เกริ่นนำ
พบกับเรื่องราวเรียงร้อยของความรักแสนอ่อนหวานละมุนละไมระหว่างคุณหมอหนุ่ม กับเด็กหนุ่มในอุปการะผู้ฝันอยากเป็นนักการทูต ความผูกพันถักทอเกิดเป็นสายใยแห่งรักพันผูกหยั่งรากฝังลึกลงในหัวใจเขาทั้งคู่จนไม่อาจละขาดจากกันละกันได้
ณ “บ้านมนปรียาโรซาเลีย”
บ้านสไตล์วิคตอเรียนหลังงามมุงกระเบื้องหลังคาว่าวสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเรียงตัวต่อเนื่องกันอย่างเป็นระเบียบในแนวเส้นทแยงมุม ตกแต่งด้วยไม้ฉลุลวดลายประณีตชดช้อยอย่างที่เรียกกันว่า “เรือนขนมปังขิง” ที่ผู้ออกแบบเติมความรักเข้าไปเต็มเปี่ยมทุกอณูพื้นที่ลวดลายไม้ รายล้อมด้วยเถากุหลาบอังกฤษเลื้อยพันเป็นพุ่มผลิดอกสะพรั่งริมรั้วส่องกลิ่นหอมจรุงอ่อนๆเรื่อยมาตามสายลมพัดพลิ้วราวเสียงกระซิบทุ้มหวานหู
“Dear, I always love you forever as long as my last breath.”
“ที่รัก...ผมรักคุณเสมอ และจะรักเรื่อยไปอย่างนี้ตราบลมหายใจสุดท้าย”
เนิ่นนานผันผ่าน ล้อเพลาแห่งเวลาหมุนเรื่อยดั่งกระแสธาราไหลรินไม่ย้อนคืน หากภาพวาดยังคงบอกเล่าเรื่องราวตราตรึงในอดีตของมนปรียาให้จารจำ
ภาพคู่ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งจิบน้ำชาด้วยกันท่ามกลางสวนสวยสไตล์อังกฤษมีฉากหลังคือบ้านมนปรียา หนึ่งในนั้นคือสถาปนิกหนุ่มเมืองผู้ดีรูปงามนัยน์ตาสีฟ้าที่กำลังนั่งทอดสายตามองนายแพทย์หนุ่มนักเรียนนอกเชื้อสายผู้ดีเก่าที่กำลังก้มอ่านหนังสือในมือ มองผิวเผินอาจดูเหมือนสหายทั้งสองกำลังเจรจาถ้อยพาทีต่อกัน มีเพียงพวกเขาสองคนในภาพที่เข้าใจในความสัมพันธ์
หากมิมีใจปฏิพัทธ์สนิทสิเน่หาให้ โปรดอย่าลวงกันด้วยถ้อยมธุรสอันอ่อนหวานรื่นหูอีกเลย ความว่างเปล่าในนัยย์ตาของคุณลวงกันไม่มิดหรอก...บุหลันยิหวา
แม้เจ้าของเดิมจะวายชีพปราณลงนานแล้ว พร้อมกับภาพวาดที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างไม่มีใครรู้ด้วยถูกตราว่าเป็นความด่างพร้อยแห่งวงศ์ตระกูล แต่กลิ่นไอแห่งความรักแสนหวานละมุนละไมยังติดตรึงคงมนต์ขลังไปทั่วทั้งบ้านรอคอยการกลับมาของพวกเขาอีกครั้ง ดั่งมนปรียาที่จะมีดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์เคียงข้างตราบนานเท่านาน
หากปรัมปราแห่งรักที่สืบต่อกันมายาวนานของบ้านมนปรียากลับมิอาจซึมลึกลงสู่หัวใจของเขาจวบจนใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา...
“หลานจะมองเห็นความงดงามที่แท้จริงของมนปรียาก็ต่อเมื่อรักแท้เกิดขึ้นในใจของหลานแล้วเท่านั้นนะ...ปิลันธน์”
คำบอกกล่าวของผู้มีศักดิ์เป็นปู่เอ่ยแก่หลานชาย คุณพระนายรู้ดีว่าหัวใจของหลานชายที่ท่านและคุณมัทนาภรรยาพยายามจะแง้มเปิดยังคงปิดกั้นลั่นกลอนเสียแน่นหนาด้วยบาดแผลร้าวรานในอดีต หากแต่ท่านยังคงเชื่อเสมอ ความรักจะทำให้หัวใจของปิลันธนินทร์อ่อนลงในสักวัน...
L’ amour a son instinct,
ความรักมีสัญชาติญาณของตัวมันเอง
Il sait trouver le chemin du coeur
เขา0tต้องเป็นผู้ค้นพบหัวใจรักด้วยตัวเอง
comme le plus faible insectemarche à sa fleur
เหมือนกับแมลงตัวน้อยๆที่พยายามเกาะอยู่บนกลีบดอกไม้
avec une irrésistible volonté
ด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจต้านทาน
ผลงานประพันธ์โดย
Honoré de Blazac
“ปิลันธนินทร์” หรือ “ปิลันธน์” คุณหมอหนุ่มผู้ใช้ชีวิตสันโดษในบ้านไม้สไตล์วิคตอเรียนหลังงามคลาสสิกที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก “บ้านมนปรียา” ที่เพิ่งได้รับมรดกตกทอดมาจากปู่และย่าภายในซอยเล็กๆร่มรื่น
วันหนึ่งปิลันธนินทร์ได้พบกับเด็กหนุ่มมอมแมมผอมแกร็นเป็นลมล้มพับอยู่หน้าบ้าน ตัวบางร้อนจัดจับไข้สูง คนหน้านิ่งดั่งหินสาปจึงต้องพาเข้ามาดูแลชั่วคราว ปิลันธนินทร์ไม่ได้รู้เลยว่า การเปิดประตูรับเด็กหนุ่มนิรนามเข้ามาในบ้านมนปรียาวันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเขาทั้งชีวิตไปโดยสิ้นเชิง
“อย่างเดียวที่ฉันอยากขอ คือ...อย่ารักฉัน แค่นั้น”
“ศศิธร” หรือ “จันทร์” เด็กหนุ่มที่มีชีวิตมืดมนตั้งแต่สูญเสียครอบครัวไป หลังจากกระเสือกกระสนหนีตายมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในสลัมจนได้มาพบกับใครคนหนึ่งที่เป็นทั้งแสงสว่างและความรักของเขา หัวใจที่เคยโดดเดี่ยวเคว้งคว้างรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาจากความปรานีของคนที่คอยช่วยเหลือ เมื่อความรักค่อยๆแทรกซึมลึกเข้ากอบกุมดวงใจพิสุทธิ์ดวงเล็กเอาไว้โดยไม่รู้ตัว จันทร์จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่มีต่อผู้มีพระคุณของตัวเอง
“ผมทำตามที่เคยรับปากไว้ไม่ได้แล้วครับ...พี่ปิลันธน์”
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายวายเรื่องแรกที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเรื่องอื่นๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามค่ะ
ติดตามการอัพเดตนิยายได้ที่นี่ค่ะ