกนพนานแล้ว…แต่… แต่เราไม่กล้า เราไม่มั่นใจ ว่านพจะคิดกับเรายังไง”

น้ำฟ้าทาหน้าเอียงอาย บิดใบหน้าไปด้านข้าง ใช้นิ้วเรียวยาวนั้นม้วนผมข้างแก้มอย่างเคอะเขิน ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูเรื่อของเธอเวลาที่ประเดี๋ยวเม้มปิด ประเดี๋ยวเม้มเปิดอย่างลังเลนั้นดูเย้ายวนจนผมต้องกลืนน้าลาย

“อ…อะไรเหรอ ส…สำคัญนักรึไง ถึงต้องมาหากลางดึกแบบนี้” ผมเสแสร้งแกล้งทาเป็นสะบัดหน้าอย่างรำคาญใจทั้งๆที่ใจจริงในอกเต้นระรัวแทบทะลุออกมาข้างนอก หญิงสาวข้างบ้านที่ผมแอบปิ๊งมานานนับสิบปี บัดนี้เรียกผมออกมากลางดึก พบเจอกันสองต่อสองที่หน้าประตูบ้านของผม ฉากที่เหมือนกับในเกมจีบสาวกับนิยายรักราคาถูก ที่ผมเคยอธิฐานซ้ำไปซ้ำมานับพันนับหมื่นครั้งให้ปรากฎในชีวิต ขณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ต่อจากนี้ก็ขอแค่…

“น้ำฟ้ารู้ตัวแล้วว่ารักนพ เราคบกันเป็นแฟนนะ น้าฟ้าจะเลิกกับพี่เบสท์เดี๋ยวน….”

“เชอรี่ของเราเป็นพระเจ้าล่ะนพ”

 

น้ำฟ้าตัวจริงพูดตัดกับน้าฟ้าในจินตนาการของผม บรรยากาศรอบตัวผมเย็นลงหนึ่งองศา ด้วยว่าคาพูดจากปากของหญิงสาวตรงหน้าเกินกว่าความเข้าใจได้ไปโข

“นังเชอรี่?” ผมทวนคา

นังเชอรี่คือแมวสามสีที่บ้านของน้าฟ้า เป็นแมวแก่ๆหน้าตาอัปลักษ์ที่วันๆเอาแต่นอน ตื่นมาก็เอาแต่กิน เป็นแมวที่สุดแสนจะธรรมดาที่สุดในสามโลกานี้ ถ้าจะพูดว่ามันมีอะไรแปลกกว่าแมวตัวอื่นก็มีเพียงสองเรื่อง นั่นคือหนึ่ง มันเป็นแมวที่ชอบกินแซลม่อนมาก มากชนิดที่ว่าถ้าถือเอาแซลม่อนเดินผ่านหน้ามัน มันจะคอยเดินตามไม่ห่างทีเดียว ในสมัยประถม ตอนที่ผมไปงานเลี้ยงวันเกิดน้าฟ้า ผมเคยถือแซลม่อนจานใหญ่เดินผ่านหน้ามันครั้งนึง เชอรี่เดินตามผมต้อยๆพร้อมร้องออดอ้อนอย่างผิดวิสัยแมวหยิ่งอย่างมัน

จนผมสงสาร แอบเอาแซลม่อนดีๆในจานให้มันทั้งชิ้น แต่น้าฟ้าเจ้าของวันเกิดมาเห็นพอดี น้าฟ้าเอาไปฟ้องแม่ และนั่นทาให้ผมโดนแม่ดุจนไม่กล้าจะเอาแซลม่อนแพงๆให้นังเชอรี่มันกินอีก

ส่วนอย่างที่สองที่ว่าแปลก นั่นคือเชอรี่มันอายุยืนมาก ผมเจอมันตั้งแต่เจอน้าฟ้าครั้งแรก และมันยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน

“อื้อ ใช่ เชอรี่แมวเราไง” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผม แววตากลมโตใสนั้นไม่มีวี่แววจะล้อเล่นแต่อย่างใด ยังคงใสซื่อ ตรงเผงเหมือนเดิมที่เธอเคยเป็นมาตลอดสิบปี

ผมกลืนน้ำลาย เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้ล้อผมเล่น และเหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่ได้โกหก

น้ำฟ้าไม่โกหกใคร ผมรู้ดียิ่งกว่าใครทั้งนั้น เพราะบ้านของเราเป็นห้องแถวติดกัน และเราก็เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ป.4 และเพราะแม่ของเราสนิทกัน เราจึงมักจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ แม้ตอนนี้จะอยู่ห่างๆกันบ้างเพราะเรียนกันคนละคณะ แต่ก็เราก็ยังคงเรียนมหาลัยเดียวกัน ดังนั้นผมจะบอกว่าผมเป็นคนหนึ่งที่รู้จักเธอดีที่สุดรองจากพ่อแม่เธอก็ไม่แปลกหรอก

ผมเชื่อว่าเธอพูดจริง

แต่เรื่องนี้มันเกินกว่าจะทาความเข้าใจแบบสามัญได้ ผมยกมือขึ้นนวดขมับ

“ทำไมนังเชอรี่เป็นพระเจ้าล่ะ”

น้ำฟ้าทาตาแดงๆก่อนจะเอ่ยเสียงค่อย

“เรา… เราแค่รู้สึกว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เชอรี่อยากให้เกิด มันจะเกิดขึ้นน่ะ”

“หา? “

“จ… จริงๆนะนพ เราสังเกตมานานแล้ว เราอยากบอกคนอื่น แต่กลัวคนอื่นจะหาว่าเราบ้า เราเลยไม่เคยบอกใครเลย แต่… แต่ถ้าเป็นนพ”

ขนตาหนาเป็นแพนั้นช้อนขึ้นมอง

“ถ้าเป็นนพคงเชื่อเราใช่ไหม”

ผมถอนหายใจ “เชื่อสิ ฟ้าไม่โกหกนี่นา”

“นพ!! ด…ดีใจจัง นพเชื่อเราด้วย!!”

พร้อมๆกับน้ำเสียงออดอ้อนนั้น น้ำฟ้าก็ถลาเข้ามากอดผมอย่างคนที่ดีใจจนลืมตัว เรื่องควรจะเป็นว่าผมได้การกอดจากร่างอรชรนุ่มนิ่มของสาวน้อยที่ผมแอบหลงรักมานานปี แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆผมก็ก้าวถอยหลังเสียชิบ น้ำฟ้าจึงคว้าจับได้เพียงธาตุอากาศ เพราะผมก้าวหลบเธอจึงเซถลาไปอีกสองก้าวก่อนจะใช้ขายันตัวเองไว้ไม่ให้ล้มได้ เกิดบรรยากาศอิหลักอิเหลื่อระหว่างเรา

“เอ่อ… ขอโทษนะฟ้า” บอกตามตรงเลยนะ ผมเกลียดปฎิกิริยาตอบสนองของตัวเองโว้ยยยยย

“….” น้ำฟ้ากระแอม ก่อนจะเปลี่ยนท่าทางจากท่าฉีกขาอันน่าตลกมายืนบิดน่ารักอย่างเดิม

“เอ่อ… จะว่าไป เมื่อไหร่ล่ะที่เริ่มคิดว่าเชอรี่เป็นพระเจ้า” ผมหาเรื่องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“จ๊ะ… ก็คือ… จริงๆก็สงสัยมานานแล้วล่ะ แต่เพิ่งมั่นใจเมื่อหกเดือนก่อน…”

เรื่องที่น้ำฟ้าเล่ามามีดังนี้

เมื่อหกเดือนก่อน แม่น้ำฟ้าเกิดถูกหวยครั้งแรกในรอบสี่สิบแปดปี นั่นคือแม่เพิ่งถูกหวยครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา แม่น้ำฟ้าบอกกับน้ำฟ้าว่า เชอรี่เป็นคนให้หวย..

ทำไมเชอรี่เพิ่งให้หวยแม่ตอนนี้ล่ะ มันอยู่กับเรามาตั้งนาน… น้ำฟ้าถาม

แม่ตอบแบบสบายๆว่า “ก็เพราะแม่เพิ่งขอเป็นครั้งแรกน่ะสิ” แล้วก็หัวเราะดังลั่น เรื่องคือแม่นึกคึกอะไรไม่ทราบ บอกกับเชอรี่ที่กาลังนอนอืดตากขนในช่วงบ่ายของวันแดดดีวันหนึ่งว่า ถ้าเชอรี่ให้แม่ถูกหวยซักรางวัลหนึ่ง แม่จะซื้อปลาแซลม่อนของโปรดให้กับเชอรี่กิน เน้นเฉพาะพุงปลาราคาแพงด้วย พอพูดอย่างนี้จบ เชอรี่ก็ลุกขึ้นทันที แล้วเดินไปนั่งทับหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่แม่กาลังนั่งอ่านกับพื้นอยู่

“แล้วแม่ก็เอาเลขหน้าหนังสือพิมพ์หน้านั่นแหละไปแทงหวย” แม่ว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ถูกด้วย”

“งั้นแม่ซื้อพุงปลาแซลม่อนให้เชอรี่กินรึยังล่ะ” น้าฟ้าเอียงคอถาม

“โอ๊ย! ซื้อให้แมวทำไม เปลือง!! เรื่องนั้นมันแค่บังเอิญน่า แม่เล่าให้ฟังขาๆเฉยๆ” แม่น้ำฟ้าว่าพลางโบกไม้โบกมือ “เนี่ย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาฉลากกินแบ่งไปขึ้นเงินแล้ว โชคดีซื้อมาหลายใบ ได้เหนาะๆหลายหมื่น สบายเลย นัดสมาคมแม่บ้านไว้แล้วว่าจะพาไปเลี้ยงโต๊ะจีนใหญ่ด้วย”

ขณะเดียวกับที่แม่เล่าอย่างออกรส น้ำฟ้าก็หันไปเห็นแววตาสีเหลืองเข้มของเชอรี่ที่มองลอดประตูเข้ามา พอมันสบตากับน้ำฟ้า มันก็หรี่ตาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินสะบัดก้นอย่างโอหังประสานังเชอรี่ลอดผ่านประตูแมวออกไป ขณะนั้นฝนกาลังตกหนัก น้าฟ้าเลยรีบเปิดประตูตามออกไปจะเอานังเชอรี่เข้าบ้าน แต่เชอรี่ไวกว่าที่น้ำฟ้าคิด มันเผ่นแผล้วขึ้นหลังคาไปแล้ว

“นพ ตอนนั้นเราคิดในใจว่าแปลกมาก เพราะมีแต่บริเวณที่เชอรี่เดินเท่านั้นที่ฝนไม่ตก แต่เราคิดว่าเราตาฝาด เลยไม่ได้ว่าอะไร แต่มาคิดๆดู ตั้งแต่เราเด็กจนโตมา เชอรี่อยู่กับพวกเรามาตลอดเลย เชอรี่อายุยืนกว่าสิบกว่าปีแล้ว แต่ยังไม่แก่เลย แถมตลอดสิบปีมานี่ เราไม่เคยเห็นเชอรี่เปียกเลยนะ”

ผมอ้าปากจะแย้งว่าแมวแก่ไม่แก่มันดูออกซะที่ไหนกัน แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าจริง อย่างน้อยเชอรี่ก็ไม่มีขนขาวแซมเยอะอย่างแมวแก่ที่หอพักชาย หรือว่ามีอาการฟันหลอเลย มันยังคล่องแคล่วอย่างที่น้าฟ้าว่ามาทุกอย่าง แต่เรื่องแค่นี้จะเอามาสรุปว่าเชอรี่เป็นพระเจ้าก็….

“นพคงคิดล่ะสิว่า เรื่องแค่นี้จะเอามาสรุปว่าเชอรี่เป็นพระเจ้าไม่ได้หรอก นั่นน่ะเพราะว่าเรายังเล่าไม่จบ…” น้าฟ้ารีบพูดแทรกอย่างคนที่ทันความคิดกัน

เรื่องต่อจากนั้นคือ เช้าวันต่อมา แม่ของน้าฟ้าหาฉลากกินแบ่งที่ซื้อมาไม่พบ

แม่น้าฟ้าหาในตู้ ในลิ้นชัก ใต้เตียง บนบ้าน สุดท้ายแม่น้ำฟ้าพลิกเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้านหา รื้อตู้เสื้อผ้าแทบจะเหมือนจัดบ้านใหม่ เพราะแม่น้ำฟ้าดันไปสัญญากับสมาคมแม่บ้านแล้วว่าจะออกหน้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงโต๊ะจีนใหญ่ให้ แม่หาจนเหงื่อไหลไคลย้อย เกณฑ์ทั้งน้าฟ้า น้องสาวน้าฟ้า ทั้งพ่อ ทั้งยาย ทั้งเพื่อนบ้าน ไปช่วยหาหนึ่งวันเต็ม แต่ก็ไม่พบเลย จนแม่น้าฟ้าโมโหเพราะปักใจว่าต้องมีคนเอาฉลากกินแบ่งของแม่ไป

“อ้อ เรื่องนั้นฉันจาได้นะ เป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะ แม่เธอโทรมาตามให้แม่ฉันไปช่วยหาด้วย” ผมพิงตัวกับประตูแล้วพยักเพยิกหน้า

“ตั้งใจจะบอกว่าเชอรี่เอาไปซ่อนเพราะโกรธเรื่องไม่ได้กินพุงปลาแซลม่อนเหรอ ไม่ใช่ละมั้งฟ้า เพราะสุดท้ายฉันจำได้ว่าหาเจอนี่นา”

“ใช่นพ ฉันตั้งใจจะบอกแบบนั้น” น้าฟ้ามองผมตรงๆ “เพราะว่าวันนั้นหาไม่เจอจนแม่อารมณ์เสีย ฉันไม่รู้จะทำยังไง แปลกดีที่อยู่ๆฉันก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เลยรีบไปห้างเพื่อซื้อเนื้อปลาแซลม่อนถาดกลับมาให้เชอรี่ พอเชอรี่กินเสร็จ ห้านาทีหลังจากนั้นจู่ๆแม่ก็หาเจอว่าฉลากมันเสียบอยู่ในกระเป๋าตังค์แม่เอง” น้าฟ้าหัวเราะนิดๆ “แม่บอกว่าแม่ค้นกระเป๋าตังค์ตัวเองเป็นอย่างแรกแท้ๆ แต่หาไม่เจอเลย ทำไมอยู่ดีๆมันก็ปรากฎออกมา พ่อกับยายกับน้องสาวฉันบอกว่าแม่เริ่มแก่ล่ะสิเลยหลงลืม มีแต่ฉันที่มั่นใจแล้วว่าแม่ไม่ได้ดูผิดแต่แรก…ฉันคิดว่าวันนั้นเพราะฉันเอาชิ้นเนื้อปลาแซลม่อนไปให้เชอรี่ตามสัญญา เชอรี่เลยคืนฉลากกินแบ่งให้แม่

นพ วันนั้นเธอเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งฉันซื้อปลาแซลม่อนถาดที่ห้างเอง เธอจาได้ไหม?”

“อา…” ใครจะไปลืมลง… ก็วันนั้นล่ะที่ผมอกหัก

 

หกเดือนก่อน ในวันที่แม่ผมออกไปช่วยแม่น้าฟ้าพลิกบ้านหาฉลาก แม่โทรตามมาให้ผมออกไปช่วยด้วย อันที่จริงแล้วความขี้เกียจเกาะติดตัวผมจนอยากจะปฎิเสธแล้วอ้างว่ามีการบ้าน แต่พอคิดว่าถ้าไปแล้วจะได้เจอหน้าน้าฟ้า ผมก็รู้สึกกระปรี้กระเป่าจนแต่งตัวออกมา แต่ก็เจอน้าฟ้าน้าตารื้นอยู่หน้าบ้าน น้าฟ้าขอร้องให้ผมขี่มอไซค์ไปส่งที่ห้างใกล้บ้าน ขับไปเพียงสิบห้านาทีก็ถึง แน่นอนว่าผมขี่ไปโดยไม่ได้ถามอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นผมคิดว่าแม่น้าฟ้าอาจจะให้น้าฟ้าไปหาซื้ออุปกรณ์ตรวจจับฉลากอะไรซักอย่างให้ที่ห้างก็ได้

น้ำฟ้าบอกให้ผมรอที่รถ ซื้อของเสร็จจะกลับมา ผมจึงไม่ได้เดินตามไป แต่เมื่ออีกครึ่งชั่วโมงผ่านไป คนที่เดินกลับมาไม่ได้มีน้ำฟ้าคนเดียว ยังมีหนุ่มหล่อตัวสูงหิ้วของเดินตามมาอีกด้วย ทั้งสองเดินคุยกัน หัวเราะต่อกระซิกกันตลอดเวลา ทั้งส่งสายตาแปลกๆให้กันอีกด้วย

ไอ้หนุ่มคนนั้นดูอายุอานามพอๆกับผมและน้าฟ้า แถมหล่อหน้าใสคมเข้มจนผมต้องเผลอขมวดคิ้ว ทำไมน้าฟ้าต้องพาไอ้หล่อคนนั้นเดินตามมาด้วยวะ แล้วจะเดินใกล้น้าฟ้าของตูมากไปแล้วนะโว้ย! คุยอะไร

กับน้ำฟ้าตู!! พอได้แล้ว!! พอคิดแบบนี้ผมก็รีบเดินลงจากมอเตอร์ไซค์แล้วไปดึงแย่งถุงหิ้วของจากมือไอ้หล่อนั่นออกมาถือไว้เอง “ผมถือให้น้ำฟ้าเอง” ผมกัดฟันพูด

“นพ อย่าเสียมารยาทสิ นี่พี่เบสท์ พี่รหัสเรา พอดีเขาเห็นเราถือของหนัก เลยช่วยถือมาให้” น้ำฟ้ารีบละล่าลักพูด แต่ผมก็เมินหน้าไปอีกทาง

“พี่เบสท์ ขอบคุณมากๆนะคะที่มาส่ง” น้ำฟ้าก้มหัวขอบคุณอีกฝ่าย ขณะที่ไอ้หล่อยิ้มให้แล้วก็เดินถอยออกไป

ตอนนั้นผมมัวแต่หงุดหงิดจนไม่ได้สนใจว่าน้าฟ้าซื้ออะไรกลับมากันแน่… ผมไม่อยากให้ผู้ชายที่ไหนเข้ามาใกล้กับคนที่ผมชอบ ยิ่งแล้วใหญ่ว่าเป็นไอ้หล่อคนหนึ่งอีก

 

“จำได้สิ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเจอพี่เบสท์… แฟนคนปัจจุบันของเธอนี่”

 

ผมจงใจเน้นคาว่า”แฟนคนปัจจุบัน”

ตอนนั้นผมแค่หงุดหงิดที่มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาคุยกันอย่างสนิทสนมกับน้าฟ้าที่ผมแอบรักมานานปี ผมกับน้ำฟ้าไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะเทศกาลไหน เพราะบ้านเราสนิทกัน เราจึงไปเที่ยวพร้อมกันสองครอบครัว ไม่ว่าพักร้อนหรือวันหยุด และเพราะเราเรียนด้วยกัน เราทำการบ้านด้วยกัน ติวหนังสือด้วยกัน เราไปกินข้าวด้วยกัน และเพราะเราติดนิสัยสมัยเด็กมา เราจึงมักจะจูงมือกันกลับบ้านเสมอจนเพื่อนทุกคนแซวว่าเราเป็นแฟนกัน และหลังจากโดนแซวมากๆ ผมจึงเลิกเดินจูงมือกับน้าฟ้า แต่กระนั้นเราก็อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา เราคุยกันถูกคอ และรู้สึกได้… ว่าน้ำฟ้าเองก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจให้ผมไม่น้อยไปกว่าที่ผมมีให้กับเธอ น้ำฟ้าไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนนอกจากผม นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำฟ้าหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายคนอื่น…ซ้ำมันยังหล่อ…กว่าผม…

แต่หลังจากนั้นหนึ่งเดือน อยู่ๆน้ำฟ้าก็โทรมาบอกกับผมว่า พี่เบสท์สารภาพรักกับเธอแล้ว…

“ทำไงดีล่ะนพ พี่เบสท์เป็นเดือนคณะเชียวนะ เดือนคณะมาสารภาพรักเรา เราจะบอกเขายังไงดีล่ะนพ”

ผมบอกน้ำฟ้าเสียงเรียบว่า “เดือนคณะเชียวเหรอ หน้าตาธรรมดาอย่างเธอนี่หาโอกาสดีขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้วล่ะมั้งในชีวิตนี้ งั้นก็คบกับเขาไปเลยสิ โอกาสมาต้องรีบคว้าไว้ ฮ่าๆ”

ผมมั่นใจว่าเสียงผมไม่สั่นจนกระทั่งวางสาย แม้ว่าตอนนั้นน้าตาจะไหลนองหน้าผมแล้วก็ตาม

หลังจากน้ำฟ้ามีแฟน ผมก็พยายามรักษาระยะห่างจากน้าฟ้ามากขึ้น ผมไม่ตอบแชทหรือไลน์ของน้าฟ้าอีกเลย และถ้าน้าฟ้าโทรมาสามสาย ผมถึงจะรับซักหนึ่งสาย ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนดีที่กลัวแฟนของน้าฟ้าจะหึงหวงเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กอย่างผมหรอกนะ แต่ผมกลัวว่าผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้หากน้าฟ้าเกิดมาเล่าเรื่องสวีทหวานระหว่างเขากับแฟนให้ผมฟังตะหาก ผมไม่อยากเห็น ไม่อยากดู ผมทนไม่ได้ ผม…ผมรักน้ำฟ้ามากเกินไป

การที่ผมได้เจอประจันหน้ากับน้ำฟ้าอย่างวันนี้ เป็นครั้งแรกในรอบเดือนทีเดียว เพราะที่ผ่านมาผมพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด แต่เพราะน้ำฟ้าโทรหาเจาะจงให้ผมออกมาพบที่หน้าบ้าน ทั้งๆที่เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วพร้อมสาทับว่าเป็นเรื่องด่วน ทำให้ผมจึงรีบออกมาด้วยความเป็นห่วงระคนอยากรู้

 

“แล้วเพราะเรื่องแค่นี้เหรอน้ำฟ้า เธอถึงมั่นใจว่าเชอรี่เป็นพระเจ้า?” ผมแกล้งยิ้มเหยียดยียวนใส่ “และเพราเรื่องแค่นี้เธอถึงกับเรียกฉันออกมาพบหน้าบ้านกลางค่ากลางคืนเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่แค่นี้นะนพ” น้าฟ้าก้มลงมองพื้นแบบลังเล พร้อมๆกับใช้นิ้วม้วนผมตัวเองอย่างเคยชิน “เรา… จริงๆแล้วเรื่องที่เราได้คบกับพี่เบสท์สองสามเดือนที่ผ่านมานี้น่ะ เพราะว่า… เราขอกับเชอรี่น่ะ”

ผมตกตะลึง

นี่เธออยากเป็นแฟนไอ้หล่อนั่น ขนาดต้องไปขอกับแมวเชียวเร๊อะ!!!

ผมกัดริมฝีปากไว้ได้ก่อนจะพูดความคิดออกไป แต่น้ำฟ้ารีบละล่าละลักพูดต่อ

“ตอนนั้นเราอยากทดสอบ ว่าสิ่งที่เราขอกับเชอรี่จะเป็นจริงได้ทุกอย่างรึเปล่า เราก็เลยทดลองน่ะ เอาแซลม่อนชั้นดีไปให้เชอรี่กิน ระหว่างเชอรี่กินเราก็ขอให้เราได้คบกับพี่เขา แต่ที่เราทำน่ะ ก็เพราะ….นพ… เรา…. เราเห็นนพหึงเรากับพี่เบสท์มาก เราก็เลยลองขอกับเชอรี่ ว่าให้พี่เบสท์มาขอเราเป็นแฟน”

วูบหนึ่งที่หัวสมองผมว่างเปล่า… ผมหึงไปเกี่ยวอะไรด้วย?

“นพ จริงๆแล้ว นายเองก็เป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์นะ ที่ทาให้เราเชื่อว่าเชอรี่เป็นพระเจ้า”

ทันทีที่พูดจบน้ำฟ้าก็พุ่งมาคว้าแขนผมอย่างรวดเร็ว แทบจะเรียกว่ากระโจนเข้ามาเลยทีเดียว แต่ทั้งๆที่ผมไม่ทันระวังด้วยซ้า ผมกลับพลิกตัวหลบได้อย่างว่องไวจนตัวเองแปลกใจ มีแต่น้ำฟ้าที่พุ่งเข้ามานั้นเองที่ล้มกลิ้งไปกับพื้นไม่เป็นท่าจนผมตกใจ ต้องรีบไปประคองอีกคน

“ท…ทำอะไรน่ะฟ้า”

น้ำฟ้าหน้าพุ่งลงคลุกดิน แก้มและมือเปื้อนฝุ่นมอม ผมบ่นพลางสำรวจดูร่องรอยไปพลาง เมื่อเห็นว่าอีกคนคงไม่มีรอยแผลจึงค่อยวางใจ แต่น้ำฟ้ากลับหัวเราะร่า หัวเราะเสียงใส เป็นรอยยิ้มหัวเราะของคนที่ได้รับชัยชนะแล้ว

“นี่ไงนพ นี่แหละคือข้อพิสูจน์ว่าเชอรี่เป็นพระเจ้า เมื่อสมัยม.ปลาย เราเดินจับมือกันกลับบ้านทุกวันจนเพื่อนล้อ ฉันอายที่เพื่อนๆแซว วันหนึ่งฉันกินข้าวหน้าแซลม่อนไม่หมด เลยเทข้าวกับปลาที่เหลือใส่จานแมวให้เชอรี่ ระหว่างเชอรี่กินข้าว ฉันก็บ่นกับเชอรี่ไป ฉันบอกว่า “ฉันอายเหมือนกันนะ ที่เพื่อนๆในห้องแซว เพื่อนฉันบอกว่าผู้หญิงไม่ควรให้เด็กผู้ชายจับตัว แต่จริงๆฉันรู้สึกดีที่ได้จับมือกับเธอกลับบ้าน ให้ฉันเป็นคนบอกเลิกจับมือไม่เอาหรอก แต่ถ้าต่อไปเธอเป็นฝ่ายเลิกสัมผัสฉันเองก็ถึงจะเลิกได้… ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะดี เพราะจะไม่โดนล้อเลียนอีก…” แม้ฉันจะไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ แค่บ่นเรื่อยเปื่อยให้แมวฟัง แต่ วันต่อมา นพ เธอก็เลิกจับตัวฉันจริงๆ ไม่ว่าฉันจะพยายามแตะตัวเธอเท่าไหร่ เธอเองจะเบี่ยงตัวหลบอัติโนมัติ เธอเรียกว่าปฎิกิริยาตอบสนอง แต่ไม่ใช่หรอก มันคือพลังของพระเจ้า…”

น้ำฟ้าหันมาหาผม ดวงตาใสกระจ่างแจ๋วนั่นมองตรงมา ลึกเข้ามาในตัวผม “ ทีนี้นะนพ จำได้ไหม ว่าเมื่อสิบปีก่อน เธอเคยขอพรจากเชอรี่ไว้เหมือนกันข้อหนึ่ง”

ผมชะงักงัน

“นพ นานมาแล้ว เธอเคยขอกับเชอรี่ไว้ว่า อย่าให้น้าฟ้าโกหก ยกเว้นเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเธอเท่านั้น”

“ไม่ ฉันไม่เคยขอ ฉันจะขอพรไร้สาระแบบนั้นทำไม” ผมสวนกลับอย่างรวดเร็ว แต่ในหัวผมพลันปรากฏภาพๆหนึ่ง ภาพเมื่อนานมาแล้ว ในสมัยที่ผมและน้าฟ้ายังเป็นเด็กประถม ตอนนั้นผมโกรธน้าฟ้าผมเลยพูดออกไปว่า….

“ไม่ เธอขอนะนพ นานมาแล้ว ในงานวันเกิดของฉัน เธอจาได้ไหม เธอโดนแม่เธอดุเรื่องเธอเอาแซลม่อนของฉันไปให้เชอรี่กินทั้งจาน เธอโทษว่าเพราะฉันเอาไปฟ้อง เธอจึงโดนดุ ฉันจึงบอกกับเธอว่า ฉันไม่โกหกใคร ดังนั้นจึงต้องบอกแม่เธอ ตอนนั้นเธอตะโกนลั่นห้องเลย ตะโกนว่าอะไรนะ…”

ผมกลืนน้ำลาย ภาพในหัวสมองผมพลันแจ่มชัด ผมกลายเป็นเด็กประถมที่โกรธเพื่อนจนหน้าแดงก่ำ โกรธจนมือสั่น ผมโมโหที่เด็กผู้หญิงคนนั้นแกล้งเอาคาว่าตัวเองเป็นคนดีมาอ้าง เพื่อที่จะได้ทาเป็นฟ้องเรื่องเล็กน้อยของผมให้กับแม่ผมได้โดยชอบธรรม ผมเดินไปยืนหน้าเด็กผู้หญิงแก้มป่องผมสั้นกุดคนนั้น แล้วตะโกนใส่หน้าเธอว่า

“ทำไมต้องฟ้องไปหมดด้วย ถ้าจะเป็นคนดีขนาดนี้ ก็ขอให้พูดแต่ความจริงไปตลอดชีวิตแล้วกัน แต่ เฉพาะเรื่องของนพเท่านั้นที่ขอให้โกหก! ขอให้โกหกเรื่องของนพ!! “

ร่างของเด็กผู้หญิงประถมผมสั้นกุดคนนั้น ค่อยๆซ้อนทับกับร่างกับของหญิงสาวที่ยืนต่อหน้าผมคนนี้…

ผมเบิกตากว้าง

“เชอรี่เป็นพระเจ้า… เป็นจริงๆหรือน้าฟ้า? ถ้าแบบนั้น หมายความว่าเธอ….พูดความจริงเกี่ยวกับฉันไม่ได้?”

น้ำฟ้ายกนิ้วเรียวยาวขึ้นจุ๊ปาก ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ

“คนบ้า…นพบ้า!! อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่เข้าใจอะไรฟ้าเลย ฟ้าน่ะแสดงออกชัดแค่ไหน ว่ารู้สึกยังไงกับนพ แต่ฟ้า… ฟ้าไม่สามารถบอกชัดๆออกไปได้ว่าคิดอะไรกับนพ เวลาจะพูดออกไป เสียงของฟ้าจะขาดไปทุกครั้ง ฟ้าน่ะ… เห็นนพหึงพี่เบสท์ เลยลองขอพรกับเชอรี่ดู เพื่อว่าถ้านพหึงพี่เบสท์มากๆ นพเองจะได้เป็นคนสารภาพรักกับฟ้าก่อน อะไรๆจะได้ง่าย แต่ว่านพกลับหนีหายไปเลย….

ฟ้าเสียใจมากนะ ถ้าวันนี้ฟ้าไม่เรียกนพออกมาเจอตอนนี้ นพก็คงหนีฟ้าอีกใช่ไหมล่ะ”

คำพูดเหล่านั้นพรั่งพรูออกจากริมฝีปากงามของหญิงสาว น้าฟ้าผินใบหน้าเนียนที่แดงก่ำไปถึงปลายหูเสมองไปทางอื่น ใช้สองมือนั้นกุมกระโปรงของตัวเองแน่น เป็นท่าทางที่ผมรู้ว่าเธอจะทาเวลาประหม่าเขินอายสุดขีดเท่านั้น

คำพูดที่ผมเฝ้าฝันมานานปรากฏกระหน่ำใส่ผมพร้อมเพรียงกับเรื่องที่คาดไม่ถึงเยอะเกินไป ความรู้สึกเอ่อล้นในอกนี่มีเยอะเกินไป ผมปลื้มปิติจนตกตะลึง ผมเคยคิดไว้เป็นหมื่นเป็นพันครั้งว่าหากน้าฟ้ามีใจตรงกับผมซักนิด … หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นซักนิด ผมจะเข้าไปสวมกอดน้าฟ้า และบอกเธอว่าผมรักเธอเช่นกัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริง ผมทาได้เพียงยืนหน้าแดง ล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อให้แน่ใจว่ากุญแจมอเตอร์ไซค์อยู่ในกระเป๋าแน่แล้ว แล้วจึงพูดคาเงอะๆเงิ่นๆโง่ๆออกไปว่า..

“งั้น… งั้นเราไปซื้อแซลม่อนถาดกันเถอะ ตอนนี้เลย”

น้ำฟ้าสะดุ้ง แล้วเงยหน้ามองผม

“ไปทำไมกัน”

“เอาไปให้เชอรี่ แล้วขอพรใหม่”

“นพจะขอว่าอะไร?”

ผมเดินเข้าไปประชิดเธอ ในใจผมอยากจะเชยคางเธอขึ้นแล้วจูบ แต่เหมือนมีอำนาจลึกลับบางอย่างที่ทาให้ผมไม่สามารถแม้แต่จะยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าเธอได้

น้ำฟ้าขมวดคิ้วอย่างงุนงง แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบตากับผม อะไรสักอย่างที่เชื่อมเรามานานนับสิบปีก็ได้ทำงานของมัน มันทาให้เราพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะทาอะไรต่อโดยไม่ต้องพูดออกมา… น้ำฟ้าหน้าแดงจัดกว่าเดิม แล้วพยักหน้าลงหนึ่งครั้ง จากนั้นเราทั้งสองคนก็เดินเคียงกันไปที่ลานจอดรถ

ในตอนที่ผมกับน้ำฟ้ากลับมาที่บ้านพร้อมแซลม่อน พร้อมร้องเหมียวๆเรียกแมวสามสีอัปลักษณ์ตัวนั้นตอนเที่ยงคืนกันสองคน ผมเกิดความรู้สึกประหวัดขึ้นมาอย่างหนึ่ง หากว่าเรื่องทั้งหมดที่น้าฟ้าพูดเป็นเรื่องโกหกล่ะ ถ้าน้ำฟ้าเกิดแค่อยากทาให้ผมมีความหวังขึ้นมาเล่นๆเท่านั้น หรือที่ร้ายกว่าเดิม คือพี่เบสร่วมมือกับน้าฟ้าเล่นตลกกับผมเพื่อความสนุกเท่านั้นล่ะ? ถ้าอยู่ๆเพื่อนในคณะผมกระโจนออกมาจากหลังพุ่มไม้พร้อมมือถือที่ถ่ายคลิปเรื่องทั้งหมดไว้ แล้วพากันหัวเราะเยาะผมที่เชื่อเป็นตุเป็นตะล่ะ? เรื่องแบบนี้มันสมเหตุสมผลกว่าการที่จะคิดว่าแมวของข้างบ้านผมเป็นพระเจ้าอีกนะ….

แล้วผมก็เผลอยิ้ม

เอาเถิดนะ ถ้าเกิดจะเป็นแบบนั้น อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้เต็มตื้นไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม ในขณะนี้ผมกาลังมีศรัทธาในอนาคต ศรัทธาในความหวัง ศรัทธาในนังเชอรี่ ศรัทธาในพระเจ้าที่เป็นแมวข้างบ้าน… ผมมีความสุขมาก และขอภาวนาให้มันเป็นพระเจ้าจริงๆด้วยเถอะ…

…แมวข้างบ้านผมเป็นพระเจ้าจริงๆ… อย่างน้อยก็ในห้วงเวลาขณะนี้ … อย่างน้อยก็ในจิตใจผมตอนนี้นี่เอง…

 

 

 

----------จบ------------------

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว