Ghost & Magic เรื่องวุ่นๆชุลมุนคนเวทย์

เรื่องสั้น

Ghost & Magic เรื่องวุ่นๆชุลมุนคนเวทย์

Ghost & Magic เรื่องวุ่นๆชุลมุนคนเวทย์

Sasi-ayo

เรื่องสั้น

0
ตอน
516
เข้าชม
40
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
2
เพิ่มลงคลัง

ตึก ตึก ตึก เงี้ยวว~~ กลางดึกอันเงียบสงัดของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แทนที่มันจะเงียบกริบเหมือนกับทุกที แต่คืนนี้กลับมีเสียงเดินปริศนา

“เฮ้ย! ศิเว้ย แกมาเดินทำไมคนเดียวตรงนี้ น่ากลัวจะตายชัก...”

“เออๆ เพราะน่ากลัวนี่แหละถึงมาเดินน่ะ” ฉันตอบกลับไปอย่างหน้าตาย อ้อ! ลืมแนะนำตัว ดิฉันมีชื่อว่าศิ เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ที่มาวันนี้เพราะต้องเตรียมงานของชมรมอะป่ำม่ะล่ะฮึกฮือบรู้ววว (ช่างแปลกประหลาด) เนื่องจากเราจะจัดทัวร์บ้านร้างกันนั่นเอง 555+ ซึ่งดิฉันเป็นหัวหน้าชมรม ส่วนไอ้คนที่มาตามเมื่อกี้มันชื่อว่า แหนม ผู้ชายคนเดียวของชมรมและรองประธานชมรมด้วย

“มัวมาเดินอยู่นั่นแหละ ทุกคนรออยู่ที่ห้องประชุมแล้วนะ”

“ค่าาา...คุณรองประธาน” ฉันลากเสียงใส่ ก่อนจะเดินตามมันไป

ฟิ้วววว ลมพัดผ่านหน้า...อุแหม เย็นเชียว...

ณ ห้องชมรม ทุกคนนั่งรอบโต๊ะที่เป็นวงรี ส่วนฉันก็นั่งหัวโต๊ะ ชมรมเรานั้นมีเพียง 13 คนเท่านั้น แต่ไม่ใช่อุปสรรค์ ยิ่งน้อยยิ่งดี 555+ (บ้าไปแล้ว)

“ประธานคิดไว้หรือยังว่าจะไปที่ไหน” เมี่ยง เลขาประจำชมรมยกมือขึ้นถาม

“ไม่รู้” นั่นคือคนตอบของฉันเอง

“- -” สีหน้าของทั้ง 12 คน

“อ้าว...ก็ไม่รู้จริงๆนี่นา...” ฉันทำหน้าตาใสซื่อใส่ ทำเอาทุกคนเอือมระอา ผ่านไป 30 นาที ตอนนี้เป็นเวลา   22.55 น.แล้ว การประชุมหาที่ทัวร์ก็ยังไม่มีที่ไหนเจิดเลยซักกะที่

“วันนี้ประชุมไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้าน” เสียงนิ่งๆของฝ่ายบริหารทรัพย์ ที่มีชื่อว่า ข้าวเหนียว เอ่ยขึ้น โหย...แล้วมันก็เหนียวสมชื่อนะเนี่ย

“ศิ...นินทาอะไร” ฉันรีบฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที เพราะข้าวสามารถอ่านความในใจของคนอื่นๆได้

“เจอแล้วทุกคน!!” เสียงของ ปังปิ้ง ฝ่าย หน่วยสืบเสาะเคาะขุดข้อมูล เอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจ ทำให้ทั้งหมดรีบวิ่งไปดู ภาพบ้านหลังไม่ใหญ่ แต่ดูแล้วชวนวังเวงแบบสุดๆ

“ใช้ได้แฮะ แล้ว...มันอยู่ที่ไหนอ่ะ” ฉันถาม แล้วปังปิ้งก็อ่านที่ตั้งของบ้านหลังนั้นให้ฟัง ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ (เว้นฉันไว้คนนึงละกัน เพราะไม่เข้าใจ)

“เอาล่ะ พรุ่งนี้ 6 โมงเย็น มาเจอกันที่ห้องชมรมนะ” ปุ้ง ฝ่ายจัดตารางกิจกรรมของชมรมนัดหมาย

“โอเค”

“เตรียมตัวและฟิตร่างกายเพื่อวิ่งด้วยนะ” ฉันพูดขึ้น ทำเอาคนที่เหลือส่งสายตาอาฆาตมาให้

“555+” หัวเราะอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวออกไป ก่อนจะเดินไปหยิบที่นอนออกมาจากตู้ของชมรม แล้วปูที่นอน เนื่องจากบ้านฉันอยู่ไกลแล้วมันก็ดึกมากด้วยเลยนอนซะที่นี่ และมันก็ไม่เป็นเรื่องแปลกเลย

“เอาล่ะ กลับไปเตรียมตัวเตรียมใจนะ แต่ไม่ใช่เตรียมวิ่ง” แหนะ ยัยริบบิ้น (สมาชิก) แขวะฉัน เดี๋ยวเหอะ ปั๊ดเสกหนังตัวเงินตัวทองใส่ท้องเลยหนิ ไม่นานคนอื่นๆก็กลับ เหลือเพียง แก้ว แหนม ปาล์ม นา และฉัน และลืมบอกไปอย่าง ปาล์มมันก็เป็นผู้ชายนะ เริ่มมึนกับสมาชิก

“ศิ~~~” นาเรียกฉันแบบลากเสียง บรื๋อ...ขนลุก

“มีอะไรหรอ” ฉันทำเนียนถามหน้ายิ้ม หวังว่าคงไม่ขออะไรหรอกนะ - -

“คืนนี้ขอนอนกอดได้ไหมอ่ะ เราติดหมอนข้างอ่ะ” นั่นไง...ไม่มีผิดเล้ย

“55 ทำไมไม่ไปกอดแก้วล่ะ กอดมันอุ่นกว่ากอดฉันอีก” ฉันพูด พลางขยับตัวออกห่างแล้วไปนอนข้างไอ้แหนมเนือง ถึงมันเป็นผู้ชายก็ปลอดภัยกว่านอนข้างๆยัยนาอีก

“กลัวนานาหรอ” แหนมหันมาถาม

“ก็เออน่ะสิ ผู้หญิงอะไร น่ากลัวชะมัด” ฉันพูดพลางเหลือบๆมองยัยนา

“55 ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันสร้างอานาเขตกันทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไว้แล้ว” แหนมบอก ฉันพยักหน้า ก่อนจะเหลือบมองหน้าแหนม แล้วขมวดคิ้ว ทำไมมันถึงมีพวกเวทย์พวกนี้ได้นะ หรือมันเป็นพ่อมด! 0 0

ป๊อก “โอ้ย! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย” ฉันโว้ยวายออกมาเบาๆ แล้วลูบหน้าผากตัวเอง

“แล้วมามองหน้ากระผมทำไมล่ะครับ มองแล้วทำหน้าสงสัยอยู่นั่นแหละ”

“นาย...เป็นพ่อมดใช่ไหม” พอฉันถามออกไป แหนมก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“ใช่...แล้วนายรู้ไหม ว่านายเป็นอะไร”

“??” ฉันส่ายหัวช้าๆ

“นายเป็นผู้ชายไง”

“OoO โกหก”

“มันคือเรื่องจริงที่เลี่ยงไม่ได้เลยล่ะ”

ในที่สุดเวลานัดก็มาถึง

“เอาล่ะ...ทุกคนมาครบแล้วใช่ไหม เราจะเดินทางโดยใช้รถกระบะของผู้อำนวยการโรงเรียน 555+” อิ๊ม ผู้มีความเชื่อไสยศาสตร์จีน และก็มีคาถาอะไรเยอะแยะมากมายเอ่ยขึ้น เหอะๆ ดูก็รู้ว่าใช้คาถาเพื่อไปขโมยรถมาแหงๆ (เลวจริงๆ) ในขณะที่ทุกคนกระดี๊กระด๊า แต่ฉันกลับมานั่งคิดเรื่องที่ไอ้แหนมบอก บ้าหน่า คำนำหน้าก็นางสาว ดูเพศตัวเองก็ผู้หญิง อยู่ๆจะเป็นผู้ชายได้อย่างไรกัน คนน่ารักมึน

“เฮ้! ศศิ ขึ้นรถ on car on car” แยมเรียกฉันขึ้นรถ ใช้ภาษาอังกฤษไม่ถูกแล้วยังจะใช้อีก ฉันรีบเดินขึ้นกระบะท้าย ซึ่งมี 7 คน ที่เบียดกันอยู่ ฉันจะขาดออกซิเจนตายไหมเนี่ย (เวอร์ไปแล้ว)

“บอกมาคืนนี้ อยากได้กี่ครั้ง ที่ฉันโดนผีหลอก อยากหลอกกกี่ครั้ง จัดเลยคืนนี้ อยากหลอกกี่ครั้ง ให้ผีหลอกเต็มๆ แต่อย่าหลอกเลยซักครั้งก็ดี” ปลากับนุ่มร้องเพลงขึ้น และก็เคาะกระบะประกอบเสียง แล้วซักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนมาโอบไหล่ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ที่แท้ก็แหนมเนืองนี่เอง

“แจมซักเพลงสิ” แหนมชวน ก่อนที่ทุกคนจะวี๊ดว้ายกันอีกครั้ง ตกลงคนในชมรมมันเป็นผู้หญิงหรือกระเทยวะเนี่ย วี๊ดว้ายบ่อยจัง

“อยากบอกคนดี ว่าตัวพี่นี้ นั้นมันกลัวผีจังเลย เพื่อนๆพ้องเอย ได้โปรดอย่าเผยถ้าใครเจอผี ช่วยเงียบเอาไว้ อยากบอกคนดี ถ้าต่อไปนี้ใครเจอผีอีก ต้องเงียบให้ไว ค่อยๆบอกไปแล้ววิ่งนิดๆแล้วรีบโกยเผ่นแน้บทันที” ฉันร้องจบแล้วก้มหัวให้ทุกคน 555+

“เจ้าพ่อแห่งเพลง!!” คนอื่นๆตบมือกันเกรียวกราว

“อ่าว...ทำไมไม่เรียกเจ้าแม่อ๊ะ อยากเป็นแบบฮีชอลโอป้าอ่ะ”

“อย่างแกอ่ะนะ เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ผสมกันมั่วหมดแล้ว” นุ่มเถียง โดยคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย

“ผสมกันมั่วแต่เรียกว่าเจ้าพ่ออ่ะนะ” ฉันเถียงกลับ นุ่มกำลังอ้าปากจะเถียงต่อ แต่แหนมพูดขึ้นมาขัดจังหวะ

“พอๆๆๆ...ยิ่งเถียงเดี๋ยวก็ยิ่งยาว อีก200 เมตรก็ถึงบ้านร้างแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมล่ะ” แหนมแจงให้ฟัง และเพียงพริบตาเดียว รถก็มาจอดที่หน้าบ้านร้างหลังหนึ่ง โอ้โฮ...มาเจอเข้าจริงๆแล้ววังเวงยิ่งกว่าในรูปเป็น 1000 เท่าเลย และนักเรียนแห่งชมรม อะป่ำม่ะล่ะฮึกฮือบรู้ววว ก็ได้มาถึงบ้านหลังเรียบร้อย พวกเราทั้ง 13 คน ยืนเรียงหน้ากระดาน ประมาณคล้ายว่าเป็น Super junior 555+

“เอ่อ...หัวหน้าศิ จะเข้าไปพร้อมกันทีเดียว 13 คน เนี่ยนะ ไม่เยอะไปหน่อยหรอ” เมี่ยงชะโงกหน้าจากท้ายแถว แล้วตะโกนถามฉัน

“เข้า13 คน น้อยไปเสียด้วยซ้ำ บ้านก็หลังใหญ่ เกาะกลุ่มกันไว้ดีที่สุด ^ ^” แน่นอนว่า กลบเกลื่อน ใครๆก็รู้ว่าฉัน ป๊อดและปอดแหก แหวก มากขนาดไหน ที่กล้ามาเหยียบที่นี่ก็ดีสุดๆแล้ว

“เอาล่ะเริ่มเข้าไปข้างในได้ 555+” ฉันตะโกนขึ้น แล้วทุกคนก็เข้ามาเกาะกลุ่มกันเลยทันที ฉันยกมือถือขึ้นดูนาฬิกา เป็นเวลา 19.30 น. แล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที...แล้วคนอื่นมันหายไปไหนหมดวะเนี่ย พอฉันหันหลังกลับไป ก็ไม่มีใคร พอหันกลับมา

“ว้ากกกกก!! ไอ้แหนมเนืองงงงง!! ” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่แท้ก็เป็นไอ้แหนม ฟู่ว...ทำตกใจหมด

“คนอื่นเข้าไปกันหมดแล้ว นายมายืนทำไมตรงนี้เนี่ย”

“ดูเวลาเฉยๆ ไปๆๆเข้าไปในบ้านกัน” ฉันดันหลังแหนมกลับเข้าไปในบ้านต่อ พอมาสมทบกับพวกที่เหลือ ปังปิ้งหยิบกระดาษก่อนจะเอาไฟฉายส่องแล้วอ่าน

“ประวัติของบ้านหลังนี้อ่ะนะ คือว่าสร้างมา 50 ปีแล้ว ตรงต้นไม้หน้าบ้านเคยมีรถมาชน แต่ก็ไม่มีใครตาย เคยมีวัยรุ่นเข้ามาตีกันในนี้แล้วมีคนบาดเจ็บ แต่ไม่ตาย เคยมีคนมายิงกัน...”

“แต่ไม่ตาย ไอ้คุณปังปิ้ง เข้าเรื่องเหอะ” ปลาถึงกับต้องเว้าวอน ปังปิ้งยิ้มแห้งๆ ก่อนจะอ่านต่อ

“สรุปนะ ไม่มีใครตายเลย แต่ว่าวิญญาณที่อยู่ที่นี่เป็นเจ้าที่มากกว่า” ทุกคนพยักหน้าราวกับเด็กเอ๋อ ฉันมองไปรอบๆบริเวณบ้านอย่างกล้าๆกลัวๆ พอหันหน้ากลับมาที่เดิม

“เฮ้ย!! ไอ้แหนมมมม!!! แกนะแก” ฉันกระชากคอเสื้อมันแล้วเขย่งตัวเหมือนจะข่มมัน คนในชมรมต่างเข้ามาห้ามทัพทันที

“เจ๊...ใจเย็นๆๆ” ฉันถอยออกมาสงบสติแป๊บนึง ก่อนจะเชิดหน้าใส่ไอ้แหนม มันหัวเราะเบาๆก่อนจะมองไปที่อื่น

“งั้น...เริ่มปฏิบัติการได้!!!” ฉันให้สัญญาณ (หลังสงบสติอารมณ์เรียบร้อยแล้ว) เราเริ่มเดินกันไปที่หลังบ้านแห่งนี้ มีบ่อเล็กๆ 2 บ่อ

“อ๊ากกกก!!” ปังปิ้งร้องขึ้นมา ก่อนจะกระโดดขี่หลังฉัน (ดีนะที่มันตัวเบา) ก่อนจะร้องไห้

“เป็นอะไรปังปิ้ง” ฉันถาม

“งู...งูสิง”

“- -” กะอีแค่งูสิง ตัวมันเล็กนิดเดียวเอง โห่ย  ...ในที่สุดเราก็เดินไปข้างๆบ่อ แก้วเลยส่องไฟฉายไปรอบๆบริเวณนั้น

“เอาล่ะทุกคน ได้เวลาเดินขึ้นชั้นบนแล้วนะ” ปังปิ้งบอก ทุกคนก็เดินตามกันไป ฉันเหลือบมอบขึ้นไปที่ระเบียงชั้น 2 เห็นผู้ชายชุดดำยืนอยู่ ฉันรีบก้มมองพื้นทันที แล้วรีบเดินตามพวกที่เหลือไป...

“ได้เวลาจะมาเอาตัวขององค์ชายกลับแล้ว เตรียมพร้อมนะทุกคน”

“ครับ”

ตอนนี้ทุกคนกำลังเดินเรียงขึ้นบันไดที่จะพังแหล่มิพังแหล่ ซึ่งฉันเดินตบท้ายแถว พอก้าวเท้าเหยียบปุ๊บ

กึก เวรกรรม บันไดจะหักไหมเนี่ย

“พี่ศิ...เดินดีดีนะ เดี๋ยวบันไดมันจะหักเอา”

“ไม่หักหรอกโว้ย ตัวฉันออกจะเบา” ฉันเถียง ก่อนจะค่อยๆก้าวขึ้นไปอย่างระมัดระวัง พอขึ้นมาถึงชั้น 2 แล้ว เกิดอาการ ป๊อด อย่างสุดขีด ฉันรีบเดินไปเกาะแขนแหนมเนืองทันที

“ปอดแหกรึไงศิ” แหนมถาม หืมม...ก็รู้ๆกันอยู่ ถามทำไมเนี่ย

“เออดิ วังเวงจะตายชัก” ฉันมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง

“ฮะ...ฮะ...ฮัดชิ้ววว!” ฉันจามออกมา ฝุ่นเยอะมาก! ไม่ได้มาตรฐานบ้านร้างเลยนะเนี่ย

“ในชั้น 2 จะมี 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำนะทุกคน” ปังปิ้งบอก

“กิจกรรมที่จะให้ทุกคนทำก็คือ จะต้องแยกเป็น 2 กลุ่ม ส่วนเศษ 1 คนจะต้องนั่งอยู่ข้างนอกคนเดียว แล้วให้กลุ่ม 1 เข้าห้องนอนห้องแรก กลุ่ม 2 ห้องนอนห้อง 2 และจะให้ทำภารกิจ จะเป็นอะไรนั้นมาจับกลุ่มกันก่อนดีกว่า” ปุ้งอธิบายก่อนจะหยิบขันใบเล็กๆ ขึ้นมา

“ในนี้จะมีสลาก 13 ใบ มี 1 ใบที่จะเขียนว่า อยู่คนเดียว และอีก 12 ใบ ก็เขียนเลขกลุ่ม” แล้วจากนั้นก็จับไปเรื่อยๆ จนมาถึง ฉัน คนสุดท้ายคือปุ้งนั่นเอง ฉันค่อยๆเปิดชะแว้บชะแว้บ

“เฮือก!! ยะ...ยะ...อยู่คนเดียว 0o0” ไม่นะ!

“ยินดีด้วยนะคะคุณประธานชมรม 5555+” ยัยริบบิ้น คู่ปรับตลอดกาลหัวเราะเยาะ แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอนไป แหนมชำเลืองมาทางฉัน

“แหนม...ไม่ต้องห่วงยัยทอมห้าวนั่นหรอกค่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ยัยริบบิ้นพูดแล้วลากแหนมเข้าไปเลย โอ้ไม่! แหนมจะเสียความบริสุทธิ์ให้ยัยนั่น! (ห่วงตัวเองก่อนดีไหม) ปุ้งเดินเอาซองภารกิจกับตะเกียงมาให้แล้วยิ้มเบาๆ ก่อนจะจากไป

“เฮ้อ...” ฉันมองดูที่ซอง ‘เชิญร่วมทำบุญ ผ้าป่าสามัคคี’ - - หาซองที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วใช่ไหมเนี่ย ฉันนั่งลงกับพื้น เอาตะเกียงวางไว้ข้างตัว ก่อนจะเริ่มแกะซอง ‘ภารกิจ...ต้องนั่งคนเดียว นั่งเฉยๆ แล้วต้องดับตะเกียง’ มีแค่นี้จริงๆ แต่ก็ดีแล้วแหละ ฉันมองไปที่ตะเกียง...ใครจะไปดับฟระ แสงแค่นี้มันไม่ได้ทำให้สว่างขึ้นมาเลยซักกะนิด ฉันนั่งแล้วมองไปรอบๆ

ฟึ่บ! O0O น่ะ....น่ะ...นั่นมัน...อะ....อะ...ไร คนแต่งชุดสีดำผ่านหน้าต่างไป

“อ๊ะ...อุ๊บ!” ฉันกำลังจะแหกปากโวยวาย ก็มีมือมาปิดปากฉันไว้ซะก่อน พอหันไป

“อื้อ! ใอเอี้ย อ่อยยยยย!!! (อื้อ ใครเนี่ย ปล่อยยยยย)” ฉันดิ้นพลาดๆอยู่บนพื้น ก่อนจะใช้พลังช้างสารถีบที่ท้องมันผู้นั้นอย่างแรง แต่ผู้นั้นกลับไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย โอ้ว...คนแน่หรือนี่

“องค์ชาย...กลับไปกับผมนะครับ ไปอยู่ในที่ๆควรอยู่”

“อ่ายยยยย!! (ม่ายยยยย)” ขณะที่ฉันกำลังดิ้นเพื่อให้หลุดอยู่นั้น

กึก...กึก...กึก...  ฉันกับผู้นั้นหยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆมองไปที่ต้นเสียง

‘Hi~~’

“อ้ากกกกก!!! / อ๊ากกกกก!!!” ร้องกันสุดเสียง เมื่อมีแม่นางนางหนึ่ง ใส่ชุดสีชมพู คลานมาตามพื้น สภาพเลือดท่วมตัว ฉันรีบวิ่งลงจากบ้านไป ส่วนผู้นั้นก็วิ่งตามมาทีหลัง

“ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย!!!” แหกปากสุดเสียง

ฟึ่บ ฉันรู้สึกเหมือนมีใครมาโอบเอว

“กรี๊ดดดดด!! ผีโอบเอวววว อ๊ากกกก!!! เฮือก!” แล้วศิก็สลบเหมือดไป...

“เกิดอะไรขึ้นกับศิน่ะ” ข้าวเหนียวลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะบิดออก

“...” ข้าวเหนียวยืนนิ่งแล้วค้างอยู่อย่างนั้น

“ข้าวเหนียว เป็นอะไร ศิอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เสียงแหนมถามขึ้น ข้าวเหนียวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

“ศิน่ะไม่อยู่ แต่...” ข้าวเหนียวหยุดแค่นั้น ปุ้งทนไม่ได้เลยลุกขึ้นไปดู

“แกอึกอักไม..วะ...เหนียว” เมื่อเห็นเต็มตาก็เริ่มอึกอัก

“ชัดไหมปุ้ง”

“ชัดเลยเหนียว...”

“กรี๊ดดดดด!! ผีหลอก!!” ทั้ง 2 ประสานเสียงกันก่อนจะวิ่งจนเหยียบที่ตัวผีตนนั้น จากนั้นวงก็เริ่มแตกฮือแล้ววิ่งเหยียบไปเช่นกัน (เพราะไม่มีใครเห็น) แหนมก็รีบวิ่ง กลัวก็กลัว แต่..ศิอยู่ไหน

ตอนนี้ทุกคนวิ่งมาที่หน้าบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังยืนหอบแฮกๆกันอยู่

“ตอนวิ่งมีใครเห็นศิบ้างไหม” ข้าวเหนียวเอ่ยถาม แต่ก็มีคำตอบเพียงส่ายหน้าจากทุกๆคน

ทางด้านแหนม ตอนนี้กำลังเดินไปที่ชั้นดาดฟ้า พอขึ้นมาถึงก็ปรากฏว่ามีม่านเวทมนต์กั้นไว้อยู่ หลังม่านนั่นก็ปรากฏว่ามีร่างของคนๆหนึ่ง

“ศิ!” แหนมตะโกนเรียก แต่กลับมีอีกร่างเดินผ่านม่านมาหาแหนม

“อ่าว...ท่านชายแห่งแดนซาเดเลีย สวัสดีครับ” ชายคนนั้นโค้งเคารพ

“อ่าว...เทเดอร์ มาทำอะไร แล้วนั่นใคร”

“ผมมารับตัวองค์ชายซาเมเนียครับ ส่วนนั่นก็คือองค์ชายของพวกเราชาวแดนออเทอร์เดอ” เทเดอร์แนะนำ ก่อนจะก้าวผ่านเวทย์เข้าไปมององค์ชายซาเมเนีย

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”

“ใช่แล้วท่านเซียเทน” แหนม หรือองค์ชายเซียเทนแห่งแดนซาเดเลียหันไปทางต้นเสียง

“สวัสดีครับกษัตริย์แห่งออเทอร์เดอ” เซียเทนโค้งเคารพ

“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยดูแลซาเมเนียมาตลอด แต่ฉันคงต้องพาเค้ากลับไปเร็วกว่ากำหนด”

“ทำไมหรือครับ”

“พ่อมดคาเรนมันจะจ้องทำลายอาณาจักรของเรา เราจึงต้องพาลูกชายเพื่อไปปกป้อง แล้วเราอาจจะต้องขอกำลังจากแดนท่านด้วยนะเซียเทน”

“ยินดีเสมอครับ”

“อื้อ...อืม” ฉันยกมือขยี้ตาก่อนจะลืมตา

“แหนมมมมม” ฉันวิ่งเข้าไปกอด แหนมก็กอดตอบ

“ฮือๆ ผีหลอก หลอก แง้!” เสียงพลังคอมโบ้ แหนมหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย พอฉันเงียบก็ก้มมองชุดตัวเอง

“เฮ้ย! ชุดใครเนี่ย!!” ฉันโวยวาย เมื่อชุดที่ใส่อย่างกับหลุดมาจากโลกแม่มดพ่อมดเลยอ่ะ แต่ชุดมันก็เท่ห์ดีนะ

“นี่เป็นชุดของลูกไง” ฉันหันไปมองผู้ชายคนหนึ่ง หน้าตาหล่อจัง แต่...เอ๊ะ ใครลูกๆ ฉันหันมามองแหนม

“หมายความว่าอย่างไรอ่ะ ฉันลูกกำพร้านะ จะไปเป็นลูกใครได้ไง”

“คือ...ท่านผู้นี้ชื่อ เอธันดอร์ เป็นพ่อของนาย แล้วนายก็มีชื่อว่าซาเมเนีย...ท่านเล่าต่อเถอะครับ” แหนมพยักหน้าให้คนที่บอกว่าเป็นพ่อฉันเล่า

“ตอนที่ลูกยังเด็กๆ เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ในขณะที่พ่อแม่แล้วก็ลูกกำลังจะหนีอยู่นั้น ศัตรูก็เข้ามาในห้องเวทย์ กระจกที่สามารถมายังโลกมนุษย์ได้เกิดทำงาน แม่ของเจ้าก็ตกใจที่เห็นศัตรูทำให้ปล่อยมือแล้วตัวเจ้าก็เข้าไปในกระจก จนมาถึงโลกมนุษย์ พ่อกับแม่ก็ส่งทหารมาตามหาลูก พอผ่านไปหลายปีก็ไม่เจอ พ่อก็คิดว่าลูกคงตายไปแล้ว ก็เลยถอดใจ”

“ทำไมไม่ใช้เวทย์” ฉันถาม

“เพราะลูกยังไม่มีพลังเวทย์ พ่อก็เลยหาคลื่นเวทย์ของลูกไม่ได้ และเพราะเกิดการกระแทกอย่างไรก็ไม่รู้ เลยทำให้ลูกกลายเป็นผู้หญิง แต่ไม่ต้องห่วงนะ พ่อใช้เวทย์ให้เจ้าเป็นเหมือนเดิมแล้ว”

“555+” ฉันขำขึ้นมาทำเอาพ่อ (ซึ่งฉันรับได้) แหนม และอีกคนทำหน้าเหวอ

“นี่ล้อเล่นกันใช่ไหม เวทมนต์มีที่ไหนกัน มันมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ 555+” แหนมหันไปสบตากับพ่อ แหนมถอยห่างออกจากตัวฉัน แล้วดีดนิ้ว ทำให้เกิดแสงสีขาว ฉันถึงกับต้องหรี่ตา พอแสงนั้นหายไป แหนมจากที่ใส่ชุดธรรมดา กลับกลายเป็นชุดพ่อมด ก่อนจะโค้งตัวให้ฉัน

“สวัสดีครับท่านซาเมเนีย ผม เซียเทน แห่งซาเดเลีย” แหนมยืดตัวตรงแล้วยิ้มให้ฉัน ฉันยังคงอึ้งไม่หาย

“ลูกกลับไปกับพ่อ ไปปกป้องแดนของเรา”

“ไอ้ได้ก็ได้นะ แต่...เป็นผู้ชาย” ฉันถามแล้วชี้ตัวเอง

“ใช่แล้วลูก ^^”

“ฉัน เอ้ย ผมเป็นชาย”

“อื้ม ^ ^”

“ถ้าโกหกผมโกรธพ่อแน่”

“555+ พ่อไม่ทำอย่างนั้นหรอก”

“แล้ว...รู้ได้ไงว่าผมเป็นลูก”

“เพราะลูกมีสัญลักษณ์เวทย์รูปปลาดาวอยู่ที่ท้ายทอยไง” ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เจ๊!!!” ฉันหันไปทางเสียง ปังปิ้งและคนอื่นๆนั่นเอง ปังปิ้งวิ่งเข้ามากอด

“อ่าว...คาเบิล มาด้วยหรอ” พ่อฉันทัก อะไรอีกเนี่ยเคเบิล

“ฮะ...ท่านอา” แล้วปังปิ้งหรือเคเบิล (คาเบิล) ก็แปลงกายเป็นพ่อมดน้อย

“เป็นผู้ชาย??”

“ใช่แล้วครับท่านพี่ ^ ^ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านพี่” จากนั้น 10 คนที่เหลือก็แปลงกายกันหมด อ่าวเป็นพ่อมดกันหมดเลยเหรอเนี่ย ฉันกุมขมับ

“กลับเมืองกันนะลูก”

“ครับ”

ณ ดินแดนออเทอร์เดอ

“ลูกกกก T0T” พอฉันมายืนอยู่หน้าวัง (มันเหมือนจริงๆนี่นา) ก็มีผู้ชายวิ่งเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้

“ลูก นี่ไงแม่ ชื่อเทอบีท”

“แม่?”

“อื้ม”

“ผู้ชาย?”

“ใช่แล้วลูก” อยากจะเป็นลมอีกแล้ว ฉันกอดแม่ จากนั้นก็ไปอาบน้ำ กินข้าว

“พรุ่งนี้ลูกต้องไปฝึกเวทย์กับนาเดว”

“อ่อ...ครับผม” ใครวะนาเดว

วันต่อมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ท่านซาเมเนียครับ....ท่านซาเมเนีย”

“…” เงียบ ร่างโปร่งมุดเข้าไปในผ้าห่มอย่างรำคาญ เทเดอร์พ่นลมช้าๆ ก่อนจะให้การปลุกเป็นหน้าที่ของนาเดว ปัง ปัง ปัง

“ตื่นเดี๋ยวนี้นะขอรับท่านซาเมเนีย” ปัง ปึง โครมมม ประตูไม้สลักอันเก่าแก่พังครืนล้มลงแอ้งแม้งอยู่แทบเท้า นาเดวค่อยๆเดินไปข้างๆเตียงของคนที่นอนหลับอยู่ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“ซาเมเนียยยย!!!” นาเดวใช้พลังเสียงอันทรงพลังตะโกนใส่หูของคนที่นอนอยู่จนต้องสะดุ้งตื่น

“ไฟไหม้!!!!” ฉันตะโกนออกมาอย่างตกใจ เมื่อมองไปรอบๆก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา ก่อนจะหันไปอีกข้างนึง

“ข้าวเหนียว!” อึ้งอีกแล้ว ฉันมองข้าวเหนียวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดูยังไงก็...ผู้ชาย? ฉันเงยหน้ามองข้าวเหนียวที่กำลังยิ้มบางๆ

“กระผมมีชื่อว่านาเดว”

“ปลาดาว?”

“นาเดว”

“นาเด?”

“นา...เดว”

“อ่อ” ฉันยิ้มแหะๆไปให้ นาเดว งั้นก็เป็นคนที่จะมาสอนเวทย์อ่ะดิ

“ใช่แล้วครับ ผมจะมาสอนเวทย์ให้ท่านซาเมเนีย แต่ก่อนอื่นท่านต้องชำระกาย แล้วไปทานอาหารนะครับ ตอนนี้ทุกคนรอท่านอยู่”

“ได้ๆๆ” ฉันหรือผมดี ไม่เอาๆ ฉันดีกว่า (มันชิน) ฉันรีบลุกจากที่นอน พอมองร่างตัวเองก็แปลกๆ ก่อนจะอาบไปเขินกับตัวเองไป ก็มันแปลกจริงๆนี่นา มีร่างเป็นผู้หญิงมา 16 ปี จู่ๆเป็นชาย 55+ ฉันเดินออกมาก็มีเสื้อสีฟ้าเข้มกับกางเกงขาเท่าเข่า โอ้ เป็นชุดที่ฉันมักใส่ตอนอยู่ที่โลกมนุษย์เสมอ พอจัดการใส่เสร็จสรรพ ฉันก็เดินไปที่ห้องอาหารทันที

“รอนานหรือเปล่าฮะ ท่านพ่อ ท่านแม่” ผมถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พ่อกับแม่ก็ยิ้มตอบ

“ไม่นานหรอกลูก มาๆ กินกันเลย” ท่านพ่อตอบก่อนจะเริ่มกิน เรา 3 คนก็คุยไปกินไป

“ลูกต้องตั้งใจฝึกเวทย์ให้มากๆนะ ลูกพอทำได้ไหม” พ่อถาม ฉันกำลังจะอ้าปากตอบ

แต่แม่ก็ขัดขึ้นมาก่อน

“คุณจะให้ลูกของเรา...ไปสู้กับพวกนั้นด้วยหรือครับ”

“ก็...ใช่น่ะสิที่รัก ^ ^ ทำไมหรือ”

“ไม่ได้นะครับ! ผมไม่อยากให้ลูกเป็นอันตราย” ฉันมองพ่อกับแม่อย่างไม่รู้จะพูดอะไร

“เอ่อ...ท่านแม่ ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมดูแลตัวเองได้ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆแล้วดึงแขนแม่ให้นั่งลง แม่หันมามองฉันด้วยสีหน้าลำบากใจ

“ก็...ได้” แม่นั่งลงก่อนจะกินข้าวด้วยสีหน้าวิตก

“อย่าเครียดสิฮะท่านแม่ เดี๋ยวแก่เร็ว ท่านพ่ออาจจะไปหาคนอื่นด้วย” แม่ยิ้มขึ้นมา

“ลองทำอย่างนั้นสิครับ...หึหึหึ” ผมเหลือบไปมองพ่อที่แอบปาดเหงื่อเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้แม่ แล้วเหตุการณ์ก็เข้าสู่สภาวะปกติ

“ท่านซาเมเนีย ตรงนี้มันอ่านว่า...ซาโคเตเซอู...ไม่ใช่เสกควายธนูนะครับ” นาเดวหรือข้าวเหนียวติฉัน แม้ภาษาเวทย์จะถูกเขียนเป็นภาษาไทยแล้วก็เหอะ แต่...ลายมือใครฟระ ยิ่งกว่าไก่เขี่ยจระเข้ฟาดม้าดีดกะโหลก เอ๊ะ หรือภาษาขอม

“ท่านซาเมเนีย” เสียงทุ้มต่ำของนาเดวทำเอาบรรยากาศในห้องที่สว่างกลับมืดครึ้ม

“นะ...นะ...นาเดว...อ๊ากกกก!!”ฉันร้องลั่นเมื่อถูกกระแสไฟฟ้าอ่อนๆแล่นเข้าสู่กระดูกของร่างกาย เพียง 5 วินาที ห้องที่มืดก็กลับมาสว่างอีกครั้ง แต่ตอนนี้...ตัวฉัน...เหมือนสติหลุดไป เห็นมวนหมู่นกบิน บินๆๆ...

ปึง! “ท่านซาเมเนีย...กลับเข้าสู่การเรียนกันต่อเถอะครับ” หลังจากนั้นฉันก็พยายามเต็มที่ บางวันก็มีการประชุมวางแผนที่จะกำจัดพ่อมดบ้าบออะไรซักอย่าง จากวันนั้นถึงวันนี้ ฉันก็อยู่ที่นี่มา 1 เดือนแล้ว

“คาเซมากือเท ออเจคัมอือ” ฉันพูดจบของที่วางอยู่บนโต๊ะก็ล้มลงบนพื้นทันที

“5555+” ฉันหัวเราะอย่างสะใจดังๆ จนนาเดวกุมขมับในเสียงหัวเราะของฉัน

“เก่งมากครับ...บทต่อไปจะยากขึ้นเรื่อยๆ ท่านต้องเร่งเวลาหน่อย เพราะแผนของพวกเราจะเริ่มกลางเดือนนี้”

“อื้ม” ฉันพยักหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น พอถึงเวลาพักเบรก ฉันก็ออกมาจากห้องเวทย์ แล้วมาสูดอากาศสดชื่นที่สวนหย่อม

“เป็นยังไงบ้างครับท่านซาเมเนีย” ฉันหันไปทางเสียง

“ไฮ~ แหนมเนือง”

“เซียเทนครับ”

“อ่า...นั่นแหละๆ เป็นไงบ้าง...หล่อขึ้นนะเนี่ย โหว” ฉันชม จนใบหน้าของเซียเทนขึ้นสีนิดๆ

“ก็สบายดีครับ ขอบคุณที่ชม”

“พี่ซาเมเนียยยย” เสียงเด็กๆมาอีกทาง

“ปังปิ้ง! คิดถึง”

“ผมชื่อคาเบิลต่างหาก” คาเบิลทำแก้มป่อง ฉันดึงแก้มนั่นเล็กน้อยก่อนจะกอด

“ตัวเล็กกว่าเดิมหรือเปล่า”

“พี่ตัวโตขึ้นมากกว่าฮะ กล้ามก็มีด้วย” คาเบิลพูดแล้วบีบที่ต้นแขนฉันเบาๆ เพราะตอนนี้ฉันใส่เสื้อแบบนักรบยังไงไม่รู้ (นาเดวบอกว่าเป็นชุดเรียนเวทย์) มีผ้าปล่อยไปด้านหลังเหมือนซูเปอร์แมนเลย แต่ชุดสีน้ำเงินดำ และจากที่ผมเคยยาวก็ถูกสไลด์ออก แต่ทำไมตัวยังบางๆอยู่เลย

“ก็พี่เป็นผู้ชายก็ต้องมีกล้ามไง”

“นั่นสิเนอะ 555+”

“สนใจพี่มั่งสิคาเบิล” เซียเทนท้วงขึ้น คาเบิลเลยไปกอด

“ท่านซาเมเนียครับ มาเรียนต่อได้แล้ว” นาเดวโผล่หน้าเรียกออกมาจากหน้าต่าง ฉันพยักหน้าก่อนจะลาทั้ง 2 แล้วไปฝึกเวทย์ต่อ

และแล้วเวลาก็มาถึง การวางแผนกำจัดพ่อมด (ที่ฉันก็ยังจำชื่อไม่ได้อยู่ดี) ก่อนที่จะปฏิบัติวันพรุ่งนี้

“ใครมีความเห็นอะไรเพิ่มเติมไหม” พ่อถาม ฉันก็ยกมือ

“ถ้าจะเอาลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”

“แต่เราไม่ได้จะเอาลูกเสือนะลูก เราจะไปรบ” ฉันตบหน้าผากตัวเอง นาเดวแอบขำ คาเบิลขำก๊าก เซียเทนที่เข้าร่วมด้วยก็กลั้นหัวเราะ จาเปอร์ (ปุ้ง) ไอเพราะสำลักน้ำลาย

“พ่อครับ ผมหมายถึง เราต้องส่งคนเข้าไปทำให้ภายในเมืองนั้นอ่อนแอ แล้วจึงไปรบทีหลัง และผมก็จะเป็นคนอาสาไปเอง”

“มันอันตรายไป เดี๋ยวแม่เจ้าก็ฆ่าพ่อหรอก”

“หูย ผมมีมารยา เอ้ย! แผนเตรียมไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับพ่อ” การวางแผนดำเนินการไป

วันต่อมา

ฉัน...ในชุดเวทย์สุดเซ็กซี่ แล้วยังเสกให้ตัวเองอกตู้ม ใส่เกาะอกสีเขียวมรกตมีน้ำเงินแซมๆ แล้วใส่เสื้อแขนยาวสีเขียวน้ำเงินทับ กางเกงขาสั้นเพียงคืบ แล้วใส่ชายกระโปรงสีน้ำเงินประกายลากพื้น เปิดส่วนหน้าเอาไว้ให้เห็นเรียวขา

“ทำไมต้องแต่งขนาดนี้ด้วย” เซียเทนขึ้นเสียง (นิดหน่อย) อะไรว้า...พ่อฉันยังไม่ว่าอะไรเลย

“ก็เพื่อให้เหยื่อติดกับไงล่ะ ก็ต้องแบบนี้แหละหน่า...มีนาเดวกับจาเปอร์ไปด้วย ปลอดภัยแน่นอน” แล้วเราทั้ง 3 คน นาเดว จาเปอร์ และฉัน ก็มุ่งหน้าสู่แดนอูเตรโซ เพื่อกำจัดพ่อมดคาเรน...

ณ อูเตรโซ เรา 3 คน แกล้งทำเป็นคนพเนจร ตัวมอมแมม พัดหลงเข้าไปในอูเตรโซ และเราก็สืบมาได้ว่าพ่อมดคาเรนมีลูกชื่อเคเริ่น ทำให้เราเจอเคเริ่นพอดีก็แกล้งเป็นลมทำนมหกนิดๆ พอเหยื่อเห็นก็พากลับเข้ามาในวัง 555+ ขั้นแรกสำเร็จ  ซักพักคาเริ่นก็ให้คนมาเปลี่ยนชุดพวกเราทั้ง 3 ซึ่งไม่ต่างจากชุดเดิมเท่าไหร่ พอทุกอย่างเรียบร้อยเคเริ่นก็เดินมาหา

“ท่านชื่ออะไรหรือครับ”

“ชื่อ เลเจน” เคเริ่นส่งยิ้มมาให้

“ผม...เคเริ่นครับ” รู้อยู่แล้ว

“ขอบคุณที่ท่านเคเริ่นช่วยเหลือพวกเรา” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แล้วส่งตาเป็นประกายวิบวับไปให้ เคเริ่นยิ้มตอบอย่างเขินๆ

2 วันต่อมา เคเริ่นก็พาฉันเที่ยวรอบเมือง ส่วนนาเดวกับจาเปอร์ก็แอบส่งสารไปให้เป็นระยะว่าปลอดภัยดีอยู่ครบ 32 ประการ

“นี่...แล้วท่านพ่อของท่านไปไหนเสียล่ะ ไม่เห็นเลย” ฉันถามยิ้มๆหลังจากที่เรานั่งแถมริมสระน้ำ

“ท่านพ่อน่ะหรือ…” เคเริ่นยิ้มเศร้าก่อนจะพูดต่อ

“โดนแทงตายไปแล้วล่ะ”

“เอ๋??? แต่ก็มีเวทย์ทำให้ฟื้นได้ไม่ใช่หรือ”

“แต่ถ้าเป็นมีดที่ไว้แทงสำหรับพ่อมดแม่มดน่ะ ทำอย่างไรก็ไม่ฟื้น”

“อ่าว...” แล้วตรูมาที่นี่ทำไม เอ๊ะ...แต่ไม่แน่ เคเริ่นอาจจะไปโจมตีเมืองเราก็ได้

“แล้วผมก็อยากจะทำอยู่เรื่องนึง” เคเริ่นหันมามองฉัน ก่อนจะพูดต่อ

“ผมต้องการยุติสงครามที่ท่านพ่อจะไปตีที่แดนออเทอร์เดอ แต่ผมไม่สามารถเข้าเมืองได้ เพราะไม่มีบัตรผ่านเข้าเมือง” ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ จะแน่ใจได้ยังไงว่าเคเริ่นจะคิดอย่างนั้นจริงๆ

ตึก ตึก ตึก เสียงเท้าหลายคู่เดินมาทางด้านหลัง ฉันกับเคเริ่นหันไปก็พบกับ ท่านพ่อ ท่านแม่ เซียเทน  นาเดว เทเดอร์ คาเบิล จาเปอร์ และผู้ชายอีก 3 คน

“เคารพท่านเอธันดอร์ครับ” เคเริ่นลุกขึ้นแล้วโค้งให้กับท่านพ่อ ท่านพ่อโค้งกลับเล็กน้อย ก่อนจะหันมาทางฉัน

“กลับบ้านกันเถอะลูก” ฉันพยักหน้า ก่อนจะยิ้มบางๆให้กับเคเริ่น เคเริ่นก็ยิ้มเศร้าๆตอบกลับมา

“เป็นอะไรมั่งหรือเปล่าซาเมเนีย” เซียเทนถามแล้วจับตัวฉันหมุนไปมา มึนเป็นนะเออ

“ไม่เป็นอะไรหรอกหน่า” ฉันตอบ เซียเทนจ้องที่ตาฉันก่อนจะเอาผ้าคลุมตัว ในขณะที่พวกเราจะกลับอยู่นั่นเอง

“เอ่อ...ท่านเอธันดอร์ครับ”

“หืม?”

“ผมขอเข้าเมืองท่านได้หรือไม่ครับ”

“55+ ได้สิ” เคเริ่นยิ้ม ก่อนจะหันมามองฉัน

“แล้วเจอกัน” ฉันพูดแล้วหันกลับ เห็นเซียเทนจ้องเขม็งมาที่ฉันกับเคเริ่น ถ้าไม่หลงตัวเองเกินไป เซียเทนหึงฉันแน่ๆ โอ้ว...เป็นเกย์กันหมดเลยดีไหมเนี่ย และแล้วพวกเราก็กลับมาถึงวังแห่งออเทอร์เดอ โอ้ว...โล่ง

“ไปเปลี่ยนชุดก่อนสิครับท่านซาเมเนีย” นาเดวบอกฉันที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นกับไส้เดือนวิเศษที่พูดได้

“โอเคโอเค” ฉันรับคำ

“ไปก่อนนะไส้เดือนน้อย”

“ครับผม” ฉันยิ้มก่อนจะลุกยืน แต่เพราะเร็วไปหน่อยเลยวูบ แต่โชคดีที่นาเดวรับทัน

“Thank you my friend.”

“ครับ” ฉันยืนตัวตรงแล้วเดินกลับไปที่ห้อง เริ่มจากถอดกระโปรง ถอดกางเกง แล้วเสกอกให้กลับมาเป็นปกติ

“ย้ากกก!!” เสียงดังมาจากสวนหย่อมนี่ ฉันชะโงกหน้าไปดู เห็นคาเบิลขี่หลังนาเดวแล้วทึ้งผม

“เกิดอะไรขึ้นหว่า” ฉันถามตัวเอง พอหันกลับมาอีกที

“ตาเถน!!!” ฉันยกมือแนบอก หายใจอย่างช้าๆจนเข้าสู่อารมณ์ปกติ

“อะไรกัน แค่นี้ตกใจ...เฮ้ย!” แล้วเซียเทนก็รีบหันหลังทันที ฉันก้มมองตัวเอง

“เฮ้ย!” พึ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้ใส่กางเกง แต่ดีที่เสื้อปิดไว้อยู่ ฉันรีบใส่กางเกงธรรมดาทันที หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อ เพราะผู้ชายด้วยกันเห็นก็ไม่แปลก แล้วฉันก็เปลี่ยนเป็นเสื้อธรรมดา

“เฮ้ๆ เสร็จแล้ว หันมาได้” ฉันบอก เซียเทนค่อยๆหันกลับมา

“เป็นไข้หรือเปล่า หน้านายดูแดงๆนะ”

“ปะ...ปะ...เปล่า ไปกันเถอะ”

“ไปไหนอ่ะ”

“นอกวัง” แล้วเซียเทนก็เดินนำออกไปก่อน ฉันก็เดินตามจนออกมาถึงสวนหย่อม

“ซาเมเนีย” ฉันหันไปตามเสียง รวมถึงเซียเทนด้วย ก็เห็นเป็นผู้ชายร่างคุณๆ

“อ่าว...เคเริ่น” ฉันยิ้มรับ เคเริ่นก็ยิ้มตอบ ส่วนเซียเทนทำหน้าบึ้งใส่ เคเริ่นจึงได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป

“จะไปไหนกันหรือครับ” เคเริ่นถาม ฉันกำลังอ้าปากตอบ แต่เซียเทนกลับตัดหน้าไป

“ไปข้างนอก”

“จะไปด้วยกันไหมล่ะ” ฉันชวน เซียเทนหันควับมาทางฉันแล้วก็ถลึงตาใส่ก่อนจะเดินสะบัดก้นไป

“แต่ว่า...ท่านเซียเทน...”

“ไม่ต้องสนหรอก...ทำนิสัยอย่างกับผู้หญิง แหนะ...ยังมาทำตาขวางใส่อีก” ฉันพูด ก็เซียเทนมันทำอย่างนั้นจริงๆนี่นา จากนั้นฉันก็เดินนำ แล้วเคเริ่นก็เดินตาม

“มาเซโตรเปน่า” ฉันท่องคาถาเบาๆก่อนจะจ้องไปที่เซียเทน จนมันสะดุดขาตัวเองล้มหน้าคะมำเลยทีเดียว สะใจ

“555+ อยากไม่รอทำไมล่ะ” ฉันบอก เซียเทนก็ลุกยืนรอ

“เป็นอะไรอ่ะ หน้าบูดเชียว เดี๋ยวไม่หล่อนะเออ”

“ขนาดหล่อท่านยังไม่สนเลย”

“อะไรนะ!” ฉันถามซ้ำ เมื่อกี้มันบ่นพึมพำพึมพำ หูฉันก็ยิ่งไม่ดีอยู่

“เปล่า!” อะไรเนี่ย อย่ามากวนนะ จะเริ่มโมโหแล้วนะเฟ้ย!

“เอ่อ...ท่านเซียเทน ท่านซาเมเนีย ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“อ่าว...ไม่ไปด้วยกันแล้วหรอ”

“ดีกว่าครับ ^ ^” แล้วเคเริ่นก็ขี่ไม้ถูพื้นวิเศษไป ฉันยกมือโบกบ๊ายบาย ก่อนจะหันมามองคนข้างๆตัว

“ยิ้มหน่อยนะครับ”

“…” - - คนหล่อเซ็งแล้วนะเฟ้ย

“จะพูดไม่พูด ถ้าไม่พูดฉันจะไปหาเคเริ่น” ขวับ เซียเทนหันมาแล้วยิ้มหวานให้ ก่อนจะโอบไหล่

“พูดแล้วครับ ท่านซาเมเนีย ^ ^”

“ดีมาก ^ ^” เรา 2 คนยิ้มให้กัน วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เคเริ่นก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้น จน 2 คนนั้นเริ่มทะเลาะกันบ้างเล็กน้อย เหมือนเด็กๆ แต่เอาเถอะ ยังไงฉันกับเซียเทนก็ยังสนิทกันมากๆอยู่ดี และความสัมพันธ์ของฉันกับเซียเทนก็ยังคงคลุมเครือ แต่ไม่ว่ายังไง ขอแค่ฉันกับเซียเทนมีกันและกันตลอดไปก็พอ

^ ^

“แกยังกล้ามาอีกเรอะ”

“แน่นอนครับคุณเซียเทน” เคเริ่นยักคิ้วให้ เซียเทนเลยจัดการโดยการกระโดดเตะ - - อะไรของมันกันเนี่ย

........…จบ…......

 

สวัสดีค่ะ นามปากกา ศศิ นะคะ เป็นเรื่องที่ยังแต่งงงๆอยู่

ผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว