Fic yaoi Singtokrist - Memories of Tears
10
ตอน
36.8K
เข้าชม
93
ถูกใจ
16
ความคิดเห็น
105
เพิ่มลงคลัง

Memories of tears

“...สิง...พี่...”

เสียงคุ้นๆ หูเหมือนดังแว่วเข้ามาในหัวที่กำลังปวดหนึบ เสียงของใครกัน...

“พี่สิงโต!!!”

“โอ๊ยยย หนวกหูเว้ย!” เจ้าของชื่อที่ถูกตะโกนเรียกเสียงดังสนั่นได้สติคืนมาพร้อมกับโวยวายกลับ พอรู้สึกตัวก็เห็นคนตรงหน้า ที่ถูกคือคนที่อยู่ใต้ร่างเขากำลังหน้าซีดเป็นไก่ต้มมองเขาด้วยดวงตาวูบไหวคล้ายคนจะร้องไห้ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นว่าตัวเองกำลังคร่อมร่างคนคนนี้อยู่โดยเอามือสองข้างกดแขนของร่างด้านใต้เอาไว้เสียแน่นจนน่าจะขึ้นรอยแดงช้ำ เสื้อเชิ้ตของร่างเล็กหลุดลุ่ย แถมกางเกงก็ถูกดึงร่นลงมาเล็กน้อยแล้วด้วย ส่วนเขาเองก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่

“...กู...ละเมอ?” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาแบบเดียวกับของร่างเล็กที่เขาคร่อมอยู่เอ่ยขึ้นอย่างมึนงงกับสภาพที่เห็นก่อนจะค่อยๆ ผละตัวออกจากร่างด้านใต้ มานั่งกุมขมับที่ปวดหนึบๆ

“มั้ง...” ร่างเล็กเอาศอกยันเตียงลุกขึ้นแค่ครึ่งท่อนบนพลางมองเขาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นเล็กน้อย “พี่เมาแล้วผมก็พามาส่ง แต่มันดึกมากแล้ว ผมเลยขอค้างด้วย แล้ว...จู่ๆ...พี่ก็...”

“เออกูรู้แล้ว ไม่ต้องเล่า ขอโทษที” เขาเปล่งเสียงออกมาอย่างชัดเจนทุกคำยกเว้นประโยคหลัง สิงโตถอนหายใจยาว

“พี่ปวดหัวเหรอ? ผมเอายาให้มั้ย?” ร่างเล็กค่อยๆ คลานเข่าเข้ามาหาพยายามจะมองดูสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของรุ่นพี่หนุ่มที่ยังนั่งก้มหน้ากุมขมับ

“ไม่ต้อง นอนไปเหอะ กูมึนๆ ขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย” แล้วเขาก็ลุกออกจากห้องนั้นไปทางระเบียงด้านหลังห้องทันที

หนุ่มรุ่นน้องมองตามเขาไปด้วยแววตาตัดพ้อเล็กน้อยทั้งยังกัดริมฝีปากของตัวเองจนช้ำ แต่เขาคงไม่มีทางได้เห็น

 

เช้าวันต่อมา ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สิงโต ซึ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 กำลังนั่งเคร่งเครียดกับการทำรายงานอยู่หน้าตึกคณะกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่เป็นพวกพี่ว้ากพี่เชียร์ เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีพวกรุ่นน้องปี 2 เดินผ่านมา จนกระทั่งเพื่อนๆ เรียกให้พวกน้องๆ เข้ามาหา เขาจึงเงยหน้าขึ้นเพียงครู่หนึ่งเพื่อมองว่ามีใครบ้าง และก็ปะทะสายตากับ...คนเมื่อคืน

“สวัสดีครับพี่ๆ” เด็กหนุ่มร่างเล็กกว่าเขาไม่มากนักยกมือไหว้รุ่นพี่แบบทีเดียวรอบวง สายตาเหมือนจะหยุดอยู่ที่เขาแค่ไม่ถึงวินาทีแล้วก็เบนไปทางอื่น พูดคุยกับเพื่อนๆ ของเขาอย่างสนิทสนมตามปกติ

“พี่สิงโตหายแฮงค์ยังวะ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเด็กคนนั้นดังขึ้น พร้อมกับเข้ามาโอบบ่าเขา ดิว เป็นรุ่นน้องที่เขาสนิทด้วยมากที่สุดในกลุ่ม เพราะเป็นน้องรหัส

“ทำไมเมื่อคืนมึงทิ้งกู” เขาหันไปตาขวางใส่น้องรหัสตัวแสบที่ทิ้งเขาให้ใครก็ไม่รู้พากลับห้อง ทุกทีเวลาเมาดิวจะต้องเป็นคนพาเขากลับห้อง แต่เมื่อคืนไม่

“ทิ้งห่าไรอ่ะ ผมก็ให้ไอ้คิดมันไปส่งพี่แล้วไง มันอยู่หอเดียวกับพี่นี่” ดิวพยักเพยิดหน้าไปทาง “คิด” หนุ่มร่างเล็กที่ไม่ได้ดูบอบบางนัก แต่ใบหน้านั้นอ่อนเยาว์ ผิวใสอย่างกับเด็กๆ

“คิด?” สิงโตทวนชื่อที่น้องรหัสบอกพลางมองไปที่เจ้าของชื่อนั้น ร่างเล็กพยักหน้ารับพร้อมยิ้มแกนๆ

“จริงๆ มันเปลี่ยนชื่อเป็นคริสตั้งนานแล้ว แต่ผมชอบเรียกแค่นี้ ง่ายดี” ดิวว่าพลางกอดคอรุ่นพี่อย่างไม่มีเกรงใจแล้วนั่งลงข้างๆ ชะโงกหน้าดูรายงานที่สิงโตกำลังทำ

“โห แม่ง...ยากฉิบหายเลย พี่ทำไรวะเนี่ย”

“เดี๋ยวมึงขึ้นปี 3 ก็ต้องทำป่ะวะ” สิงโตส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ กับรุ่นน้องตัวแสบ สายตาของเขาจ้องไปที่ร่างเล็กในกลุ่มเด็กปี 2 อีกครั้ง คริสดูเหมือนจะรู้ตัว จึงสบตาด้วยแล้วรีบหลบตา

“คริส...” จู่ๆ สิงโตก็เรียกชื่อรุ่นน้องที่เพิ่งจะรู้จักกันออกมา ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว แล้วมองไปทางคริส รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ

“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย เย็นนี้ไปเจอที่ร้านข้าวหน้ามอ” พูดแค่นั้นแล้วก็หันไปสนใจรายงานตรงหน้าตัวเองต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คริสมองเขาอย่างงุนงง แล้วก็ตอบรับสั้นๆ ว่า “ครับ” คนอื่นๆ ที่เงียบไปครู่หนึ่งเริ่มกลับมาคุยกันตามปกติ แต่ลดเสียงลงเล็กน้อย แม้แต่ดิวที่นั่งอยู่ข้างๆ สิงโตก็ยังกระซิบถามให้ได้ยินกันแค่สองคน

“พี่มีอะไรกับมันอ่ะ มันทำไรพี่เปล่า?”

สิงโตเคาะหัวน้องรหัสไปหนึ่งที

“มันจะทำไรกูได้ กูแค่มีเรื่องจะคุย ส่วนตัว แค่คุย มึงเข้าใจมั้ย?” เขาเน้นเสียงที่คำว่า “ส่วนตัว” ดิวทำหน้ามึนแล้วลุกตามเพื่อนๆ ที่คุยเสร็จแล้วไป

 

“คริสมึงทำไรวะ ทำไมเขาต้องเรียกมึงไปคุย” เพื่อนอีกคนในกลุ่มปี 2 ที่เพิ่งจะเดินผละมาจากกลุ่มรุ่นพี่ถามขึ้น

“เออ นั่นดิ กูถาม พี่เขาบอกมึงไม่ได้ทำไร แต่จะคุยส่วนตัวเนี่ยนะ” ดิวว่า คริสได้แต่ส่ายหน้าแรงๆ

“มึงไม่ได้ไปกวนตีนไรเขาใช่มั้ย ปกติพี่สิงแม่งเงียบๆ แต่โหดนะมึง” ดิวค่อนข้างเป็นห่วงเพื่อน เขารู้นิสัยพี่รหัสดี เพราะเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง

“เออ...ดิว” คริสไม่ตอบแต่ถามกลับ “ปกติ...เวลาไปนอนค้างที่ห้องพี่สิงโต มึงทำไงอ่ะ”

“ทำไง?” ดิวทำหน้ามึนอีกครั้ง “ก็นอนดิวะ”

“นอนเฉยๆ เหรอ? พี่เขาก็นอนเหรอ?” คำถามของคริสทำให้ทุกคนหันมองหน้ากันไปมา

“เมื่อคืนมีไรวะ? พี่เขาทำไรมึง?” พอถามขึ้นมา คริสก็หน้าแดงแล้วเงียบไป

“เปล่า” เขาพึมพำตอบเพื่อนไปแล้วรีบเดินหนี ทิ้งให้คนถามและคนอื่นๆ ยิ่งสงสัยหนัก แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่พูดก็ไม่อยากคาดคั้นอะไร อาจจะไม่มีอะไรมากก็ได้

 

เย็นวันนั้น คริสไปหาสิงโตตามนัด ตอนที่ไปถึงหนุ่มรุ่นพี่หน้าขรึมก็นั่งอ่านหนังสือรออยู่ในร้านแล้ว ร้านนี้เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาๆ ไม่ได้หรูหราและไม่ได้มีเครื่องดื่มมึนเมา

“ขอโทษครับ ผมมาสาย” พอได้ยินเสียงหอบหายใจของคนที่โผล่มายืนตรงหน้า สิงโตก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วยักยิ้มมุมปาก

“รู้ได้ไงว่ามาสาย พี่ไม่ได้บอกเวลาไว้” เขาปิดหนังสือและวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้นั่ง

“ทำไมต้องเกร็งขนาดนั้น พี่ไม่ใช่อาจารย์สักหน่อย” พอสิงโตพูดจาสบายๆ ด้วยน้ำเสียงธรรมดาทั้งยังยิ้มให้ คริสก็เริ่มยิ้มออกบ้าง เด็กหนุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้ามและรับเมนูจากพนักงานมาสั่งอาหารกับเครื่องดื่ม ก่อนจะหันมามองสิงโตอีกครั้ง

“เมื่อคืน...” จู่ๆ หนุ่มรุ่นพี่ก็เปิดประเด็นก่อน “พี่คงทำเรื่องไม่ดีกับเราไป ขอโทษจริงๆ” พอเห็นรุ่นพี่ก้มหัวขอโทษขนาดนั้น คริสก็ทำตัวไม่ถูก รีบโบกไม้โบกมือพัลวัน

“ไม่ ไม่...ผมต่างหาก ต้องขอโทษ” มือเล็กยื่นไปจับตัวรุ่นพี่ให้เงยหน้าขึ้น คนหันมามองกันใหญ่แล้ว มันน่าอายออกจะตายไป สิงโตเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน

“นายนี่ตลกนะ จะขอโทษพี่ทำไมเนี่ย”

“ก็...ช่างมันเหอะครับ” ยังไม่ทันได้คุยอะไรต่อ อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี เขาจึงลงมือทาน

“พี่ไม่กินเหรอ?” คริสมองไปทางจานอาหารของสิงโต “เดี๋ยวผมกินหมดนะ”

“กูไม่แปลกใจเลย ทำไมมึงถึงได้หน้าบานแบบนั้น” พอเห็นรุ่นน้องทำท่าสบายๆ ได้แล้ว เขาก็เปลี่ยนสรรพนาม สร้างความสนิทสนมกันไว้ดีกว่า สิงโตหยิบช้อนส้อมตั้งอกตั้งใจกินอาหารตรงหน้าบ้าง

“พี่อ่ะ...” คริสประท้วงเบาๆ ในคอทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวเต็มปาก

 

หลังจากวันนั้น คริสก็พูดคุยกับสิงโตมากขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีเกร็งแล้ว เหมือนกับที่คุยกับรุ่นพี่คนอื่นๆ แต่จะต่างออกไปนิดหน่อย ตรงที่...

“พี่สิง...ต้องมาดูนะ” ร่างเล็กเกาะแขนสิงโตแบบเหนียวแน่นหนึบ เดินตัวติดกันแทบจะทุกวันจนคนในมหาลัยชินตาไปแล้ว

“เออ ถ้ากูไม่ง่วงก่อนนะ” สิงโตตอบรับแกนๆ รู้สึกเหมือนเดินลำบากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร บางทีดิว น้องรหัสของเขาเองก็ชอบมาเกาะแกะเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะโอบบ่า เหมือนเพื่อนเล่นเลยนะมึงน่ะ สิงโตเคยว่าดิวแบบนี้ แต่รายนั้นก็ยังติดนิสัยโอบบ่ารุ่นพี่แบบไม่มีเกรงใจตลอด

“อย่าง่วงดิ พี่สิงอ่ะ...ผมอยากให้มาดูผมเล่นกลอง” คริสร้องงอแงเหมือนเด็กๆ เขย่าแขนคนตัวสูงกว่าข้างๆ

“เอ๊ะ มึงนี่ ง่วงไม่ง่วงก็เรื่องกูป่ะ แล้วกูก็ไปดูมึงซ้อมอยู่บ่อยๆ จนเบื่อแล้วว่ะ” สิงโตส่ายหน้าเอือมระอา แต่ก็ไม่เคยรำคาญ

“ถ้าพี่สิงไม่มาผมโกรธ” เขาชูนิ้วโป้งทำปากเบะ พอเห็นแบบนั้นสิงโตก็หลุดขำออกมาลั่นทุ่ง จนคนหันมามองกันเกรียว

“ผมตลกตรงไหน ผมจริงจังนะ ไม่มาดูผมโกรธ จะไม่พูดด้วยสามวันเลย” ท่าทางเหมือนเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ ทำให้สิงโตโกรธไม่ลง ได้แต่หัวเราะจนตัวงอ

“เออๆ ฮ่าๆ กูจะไป ถ้าว่าง”

“ยังมี ถ้า อีกอ่ะ พี่แม่ง...” คริสทำท่าจะงอนจริง สิงโตก็ไมได้ว่าอะไร แค่หัวเราะแล้วเอามือขยี้หัวร่างเล็กให้มันยุ่งเหยิงกว่าเดิมด้วยความหมั่นไส้

“กูไปเรียนก่อนล่ะ เย็นนี้เจอกัน”

คริสเอามือลูบหัวตัวเองตรงที่สิงโตขยี้เมื่อกี้ให้ผมเข้าทรงพลางอมยิ้มมองสิงโตเดินหายเข้าไปในตึกเรียน ความอุ่นจากฝ่ามือนั้นยังคงติดอยู่ ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว ซึ่งมันก็เต้นแบบนี้ทุกครั้งที่สิงโตเป็นฝ่ายสัมผัสเขาก่อน

“สงสัยเราจะบ้า” คริสพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปเข้าเรียนบ้าง

 

มันก็แค่ความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้อง

 

พอคิดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร คริสก็จะทำหน้าเครียด แม้กระทั่งตอนตีกลองที่เขาชอบมาก ก็ยังอดคิดถึงมันไม่ได้ นี่ก็สามเดือนแล้วตั้งแต่ได้สนิทกับสิงโต รุ่นพี่ที่เขาแอบปลื้มอยู่ห่างๆ ก็แค่ปลื้มเท่านั้นน่า พี่สิงโตเป็นประธานเชียร์ตอนเขาอยู่ปี 1 และเท่มาก เป็นใครก็ปลื้มทั้งนั้นแหละ

“คิดมึงตีดีๆ ดิวะ” ดิว เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยม.ปลายและเพื่อนร่วมวงตอนนี้ร้องบอกเมื่อเห็นว่าคริสดูไม่มีสมาธิเอาเสียเลย

“อาทิตย์หน้าก็เล่นแล้วนะมึง” ดิวโยนกีตาร์ทิ้งแล้วนั่งลงดูดน้ำเสียงดัง

“โทษทีว่ะ กูเบลอไปหน่อย” คริสเอ่ยขอโทษเพื่อนๆ แล้วลุกมานั่งดูดน้ำข้างดิว

“มึงมัวแต่คิดถึงพี่สิงโตของมึงอยู่ใช่มั้ย” พอดิวพูดขึ้นมา คริสที่กำลังดูดน้ำก็ทำน้ำพุ่งออกจากปาก ซวยคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่าง อาร์ท ที่เป็นนักร้องนำ

“ไอ้เหี้ย...กูเปียกนะมึง” อาร์ทโวยวาย หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตามแขนที่เปียก

“มึงพูดอะไรไอ้ดิว” คริสก็โวยวายไปทางดิวด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“แน่ะๆ มึงหน้าแดงว่ะ ไม่เนียนนะขอบอก” ดิวล้อเลียนด้วยการชี้นิ้วไปที่หน้าคริส อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี ทำไมจะดูไม่ออกว่าเพื่อนรักคิดอะไรอยู่

“พี่สิงโตนี่...ที่อยู่ปี 3 ป่ะวะ? คนที่หน้าดุๆ แต่โครตหล่อ” อาร์ทว่าด้วยแววตาเป็นประกายเวลาที่นึกถึงรุ่นพี่คนดังของคณะ ด้วยดีกรีประธานเชียร์ตอนปี 2 และเดือนมหาลัยเมื่อสองปีก่อน

“มึงก็อีกคนไอ้อาร์ท เพ้อไร” คริสชักหงุดหงิดเลยตบหัวอาร์ทไปหนึ่งที

“มึงแหละเพ้อ! ไม่ใช่กู กูแค่พูดถึงแล้วนึกไปถึงพี่แก้ว ดาวมหาลัยปีเดียวกับพี่เขาเว้ย” อาร์ทว่าก่อนจะตบคืน “ไม่ได้คิดถึงพี่สิงโตของมึงหรอก”

“พวกมึงงงง” คริสโมโหโวยวายไล่เตะเพื่อนร่วมวงที่ทำท่าล้อเลียนเพื่อปกปิดความอายของตัวเอง ระหว่างที่เฮฮาเสียงดังลั่นกันอยู่ในห้องซ้อมดนตรี จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา

“พี่สิงโต!” คริสหยุดสนใจเพื่อนๆ แล้ววิ่งไปหาคนที่เพิ่งเข้ามาทันที อาร์ทกับดิวต่างหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคักออกมา สิงโตเห็นแต่ก็เฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร

“แค่จะมาบอกว่า คืนนี้กลับดึก กินข้าวไปก่อนเลย” สิงโตพูดธุระของตัวเองเสร็จก็ทำท่าจะกลับออกไป แต่ร่างเล็กก็รั้งแขนไว้

“ไปไหน”

“ไปทำรายงานที่หอไอ้หนึ่ง คงดึกแหละ” แล้วก็ทำท่าจะกลับออกไปอีกรอบ แต่ก็โดนรั้งแขนไว้อีก

“ผมจะรอ”

“ก็บอกไม่ต้องรอไง มึงกินข้าวคนเดียวไม่ได้เหรอ” สิงโตทำหน้าเซ็งๆ ร่างเล็กหน้างอง้ำ

“ก็จะรอ” คริสว่าพลางกระชับมือที่จับแขนของรุ่นพี่ไว้

“เออๆ เดี๋ยวกูซื้อกลับไปให้” สิงโตยอมใจอ่อนแล้วก็เดินออกไปจากห้องนั้น

ทั้งห้องเงียบไปอึดใจ ก่อนจะมีเสียงโห่ฮาดังลั่นเหมือนกรุงแตก หลังจากสิงโตคล้อยหลังไปไกลแล้ว

“ไอ้คริสสสสสส นี่มึงไปอ่อยเขาท่าไหนวะ” เสียงดิวดังขึ้นคนแรก

“ซื้อข้าวกลับไปให้มึงแดกด้วย” ต่อด้วยอาร์ท

“ที่มึงไม่เคยไปกินข้าวกับพวกกูหลังซ้อมเสร็จเพราะงี้เองเหรอวะ” มือเบสอีกคนที่เงียบอยู่นานตั้งแต่เริ่มแซวคริสหันมาสนอกสนใจบ้าง ทีแรกไม่สนเพราะนึกว่าแซวเล่นๆ ฮาๆ แต่นี่มันดูจริงจัง

“แล้วเมื่อกี้มึงทำตัวอย่างกับเป็นแฟนพี่เขาแน่ะ ดีนะเขาไม่รำคาญมึง หรือเขาตกลงกับมึงไปแล้ววะ” ดิวต่อ

“เปล่า...” คริสเลือกตอบคำถามสุดท้ายที่ดิวถาม “ก็แค่พี่น้อง” ริมฝีปากอวบอิ่มบิดงอเหมือนคนน้อยใจ

“แน่ใจนะว่าพี่น้อง กูไม่เคยเห็นพี่สิงโตเป็นแบบนี้กับกูมั่งเลย” ดิวทำหน้าครุ่นคิด นึกถึงเวลาอยู่กับพี่รหัส

“ก็กูอยู่หอเดียวกับเขาไง กูเลยไปรบกวนบ่อย” คริสบอกตามตรง สามเดือนมานี้เขาไปรบกวนบ่อยมากจริงๆ ตั้งแต่สิงโตเริ่มยิ้มและหัวเราะให้ ก็รู้สึกว่าเข้าถึงง่ายขึ้น ก็เลยถือโอกาสไปนอนที่ห้องบ้าง ไปชวนกินข้าวดูหนังฟังเพลงบ้าง เล่นเกมกันบ้าง จนสนิทกันอย่างทุกวันนี้

“มึงนี่มันร้ายไอ้คริส” อาร์ทหัวเราะชอบใจ “เออๆ พี่น้องก็พี่น้อง แต่มึงน่ะคิดอย่างอื่นกูรู้ว่ะ” นักร้องนำประจำวงเอามือขยี้ผมของคริสเล่น

แปลก...ก็ทำเหมือนที่พี่สิงโตทำแท้ๆ แต่ความรู้สึกมันแตกต่างอย่างมาก

“กูคิดไร” เขาย้อนถามเพื่อน

“มึงชอบเขา ใครๆ เห็นก็รู้ มีแต่เขาแหละที่ไม่แน่ใจว่ารู้ตัวหรือยัง” ดิวเป็นคนตอบ คริสมองหน้าเพื่อนอย่างอึ้งๆ แล้วหน้าก็ค่อยๆ แดงขึ้นมาอีกครั้ง จนโดนเพื่อนๆ แซวอยู่นานกว่าจะได้เริ่มซ้อมกันต่อ

 

มึงชอบเขา ใครๆ เห็นก็รู้

เสียงดิวดังก้องอยู่ในหัว

มีแต่เขาแหละที่ไม่แน่ใจว่ารู้ตัวหรือยัง

พอคิดไปคิดมา คริสก็หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามสะบัดหน้าแรงๆ ไล่ความคิดแปลกๆ ในหัวในขณะที่นั่งรอสิงโตกลับห้องอยู่ในห้องของสิงโต

ถ้าพี่เขาไม่รู้ตัว...ก็ไม่เป็นไร แต่ แต่ คริสยังหวนคิดต่อ ถ้าเขารู้แล้วยังยอมให้อยู่ข้างๆ แบบนี้มัน...

จะถามดีมั้ย จะบอกดีมั้ย...แต่เพิ่งสนิทกันได้สามเดือนเองนะ

“โอ๊ยยยยยย หัวจะระเบิดแล้วว้อยยยย” ร่างเล็กลงไปนอนกลิ้งบนเตียงเพราะคิดไม่ตก แล้วจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล” เขากดรับสายกรอกเสียงลงไป เป็นเบอร์โทรเข้าที่ไม่โชว์ชื่อคนโทร อาจจะเป็นเพื่อนพี่สิงโต

[ไอ้คริส?] เสียงปลายสายถามกลับมา เขาตอบรับไป [มึงลงมาที มาเอามันไปทีดิ]

คริสรีบตอบรับอีกครั้งแล้ววิ่งลงไปที่ลานจอดรถชั้นล่าง มองหาคนที่โทรมา ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าคนไหน แต่เห็นคนที่คนนั้นหิ้วปีกอยู่ก็รู้แล้ว

“ไหนบอกว่าไปทำรายงาน” คริสร้องโวยวายพลางรับตัวสิงโตมาพยุงไว้

“พอดีทำเสร็จเร็ว พวกกูเลยไปต่อกันแป้ปนึง แต่แม่งเสือกรีบเมา” เพื่อนของพี่สิงโตของเขาบ่นอุบอิบส่งตัวเพื่อนต่อให้ “แม่งไปถึงก็ซดเอาๆ ยังกะน้ำ พวกกูได้แต่นั่งมอง แล้วแม่งเมาไง กูเลยต้องทิ้งแฟนกูไว้แล้วมาส่งมัน กูกลับก่อนล่ะ” รุ่นพี่ที่คุ้นๆ หน้า แต่ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไรบอกเขาอย่างนั้นก็จะรีบขับรถกลับไป

คริสหิ้วปีกสิงโตตัวเขื่องที่ผอมกร่องแต่ดันโครตหนักพาขึ้นห้องไปอย่างทุลักทุเล พอเปิดประตูห้องเข้าไปได้ ร่างสูงกว่าก็ล้มทับเขาจนคนตัวเล็กกว่าด้านล่างก้นกระแทกพื้นอย่างแรง ระบมไปหมด ตามมาด้วยอ้วกเหม็นๆ จนคริสแทบจะอ้วกตาม

“ไอ้พี่บ้า!” เขาโวยวายอย่างหัวเสียพลางลากร่างสูงที่ถูกถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวไปที่เตียง ตัวเขาเองก็ต้องถอดเสื้อผ้าออกเหมือนกัน เพราะเลอะอ้วกไปหมด

หลังจากเช็ดเนื้อตัวทำความสะอาดจนหมดกลิ่นเหม็นแล้ว ร่างเล็กก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ คนที่ยังหลับสนิท ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน

 

ความรู้สึกกดทับบนตัวคล้ายถูกผีอำทำให้คริสลืมตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย เขาเหลือบไปที่นาฬิกาปลุกดิจิตอลบนโต๊ะไม้ใกล้ๆ เตียง ตี 4 แล้ว จากนั้นก็หันกลับมาที่ตรงหน้า

“หนักอ่ะ...” ร่างเล็กพยายามจะขยับตัวออกจากร่างสูงผอมโกร่งที่โครตหนักซึ่งมานอนทับตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“พี่...พี่สิงโต หนัก” เมื่อหนีไม่ได้ก็เลยจะปลุกให้ลุกไปนอนข้างๆ แทน

“น้ำ...” เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาจากริมฝีปากบางที่ขยับอยู่ใกล้ๆ ซอกคอของเขา ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก

“พี่จะกินน้ำเหรอ?” เขาเขย่าตัวร่างสูงที่ดูเหมือนจะยังหลับอยู่ แต่ดันขอน้ำ หรือจะฝัน?

“น้ำ...พี่ขอโทษ”

คริสรู้สึกว่าหน้ามันชาไปหมด น้ำที่ว่านี่ไม่ใช่เครื่องดื่ม แต่เป็นชื่อคนสินะ

และน่าจะเป็นชื่อผู้หญิงเสียด้วย

เขารู้สึกถึงอะไรเปียกๆ ชื้นๆ ที่ตรงคอ ร่างเล็กขยับตัวอีกเล็กน้อยมองหน้ารุ่นพี่ที่อยู่ใกล้ๆ

พี่สิงโตของเขากำลังร้องไห้

คงจะฝันร้าย ฝันถึงผู้หญิงที่ชื่อน้ำอะไรนี่ เขาคิดพลางเบ้ปาก

“เวรเอ๊ย...” คริสสบถออกมาเบาๆ “ผมจะทำให้ลืมเอง” มือเล็กทุ่มสุดแรงผลักร่างสูงที่ผอมบางกว่าให้ลงไปนอนหงายแล้วนั่งทับต้นขาไว้ บั้นท้ายของเขาสัมผัสกับส่วนกลางลำตัวของอีกฝ่าย แล้วถูไปมาช้าๆ แม้จะหลับแต่ร่างกายก็มีปฏิกิริยาตอบรับเป็นอย่างดี มันค่อยๆ แข็งและตั้งขึ้นมา คริสบีบคลึงยอดอกของร่างสูงเบื้องล่างแรงๆ สองสามที แล้วก้มลงเลียมันช้าๆ ได้ยินเสียงครางเบาๆ จากคนที่ยังหลับไม่ได้สติ เขาเลื่อนกางเกงบ็อกเซอร์ของอีกฝ่ายออกแล้วดึงส่วนนั้นออกมา มันเริ่มมีน้ำปริ่มๆ เล็กน้อยแล้ว เขาเลียปลายนิ้วของตัวเองแล้วสอดเข้าไปในร่างกายของตนช้าๆ

“เหี้ย...เจ็บ” คริสสบถเบาๆ กัดฟันดันนิ้วเข้าไปสองนิ้ว ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต น้ำตาไหลรินอาบแก้มตอนที่ถอนนิ้วตัวเองออกแล้วนั่งทับลงไปให้ส่วนที่แข็งขึงของคนที่หลับสนิทสอดใส่เข้าไปในร่างตน ความเจ็บที่แล่นปราดทั่วร่างทำให้เขาต้องปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ร่างเล็กขยับเล็กน้อย ขยับได้เพียงแค่นั้นก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

 

นี่เราทำอะไรลงไป...

 

น้ำตาจากร่างเบื้องบนรดลงบนแผ่นอกกว้าง ทำให้คนที่หลับสนิทรู้สึกตัวตื่นขึ้น ตอนที่เห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนเขาตกใจแทบจะโวยออกมา แต่พอเห็นร่างเล็กตรงหน้าก้มหน้าร้องไห้น้ำตาหยดบนตัวเขา มือทั้งสองข้างก็กุมกันแน่นอยู่บนหน้าท้องของเขา ร่างนั้นสั่นเทาจนเหมือนลูกนกตัวน้อยๆ ที่พลัดตกจากรัง แต่ก็ยังพยายามขยับตัวอย่างเชื่องช้า เขาก็พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะโวยวายหรือทำยังไงดี ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป

แต่เพราะเขาตื่นเต็มตาแล้ว อารมณ์ก็พุ่งมาเต็ม การขยับเชื่องช้าของร่างเล็กมันเลยทำให้เขารู้สึกทรมานสุดๆ อึดอัดแทบขาดใจอยู่แล้ว

เขาจับร่างนั้นไว้ ตอนที่มือของเขาคว้าร่างนั้นหมับ คริสก็สะดุ้งสุดตัวเงยหน้าขึ้นมองเขา อ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดออกมา

เขาดันร่างเล็กลงนอนหงายใต้ร่างเขา ร่างนั้นยังสั่นเทาและใบหน้าก็นองด้วยน้ำตา มือหนารั้งสะโพกอวบขึ้นเล็กน้อยจากเตียงแล้วดันกายเข้าไปจนสุด ร่างเล็กกรีดร้องเสียงก้องไปทั่วห้อง

ริมฝีปากร้อนระอุฉกลงที่ซอกคอขาว ขบเม้มจนเป็นรอยแดงช้ำแล้วเลื่อนลงที่แผ่นอกบาง กัดและดูดรอบๆ ก่อนจะหยุดอ้อยอิ่งที่ส่วนยอดเม็ดงาม ร่างเล็กสั่นสะท้านคว้าหมับเข้าขยุ้มกลุ่มผมของเขาอย่างแรงเมื่อปลายลิ้นร้อนเลียที่ยอดอกของตน เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งเพราะเขากระแทกตัวเข้าออกอย่างเร็วรัว ในขณะที่ยังดูดเม้มบนยอดอกนั้นอย่างรุนแรง

โดยไม่มีเสียงพูดคุยกระซิบบอกใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่เสียงกรีดร้องที่ปนกับเสียงสะอื้นไห้เท่านั้น ทุกอย่างเป็นไปตามแรงอารมณ์จนมันสิ้นสุดลง

 

 

เช้าวันต่อมา คริสก็หายไปจากห้องนั้นแล้ว

 

..........

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว