“เอ่อ” เจษฎ์บดินทร์พูดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปสักพัก “ตั้งแต่เกิดมาฉันก็มีแฟนแค่คนเดียวและฉันก็อายุห่างกับเธอมาก แล้วเวลาที่ผู้ชายเขาชวนผู้หญิงทานข้าวเขาจะพูดยังหรือ”
“ไม่รู้สิคะ ฉันไม่เคย”เธอจะรู้ไหมนะว่าตอนนี้ใจเขามันเต้นแรงขนาดไหน
“งั้น ถ้าเป็นทานข้าวกันไหม แบบล่ะนี้ว่าไง”
.........................................................................................
youtube
“ที่บอกว่าอย่าคิดแบบนั้น” เธอพูดสิ่งที่ค้างไว้
“อ๋อ และฉันคิดอะไรล่ะ” ขณะที่ถามแบบนั้น ในใจคิดว่าเธอผู้นี้ช่างลึกลับจริง และมักจะทำสิ่งที่คิดไม่ถึงอยู่บ่อยครั้ง
“คุณรู้อยู่แก่ใจ” เป็นครั้งแรกที่เธอย้อนกลับ
เจษฎ์บดินทร์หัวเราะก่อนจะตีหน้าซื่อต่อไป “จะไปรู้ได้ยังไงว่าที่เราคิดมันเหมือนกัน และผ่านมาตั้งหลายนาทีแล้วฉันชักจำไม่ค่อยได้” นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้พูดหยอกล้อกับคนอื่นแบบนี้ เหมือนได้ย้อนวัยยังไงก็ไม่รู้
“หืม ถ้าลืมง่ายขนาดนั้นเชียว และถ้าวันหนึ่งคุณต้องจากใครสักคนไป พอตื่นเช้าขึ้นมาคุณก็จะลืมคนคนนั้นงั้นอย่างนั้นหรือคะ”
นี่เรากำลังพูดเล่นกันอยู่ใช่ไหม เขาคิดในใจ
“คนที่เริ่มต้นทำกายภาพบำบัดจะท้อ และคิดแต่เรื่องล้มเหลว” เธอแตะหลังมือเขาเหมือนปลอบประโลม “ฉันเลยบอกว่าอย่าคิดแบบนั้น ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเซียนว่ายน้ำอย่างคุณเคยกลัวน้ำ”
“วรกานต์”
“และคุณไม่คิดบ้างหรือคะ ว่าถ้าคุณเดินได้หลายคนก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าช่วงเวลาหนึ่งคุณเคยนั่งรถเข็นแบบนี้”
เขาถึงกับไปไม่ถูกเมื่อเจอคำพูดแบบนั้น และคิดว่า มันก็จริงของเธอ รู้ตัวอีกทีแขนทั้งสองข้างของเขาก็ได้โอบกอดคุณพยาบาลผู้บอบบางแต่แสนใจดีคนนี้เสียแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าจะรักคุณได้มากแค่ไหน
และไม่รู้ว่าจะรักได้นานเท่าไร
...........................
แม้ได้รู้ว่าเธอเป็นเพียงแค่วิญญาณ
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรักเธอน้อยลงเลย
แล้วพอเธอตื่นขึ้นมาเป็นคนธรรมดาจะให้ผม
เลิกรักได้อย่างไร