ฝั่งรักทะเลแค้น
10
ตอน
8.89K
เข้าชม
83
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
9
เพิ่มลงคลัง

 

 

 

 

นวนิยายเรื่อง   ฝั่งรักทะเลแค้น

 

                                                                                                         บทที่   1

 

          ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล แสงอาทิตย์เคยส่องสว่างเจิดจ้า กลับดูมัวหมองด้วยเมฆดำก้อนมหึมาบดบังคล้ายจะบอกเป็นลางร้ายให้คนกลัว  สายลมกรรโชกหอบเอาคลื่นโถมซัดหาดทรายและแนวหินอย่างบ้าคลั่ง บนโขดหินใหญ่มีร่างเด็กสาววัยแรกรุ่นใชุดเสื้อกระโปรงยาวติดกันสีฟ้าใสคนหนึ่ง เธอยืนนิ่งสนิท ปล่อยให้พระพายแผงฤทธิ์ตีเสื้อผ้าอาภรณ์ปลิวไสว ผมยาวสลวยเงางามยามต้องแสงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำยามเย็นสะบัดไปตามแรงลม เธอกอดอกฝืนร่างบอบบางราวตุ๊กตาแก้วเจียระไนไม่ให้ซวนเซ ดวงหน้าหวานปานจะหยดของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย และหากจะนับทั้งหมดนี่เป็นความงามมันก็เป็นความงามที่หดหู่เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้

สาวน้อยทอดสายตาซึมเซาไปกับคลื่นที่โหมกระแทกหินและแตกกระเซ็นขึ้นมาเป็นสาย ในความอับแสงเธอมองเห็นภาพอดีตเด่นชัดอยู่ในมโนนึก พ่อที่แสนใจดีของเธอกำลังย่อตัวลงจ้องมองดูลูกสาวตัวน้อย สองมืออันแสนอบอุ่นของพ่อกุมหัวไหล่เล็กกระจ้อยร่อยอย่างทะนุถนอม

‘หนูเป็นลูกคนโต เป็นเด็กดี’ เสียงพ่อก้องอยู่ในโสตประสาท ‘หนูต้องดูแลแม่ ดูแลน้องแทนพ่อนะลูก’

‘พ่อขา พ่อจะไปไหนเหรอคะ’ เธอยังจำได้ว่าตัวเองถามเจื้อยแจ้วออกไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าพ่อผู้เป็นเหมือนเสาหลักให้เธอพักพิงจะทิ้งครอบครัวไปจริงๆ ทว่าพ่อแค่ยิ้ม แววตาพ่อเศร้า ใช่! เธอน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนนั้น...แววตาของพ่อเศร้า...มีหยาดน้ำคลอหน่วย

‘พ่อไม่ไปไหนหรอกลูก พ่อจะอยู่ในใจลูกเสมอ พ่อล้มเหลว จนต้องพาลูกๆกับแม่มาอยู่ช่วยยายทำงานที่นี่ ถึงจะได้เงินน้อยหน่อย แต่ลูกกับแม่จะต้องอยู่ได้ มันไม่เป็นไรหรอกลูก...ไม่เป็นไรเลย’

น้ำตาพ่อไหล แต่มือใหญ่หนากลับประคองร่างน้อยให้หันหลังให้เขา ก่อนดุนหลังเบาๆคล้ายจะเร่งเร้าให้เด็กหญิงเล็กๆออกเดินไปข้างหน้าแต่เพียงลำพัง

‘จำไว้นะ พ่อรักลูกมาก รักมากๆทั้งสามคน’

หนูน้อยหันกลับ ทว่า...

ปัง!

ความคิดของเธอสะดุดอยู่ตรงนี้ แล้วร่างบอบบางของสาวน้อยก็ทรุดฮวบลงกับพื้นหินเย็นเยียบ

“พ่อขา” เสียงเธอสั่นระริก “พ่อทิ้งหนู ทิ้งน้อง พ่อทิ้งพวกเรา”

น้ำตาเธอไหลเหมือนสายฝนพรำ ร่างบางโยกโยนไปตามแรงสะอื้น ภาพมือเกร็งกำกระบอกปืนยังติดตา กลิ่นคาวเลือดที่สาดออกมาจากขมับพ่อยังติดฆานประสาท พ่อล้มลงต่อหน้า ก่อนที่เด็กหญน้อยๆจะถลาเข้าไปกอดร่างไร้

2

วิญญาณไว้แน่น ถึงมันจะผ่านมาแล้วร่วม 10 ปี แต่นั่นไม่อาจทำให้หัวใจที่แหลกสลายของเธอกลับมาดีคืนเดิมได้

“พ่อขา พ่อทำอย่างนี้ได้ยังไง” เธอรำพันทั้งน้ำตา ก่อนกรีดร้องตัดเสียงคลื่นลมออกไปว่า “รู้ไหมแม่ตายไปแล้ว แม่ตรอมใจตายก็เพราะพ่อ แล้วต่อไปนี้หนูกับน้องจะอยู่ต่อไปได้ยังไง”

สาวน้อยสะอึกสะอื้นไห้ เลือดที่กลั่นตัวออกมาจากหัวใจรานร้าวกลายเป็นหยาดน้ำตาที่รินไหล มันช่างมากมายเสียจนแทบจะเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นมหาสมุทรได้ ก็ร่มโพธิ์ร่มไทรของเธอหักโค่น มรดกที่พ่อทิ้งไว้คือหนี้จำนวนหลายสิบล้าน มรดกที่แม่

2.

ทิ้งไว้คือน้องสาวอีกสองคน ทำไมสิ่งที่เธอได้รับจากผู้บังเกิดเกล้าจึงมีแต่ภาระ ภาระ และภาระ มันไม่หนักหน่วงและใหญ่หลวงเกินกว่าที่สองไหล่ของเธอจะแบกรับไปหน่อยหรือ

เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งวนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก ชีวิตช่างเดียวดายและไร้ค่า แต่ละครั้งที่หัวใจเต้นนั้นมันเจ็บ การที่จะหายใจต่อไปแต่ละเฮือกนั้นมันช่างเหน็ดเหนื่อยเสียเหลือเกิน

คิ้วโก่งเหมือนคันศรขมวดลงเล็กน้อย ดวงตาพราวพร่างไปด้วยจักษุชลจ้องมองลงไปในเวิ้งน้ำดำมืดตัดกับคลื่นที่สาดกายแตกกระจายเป็นฟองขาว อา...น้ำลึกทะเลคลั่ง...นี่ล่ะคือทางออกจากวังวนแห่งความทุกข์ นี่ล่ะคือทางเดียวที่จะยุติความปวดร้าวอันสุดแสนจะทารุณนี้ได้

พลันร่างบางก็ทิ้งตัวลงจากโขดหินใหญ่ สู่ความมืดมิดแห่งก้นทะเลลึก!

คลื่นหมุนเกลียวคล้ายสายน้ำวนดึงร่างเธอให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งที่ดูเหมือนความสงบจะเข้ามาสู่หัวใจรานร้าว สาวน้อยได้แต่บอกว่าเองว่า ‘อีกไม่นาน มันก็จะจบ’

ทว่าเธอคิดผิด! ทันทีที่ร่างกายต้องการอากาศ พลังธรรมชาติก็ขับดันให้เธอต้องสูดเอาน้ำเข้าไปยังความความเจ็บแสบแผ่ซ่านไปทั่วโพรงจมูก ในศีรษะปวดลึกแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ปอดจุกเจ็บเหมือนถูกเสาคอนกรีตอัดกระแทก สาวน้อยสุดจะทนกับความทรมานอันแสนสาหัสนี้ได้ จึงเริ่มดิ้นรน สองแขนอ่อนร้าตะเกียกตะกายพาร่างสู่ผิวน้ำ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว คลื่นใต้น้ำอันทรงพลังพัดเธอกระแทกกับแนวหิน ปานจะบดให้แหลกสลาย แล้วเธอก็หมดแรงสู้ ได้แต่มองขึ้นไปบนผิวน้ำ ทอดอาลัยกับหลักชัยที่ไม่มีวันไปถึง ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจมลงสูก้นบาดาล

แต่แล้วผิวน้ำก็แตกออก ร่างของใครบางคนโจนลงมา ก่อนที่เขาคนนั้นจะดำดิ่งฝ่าคลื่นใต้น้ำตรงเข้าหาเธอ และในยามที่สายตาเธอพร่าเลือนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้ มือแข็งแกร่งของเขาก็คว้าตัวเธอไว้ สาวน้อยได้แต่ปล่อยให้

ใครคนนั้นพาเธอขึ้นฝั่ง ละทิ้งความตายไว้เบื้องหลัง อย่างที่ไม่คิดจะหวนคืนกลับมาหามันอีก.         “ตูม”    คลื่นกระจายเป็นวงกว้างด้วย ก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นจากน้ำมือของสาววัยแรกรุ่นขว้างใส่ลงน้ำทะเลเขียวขุ่นของทะเล

-3

บางแสนเพราะอยากให้พี่สาวคนโตซึ่งยืนอยู่บนโขดหินให้หายเหม่อลอย                                                                                                                                            ทัดหทัย รุ่งอรุโณทัย  สาวร่างบาง ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์วันวานหันมาดุ น้องสาวสุดท้อง    “พี่ตกใจหมด  น้องสามเมื่อไหร่จะเลิกนิสัยเหมือนลิงเหมือนค่าง  เป็นผู้หญิงต้องเรียบร้อย  ปีนี้ 17เป็นสาวเต็มตัวแล้ว  น่าจะรู้จักพูดมากกว่าใช้กำลังพี่จะได้หายห่วงสักที”    สาวใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งหยด คิดเป็นห่วงน้องสาวจะหาคู่ไม่ได้ด้วยมีนิสัยแก่นแก้วชอบเล่นรุนแรงเกินความเป็นผู้หญิง

ขวัญชนก มองหน้าขาวเนียนของพี่สาวแล้วหัวเราะ    “คนที่น่าจะห่วงควรเป็นพี่หนึ่งมากกว่า  พี่หนึ่งอายุ 25แล้ว ยังไม่มีแฟน อย่างสามยังไปได้ไกล”     สาวน้อยในชุดเสื้อยึดคอกลมกางเกงยีนส์สั้นแค่เข่า พูดทำแขนแก่วงไปมาตามนิสัยไม่ชอบหยุดนิ่งเห็นพี่สาวไม่ยอมมีคู่ ส่วนเธออายุยังน้อยที่จะมีแฟนกว่าจะแก่ก็อีกหลายปี         คำพูด ของน้องสาวมาทำให้สาววัยเบญจเพส คิดถึงชายคนหนึ่งที่เธอเฝ้ารอให้เขากลับมาเยือนหาดบางแสนอีกสักครั้ง   แม้เวลาจะผันผ่านคืนแล้วคืนเล่านับสิบปี นับแต่วันที่เขาช่วยเธอขึ้นจากน้ำและพาเธอมาส่งถึงบ้านยาย เธอยังจดจำน้ำเสียงนุ่มนวล ของเขาได้ไม่มีวันลืม    “คุณต้องอยู่สู้ชีวิตต่อนะครับ  แม้วันนี้เราจะล้มแต่พรุ่งนี้ยังมี ผมจะเอาใจช่วย”    ร่างสูงโปร่งสันทัด ก็ปล่อยมือที่กุมข้อมือเธอไว้และเดินจากไป.....จากไป....หายไปในเงาไม้ใหญ่แล้วก็ไม่เคยมา ปล่อยให้เธอคอยเฝ้ามองหา    หญิงสาวบอบบางงดงามในทุกอิริยาบถ  ก็ส่องสายตายาวไปไกลถึงต้นมะพร้าวสามต้นซึ่งปลูกเรียงกันด้านซ้ายมือของร้านอาหารแพน้อยของยาย     ที่ๆเธอเฝ้ามองหาเขา หวังให้เขาเดินกลับมาที่เดิม        “พี่หนึ่งมอง หาใคร?  หรือพี่หนึ่งแอบมีใครไว้”    สาวผมม้าตากลมรี  มองตามพี่สาวไป เห็นมีแต่ต้นมะพร้าวพลิ้วไหว   เพราะแรงลมเท่านั้น  เธอทำหน้านิ่วคิ้วเข้าหากันไม่รู้พี่สาวจะหาอะไร?     “พี่หนึ่งซ่อนอะไร?เอาไว้ในต้นมะพร้าว สามไม่เห็นมีใคร?จะมายืนอยู่ใกล้ต้นมะพร้าวสักคน กลัวลูกหล่นใส่หัว  หรือว่าพี่หนึ่งมองหาเทวดาในลำต้นนั้นหรือเปล่า”    น้องสุดท้อง ก้มตัวมองลำต้นมะพร้าวทั้งสาม

สาวผมยาวหน้ากลมรีต้องเปลี่ยนสายตามาที่น้องสาวเมื่อได้ยินน้องสุดท้องพูด   “จะมีเทวดาที่ไหนเข้าไปอยู่ในต้นมะพร้าว  มีแต่เราเที่ยวซุกซน ระวังมะพร้าวจะหล่นใส่หัวสักวัน”    ทัดหทัย ทำหน้าบึ้ง เพราะไม่ชอบในถ้อยคำที่ดูเล่นลิ้นของน้องสาว        “ก็สามเห็นพี่หนึ่งออกมายืนตรงนี้อยู่นานสองนานทำไม?”    สาวน้อยยืนตรง  ต้องการให้พี่สาวพูดความจริง     “วันนี้เป็นวันครบรอบการตายของคุณพ่อ พี่มายืนมองทะเลตรงที่คุณพ่อหล่นน้ำเพื่อระลึกถึงท่าน น้องสามก็ควรจะรับรู้ด้วย อย่างน้อยท่านก็เลี้ยงดูพวกเราสามคนมาจนโต”    ทัดหทัยพูดเสียงเศร้า ใบหน้าหมองเมื่อนึกถึงบิดาที่จากไปเมื่อสิบปีก่อน      “สามไม่มีวันลืม  วันที่คุณพ่อจากเป็นวันที่พวกเราเจ็บปวดที่สุด  เป็นสาม สามจะไปฆ่าไอ้คนโกงคนหลอกนั้นก่อนเรื่องอะไรจะยิงตัวเอง”       ขวัญชนกพูดเสียงแข็งเพราะความโกรธแค้น  ใจร้อนรุ่มสายตาจับจ้องอยู่ที่ทะเล  กำมือแน่นใจอยากบีบคนโกงพ่อให้ตายตามไปwไ_ไ    “พอที่น้องสาม พี่ไม่อยากแก้แค้นใคร?แค่นี้เราก็ย่ำแย่เต็มทนแล้ว”    ทัดหทัย พูดสั่งน้องสาวเธอไม่ต้องการคิดจองเวรคนตระกูลวรากร ซึ่งหลอกให้พ่อเซ็นค้ำประกันแล้วเชิดเงินของบิดาหนี  ทิ้งหนี้ให้พ่อต้องชดใช้แทนจนกลายเป็นคนล้มละลาย แม้ใจจะเจ็บแค้นแต่ไม่อยากตามจองเวร เพราะนั่นจะทำให้ไม่มีวันมีชีวิตที่เป็นสุขได้ เธอจึงยึดธรรมะไว้ในใจเสมอ พูดสอน

4

น้องสาวจบ เธอก็ขยับเท้าจะเดินกลับไปที่ร้าน   เสียงน้องสาวคนรอง ก็แว่วเข้ามาก่อนที่ขาจะก้าวไปข้างหน้า    m    นน“พี่หนึ่งใจดีเกินไป  สองเห็นด้วยกับน้องสาม  ถ้าเป็นสองนะจะตามไปทวงเงินคืน”  สาวร่างอวบทรงโตในชุดเสื้อกระโปรงเหนือเข่าสีเขียวสดตัดกับน้ำทะเลพอดี ได้ยินพี่และน้องคุยกัน เธอจึงเดินเข้ามาสบทบ   นทีชลสาวผู้น้องบัณฑิตมาดๆผู้มีแต่ความฝันยาวไกลทันทีที่เรียนจบก็ออกหางานทำ หวังชีวิตก้าวหน้า   “สองก็เป็นอีกคน  จะไปไหน?ถึอกระเป๋าสะพายมาด้วย”     ทัดหทัย มองน้องสาวคนรองใส่ชุดสวยรองเท้าส้นสูงมีกระเป๋าอยู่ข้างตัวคล้ายจะเตรียมไปนอกบ้าน จึงถาม        สาวผู้มีกิริยาคล่องตัวแบบสาวสมัยใหม่รีบตอบทันควัน   “ไปสมัครงานเลขาในโรงแรมใหญ่เมืองพัทธยามาค่ะ  คนสมัครเป็นร้อยรับแค่2 ไม่รู้จะได้งานทำหรือเปล่า”     นทีชล ตอบชัดถ้อยชัดคำทำหน้าเหม็นเบื่อที่เรียนจบ ม.บูรพา ได้เกรียตินิยมอันดับหนึ่งยังต้องนั่งรองาน

“ก็เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร? คุณยายท่านไม่เคยบ่นสักคำ  ใจเย็นๆสองเพิ่งเรียนจบล้ำหน้าเพื่อนอยู่แล้ว”  สาวผู้พี่เอามือลูบผมน้องสาวเพื่อปลอบใจ         “ก็สองอยากได้งานทำจะได้มีเงินเรียนต่อโท”     สาวผมปัดยาวลงมาถึงบ่าพูดเสียงเข้มเอามือกอดอก       เธอไม่ยอมทิ้งนิสัยทะเยอทะยาน จะต้องไม่น้อยหน้าใคร? ไม่เอาอย่างพี่สาวซึ่งเรียบง่าย กตัญญูต่อยาย จึงยอมเป็นแม่ครัวเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ  ยอมทำงานหนักทั้งที่จบ มัฑณศิลป์มีความรู้ความสามารถพอไปหางานอื่นทำได้

น้องสาวสุดท้อง  ที่ชอบแหย่พี่สาวให้โกรธ ไม่ยอมฟังเฉยเป็นต้องพูดกวนประสาท “โอ้ โฮ!  คิดไกลเกินไปมั้งพี่สอง    แค่หางานทำก็ยังไปไม่ถึงฝั่ง  กว่าจะเรียนจบคงแก่เสียก่อน”    ขวัญชนก  ยื่นหน้ามาพูด

“ระวังตัวเองเถอะ  จะไปได้ แค่มัธยม  ไม่มีทางต่อมหาได้หรอก ชอบยั่วคนแบบนี้เข็นยังไงก็เข็นไม่ขึ้น”   นทีชล  ฉุนน้องสาว โกรธจนพูดเสียงดัง   ขณะที่ขวัญชนก ก็ไม่นึกกลัว  กลับลอยหน้าลอยตาเถียงใส่   ทัดหทัย รีบห้ามศึกสองพี่น้องซึ่งไม่เคยจะดีกัน  เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก             “หยุดพูดเดี๋ยวนี้ สามพี่ บอกให้ เงียบ”    ทว่า  ขวัญชนก ไม่ยอมหยุดกลับนึกสนุกปากตามประสา     “พี่สองแต่งตัวสวยๆไปสมัครงานเดี๋ยวต้องรอแต่งเก้อ เสียเงินเสียทองไปกับเสื้อผ้าเครื่องสำอาง ยังน้ำหอมฟุ้งถึงจมูกผู้ จัดการ ยังไม่รับ สงสัยจะต้องรอเปล่า”    สาวน้อยผู้เป็นน้องทำลอยหน้าลอยตาพูด ยืนเอามือสอดกระเป๋ากางเกงยีนส์แบบนักเลง     “นี่แกมาแช่งฉันเหรอ   ไอ้น้องเฮงซวย วันนี้ฉันจะไม่ใจดีกับคนปากเสียอย่างแก”    นทีชล ยกมือขวาจะฟาดใส่แขนน้องสาว   ทว่า ขวัญชนกรู้ทันก่อนที่มือเรียวงามของพี่สาวจะฟาดใส่     “จ้างให้ก็ตีไม่ถูก”  สาวน้อยพูดแล้วก็ออกเท้าวิ่งเร็ว   โดยที่พี่สาวคนรองเป็นคนอารมณ์ร้ายเมื่อถูกยั่วให้โมโหก็ไม่ยอมปล่อยวิ่งไล่ตามไป      ทัดหทัย  ถอนใจ  เบื่อหน่ายสองพี่น้องที่ชอบทะเลาะกันตลอดตั้งแต่เด็กจนวัยสาวก็ยังไม่ยอมอ่อนให้กัน    เสียงรองเท้ากระทบพื้นไม้   ได้ยินเข้ามาถึงโรงครัวภายในร้านอาหารขนาดกลาง ปลูกเป็นเรือนไม้พื้นต่อด้วยแพยาวแลหลังคามุงจาก เพื่อสร้างบรรยากาศแบบทุ่งนาริมทะเล                นางสายใจ ผู้ยึดอาชีพขายอาหารทะเล ริมหาดบางแสนมาตั้งแต่วัยสาวจนอายุ 70 หลังบุตรเขยพาหลานสาวมาส่งให้นางช่วยเลี้ยง นางก็รักและเอ็นดูหลานสาวทั้งสาม ยิ่งเมื่อบุตรสาวคนเดียวต้องมาตายก่อนเพราะสามีฆ่าตัวตายจึงตรมใจนางก็ยิ่งรักและสงสารหลานทั้งสามซึ่งต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า  นางขยันขันแข็งทำมาค้าขายตลอดไม่ยอมปล่อยวางมือเพื่อบุตรชายคนเดียวที่ติดเหล้างอม ไม่เอางานเอาการทั้งส่งเสียหลานให้เล่าเรียนจนจบปริญญาถึงสองคนแล้ว      ร่างท้วมดำแดง ผมขาวเกือบ

5

เต็มศรีษะ ซึ่งกำลังม่วนอยู่กับการเตรียมอาหารไว้ขาย นางหันมามอง สองพี่น้องที่วิ่งไล่กวดกันมา นางก็รู้ได้ทันว่า ต้องพูดไม่เข้าหูกัน  เพราะหลานคนเล็กปากกล้าคะนอง  ชอบยั่วพี่รองให้โมโหอีกทั้งหลานสาวคนรองก็เป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่ยอมให้

“คุณยายขา ช่วยสามด้วย  พี่สองจะตีสาม”      ขวัญชนก วิ่งหลบเข้าไปแอบหลังยาย

“นี่อะไรกัน? ประเดี๋ยวแพของยายก็ล่ม  วันนี้เลยไม่ต้องขาย”นางสายใจทำเสียงดุ

“ออกมา ยายสาม วันนี้ฉันต้องตีสั่งสอนแก ไอ้คนปากเสีย”    นทีชล  ไม่สนใจสิ่งใด ใจคิดเพียงจะลงโทษน้องคนเล็กให้ได้

“พอๆ สอง  พูดไม่เพราะเลย  อย่าไปด่าน้องอย่างนั้น มันไม่สวย   ยายเคยสอนว่าลูกผู้หญิงต้องพูดเพราะ สงบเสงี่ยม

จึงจะได้เป็นแม่ศรีเรือน  นี่ก็เหมือนกัน  เป็นผู้หญิงทำท่าเหมือนลิงผุดๆโผล่ๆ  พอกันทั้งสองคน ยายไม่เข้าข้างใคร?

สอนกันยังไงอย่างงั้นไม่เคยจำ  ยายพูดเสียเหนื่อย ไม่เคยใส่ใจ  ยายไม่พูดแล้ว มาช่วยยายทำกับข้าว เดี๋ยวเที่ยงจะได้ขาย”  นางพูดไปทำมือชี้ซ้ายทีขวาที        “ค่ะ คุณยาย”     สองสาวพี่น้องตอบรับพร้อมกัน  แม้ข้างในจะไม่ยินดี  แต่เพราะความเกรงใจผู้เป็นยายผู้เป็นเสมือนมารดาซึ่งเลี้ยงดูส่งเสียให้เล่าเรียน  สองสาว จึงไม่กล้าขัดคำสั่ง   เดินไปนั่งลงบนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่ตั้งกลางห้องครัวขนาดกลาง มือข้างหนึ่งหยิบมีดอีกข้างหนึ่งจับหัวกระเทียมขึ้นปอก           ขวัญชนก ก็ยังทำหน้าเบ้ปากยั่วพี่สาวให้โมโหต่อ       “เก็บไว้ก่อน เดี๋ยวเข้าบ้านน่าดู”     นทีชล เม้มปากพูดดุน้องสาวซึ่งนั่งคนละข้าง    ทัดหทัยเดินตามเข้ามาหวังจะห้ามปราม  แต่เมื่อเห็นน้องสาวทั้งสองนั่งนิ่งเงียบช่วยยายทำงาน  เธอจึงหันไปยกมือไหว้ผู้เป็นยายก่อนลงมือเตรียมอาหารตามปกติ     นางสายใจ รักหลานสาวคนโตมาก ด้วยเป็นคนขยันรู้งานรู้การและตรงต่อเวลา  ไม่ยอมทิ้งนางไปหางานอื่นทำ                           นาย  กัณฑ์ชนะ  พุ่มดอกไม้    ชายวัย 50ร่างเตี้ย ผอมเกร็ง ใบหน้าหยาบไม่เรียบ และติดเหล้างอมจึงหาแฟนไม่ได้กลายเป็นคนอกหักเขาจึงเกลียดหญิงสาวรวมไปถึงหลานสาว ผู้ต้องมาอาศัยพึ่งพามารดาหาเลี้ยง  เขาไม่ชอบที่มารดารับหลานสาวมาเลี้ยงและให้เงินทองใช้ ทั้งที่บิดาเด็กเทำธุรกิจล้มเหลว  เขากลัวมารดาจะยกทรัพย์มรดกที่มีอยู่ ไปตกแก่หลานสาวทั้งสาม จนลืมเขาและเขาก็จะไม่มีค่า  เขาจึงต้องคอยกันหลานสาวไม่ให้ใกล้ชิดมารดา  ใจคิดระแวงแต่ว่าจะตกเป็นผู้อาศัยเมื่อสิ้นบุญมารดา    วันนี้หลังสร่างเมา เขากลัวมารดาจะดุด่าว่าเขาไม่ช่วยทำมาหากินเอาแต่เมาหัวราน้ำไม่กลับบ้านช่อง   เขานึกจะหาปูตัวโตๆไปฝากมารดาเพื่อเอาใจและให้มารดาชมว่าเขาก็ทำได้ไม่ได้ดื่มเพียงอย่างเดียว

เขาว่าจ้างให้เด็กในร้านเหล้าแห่งหนึ่งใกล้หาดบางแสน ไปหาปูทะเลตัวใหญ่เท่ากิโล  แล้วก็เดินถือตะกร้าภายในใส่ปูทะเล4—5ตัว เข้ามาในโรงครัวร้านอาหาร   เห็นมารดา กำลังสาละวนสั่งงานกับเด็กในครัวอยู่  ชายวัยกลางคนก็สาวเท้า เข้าไปหา      “แม่วันนี้ฉันจับปูได้ตั้ง 4ตัว  ตัวหนักๆทั้งนั้น ถ้าเอามาผัดขาย คงได้หลายจาน”    เขาวางตะกร้าไม้สี่เหลี่ยมลงบนโต๊ะใกล้เตาทำหน้าเฉย   หวังจะให้นางดีใจ

หญิงชราวัย70 ก้มดูของในตะกร้าสีน้ำตาล ใจนึกว่าบุตรชายคนเดียวที่มีอายุเข้าวัยกลางคนจะมาขยันทำงานอะไรปูนนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไร? เอาแต่ดื่มตั้งแต่หัวค่ำยันดึกแล้วก็เดินโซเซกลับเข้าบ้านตอนเช้า นางเงยหน้ามามองบุตรชายแล้วทำจมูกย่นสูดกลิ่นไปตามตัว     “เมามายเดินคลำหาทางไม่ถูกอย่างแก หรือจะจับปู  ถ้าแกไม่โดนปูมันหนีบมือแตกก็คงตกน้ำป่านนี้คงลอย

6

แช่อยู่ในน้ำ แม่ไม่เชื่อว่าแกจะจับเองนอกจากจะไปซื้อที่ตลาด นี่บอกตามตรงว่าซื้อมาเท่าไร รวมกับค่าเหล้าด้วยหมดเข้าไปกี่ร้อย”    นางสายใจจ้องหน้าบุตรชายเพื่อให้เขาพูดความจริง นางรู้ว่าบุตรชายชอบปั้นเรื่องเพื่อให้มารดาอภัยไม่ต่อว่า      ชายร่างเตี้ยสีหน้าไม่พอใจรู้สึกโกรธเมื่อมารดาคอยจับผิดเขาไม่เคยเห็นว่าเขาดีบวกกับน้ำเมาทำให้เขาเถียงพาลถึงหลานสาว       “โธ่!แม่ เชื่อฉันสักครั้งไม่ได้หรือ  คนอย่างฉันถึงจะไม่เอาไหนก็ยังดีกว่าพวกชอบอวดความสามารถสุดท้ายก็หมดตัวต้องเอาลูกมาให้คนอื่นเลี้ยงให้ทั้งข้าวทั้งน้ำยังไม่พอยังต้องปรนเปรอไปกับเสื้อผ้าค่าเล่าเรียนไม่รู้หมดไปตั้งเท่าไร?แม่ไม่เห็นบ่น “         “นี่แกเงียบเลย แม่ไม่อยากฟัง”   นางสายใจชิงพูดก่อนที่บุตรชายจะพูดลามไปถึงบุตรสาวที่จากไปทำให้นางสะเทือนใจไปกับโชคชตาของบุตรสาวคนเดียวซึ่งต้องมาพบมรสุมชีวิตแสนสาหัสจากไปก่อนวัยอันควร           “ไอ้พวกหนีหนี้มันมีแต่ ประจบสอพลอไปวันๆ แม่ก็เห็นดีทุกอย่าง ฉันช่วยทำงานแม่กลับไม่เห็นดีบ้าง  สักวันคงหมดตัวเหมือนพ่อมันแล้วเราสองคนจะไปพึ่งใคร?”      ชายวัยกลางคน  พูดเสียงดังสายตาสอดส่ายมองไปทางหลานสาวทั้งสามคน ด้วยความเกลียดชัง  เขาไม่ชอบที่มารดาคอยปกป้องเอาใจหลานมากกว่าเขาซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว ก็ยิ่งไม่พอใจที่ต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับหลาน

ขวัญชนก อารมณ์เสียบันดาลโทสะ ไม่อาจทนฟังลุงแท้ๆพูดกระทบถึงบิดาซึ่งตายจากไปแล้วไม่ได้   เธอลุกจากโต๊ะนั่งเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดเสียงขุ่น    “  หนูถามลุงกัณฑ์ หน่อย ว่าพ่อหนูเขามาหลอกลุงเหรอไง ลุงถึงชอบพูดด่าพ่อหนู”

นาย กัณฑชนะ โกรธเลือดร้อนแสบไปทั่วตัวเมื่อหลานวัยมัธยมต่อว่าเขา นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าหลานสาววัย 17   “ไอ้เด็กโอหังอวดดี  บังอาจ  พ่อแม่ไม่มีสั่งสอน ไม่รู้จักเคารพยำเกรงผู้ใหญ่  เดี๋ยวก็ตบสั่งสอนซะนี่”    เขายกมือทำท่าจะฟาดใส่ขวัญชนก  ซึ่งยืนตรงหน้าเขา     สาวน้อยก็ไม่กลัวเกรงเบิกตากว้างจ้องผู้เป็นลุงเขม็ง ถ้ามือหยาบกร้านนั้นเข้าแตะเนื้อเธอก็พร้อมหลบเพื่อป้องกันตัว            นทีชลก็ไม่ชอบนิสัยกร้าวของผู้เป็นลุงเธอคิดช่วยน้องสาวแม้เมื่อครู่จะบาดหมางใจกันแต่ความเป็นพี่น้องก็ไม่ยอมให้ใครรังแก ลุกยืนทันที คว้าไม้ตีพริกข้างโต๊ะทำอาหาร ได้รีบก้าวอ้าวเข้ามายืนข้างน้องสาวพูดไม่เกรงกลัว    “ถ้าลุงตบน้องหนู  ลุงเจอไม้ตีพริกนี้แน่”  เธอยกไม้ตีพริกชี้ไปทางชายกลางคน    แม้น้องสาวคนเดียว จะทำให้เธอต้องโมโหบ้างจนบางครั้งอยากซัดให้หมอบ  แต่เธอก็พร้อมจะปกป้องเมื่อน้องถูกรังแก

“เชอะ!   พวกแกก็ไอ้เด็กเมืองกรุง พ่อแม่ไม่มีปัญญาเลี้ยงต้องหอบลูกมาให้แม่เลี้ยงให้  ระวังตัวไว้สักวันจะไม่มีที่ซุกหัวนอน หรืออาจจะต้องฆ่าตัวตายตามพ่อไปอีกคน”     ชายร่างเตี้ย  หน้าแดงก่ำเพราะความโกรธพูดตะคอก

สองพี่น้องก็ไม่รู้สึกกลัวเพราะชินกับความโกรธชิงชังจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา    ทว่า คำพูดพาดพิงถึงบุพการีผู้จากไป มันจุดประกายไฟแห่งความคับแค้นให้แผดเผาไปทั่วร่าง จนอยากร้องตะโกนออกมา ให้คนพูดได้รับรู้ความโกรธเกลียดไม่ขอนับเป็นญาติ     สองสาวพี่น้องก็ทำได้เพียง กัดริมฝีปากแน่น ความโกรธแค้นถูกกัดเซาะเป็นแพรน้ำใสแห่งความเจ็บปวดซ่อนอยู่ใต้ดวงตาแค่นั้น

เธอ ผู้เป็นพี่คนโตด้าม มีดที่ถือหั่นหมูอยู่ต้องปล่อยให้หลุดมือบนเขียงไม้ ใจเย็นวาบเมื่อฟังลุงด่านึกถึงวันที่ต้องสูญเสียบิดามารดา เพราะถูกคนโกงไม่ใช่อย่างที่ลุงกัณฑ์กำลังพูด เธอไม่อาจยืนฟังนิ่งเฉยอยู่หน้าเตาได้   ก้าวเท้ามายืนเคียงข้างน้องสาวทั้ง

7

สองอีกคน พูดกับลุง     “ ลุงกัณฑ์อย่ามาว่าพ่อหนูอย่างนั้น มันไม่จริง  พ่อไม่ได้ให้ลุงเลี้ยงพวกหนูแต่ให้มาช่วยคุณยายทำมาหากิน”            “เอาเวลาไปเรียนเสียมากกว่า อยู่ช่วยทำสักเท่าไร? เรียนจบแล้วนี่ก็น่าจะไปๆให้พ้น บ้านข้า รำคาญ!สาวบ้านนี้ที่หาผัวไม่ได้”

นทีชล   ยืนกำมือแน่น ไรฟันขาวกัดริมฝีปากบางๆของเธอแทบกลายเป็นเลือดไหลซิบๆ   ทั้งโกรธทั้งเสียใจ จนหูตาอื้อพร่าด้วยหยาดน้ำตา  มือเล็กบางข้างที่กำไม้ตีพริกบีบแน่นเสียจนชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ นึกจะฟาดใส่คนพุดด้วยไฟโทสะที่เดือดพลุ่งพล่านจนล้นทรวง ทว่าเธอก็ทำได้เพียงแค่โยนมันทิ้งลงพื้นให้ไม้นั้นไหลไปจรดแค่ปลายเท้าของผู้พูดนั้น            เสียงบุตรชายด่าขับไล่ หลานสาว ดังเข้าหู นางสายใจ ซึ่งยืนอยู่ใกล้ บุตรชาย  นางจึงพูดต่อว่า   “นี่แกอย่ามาไล่หลานแม่ แม่จะไม่ให้หลานไปไหน แกคงเมามาก จะไปไหนก็ไปอย่ามาโวยวายตรงนี้เดี๋ยวไม่มีลูกค้ามากิน แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเหล้าไอ้กัณฑ์ลูกไม่รักดี วันๆมีแต่ดื่มกับด่าไม่เคยทำให้แม่สบายใจเลย”

“อะไร?ๆแม่ก็ว่าลูกไม่ดี  ทีหลานสุดรักแม่มันทำอะไร?ให้แม่ได้นอกจาก ผลาญเงิน  เงินทองที่เก็บสะสมแม่ก็เอาไปให้เป็นค่าเล่าเรียนจนหมด ยังที่ดินข้างเคียงก็ต้องแบ่งขายเอาเงินมาบำเรอปรนเปรอเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวหมดกันเป็นหมื่นเป็นแสนๆ  แค่ค่าเหล้าไม่กี่ตังค์แม่ก็เสียดาย  ฉันไม่อยู่ให้แม่เสียดายเงินหรอก”    นายกัณฑ์ชนะ  นึกน้อยใจเมื่อมารดาดุด่า เขาจึงเดินออกจากห้องครัวไปอย่างอารมณ์เสีย ไม่ฟังมารดาพูดต่อ  นึกน้อยใจที่มารดาดุด่าเขา ความเกลียดชังในตัวหลานสาวทั้งสามยิ่งเพิ่มทวีบวกกับอารมณ์หิวเหล้าทำให้เขาหงุดหงิดจนต้องหาที่ระบาย แล้วนายกัฑณ์ชนะก็ใช้เท้าซึ่งหุ้มหนังรองเท้าแตะเตะไม้ตีพริกกระเด็นไปตกเกือบใส่ลำตัวของสาวน้อย  แต่ขวัญชนกใช้วิชาเทควันโดกระโดดหลบทันก่อนจะโดนเข้าอย่างจัง   แล้วเท้าของชายกลางคนก็ก้าวหนักๆออกจากโรงครัวไปด้วยใบหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ

หลังลุงกัณฑ์ ไป  ห้องครัวสงบ  ทัดหทัย ก็เดินโอบไหล่น้องสาวสองคนเข้าไปกราบบนอกยาย พูดนำ  “หนึ่งกราบขอโทษแทนน้องสองคน ที่ก่อเรื่องให้คุณยายไม่สบายใจ  หนึ่งผิดเองที่ไม่สอนน้องให้อดทนอดกลั้นเคารพผู้ใหญ่”

หญิงชรา นึกเห็นใจสงสารหลานๆที่ต้องเผชิญชตากรรมอันโหดร้ายเมื่อวันวานแล้วยังต้องต่อสู้กับอารมณ์ของคนขี้เหล้าอีก  สุดเอือมระอาต่อการกระทำของบุตรชายนางดึงหลานสาวทั้งสามเข้ามากอด พูดอย่างเอ็นดู    “อย่าไปถือสาลุงกัณฑ์เขาเลย เขาเป็นคนอกหักเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  อยู่กับยายนะ อย่าทิ้งยายไป ยายอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหลาน”

นอกจากบุตรชายที่ติดเหล้าไม่เป้นโล้เป็นพาย นางก็ได้แต่หวังพึ่งหลานสาวทั้งสามในยามเจ็บป่วยหมดเรี่ยวแรงด้วยวัยไม้ใกล้ฝั่ง                         “ค่ะ คุณยาย  พวกหนูจะเชื่อฟังยาย”    สามสาว ตอบพร้อมกันแล้วก้มลงกราบผู้เป็นยาย ก่อนสวมกอดกันอย่างอบอุ่น      นทีชล  คิดว่าสักวันเธอจะต้องไปจากลุงกัณฑ์ให้ได้ ไปสู่ชีวิตที่สวยหรู มีบ้านเป็นของตัวเอง มีเงินทองใช้จ่ายโดยไม่ต้องกลัวใครด่าว่า   และมีเทพบุตรสักคนที่ช่วยให้เธอยืนอยู่ในสังคมอย่างมีหน้ามีตา เรียกฐานะเดิมกลับมาให้ได้

ส่วน ทัดหทัย เธอรู้ว่ายายเหนื่อยทื่ต้องเลี้ยงเธอและน้องสองคนมาด้วยความเมตตาเอ็นดู พร้อมให้ทั้งความรักและเสียสละ   เธอจึงไม่อาจทิ้งยายไปสบาย  ถ้าเธอไปยายก็ยิ่งเหนื่อยมากขึ้น   เพราะขาดผู้ช่วยในครัวไปคน    เธอจะยอมอยู่สู้เพื่อตอบแทน

9

บุญคุณของยายไปจนกว่า ยายจะให้เธอไปเอง หรือเมื่อเธอทนถึงที่สุดแล้ว

ส่วน น้องสุดท้อง ขวัญชนก ผู้อยู่ในวัยเรียน ไม่หวังอะไร?มากไปกว่าเรียนให้จบปริญญาเร็วๆ ขอมีงานให้เธอทำก็พอ.

 

 

 

 

บทที่   2

ทัดหทัย เห็นยายเป็นทุกข์ นั่งทำหน้าเศร้าข้าวปลาที่เธอทำให้ก็ทานไม่ลงและไม่มีกำลังใจหยิบจับงานเหมือนเคยด้วยลุงกัณฑ์ไม่กลับบ้านมา2วันแล้ว หลานสาวแสนดีจึง รับอาสาออกตามหาลุงกัณฑ์ชนะให้ โดยมีขวัญชนกถือร่มบังแสงแดดจ้าช่วงสายตามไปเป็นบอดี้กราด์ด้วย               น้ำทะเลเขียวขุ่น  แสงอาทิตย์เจิดจรัสไอร้อนอุ่นๆส่องกระทบเม็ดทรายวาววับ   ผู้คนต่างพากันมาเที่ยวชมความงามของหาดบางแสน  แม้จะเมื่อยล้า ปวดน่องก็ไม่ทำให้สองพี่น้องหยุดพัก      สองสาวเดินไปตามเพิงขายเหล้า ซึ่งลุงกัณฑ์ เคยไปนั่งดื่ม      เที่ยวเดินหา ไปเกือบทั่วหาดทราย  แล้วสายตาของสาวน้อยวัย17

 

เหลือบมองเห็นร่างเตี้ยผอมโกรกเสื้อสีเทาเข้มของชายวัยกลางคน กำลังใช้มือป้องหน้าไม่ให้โดนหมัดมือและเท้าจากแรงชายหนุ่มที่ละเลงใส่ไม่ยั้งจนร่างชายสูงวัยกว่าเซเกือบล้มลงบนพื้นทรายหยาบ  เธอจำได้ว่าเป็นลุงกัณฑ์ชนะซึ่งเพิ่งผ่านการปะทะคา รมเมื่อวันวาน       สติสัมประชัญญะบอกให้เธอต้องทำอะไร?สักอย่างเพื่อหยุดความบ้าระห่ำของชายหนุ่มนั้นให้ได้ก่อนที่ลุงของเธอจะย่ำแย่ไปกว่านี้   เธอหุบร่มแล้ววิ่งตรงไปข้างหลังใช้ด้ามร่มนั้นฟาดใส่ศีรษะของชายหนุ่มเต็มแรง                 “โอ้ย!    ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อของแข็งทุ่มใส่ศีรษะ  ใช้มือขวาถูบาดแผลที่ถูกตี  หันหลังมองสองสาวที่ยืนอยู่ ใกล้    ขวัญชนกจับด้ามร่มไว้แน่นตั้งท่าพร้อมสู้  นัยน์ตาจ้องหน้าหนุ่มฉกรรจ์ไม่เกรงกลัว  “ไอ้สาระเลวรังแกคนแก่ไม่มีทางสู้ ไม่เป็นคนจริงนี่หว่า เก่งแต่รังแกคนอ่อนแอ”     “มันเรื่องอะไรของมึง?  ไอ้ขี้เมานี่ มันอยากลองดี มาพูดจาลวนลามแฟนกูทำไม?”   ชายอันธพาลนั้นพูดตะคอกนิ้วชี้ไปตรงร่างของคู่ซ้อมซึ่งลงนอนราบกับพื้นทรายด้วยฤทธิ์หมัดของเขา  “ก็กูเป็นหลานของไอ้ขี้เมาที่มึงพูดนี่ไง  เก่งจริงก็มาสู้กับกูดีกว่า อย่าเก่งแค่รังแกคนไม่มีทางสู้”   ขวัญชนกพูดมองหน้าชายนักเลงไม่นึกกลัวแม้ตัวจะเป็นหญิง    “น้องสามพอเถอะ  ประเดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก   อย่าหาเรื่องให้เจ็บเลยพี่ขอร้อง”    ทัดหทัยตกใจกลัวเกิดเรื่องเมื่อเห็นน้องสาวสุดท้อง

10

พูดท้าทายชายหนุ่มร่างใหญ่กว่า   จึงร้องห้ามกลัวน้องสาว จะถูกทำร้าย ทว่าขวัญชนกไม่ฟังพี่สาวทิ้งร่มลงพื้น กางขาออก กางแขนไว้ข้างตัว                                           “อย่า น้องสามอย่าสู้กับเขา  เดี๋ยวก็เหมือนลุงกัณฑ์ไป อีกคน”   ทัดหทัยยืนดูหน้าซีดใจสั่น   กลัวน้องสาวสุดท้องจะสู้แรงผู้ชายไม่ได้หวั่นจะโดนซ้อมน่วมสลบอย่างผู้เป็นลุงอีกคน                                                                                                                                                ขวัญชนกก็ไม่กลัวว่าคู่ต่อสู้จะได้เปรียบกว่าทั้งร่างกายและเรี่ยวแรง   คิดว่าตัวเองก็เป็นนักเทควันโดของโรงเรียนและเคยชนะคู่ต่อสู้ที่เป็นชายเต็มตัวมาก่อน ที่ตรงนี้แม้จะเป็นนอกสนามก็ไม่สะทกสะท้าน ชายอกสามศอกที่ยกกำปั้นจะทุ่มใส่  เธอก็ยกแขนงอข้อศอก กระโดดตัวลอยใช้เท้าถีบเข้าใบหน้าของชายหนุ่ม1 ที่ต่อด้วยกลางอก จนร่างชายนั้นหลุดลอยกระเด็นไปวา     เธอก็ไม่หยุดนิ่ง วิ่งเข้าไปจะกระโดดถีบอีกหวังสยบคู่ต่อสู้ลงไปนอนเหมือนลุง กัณฑ์     อันธพาลนายนั้นก็ยิ่งโกรธ  ตั้งยืนได้ ก็เอาศอกรับเท้านักเทควันโดได้ทัน    ขวัญชนกก็เปลี่ยนท่าหมุนตัวหันเอาศอกกระแทกใส่กลางอกแล้วใช้มือที่แข็งแรงราวนักกีฬาทุ่มน้ำหนักจับตัวเสื้อแจ๊คฯแบบสิงห์มอเตอรไซค์ไว้แน่นไม่ปล่อยให้หลุดมือ แล้วเหวี่ยงไปด้านข้างเพื่อให้ล้มราวมวยเทควันโด แต่ร่างกำยำของชายนั้นหนักราวหินไม่ยอมล้ม กลับใช้กำปั้น ที่ใหญ่ปานก้อนหินขนาดใหญ่ชกใส่หน้าท้องของสาวคู่ต่อสู้       สายตานักสู้เทฯรู้ทันรีบถีบตัวออกถอยห่างก่อน ที่มือเหล็กนั้นจะเอื้อมถึงตัว  ใช้ไหวพริบคิดท่าเอาชนะคู่ต่อสู้ในสนามด้วยการ เขย่งเท้าให้สูงกว่าพื้น กระโดดเต้นไม่ให้คู่สู้ชกถูกตัว แล้วงอเข่าใช้เท้าหน้าถีบเข้าหน้าท้องชายหนุ่ม  จนร่างชายหนุ่มนั้นงอ          เจ้าหนุ่มนั้นนึกแค้นที่ถูกถีบ   ชักปืนสั้นออกมาจากเอว หวังจะยิงสาวคู่ต่อสู้  แต่ขวัญชนกรู้ตัว รีบหลบปากกระบอกปืน แล้วใช้ความไวของวิชาเทควันโด พุ่งเข้าหาใช้มือจับข้อมือชายข้างที่ถือปืนนั้นแล้วเหวี่ยงขึ้นฟ้า  เสียงปืนลั่น 1นัด ดังสะท้านไปทั่วหาดบางแสนพร้อมๆกับเสียงหวีดร้องของหญิงสาว ที่ร้องตกใจสุดห้าม  ทัดหทัยหวั่นน้องสาวจะสู้แรงชายไม่ได้อาจถูกคมกระสุน   รีบวิ่งไปริมหาดตรงที่มีคนยืนอยู่จะนวนมาก    ตระโกนเรียกคนช่วย    “ช่วยด้วยค่ะ  ---ช่วยด้วยค่ะ”    เสียงปืนมาพร้อมกับเสียงเขาซึ่งใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดยาวขับเรือตั้งแต่ทะเลสัตหีบจนมาถึงบางแสนก็หยุดพักเครื่อง  นายทหารหนุ่มแห่งราชนาวีที่กำลังยืนหน้าหาดดูนักแข่งเรือแจ๊คฯวิ่งเครื่องผ่านกันมาหลายลำ บนพื้นน้ำ    แรงยนต์ซัดกับคลื่นแตกกระจายซ่านเป็นคลื่นใหญ่มหึมาท่ามกลางแสงแดดแผดเผาเนื้อแทบไหม้ก็ไม่อาจมาหยุดนักแข่งและนักเที่ยวที่ยินมุงอยู่ริมหาดได้เรือแจ๊คฯยังคงวิ่ง

11

ไปมาโดยเอาชัยชนะเป็นเดิมพันสะกดสายตาทุกคู่ให้อยู่นิ่งกับที่  เขาซึ่งเป็นผู้หนึ่งกำลังยืนดูอย่างเพลิดเพลินในกลุ่มคนหลายสิบ เสียงปืนและเสียงใสของหญิงสาว ทำให้เขาต้องหันมองหาแล้ว สายตาอันทรงพลังของนักรบผู้กล้าหาญก็เพ่งยาวไกลหลายเมตรไปหยุดตรงเพิงขายเหล้าเบียร์และกลับแกล้ม  เห็นชายหนุ่มร่างใหญ่ในมือถือปืนโดยมีสาวรุ่นในชุดเสื้อยึดกางเกงยีนส์ ยื้อแย่งปืนกันอยู่   ด้วยสัญชาตญาณของนายทหาร เขารู้ทันทีว่าชายหนุ่มท่าทางอันธพาลคิดฆ่าคน  เขาไม่อาจยืนดูเหมือนเช่นนักเที่ยวอื่นได้  รีบวิ่งอ้าวไปบนพื้นทรายด้านข้างราวกับม้าวิ่ง ตรงเข้าช่วยสาวน้อย  ด้วยการ จับข้อมือช้ายข้างที่เหน็บปืนนั้นบีบอย่างแรงจนชายนั้นเจ็บไม่มีแรงจับปืน  เขาก็ใช้มืออีกข้างดึงปืนในมือของชายฉกรรจ์นั้นออกมาถือแล้วชกเข้าที่ท้อง 1ทีเพื่อให้หมอบ    “อย่ารังแกผู้หญิงซิ ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย”    เขาเสียงดังเพื่อให้กลัว แต่อันธพาลไม่ยอมแพ้กลับโกรธ แม้จะไม่มีปืน  หมัดเดียวไม่สามารถสยบเขาได้  อันธพาลนั้นก็หันมาชกต่อยกับชายด้วยกัน    นายเรือเอกก็โยนปืนทิ้ง ก่อนรับหมัดด้วยกำปั้นเข้าใส่ใบหน้าของคู่ต่อสู้เต็มแรง  จนร่างชายนั้นเซถลาไป2—3ก้าว  เขาก็ชกไปที่ลำตัวอีก 2—3กรบ2ข้างรวบแขนชายที่นอนคว่ำหน้าบนพื้นมาไพล่หลังแบบเฉลยอย่างรวดเร็วราวกับน้ำซัดเข้าหาหาด    “จหมัด จนชายนั้นล้มลง เขารีบกระโดดถีบแล้วใช้หัวเข่า2ข้างนั่งแบบคุกกดร่างนั้นไว้บนพื้นมือแข็งแกร่งปานนัะฮึดสู้อีกไหม?  ถ้ายังฉันจะจับส่งตำรวจจัดการไอ้อันธพาลจะได้จำไม่รังแกผู้หญิง”นายเรือเอกตะโกนใส่ชายที่นอนหน้าแนบพื้นทรายสิ้นฤทธิ์       “อย่าครับ ผมยอมแล้ว ปล่อยผมผมจะไม่ทำอีกอย่าจับผมส่งตำรวจเลย”         “พี่ค่ะหนูขอเถิดค่ะ อย่าทำร้ายแฟนหนูอย่าจับเขาส่งตำรวจเลยนะคะ หนูขอร้อง”      หญิงสาวในชุดเสิ้อกล้ามกางเกงสั้นวิ่งตรงมา นั่งลงยกมือไหว้ขอร้องนายทหารพูดสะอื้นไห้        เขาจึงยอมปล่อยมือที่จับชายหนุ่มซึ่งนอนร้องครวญครางบนพื้นเพราะสงสารหญิงสาวซึ่งร้องไห้อยู่ข้าง       “โอ้ย!  อย่าทำผม  ผมกลัวแล้ว  อย่า.....”   เสียงร้องขอความเห็นใจออกจากปากของหนุ่มนั้น    ทำให้ขวัญชนกยิ่งนึกโมโหที่ถูกรังแกก่อน  จึงใช้เท้าเตะเข้าที่คางของ หนุ่มคู่ปรับสุดแรง  ก่อนพูดด้วยความโกรธแค้น    “คนอย่างมึงเก่งแต่รังแกคนอ่อนแอ  มันต้องเจอตีนอย่างนี้ถึงจะรู้สึก  ขออีกทีเถอะ”  เปรี้ยง!   แล้วปลายเท้าของขวัญชนกก็เตะเข้าที่ใบหน้าของหนุ่มซึ่งนอนเอาหน้าแนบกับพื้นทรายอีกที “โอ้ย!  ยอมแล้ว  อย่าทำผมอีกเลย”  “พอเถิดค่ะ  เห็นแก่หนู  อย่าทำพี่เขาอีกเลย หนูกราบขอโทษแทนพี่เขาด้วย  หนูผิดเอง”   เสียงอ้อยอิ่งของหญิงสาวที่วิ่งเข้ามายกมือไหว้ขวัญชนกกับภูนรินทร์ เพื่อขอให้ปล่อยแฟนหนุ่มซึ่งนอนแนบกับพื้นอย่างหมดแรงสิ้นฤทธ์      นายทหารหนุ่ม  เห็นใจ

12

หญิงสาวที่กำลังยกมือไหว้สีหน้าบอกขอความเห็นใจ  เขาจึงยอมปล่อยมือที่กดแขนเจ้าหนุ่มนั้น  เขาลุกขึ้นยืน ยกนิ้วชี้ไปทางชายหนุ่มที่กำลังตะเกียกตะกายลุกยืน   “เป็นลูกผู้ชายอย่ารังแกผู้หญิง รู้ไหม  มันไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่ไป—กลับไปที่ของแกแล้วอย่ามาหาเรื่องรังแกผู้หญิงอีกไม่นั้นต้องเจอดีแน่”        ขวัญชนกยังไม่หายแค้น  นึกอยากชกหน้าชายหนุ่มนั้นสัก 2---3ที     แต่พี่สาวร้องห้ามทันกอ่นที่หมัดแข็งแกร่งของเทควันโดจะทุ่มใส่หน้าชายนักเลง             “พอแล้ว สาม  ไม่เห็นเหรอ เขายกมือไหว้ขอโทษแล้ว  อย่าทำให้เกิดเรื่องอีก”      น้องสาวจึงยอมวางมือลง พูดกับพี่สาวว่า  “ถ้าไม่สั่งสอนมันให้หลาบจำ  คนสารเลวอย่างมันไม่รู้จักสำนึก  ดีแต่ทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้  มันต้องโดนอย่างนี้”   เปรี้ยง !   ขวัญชนก ยกเท้าถีบไปที่ลำตัวของชายหนุ่มอย่างเต็มแรง   จนร่างของชายผู้นั้นกระเด็นลอยไปไกลเป็นเมตร  ร่างกำยำกระแทกพื้นสลบแน่นิ่งอยู่ข้าง

9ลุงกัณฑ์”   หญิงสาวที่มากับชายหนุ่มนั้นรีบวิ่งเข้าไปประคอง   “พอแล้ว  พี่บอกให้พอ เห็นไหม? เขานิ่งไปแล้ว  นี่ถ้าเขาตายเราต้องติดคุกนะสาม”   ทัดหทัยเห็นน้องสาวยังไม่ยอมหยุดบู้ จึงรีบพูดเตือนด้วยความตก ใจกลัว    “ยอดเยี่ยมจริงๆผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหน?จะเก่งกล้าเท่าน้องสาว”  ชายรูปหล่อ สง่างามสมชายชาติทหาร หันมาชื่นชมความสามารถของสาวน้อยผมม้า “ก็นั่นมันลุงของสามนี่ฮะ  ก็ต้องสั่งสอนไอ้สาระเลวนั่น”  ทัดหทัยหยิกแขนน้องสาวไม่ให้พูดแบบกันเองกับชายแปลกหน้า   ทว่า ขวัญชนกไม่รู้สึกเจ็บและไม่กลัวพี่สาวเหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ  พูดต่ออย่างห้าวหาญ  “พี่ชายก็เก่งเหมือนกัน  ถ้าไม่ได้พี่ชายช่วยสามก็แย่เหมือนกัน  ป่านนี้สามคงเสร็จ ไอ้กุ๊ยนั่นไปแล้ว   ขอบคุณฮะ  พี่ชายชื่ออะไร?ฮะ จะได้รู้จักไว้” “ผมชื่อ ภูนรินทร์   เป็นทหารอยู่ ฐานทัพเรือสัตหีบครับ   แล้วน้องสาวคนเก่งชื่ออะไร?”     “สามชื่อ  ขวัญชนก     ยินดีที่ได้รู้จักพี่ชายรูปหล่อและใจดี”   แล้วขวัญชนกก็ยื่นมือขวาเพื่อทำความเคารพเมื่อแรกพบกันแบบธรรมเนียมฝรั่ง ด้วยการจับมือ    ซึ่งทหารหนุ่มก็สนองตอบรับ                                                                           นายเรือเอกวัย28 ปีหันมองหญิงสาวผมยาวปลิวสยายไปตามลมใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าที่หายากในเมืองอยู่ในชุดเสื้อตัวปล่อยชายกับกางเกงเลยเข่าดูสวยหุ่นดีสะกดสายตาเขาให้หยุดมอง ตราตรึงใจจนอยากหยุดใจไว้ที่ธอ นึกชมชอบ ไม่อาจปล่อยใจหยุดเพียงแค่เห็น  ต้องผูกมิตรทำความรู้จักกับเธอผู้ยืนข้างสาวน้อย         “น้องสาวจะไม่แนะนำพี่สาวให้พี่รู้จักบ้างหรือ”   พลันสายตาหันมองที่หญิงสาวผมยาวดำเป็นมันยามพลิ้วลอยล่องด้วยแรงลมก็ยิ่งน่ามอง   ทว่า ทัดหทัย นึกไม่ต้องการจะรู้จักกับพวกทหารเรือ แลดูสายตาที่มองเธอเหมือนชายเจ้าชู้ชอบจีบหญิง

13

มากหน้าไปทั่วทุกหนแห่ง เธอไม่ชอบชายประเภทนี้ พูดบอกน้องสาว “น้องสามรีบไปดูลุงกัณฑ์ ดีกว่า   ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง”    สาวหน้าหวาน  ไม่ยอมบอกชื่อ รีบเดินนำไปก่อน        ปล่อยให้น้องสาวอ้าปากค้าง ทำมือทำไม้ชี้เก้อ   สาวผู้น้องวางมือลงรีบ เดินตามหลัง พี่สาวไป            ทัดหทัย เดินไปถึงมองร่างที่นอนราบนิ่งอยู่บนพื้นทราย  ผิวเนื้อตามใบหน้าเขียวช้ำ มีเลือดไหลซิบๆออกมุมปาก  นึกสงสารผู้เป็นลุง ต้องมาเจอชตากรรมเพราะเธอและน้องสาวเป็นเหตุให้ลุงต้องออกจากบ้าน  ร่างอรชรเล็กบางทรุดนั่ง มือก็ เขย่าร่าง เรียกลุงกัณฑ์ ตื่น      ผิดกับขวัญชนกกลับยืนมองด้วยความสมเพช สมน้ำหน้าผู้เป็นลุงที่นอนเจ็บไม่รู้สึกตัวด้วยชอบหาเรื่องดุด่าตลอด ไม่เคยหวังดีกับใคร?  “พี่หนึ่งจะไปเรียกลุงแกให้เสียเวลาทำไม?    แกไม่ไดยินหรอก  โดนซ้อมหนักอย่างนี้ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มหลายวันเลยปล่อยให้แกนอนต่อไปเถอะ”     “พูดอย่างนี้ได้ไง นี่ลุงของเรา   ลุงเขาถูกซ้อมเสียจนหน้าตาบวมช้ำไปหมดอย่างนี้  ลุงแกคงเจ็บจนลุกไม่ขึ้น ไม่รู้สึกตัว อย่าดูเฉย   เร็วมาช่วยกันปลุก”      พี่สาวไม่ชอบที่น้องสาวพูด แลยืนนิ่งไม่ยอมเข้าใกล้ลูงกัณฑ์ ต้องพูดดุเธอไม่คิดร้ายกับผู้เป็นลุง  ขอเพียงให้ยายสบายใจเป็นพอ     “ปลุกให้เสียเวลาเปล่าพี่หนึ่ง  กว่าลุงแกจะตื่นคงพรุ่งนี้โน่น  โดนน่วมไปทั้งตัว ไม่ตายก็บุญแล้วพี่”  สาวนักสู้ไม่ยอมเข้าใกล้ลุงกัณฑ์ ด้วยเหม็นกลิ่นเหล้าและรังเกียจเสื้อผ้าที่ไม่เปลี่ยนมา3วันจนเสื้อสีเทาจะมองเป็นดำไม่ปาน     ทัดหทัยต้องทำตาดุใส่น้องสาว  เพราะรู้ว่าน้องสาวยังโกรธอยู่  แต่เธอไม่เก็บเอามาคิดให้รกหัวยังไงเสียชายวัยกลางคนที่นอนแนบพื้นทรายถึงจะสกปรกเหม็นเหล้าคละคลุ้งไปทั่วจนแทบกลั้นหายใจเธอก็ต้องช่วยพากลับไปรักษาให้ได้เพื่อยายผู้มีพระคุณของเธอ     “ให้ผมช่วยพยุงร่างของคุณลุงไปส่งที่บ้านดีไหม?”    เรือเอกภูนรินทร์  เดินตามหลังสาวน้อยนักสู้  เข้ามาพูด  ด้วยชอบอัธยาศัยที่น่ารักของเธออีกทั้งอยากรู้ว่าหญิงสาวร่างบอบบางใบหน้าหวานคมที่มาสะกดวิญญาณหาญกล้าดุจนักรบอย่างเขาได้ อยู่บ้านไหนและเธอทำไม?ถึงเดินหนีเขาไม่ยอมบอกชื่อ   เขาจึงอาสาช่วย นำร่างของลุงกัณฑ์   ไปส่งบ้าน                  ขวัญชนกรีบหันมา  ส่งยิ้มด้วยความยินดี   “พี่ชายรูปหล่อ นี่ดีจริง  ช่วยสั่งสอนไอ้กุ๊ย  สาระเลวแล้วยังใจดีจะช่วยเอาคนขี้เหล้าเมายาไปส่งให้อีก  พี่ชายยอดจริงๆ”   ขวัญชนกยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้นชูชมว่าเขาเก่ง“สามพอแล้ว  เรานั่นแหละ  มาช่วยพี่”   ทัดหทัย ลุกขึ้นหยิกแขนน้องสาวสุดท้องอีกทีที่ชอบคุยกับชายแปลกหน้าซึ่งสาวผู้พี่ไม่ชอบกิริยาของน้องสาวแบบนี้         “วันนี้ พี่หนึ่งเป็นอะไร?  ชอบหยิกสามอยู่เรื่อย  สงสัยอยู่ใกล้พี่ชายรูปหล่อเลยเขิน” น้องสุดท้องเอามือลง ใช้มือซ้ายถูแขนที่ถูกพี่สาวหยิกจน

13

เขียว     เพี๊ยะ!  ทัดหทัย  ยกมือตบแขนน้องสาว เพื่อห้าม ไม่ให้พูดมาก   แล้วฉุดข้อมือน้องสาว ไปหาร่างลุงกัณฑ์      แต่ทว่าชายหนุ่มซึ่งเพิ่งรู้จัก รีบก้าวเดินไปถึงก่อนใคร เขาก็ยกแขนข้างหนึ่งของชายวัยกลางคนที่คลุกฝุ่นดินทรายจนเปรอะเลอะกางเกงกับเสื้อไปทั้งตัวจน ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะสะอิดสะเอียน  ขึ้นพาดบนบ่าอย่างไม่รังเกียจรีรอ  .           ทัดหทัย มองแล้วทึ่งในความดี  คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มแต่งตัวดีด้วยเสื้อผ้าสะอาดตาท่าทางเป็นผู้มีฐานะดีด้วยทั้งยศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงนายทหาร   จะแตะต้องร่างที่สกปรกเหม็นกลิ่นเหล้าหึ่งโดยไม่นึกขยะแขง                                “คุณค่ะ  ไม่ต้องหรอกค่ะ  แค่คุณช่วยน้องสาวฉัน   ฉันก็ขอบคุณคุณมากแล้ว  ฉันเกรงใจคุณ  ให้ฉันกับน้องสาวพาลุงกัณฑ์กลับบ้านเองเถิดค่ะ”           หญิงสาวมองเขาและพูดห้ามด้วยความเกรงอกเกรงใจว่าสิ่งที่เขาทำให้มากเกินกว่าคำขอบคุณ   เธอว่าตัวเองและน้องสาวพอจะพาลุงกลับบ้านได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนใคร?และจะกลายเป็นว่าขอมากไป“ไม่เป็นไร ครับ ผมชอบช่วยคน เรื่องแค่นี้นิดหน่อยเท่านั้น  อีกอย่าง ผมมีเรือลำเล็กมา  ผมจะพาลุงของคุณไปส่งบ้านเองจะได้เร็ว กว่าเดิน ท่าทางลุงแกจะแย่ ถ้าปล่อยไว้นานจะไม่ดี  ว่าแต่บ้านของคุณอยู่ไหน?ครับ ผมจะได้ไปส่งถูก”         “ไม่ต้องดีกว่าค่ะ  แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว  ให้ดิฉันกับน้องสาวพาไปเองดีกว่าค่ะ เกรงใจคุณ  ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยชีวิตน้องสาว”    หญิงสาวไม่อยากให้เขามารู้จักที่อยู่  จะทำให้ยายยิ่งตกใจและวุ่นวายหาของตอบแทนแต่น้องสาวนึกเห็นดี  รีบชิงพี่สาวพูด        “ดีฮะ   นั่นเรือของพี่ชายอยู่ตรงไหน?  สามจะช่วยนำทาง”     ขวัญชนก ไม่ฟังพี่สาวห้ามใจคิดแผนจะให้พี่สาวมีแฟนสักที  ขยับเท้าเดินตรงเข้าช่วยยกแขนลุงกัณฑ์พาดบนบ่าอีกข้างทั้งที่เมื่อครู่นึกรังเกียจไม่ยอมเข้าใกล้ตามเขาเดินไปที่เรือจอด   ผู้เป็นพี่สาวจำใจเดินตามในใจนึกตำหนิน้องสาวที่หาเรื่องให้เธอไม่สบายใจด้วยไม่ต้องการให้ชายแปลกหน้ารู้ที่อยู่                                                                                                                                           ชายหนุ่มกับสาวน้อยช่วยกันนำร่างลุงกัณฑ์ลงเรือสีครีมขนาด 4ที่นั่งซึ่งจอดเทียบหาดไม่ห่างจากที่เขายืนดูแข่งเรือแจ๊คนัก แล้วสาวผมยาวก็ลงนั่งด้านหลังคอยจับตัวลุงกัณฑ์ไม่ให้เซหล่นลงน้ำ   พวงมาลัยก็หมุนตามแรงมือของนายทหารขับเคลื่อนแล่นไปตามสายน้ำตามคำบอกทิศทางของสาวน้อย ใช้เวลาราว 10 นาทีก็ถึงด้านหนึ่งของหาดบางแสน ตรงฝั่งทะเล มีบ้านไม้พื้นเป็นเรือนแพเปิดเป็นร้านอาหาร  เดินเข้านด้านในสุดท้ายร้านเป็นบ้านสองหลังปลูกชิดกัน มีสวนไม้ดอกสลับต้นไม้ใหญ่ออกดอกออกผลแลดูร่มรื่นชวนหลับฝันบรรยากาศแบบไทยดั้งเดิมและท้องถิ่นเดาได้ว่าคงปลูกมานานหลายปีดีดัก  สองหลังแบบเดียวอยู่เกือบชิด พอปลูกไม้ดอกระหว่างช่องห่างทำให้ตัวบ้านน่ามองด้วยต้นดอกมะลิและกุหลาบที่เจ้าของบ้านช่างตบแต่ง                                                                                                                                                        นางสายใจ สีหน้า ตกใจแทบช็อกเอามือทาบบนอกใจเต้นสั่นไหวเมื่อชายหนุ่มกับหลานสาวสุดท้องช่วยกันหามร่างหมดสติเข้ามาในบ้าน  “นั่นเจ้ากัณฑ์ลูกแม่ใช่ไหม”   หญิงชราพูดเสียงสั่นเครือเมื่อเห็นสภาพบุตรชาย  หลานสาวคนโตต้องค่อยๆอธิบายให้ยายฟัง     “โธ่!  เจ้ากัณฑ์ คงเจ็บมาก  ไม่น่าไปมีเรื่องกับพวกนักเลงคุมผับ  พวกนี้ร้ายกาจก็รู้อยู่แล้ว      นี่ถ้าไม่ได้คุณ”      หญิงชราวัย 70 ซึ่งนั่งมองดูร่างของบุตรชายที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงพลาสติค  ยังไม่ได้สติพูดเสียงเศร้า  แล้วก็หันมองชายหนุ่มในชุดเสื้อตัวหลวมสีเปลือกไม้หน้าตาดี  ไว้ผมเรียบสั้น  ด้วยความชื่นชมในความมีน้ำใจที่หาใครเทียบยากในปัจจุบัน   “ผมชื่อ เรือเอกภูนรินทร์ ครับคุณย่า”      เขายกมือไหว้หญิงชราที่นั่งใกล้ อย่างเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่  แนะนำตัวเองอย่างไม่ถือยศศักดิ์เป็นใหญ่  เขาว่านางวางตัวเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ  ไม่โวยวายขี้บ่นกับหลานสาวเหมือนคนแก่ทั่วๆไปและนางแม้จะดูหน้าแก่ผมขาวเกือบทั่วศีรษะด้วยวัยที่ร่วงโรยแต่ยังแข็งแรงคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้บุตรชายเองไม่เรียกใช้ใครให้วุ่นวาย      “จ๊ะ  แหม! รูปก็หล่อ ชื่อก็เพราะ แถมยังนิสัยดี ลูกเต้าเหล่าใคร? มาจากที่ไหน? บอกให้รู้จักได้ไหม? จะได้ไปขอบคุณด้วย”          หญิงชราร่างท้วมรับไหว้    มองอย่างปลาบปลื้ม หากลูกชายนางเป็นเยี่ยงเขานางคงภูมิใจที่สุด    “ผมเป็นลูกประดู่ ทำงานอยู่ที่สัตหีบครับ เรื่องขอบคุณไม่ต้องหรอกครับ  ผมช่วยด้วยความเต็มใจ” เขานั่งตอบพูดนอบน้อม     แลช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ชายกลางคนที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวด้วยความยินดี   โดยที่ทัดหทัย คอยหาชุดมาให้            นางสายใจ เห็นว่าใกล้เที่ยง ใจอยากขอบคุณในความดีที่ชายหนุ่มช่วยหลานสาวแล้วยังพาบุตรชายมาส่งถึงบ้านอีก    นางจึงสั่งทัดหัยเข้าครัว ทำกับข้าวเลี้ยงขอบคุณ  ซึ่งหลานสาวแสนดีก็ไม่เกี่ยงงอน รับทำด้วยความยินดี เพื่อตอบแทนความดีที่เขาทำให้วันนี้     แล ขวัญชนกก็พลอยดีใจด้วย  จะได้เป็นแม่สื่อคอยลุ้นให้เขามาชอบขอเป็นแฟนกับพี่สาวด้วยอยากให้พี่สาวคนโตออกเรือนมีคู่ที่ดีพร้อมเช่นนายทหารอย่างเขาที่ดูจะดีพร้อมทั้งบุคคลิก ฐานะและความมีน้ำใจดีงาม เพื่อพี่สาวจะได้สบาย ไม่ต้องลำบากทำกับข้าวขายจนแก่ให้ลุงกัณฑ์พูดเย้ยเยาะอีก  เธอจึงชักชวนนายทหารหนุ่มซึ่งเพิ่งรู้จักวันแรกเข้าไปเดินเล่นในสวนหลังบ้านที่ มีแปลงผัก ปลูกผักหลายชนิดทั้งพริก  มะนาว  ต้นหอม ผักชีและผักกาดหอม มะเขือเทศ  ดอกกระหล่ำ ซึ่งยายจะปลูกเพื่อทำทานเองถ้ามีผลผลิตมากก็จะไว้ทำขาย    สายน้อยทำแกล้งพาเขาเดิน

15

อธิบายให้ฟัง เป็นฉากๆ   สายตาเหลือบมองเข้าไปในครัวซึ่งติดแปลงผัก เห็นพี่สาวกำลังวุ่นกับการจัดเรียงผักใส่จานเป็นสลัด อยู่บนโต๊ะตัวยาวกลางห้อง คิดจังหวะให้ เป็นโอกาสเหมาะ ที่สองหนุ่มสาวจะคุยกันได้   แกล้งเดินหลงเข้าห้องครัว โดยนายทหารหนุ่มก็หลงตามเข้าไปด้วย  ทีเlkหลือบมอ“จัดได้สวยน่าทานจัง   คุณคงทำอาหารเก่งไม่น้อย”     ภูนรินทร์ ส่องสายตาไปที่จานเปลใหญ่บนโต๊ะไม้ตัวยาวที่มีผักหลายชนิดวางเรียงเป็นระเบียบดูงามตา ก็อดชมฝีมือคนทำ            หญิงสาววัยเบญจเพส ซึ่งกำลังวุ่นกับการเตรียมอาหารอยู่ใกล้เตา   สะดุ้งตกใจเมื่อเสียงห้าวดูมีกำลังของชายหนุ่มดังใกล้อยู่ข้างหลัง  เธอหันมามองเขา    ใจวูบเย็บวาบราวกับจับไข้  หัวใจสูบฉีดเลือดไหลลงเท้า  คิดไม่ถึงว่าเขาจะตามเข้ามาถึงในครัว   สายตาดุจเหยี่วส่งประกายจับจ้องที่หน้าเธอ  แถมส่งยิ้มเห็นฟันขาวเรียบเรียงกันเป็นระเบียบ ทำให้เธอต้องหันหน้าเข้าหาเตา    เธอว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้หน้ารู้หลังเขา อีกทั้งยังเป็นนายทหารเธอก็ยิ่งวางตัวลำบากเพราะเธอคุ้นเคยกับคนในบางแสนเท่านั้น        “สวัสดีครับ  ขอโทษเมื่อเช้านี้ ผมยังไม่ได้สวัสดีคุณ  ผมเข้ามารบกวนคุณหรือเปล่า  จะให้ผมช่วยทำอะไร?ก็บอกได้ไม่ต้องเกรงใจ   ผมยินดีทำ”          เขาว่าหญิงสาวยิ่งมองก็ยิ่งสวยใบหน้างดงามขาวเนียนแบบธรรมชาติไม่เติมแต่งเครื่องสำอางหนาเตอะอย่างสาวชาวกรุง ยิ่งสะกดใจของเขาให้เวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้         เขาก็ยิ่งต้องการจะทำความสนิทกับหญิงสาวให้มากขึ้นด้วยการชวนเธอคุย                                                                        “ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันทำคนเดียวได้ “   หญิงสาวตอบโดยไม่หันกลับมาพูดน้ำเสียงสั่น เพราะยังไม่หายตกใจ แล้วก็หันมาสั่งน้องสาวซึ่งยืนข้างชายหนุ่ม     “น้องสามพาคุณ ภูนรินทร์ ไปนั่งรอที่ห้องรับแขก  ในครัวมันร้อนอบไม่น่าอยู่”  “ใครบอก  ในครัวนี่มีแต่สวยๆงามๆทั้งนั้นเลย  ไม่นั้นพี่ชายจะเดินเข้ามาดูให้เห็นกับตาเองเหรอ”   น้องสุดท้องทำเสียงเล่นลิ้น  รู้ว่าพี่สาวคงตื่นเต้นเมื่อเจอคนแปลกหน้า  มาชวนคุยจึงประมาทพูดไม่ออก เพราะไม่ค่อยออกสังคม  เธอจึงคิดช่วยหาเรื่องชวนคุยเสียเอง“จริงครับ  ห้องครัวสะอาด จัดเป็นระเบียบ แถมแม่ครัวก็ยังทำอาหารเก่งอีก  ขอผมอยู่ดูคุณทำครัวได้ไหม?ครับ ผมชอบสวนผักของคุณ  คุณเก่งทุกอย่าง ปลูกไว้กินเองและยังจัดสวนได้น่ามอง ผมรู้สึกชอบบรรยากาศที่นี่ไม่อยากเดินไปไหน?  ขอผมอยู่ดูคุณทำอาหาร  กับข้าวมื้อนี้ต้องอร่อยเพราะปรุงด้วยผักสด”     เขาพูดอย่างสนุกเพื่อให้เธอเป็นกันเองกับเขา     ดวงตาดำมีพลัง ของหนุ่มโสด  สบเข้ากับนันย์ตาดวงโตเปล่งประกายแฝงซ่อนความเศร้าภายใต้แพรวน้ำ เธอช่างดูราวกับตุ๊กตาแก้วที่เปราะบาง พร้อมจะแตกหักได้  และเขาก็พร้อมจะปกป้องเธอได้ทุกเมื่อ    จนเจ้าของดวงตาคู่เศร้านั้นนึกไม่

16

ชอบ ที่เขาจ้องแต่ใบหน้าเธอ  เหมือนชายเจ้าชู้ริแต่จะรักมองที่หญิงสาวสวยอย่างเดียวเพียงเพื่อจะดื่มด่ำในรสรัก       เธอไม่อยากมองชายรูปหล่อด้วยกลัวจะตกหลุมพราง  เธอเหมือนกวางน้อยแต่เขาคือนายพรานที่จ้องตะครุบเหยื่อ  เธอหันหลังหลบเข้าหน้าเตาก้มหน้าก้มตาทำอาหารอย่างเร่งรีบโดยมีเขายืนมองช่วยหยิบโน่นหยิบนี่ยื่นให้เธอ      และขวัญชนกก็ คอยหาเรื่องคุยให้ทั้งสองเป็นกันเองเหมือนรู้จักกันดี                 พอหญิงสาวทำครัวเสร็จเขาก็อาสาช่วยยกจานกับข้าวไปวางบนโต๊ะอาหารกลางบ้าน   ขวัญชนก ก็แกล้งไปตามยายเพื่อเปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวอยู่กันเอง   ทว่าทัดหทัยก็ไม่ยอมนั่งเป็นเพื่อนกับเขาด้วยรู้สึกอึดอัด  เธอไม่เคยอยู่ตามลำพังกับชายใด  แลดวงตาคมเข้มของเขาในยามที่มองเธอ มันทำให้เธอผวาหนาวสั่นเพราะมัน แปลกกว่าชายอื่นที่เธอเคยเจอ               ใกล้เที่ยง     นทีชลหญิงสาวสมัยใหม่ผู้ไม่ชอบหยิบจับงานในบ้าน ชอบนอนตื่นสาย ใช้ชีวิตสบายๆเพราะมีพี่สาวเป็นธุระทำให้ทุกอย่าง  และยังไม่เคยถูกบ่นว่าจากยาย เธฮจึงใช้เวลาแต่งตัวนาน    วันนี้ เธอแกล้งนอนป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงออกไปตามลุงกัณฑ์ผู้ที่เธอเกลียดเข้ากระดูกตื่นนอนแต่งตัวเอาเมื่อเข็มนาฬิกาชี้เลข 11                                                                                                                       สาวในชุดกระโปรงสีขาววาววับด้วยเหลื่อมปักบนเสื้อติดกระโปรงแค่เข่า ถือเคล็ดสาบแช่งลุงผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาไม่ให้กลับเข้าบ้าน    หญิงสาวสวมรองเท้าผ้าเดินขึ้นบันไดตรงเข้ากลางบ้านหลังที่ยายพักเมื่อท้องร้องหิว เพราะในครัวบ้านยายมีอาหารการกินพร้อมกว่าหลังที่หลานพักซึ่งไม่มีครัว ด้วยกั้นไว้เป็นห้องเก็บของ สีหน้าประหลาดใจเมื่อบนโต๊ะอาหารมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่  ราวกับจะนั่งรอใคร  ทั้งในบ้านเธอไม่เห็นมีใครจะมาหาเจ้าของบ้านมานานแล้ว         เขาซึ่งนั่งมองหาภาพหญิงสาวหน้าหวานผมยาวนันย์ตาเศร้าเพื่อเก็บไว้ดูแต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่มีสักภาพ  กลับได้ใบหน้าหญิงสาวอีกคนที่ไม่รู้ชื่อผมยาวแตะบ่าหวีปิดครึ่งหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยสีของแป้งผัดหน้า ไม่มีส่วนในของหน้าจะดูเป็นธรรมชาติปากมันแดงราวกับขนมลูกชุบ  ขนตางอนชูตั้งถูกแต่งแต้มสีลงเปลือกตา เสริมด้วยกลิ่นน้ำหอมที่ฉีดใส่เสื้อคอกว้างเผยให้เห็นหัวไหล่ส่งกลิ่นฟุ้งกลบกลิ่นอาหาร   ไม่เหมือน หญิงสาวซึ่งอยู่ในครัวไม่ว่าเธอคนนั้นจะอยู่ในชุดใดก็แลดูเปรียบดังดอกแก้วขาวสะอาดหอมชื่นใจยามต้องกลิ่น มองแล้วเย็นสบายใจไม่จากไปไหน  ผิดกับหญิงสาวที่กำลัง ตรงเข้ามาฉูดฉาดเผ็ดร้อนซ่านคล้ายดอกผีเสื้อมองดูลายตาชวนให้เด็ดดมครั้งเดียวแล้วโยนทิ้ง      เรือเอก ภูนรินทร์ลุกขึ้นยืนเมื่อหญิงสาวนั้นเดินเข้ามาใกล้    “สวัสดีค่ะ  คุณเป็นใครค่ะ และทำไม?มานั่งบนโต๊ะในบ้านหรือต้องการจะมาทานอาหารก็เชิญที่

17

ร้านตรงหน้าบ้านสิค่ะ  ในห้องนี้นั่งได้เฉพาะเจ้าของบ้าน และสมาชิกในบ้านกับแขกเท่านั้น”     เธอพูดใส่ฉอดๆอย่างไม่สะทกสะท้านเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับชายแปลกหน้า            เขาชิงพูดขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะพูดต่อ     “คุณย่าให้ผมมานั่งรออยู่ในบ้านนี้ครับ ผมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าคุณเป็นใคร?คุณเป็นใคร?“ฉันเป็นหลานสาวเจ้าของบ้านที่คุณกำลังยืนนี่    และก็ไม่ชอบให้คนจรจัดเข้ามาอาศัยอยู่เปล่าๆ   ที่นี่ต้อนรับแต่คนรวยการศึกษาดี  มีงานดีทำ    และก็ต้อง”   เธอพูดแค่นั้น ดวงตาโตคมวาวงามราวไข่มุกใต้สมุทรเบิกกว้างจ้องหน้าชายหนุ่มนิรนาม   เพื่อมองหาความหล่อให้ถ้วนถี่    ดังใจปราถนาจะได้คุยต่อเมื่อเขานั้นเป็นคนที่เขียนไว้     “เมื่อกี้ คุณยังไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม  เป็นใครมาจากไหน    จนหรือรวยและมาทำอะไร?ที่บ้านของฉัน”   เธอใส่วาจาแบบไม่ยั้งเพราะเคยชินกับการพูดในกลุ่มเพื่อนมาก่อน  ทั้งเธอยังเป็นคนหาญกล้าไม่กลัวเกรงใครอีกด้วย

“ เขารู้สึกไม่พอใจเมื่อถูกถาม เหมือนเขาไม่ใช่แขก และผู้ถามก็กล่าววาจาไม่มีมารยาท ละลาบละล้วงเกินวัย ซึ่งเขาสังเกตุมอง อายุเธอ ราวกับเพิ่งพ้นรั้วมหา’ลัยมาหมาดๆ แต่กล้าเกินเปล่งวาจาไม่เกรงใจใคร? ถ้าไม่กลัวเจ้าของบ้านว่าเขาจะตะคอกไล่   ‘คุณมีสิทธิ์อะไร?มาถามประวัติผม ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่สอนหรือไง เขาไม่ใช่คนงานที่เธอจะมาซัก’เขาด่าในใจ  ภายในเริ่มร้อนด้วยไฟโกรธ  มองหญิงสาวในชุดขาวคว้านคอลึกจนเห็นผิวสีแทนชัด  แล้วทำตาดุ  เธอก็จ้องสู้ตากับเขา  ถึงเขาจะรูปหล่อก็จริง แต่ถ้าจนเธอก็จะไม่พูดกับเขาแล้วเดินไป       “มองอะไร?ฉัน จะขย้ำฉันเหรอ พ่อรูปหล่อ ถามแค่นี้ก็ตอบไม่ได้  อย่างนี้จะไปทำอะไร?”    สาวผิวสีแทนตัดกับชุดขาวแลดูสว่างราวกับห้องมีไฟอีก 1ดวงมาเพิ่มให้ดูร้อนแรงขึ้น   ยืนเอามือเท้าเอวยื่นหน้ามาพูด ฉอดๆกับเขา   ยิ่งทำให้ไฟในใจเขาแตกเป็นเพลิงลุกไหม้แทบจะละลายออกมาทางปาก     เสียงหญิงชราก็ดังเข้ามาขัดเสียก่อนที่ปากเขาจะตะโกนใส่หญิงสาว           “ย่าขอโทษที่ต้องปล่อยให้คุณ ภูนรินทร์นั่งรอ ย่ามัวแต่ดูลูก   นั่นหลานสองมานั่งคุยเป็นเพื่อนกับคุณภูนรินทร์ดีเลย   สองวันนี้แต่งตัวสวยจะไปข้างนอกหรือ  อย่าเพิ่งออกไปไหน? มารู้จักกับผู้มีพระคุณของเราก่อน  คุณเรือเอกภูนรินทร์”     เสียงเรียบเบาดังเข้ามาสงบอารมณ์โกรธของเขาได้จังหวะก่อนที่เขาจะตอบโต้สั่งสอนหญิงสาวไป         นทีชล พอรู้ว่าชายหนุ่มรูปหล่อเป็นถึงนายทหารก็ต้อนรับขับสู้ด้วยดี  ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นถึงเรือเอกก็นึกสนใจอยากสนิทกับเขามากเสียออกนอกหน้าผิดกับเมื่อครู่นี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ  “สวัสดีค่ะ  คุณเรือเอกภูนรินทร์  เรียกดิฉันว่าสองนะคะ  หรือจะเรียกนทีชลก็ดีค่ะ   สองเพิ่งเรียนจบบริหารมาค่ะ ยังไม่ได้ทำงาน อยู่ว่างๆก็เลยลงมือทำครัวเอง”   เธอยิ้มให้เขาแล้วเดิน

18

เข้าไปนั่งข้างเขา เพื่อให้เขารู้ว่าเธอทำครัวเป็น          เธอยกโถใส่ข้าว ใช้ทัพพีคดข้าวใส่จานให้เขาเอง    แล้วยังต่อด้วยตักน้ำแกงที่ร้อนอุเห็นเป็นไอลอยเหนือชามลงถ้วยใบเล็กวางหน้าจานของเขาอีก    “ต้มโคล้งนี่คงถูกปากคุณนะคะ  สองทำอย่างสุดฝีมือเลยค่ะ”          นายทหารหนุ่ม  ประหลาดใจและรู้ว่าเธอแสร้งพูด ท่าทีของเธอผิดไปจากเมื่อครู่ แต่เขาก็วางตัวธรรมดาเพื่อรักษามารยาท          ขวัญชนก วิ่งไปตามพี่สาวเข้ามาได้ยินพี่คนรองพูดพอดี   นึกไม่ชอบพี่สาวคนรองที่พูดปดจึงพูดเตือน    “พี่สองตื่นขึ้นมาก็กินเลย อาหารบนโต๊ะนี้พี่หนึ่งทำทั้งนั้น  พี่สองไม่ได้ทำสักอย่าง  บอกได้ไงว่าปรุงเอง”  เธอพูดไปนิ้วก็ชี้ไปบนโต๊ะ     นทีชล ค้อนใส่น้องสาว ซึ่งชอบพูดขวาง  แล้วหันไปเอาใจนายทหารหนุ่ม คอยตักกับข้าวเสริ์ฟใส่จานให้เขา         แต่ดูเหมือนเขาจะกลืนข้าวไม่ค่อยลง  เมื่อหญิงสาวในชุดคอคว้านลึกมานั่งใกล้คอยตักกับข้าวให้เขา        “คุณภูนรินทร์ทานเยอะๆนะคะ ไม่นั้นคนทำจะเสียใจ”     สาวผิวแทน พูดเสียงหวาน       ขวัญชนก นึกหมั่นไส้ ทีท่าดูจะดัดจริตของพี่สาว    จึงเอื้มมือไปตักกุ้งชุบแป้งทอดกรอบลงจานให้นายทหาร “กุ้งทอดกรอบไม่มีสารปนเปื้อนเพราะสามกับพี่หนึ่งทำ พี่ชายต้องทานให้หมดจะได้ไปแก้เคล็ด” นายเรือเอก ยิ้มรับจากสาวน้อย เขารับมาทานทันทีอย่างรู้รสว่าอร่อย ตักข้าวไปสายตาก็ชำเลืองมองแต่ทัดหทัยผู้เปรียบดังดอกคาร์เนชั่นขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมอ่อนๆชวนให้หมู่ภมรบินมาดมไม่ห่างเหิน แม้ยามต้องน้ำค้างก็ยิ่งอยากดูดดื่มน้ำค้างบนกลีบใบ  เขา นึกอยากเป็นดังเช่นแมลงภู่นั้นจะได้บินข้ามไปนั่งใกล้เธอ                                                              ข้างหญิงสาวนัยน์ตาเศร้า ได้แต่นั่งก้มหน้าทาน ไม่เอ่ยปาก พูด ไม่สบตาเขา คิดแต่เพียงให้มื้อเที่ยงนี้ผ่านไปในไม่กี่นาทีเธอจะได้ลุกไปจากเขา  และให้นายทหารกลับไปเธอจะได้ไม่ต้องคอยหลบสายตาราวกับนายพรานล่าเนื้อเช่น เขา.

.

 

 

 

 

19

บทที่      3.

หลังรับประทานอาหารมื้อเที่ยงอิ่ม  นางสายใจก็ชวนนายเรือเอกไปนั่งคุยในศาลาท้ายบ้านตากลมซึ่งพัดมาจากทางภูเขาชมวิวสวนดอกไม้นานาชนิดรายรอบบ้านพักตากอากาศซึ่งเจ้าของช่างออกแบบให้มีทัศนียภาพน่าอยู่  และเป็นผลพลอยได้ของบ้านนางที่ได้มองเห็นชัดถนัดตาด้วยอยู่ไม่ไกลจากสายตาจะมองถึง             นางเล่าเรื่องราวชีวิตก่อนมาเป็นห้องอาหารเรือนแพนี้ให้นายทหารหนุ่มฟัง   เขานั่งฟังอย่างสนใจ ดูเหมือนชีวิตของนางจะพบอุปสรรคมามาก แต่ความขยันอดทนสู้ชีวิตทำให้นางฝ่าอุปสรรค  เขารู้สึกทึ่งในความขยันเด็ดเดี่ยว ฟังอย่าง ตั้งใจโดย ไม่รู้ว่าตรงริมหาดกำลังเกิดอุบัติเหตุกับเรือของเขาซึ่งเจ้าของคล้องสมอจอดเทียบท่าอยู่      เขานั่งคุยกับนางสายใจจนเห็นว่าสมควรลากลับ  เขาจึงยกมือไหว้ลาก่อนเดินมายืนหน้าบ้านเพื่อจะบอกลาทัดหทัยผู้ทำกับข้าวให้เขาทาน ทว่าไม่เห็นเงาเธอเขาว่าเธออาจอยู่ในร้าน  เขาจึงต้องเดินอ้อมจากหน้าบ้านมายืนมองหาสาวผู้มาจุดประกายหัวใจเขาให้ถามหา                                                                                                           นทีชล  สาวผู้มีแต่ความฝัน  ยืนรอนายทหารหนุ่ม อยู่หน้าแคชเชียร์  ชะเง้อคอมองด้วยหวังว่าเขาคงจะเดินผ่านหน้าร้านก่อนกลับ  เธอจะตามไปส่งถึงชายหาด พูดให้เขาย้อนกลับมาที่ร้านให้ได้   “คุณภูนรินทร์ มองหาอะไร?ค่ะ  อยากจะเข้ามานั่งในร้านก็เชิญนะคะ   สองจะแนะนำของว่างที่สุดยออดพร้อมกาแฟให้คุณดื่มกอ่นกลับดีใหม่ค่ะ”     นทีชล ยิ้มปากกว้าง สีหน้าแดงระเรื่อดีใจเมื่อความคิดเป็นจริง   พอนายทหารหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าห้องอาหาร เธอก็รีบก้าวเท้าออกมาต้อนรับเขา        สายตาของเขายืนมองหาแม่ครัว คนเก่ง  กลับมาเจอหญิงผู้ที่เขาไม่ต้องการพบ ด้วยเธอเหมือนหญิงสาวคอยยั่วให้ท่าผู้ชายเพียงเพราะต้องการจะเป็นแฟนกับเขา  เขาไม่ชอบหญิงพวกนี้   เขาจึงไม่จำเป็นต้องยิ้มตอบ      “ผมมาหาคุณหนึ่งครับ  เธออยู่ไหน?  ผมจะมาลาเธอ”     ภูนรินทร์พูด แต่สายตากลับมองเข้าไปข้างในร้าน หวังจะเจอทัดหทัย     “พี่หนึ่งงานยุ่งทั้งวัน คงไม่มีเวลาหรอกค่ะ  นั้นสองจะรับแทนพี่หนึ่งเอง”    เธอยืนวางมือประสานกันให้ดูเรียบร้อย ใจเต้นแรงอีกครั้ง ดีใจเมื่อได้อยู่คุยกับเขาสองต่อสอง       “ผมยังไม่ได้พบเธอ ผมก็จะยังไม่กลับ จนกว่าจะเจอเธอ”   “ถ้านั้นคุณจะต้องอยู่รอพี่หนึ่งจนค่ำมืด พี่หนึ่งถึงจะว่าง”    นทีชลพูดทำมองพื้น  เพื่อเรียกความสนใจจากเขา ทว่านายทหารหนุ่มก็ยังใช้สายตามองไกลเข้าไปจดหน้าโรงครัว ที่ๆเขาว่าทัดหทัยอาจอยู่ในโรงครัว    “นั้นผมขอเข้าไปนั่งรอเธอข้างในก่อน  ผมมีเรื่องจะบอกเธอ....คนเดียว”    ประโยคสุดท้ายเขาพูดช้าลงเพื่อให้หญิงสาวได้ฟัง

20

ชัดจะได้รู้ว่าเขาไม่ได้มองเธอเลย  เขาขยับเท้าจะก้าวเดิน เสียงใสของขวัญชนกก็มาขัดจังหวะเสียก่อน                            ทัดหทัยเก็บมะม่วงใส่ตะกร้าตามที่ยายสั่งเพื่อ ให้เป็นของกำนัลแก่นายเรือเอกก่อนกลับบ้านแล้วเดินถือตะกร้าไปหน้าหาด คิดว่านายทหารหนุ่มคงอยู่ที่นั่น  พอเดินมาถึงกลางหาด หญิงสาวก็หันกลับ   ขวัญชนก  วิ่งเขย่งเท้า นำพี่สาวเข้ามาก่อน    “พี่ชายไม่ต้องนั่งรอแล้ว พี่หนึ่งเดินมาโน่น”    สาวน้อยได้ยินนายทหารพูดก็ร้องบอก  แล้วหันไปสั่งพี่สาว     “พี่หนึ่งเดินเร็วๆพี่ชายคอยพี่หนึ่งอยู่ทางนี้”       ขวัญชนกเอามือป้องปากตะโกน   เขาดีใจที่จะได้ไม่ต้องนั่งรอนาน   เมื่อหญิงสาวค่อยๆเดินมา   เขาจึงก้าวขาที่ยืนจนเมื่อยเดินไปหาเธอเองจะดีกว่า                                                                   “ของฝากจากคุณยายค่ะ รับไว้ด้วยค่ะ”     ทัดหทัย ยื่นตะกร้าหวายใส่มะม่วง 4---5ลูก ให้เขา เมื่อนายเรือเอกเดินเข้ามาใกล้“ขอบคุณครับ”     ภูนรินทร์ รับตะกร้ามาถือไว้  ก้มมองของในตะกร้าแล้วพูดอ่อนโยน   “ที่จริงไม่ต้องลำบากถือมาให้ผม  แค่คุณทำอาหารให้ผมทานก็อิ่มไปถึงพรุ่งนี้เลยครับ”   เขายิ้ม    ดวงตาจดจ้องใบหน้างดงามปานดอกบุปผชาติแย้มกลีบรับแสงแดด    “เสร็จธุระแล้วฉันขอตัวไปทำงานต่อค่ะ”      แล้วหญิงสาวก็ก้าวเท้าจะเดินไปด้านข้างเพื่อเข้าไปในร้าน แต่เสียงของเขาก็มาหยุดเธอไว้     “คุณจะรังเกียจไหม? ถ้าผมจะมาที่ร้านอีก”       “ก็แล้วแต่คุณ  ที่ร้านขายอาหาร ต้อนรับลูกค้าทุกคนค่ะ”   เธอพูดประโยคสั้นแต่ได้ใจความดีแล้วก็รีบก้าวเท้าเดินหนี เพราะไม่อย่าอยู่ต่อปากต่อคำกับนายทหารหนุ่ม ด้วยใจเธอไม่นึกชอบชายชาติทหารอย่างเขา                           ชายหนุ่มหันมองร่างที่กำลังเดินจากไป ท่าย่ำเท้ากรีดทรายบนพื้นของเธอ ราวกับนางในวรรณนคดี   เส้นผมยาวเงาดำเป็นมันสลวยยามต้องลมพัดสยายทั่วทิศ  มันฉุดหัวใจเขาให้อยากอยู่บนหาดบางแสนไม่คิดจากเธอไปเสียแล้ว                   นทีชล  ทอดสายตาออกมานอกร้าน เธอมองเห็นเขา ก็เดาใจของภูนรินทร์ออกได้ว่าเขาสนใจพี่สาว   แต่เธอก็จะไม่ยอมให้เขามองแต่พี่สาว  เพราะเธอก็สวยไม่แพ้พี่สาว   เธอจะหว่านเสน่ห์ให้เขารักเขาหลง

ภูนรินทร์ ยืนมองจนสามสาวพากันเดินหายลับไปในร้าน   ก่อนเดินไปริมหาด ตั้งใจจะนั่งเรือกลับที่พักแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมาใหม่     เขาทิ้งตะกร้าไม้สานใส่มะม่วงลงบนพื้นทรายทันที  ก่อนวิ่งอ้าวไป  ยื่นมือคว้ากราบเรือไม้ลำสี่เหลี่ยมเอาไว้ได้ทันที่เรือจะเอียงจมลงทะเลน้ำลึก     “ใคร?มาทำอะไร?กับเรือของฉัน  เมื่อเช้านี้ยังดีๆอยู่ จอดเพียงครึ่งวันก็ได้เรื่องเลย”  เขาอารมณ์เสียสีหน้าเครียดทันทีเมื่อเห็นเรือลำโปรดของเขามีน้ำท่วมขังเกือบมิดห้องเครื่อง   เขาออกกำลังลากเรืออย่างลำบากยากเข็ญเพื่อเอาขึ้นมาไว้บนหาด

21

นทีชล  ผละจากพี่สาวและน้องสาวได้ก็แอบเดินตามหลังนายทหารหนุ่ม หวังจะเก็บภาพหล่อเท่ห์ของเขาเมื่อนั่งขับเรือไว้บนมือถือ  ทว่าภาพวิวสวยยามบ่ายกับชายรูปหล่อบนเรือที่เธอ คิดจะถ่าย กลับต้องชงักเก็บเข้ากระเป๋า  วิ่งถลารีบไปช่วยเขาแทน   “ให้สองช่วยนะคะ”    สาวงามอนงค์ดุจพญาหงษ์ ร่างแข็งแรง  ยกแขนใช้มือทั้งสองจับขอบเรือ ออกแรงช่วยเขาลากเรือซึ่งหนักพอๆกับรถคันหนึ่งมาไว้บนฝั่งแทน         “ขอบคุณที่ช่วย  ต้องรบกวนคุณสอง แถวนี้คงมีเด็กเกเร ขับเรือยังไงชนมาได้เรือก็จอดอยู่กับที่มองไม่เห็นหรือไง”    ภูนรินทร์ พูดตัดพ้อ หงุดหงิดเมื่อเห็นเรือยนต์ของตนมารั่ว เพราะโดนชนเปิดช่องให้น้าทะเลไหลเข้ามาเกือบถึงห้องเครื่อง                                                                                 หญิงสาวผู้มาพบเทพบุตรอย่างบังเอิญ ไม่อาจยืนดูเขาทำคนเดียว  เธอน่าจะมีส่วนช่วยเขาสักอย่าง  แล้วเท้าก็ก้าวฉับๆเข้าไปในบ้านหยิบหาสิ่งของบางอย่างในห้องน้ำ เมื่อได้แล้วก็รีบวิ่งตรงไปหาเขา   “ใช้กระป๋องตักเอาเร็วกว่าค่ะ”    เสียงเล็กเบาของสาวนทีชล ทำให้เขาต้องหยุดวิดน้ำนั้นเมื่อกระป๋องพลาสติคสีเขียวใบใหญ่ยื่นเข้ามาตรงหน้าพอดี         เขาเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาววาววับด้วยเหลื่อมเมื่อต้องแสงแดดแล้วรับกระป๋องมีหูจากมือเธอมาตักน้ำในห้องเครื่องออกยังเร็วกว่าใช้รองเท้าผ้าใบตักโดยไม่เอ่ยสักคำ  ใจจดจ่ออยู่กับเรือ                  นทีชล  คิดไปช่วยเขาดีกว่ายืนดูเขาทำด้วย หวังให้เขาเห็นเธอดี         “ให้สองตักให้นะคะ  ดูคุณสิเหงื่อเต็มหน้าเลย”    สาวในชุดขาว นั่งลงตรงข้ามเขา แล้วมือน้อยบางเบาของเธอก็จับกระป๋องในมือเขา      ภูนรินทร์ ก็ปล่อยให้หญิงสาวตักน้ำออกจากเรือ  หันมานั่งซับเหงื่อด้วยหลังมือ    “นี่ถ้าผมรู้ว่าใครมาชนเรือผมล่ะน่าดู  คุณสองเห็นมีใครขับเรืออยู่แถวๆนี้ไหมครับ”    เขาพูดเสียงดุท่าทางเอาจริง             “ไม่รู้สิค่ะ สองนั่งอยู่แต่ในร้าน”   เธอก้มหน้าก้มตาตักน้ำอย่างทะมัดทะเม่ง  ไม่ให้เขาดูถูกว่าเธอไม่เป็นสักอย่าง     “หมดแล้วค่ะ  น้ำแห้งสนิท จะให้สองช่วยอะไร?ต่อ บอกได้เลย”    นทีชล  ใช้กระป๋องตักน้ำใต้ท้องเรือจนเกลี้ยง แล้วเงยหน้าพูด        “ขอบคุณครับที่ช่วยหากระป๋องมาตัก  ถ้ามัวใช้รองเท้าไม่รู้เมื่อไร?จะหมดว่าแต่คุณเหนื่อยไหม  ดูคุณชำนาญจัง”          ภูนรินทร์ นั่งบนพื้นทรายมองหญิงสาวหวิดน้ำออก ว่าทำไม?เธอคิดมาช่วยเขา ทั้งเขาไม่ได้บอกให้เธอรู้  หญิงสาว ยิ้ม นิดๆหน้าแดง เขินที่จะพูด    “ก็สองจะเดินตามมาส่งคุณ  เห็นคุณกำลังดึงเรืออยู่  สองรู้ว่ามันหนักมาก ถ้าสองคนช่วยกันก็จะลากขึ้นฝั่งได้  ”   เธอพูดอ่อนโยน ใจเต้นสั่นไหวเมื่อเขาผู้เปรียบเทพบุตรในฝันของเธอมองดวงหน้า อยาก  ให้เขาพูดหวานกับเธอแล้วเธอก็แกล้งก้มหน้าหวังให้เขาชมชอบเธอ  มือบอบบางถูพื้นเรือไปมา  หวังให้เขารู้ถึงความตั้งใจของเธอ    เธอเอาใจเขาทุกอย่างดีกับเขาจน

/22

เขาไม่อาจจะกล้าคิดโทษเธอ  ผู้ซึ่งกำลังใช้มือที่บอบบางแทนผ้าขี้ริ้วเช็ดน้ำจนเกือบแห้งโดยไม่กลัวเล็บสวยๆจะหัก  จนเขารู้สึกว่าจะเอาเปรียบเธอ    แล้วเขาก็ไม่ต้องการคิดให้ปวดหมอง  นึกว่าเป็นคราวเคราะห์ที่มาทำให้ไม้บางๆเป็นรูโหว่    “พอเถอะครับ  อย่าถูอีกเลย เดี๋ยวมือสวยๆของคุณจะช้ำ     เดี่ยวผมจะแก้ปัญหาเอง”          “คุณจะซ่อมเรือเองหรือค่ะ”      ดวงหน้าเป็นวงรีรูปไข่ของหญิงสาว เงยหน้าจากพื้นเรือ ยกมือวางทาบกาบเรือ    ใจอยากรู้ว่าเขาจะแก้ปัญหาโจทย์นี้อย่างไร            “ก็ต้องลากเรือไปไว้กลางแดดจัด  ตากแดดสักพัก  สักชั่วโมงสองชั่วโมง พอไม้แห้งสนิท ก็คุณมีปูนปลาสเตอร์ไหมครับผมจะทาปิดทับไม่ให้น้ำเข้าก็อาจใช้ได้  อย่างน้อยก็ให้ผมเอากลับไปไว้ที่บ้านพักได้”     “แหม!  คุณนี่เก่งจังเลย นั้นให้สองช่วยป้ายปูนเองนะคะ สองเคยทำกับเพื่อนตอนเข้าค่ายมาก่อนค่ะ สองทำได้ค่ะ”    สาวตากลม พูดแล้วยิ้ม เต็มใจจะช่วยเขาซ่อมเรือแล้วเธอก็ช่วยเขาลากเรือไปไว้กลางแดด  พอเสร็จก็เดินเข้าบ้านไปห้องเก็บของที่อยู่หลังบ้าน ค้นหากระป๋องกาว  สำหรับทากันน้ำซึม   “อยู่นี่เอง ได้แล้ว  ขอบใจที่แกยังไม่หมด”     นทีชล พูดบอกกับกระป๋องยาแนว  ด้วยความลิงโลดดีใจที่จะได้ช่วยเขา      “ได้แล้วค่ะ อย่างนี้ใช่ไหม?ค่ะ   หญิงสาว วิ่งมาพร้อมกระป๋องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่   ส่งเสียงใสๆเข้ามายืนใกล้ชายหนุ่ม เห็นเขานอนเอามือก่ายหน้าผากนิ่งเงียบ    เสียงกนแผ่วเบา เรียกหญิงสาวทรุดนั่งแนบหูฟังไปบนอกผายไหล่ผึ่ง   ลมหายใจสั่นไหวไปพร้อมๆกับการเต้นเป็นจังหวะของหัวใจ   บอกให้เธอเอาหูแนบชิดบนอกใหญ่ซึ่งถูกปิดทับด้วยเสื้อยึดคอกลมสีขาว สวมทับด้วยเสื้อซาฟารีสีเปลือกไม้แลดูคล้ายพระเอกในนิยายที่เธอชอบอ่าน    หญิงสาวยิ้มนึกขำ เมื่อรู้ว่า เขากำลังหลับสบายอยู่บนเก้าอี้พับ   เขาคงเหนื่อยกับการลากเรือขึ้นฝั่ง และนั่งรอเธอไปหยิบของจนม่อยหลับ    เธอไม่คิดจะปลุกเขาตื่น     เธอจึงลงมือปะเรือเอง    เปิดกระป๋องใช้แปรงป้ายยาถูไปมาบนผิวเรือใต้ด้านข้างแล้วปิดทับด้วยผ้าดิบอีกชั้น  ทาถูไปมาจนดูเข้าที่ดี  ก็นั่งมองดูผลงานความสำเร็จากฝีมือตัวเองเสียงเรือยนต์แล่นผ่านไปมาในช่วงบ่ายคล้อยแดดอ่อน   เด็กขายของร้องตะโกนหาลูกค้า  ปลุกนายทหารหนุ่มตื่นหลังหลับเป็นชั่วโมง    เขาเอามือลงจากหน้าผาก ค่อยๆลืมเปลือกตาขึ้นมองท้องฟ้า  แล้วก้มหลบแสงอาทิตย์สาดส่องตรงหน้า  เขาเปลี่ยนท่านอน มานั่งตัวตรง  หันไปมองเรือยนต์ซึ่งถูกลากมาจอดไว้บนพื้นทราย  ทัดเก้าอี้นั่งของเขาไปเมตรกว่าๆ   สายตาส่องไปมองหญิงสาวผิวสีแทน  ซึ่งกำลังนั่งพับเพียบกางเขนพาดศีรษะไว้บนหัวเรือ  เขาก็รู้ว่าเป็น นทีชล    เขาลุกเดินไปหาเรือของเขาซึ่งจอดแนบอยู่บนหาดทรายขาวละเอียด   สายตาคมเข้มมองไปทั่วลำเรือ แล้วก็นึกขำหัวเราะเสียงอยู่

23

ในลำคอ เมื่อเหลือบเห็นหญิงสาวผมปกคลุมหน้า  นั่งหลับเอาแขนวางพาดกับหัวเรือ    เขาว่าเธอมีใบหน้าน่ารักดีจะยิ่งดูดี ถ้าเธอจะพูดน้อย วางตัวเรียบร้ออไม่ทำตัวเป็นสาวเปรี้ยวแบบสาวสังคมจัดซึ่งเขาไม่ชอบหญิงสาวที่กล้าแสดงออกมากเกิน เขาปล่อยให้เธอหลับสบาย  คิดจะลงมืออุดรูรั่วพื้นเรือเอง  พอเขาชะโงกศัรีษะลงไปมองข้างเรือใกล้ห้องเครื่อง  มีแผ่นผ้าดิบปิดทับเรียบร้อย กลิ่นยายังฉุนเข้าจมูก  จะต้องมีใคร? สักคนมาซ่อมแซมให้    เขายืนนึกคิด ไม่อย่าปักใจเชื่อว่าเธอผู้หลับอยู่จะทำให้เขาได้เรียบร้อยแทบจะมองไม่เห็นรอยปะ   เสียงคลุกคลิกแลเสียงเท้าคนเดินไปมาปลุกหญิงสาวผู้มีดวงหน้าคมขำแลดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา ลืมตาตื่นมองหาเขา    เขาก็หันมาถามเมื่อเธอผงกสีรษะขึ้นจากหัวเรือ      “ผมมารบกวนเวลาคุณนอนหรือเปล่า ไม่รู้ใครมาปะยาอุดรูรั่วให้ผมเผลอหลับไปนาน คุณพอจะรู้ไหม?”   หญิงสาวลุกขึ้นยืนเอามือวางประสานไว้ข้างหน้ากล่าววาจาฉะฉาน     “ไม่มีใครทำให้คุณได้ มีแต่สองที่ทำให้คุณ  สองลงมือปะเรือให้คุณเองนะคะ ปะอย่างนี้ใช้ได้ไหม?ค่ะ”                    เขา แทบไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่ดูจะไม่เอางานอะไร? นอกจากแต่งตัวสวย แล้วก็คอยจับผู้ชายหน้าดีมีฐานะมาเป็นแฟนจะสามารถทำงานช่างได้ดีไม่แพ้มืออาชีพ      “คุณทำเอง คุณซ่อมเป็นตั้งแต่เมื่อไร?”  เขาถามเร็วเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อที่เธอพูด       “สองเคยอกค่ายอาสาให้กับทางมหาลัย มาก่อน ช่วยซ่อมโน่นซ่อมนี่แทนอยู่กับงานบนเตาร้อน”    หญิงสาวในชุดเสื้อประโปรงรัดรูปเผยให้เห็นปทุมถันนูนโตเด่นชัด   ยิ้มให้เขาเพื่อให้เขาชม และลืมเรื่องใครชนเรือเขา   “เก่งมากเลย  ผมไม่นึกว่าคุณจะทำได้ดี แต่ขอบคุณที่ช่วยทำให้ผม      นั้นขอแรงช่วยผมอีกครั้ง”

.“จะให้ทำอะไร? บอกสองมาเลยค่ะ สองยินดีทำ”    เธอมองเขาอย่างชื่นชมว่าเขาช่างเหมือนเทพบุตรทะเลในภาพวาดที่เธอจินตนาการลงบนสมุดแลกเชอร์    “ก็ตอนเอาเรือขึ้นบนบกเราช่วยกันลาก  ตอนนี้เราก็ต้องลากมันลงทะเลนะซี”    เขายิ้มด้วยอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเรื่องยุ่งๆผ่านไปเขาจะได้กลับที่พักก่อนค่ำ      “ได้ค่ะ  นั้นเรามาช่วยกัน”     เธอพูดเสียงกังวาลชัดถ้อยชัดคำ             แล้วสองหนุ่มสาวในชุดสบายๆก็ช่วยกันจับหัวเรือและท้ายเรือ ลากเรือจากพื้นทราย 5  เมตร   ไปถึงริมทะเล       “ขอบคุณครับ  นั้นผมกลับนะ”    “ค่ะ ห้องอาหารเรือนแพ ยินดีต้อนรับคุณเสมอ”     ชายในชุด เสื้อกางเกงยาวแค่เข่าก็ก้าวเท้าลงเรือนั่งจับพวงมาลัยหมุนอยู่ 2—3รอบ เรือก็นิ่งอยู่กับที่  เขาจึงเปลี่ยนหันมาตรวจดูปุ่มต่างๆและกลไกเครื่อง

/24

หญิงสาวผู้ยืนดูอยู่ข้างเรือ  ถามขึ้นเมื่อเรือไม่วิ่ง  “เครื่องเป็นอะไร?ไปค่ะ”

“โอ้ยแย่จัง!   นี่เป็นอะไรไปอีก”     เขาพูดไม่มองเธอสายตาจดจ่ออยู่กับเครื่อง          “คุณมีไขขวงขอผมสักอัน”            “มีค่ะ   นั้นเดี๋ยวสองไปหยิบให้นะคะ”     แล้วร่างอวบเต่งตึงก็รีบเดินอย่างเร็วโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเข้าบ้านไปเปิดห้องเก็บของหยิบกล่องเหล็กสี่เหลี่ยม  ใส่เครื่องมือช่างรีบวิ่งเอามาให้เขา       “นี่ค่ะสองยกมาทั้งกล่องให้คุณเลือกหยิบเอง”              “ขอบคุณครับ”    เขารับกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เปิดฝา มองหาไขขวงขนาดเท่ารูน๊อตใหญ่ แล้วก็หยิบด้ามปลายแฉกขึ้นมา 1อัน  ก่อนลงมือซ่อม  จนเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามหน้าผาก และต้นคอด้วยเปลวแดดยามบ่ายคล้อย ส่องตรงพอดี

หญิงสาวบนฝั่ง นึกได้ว่าควรจะเอาใจเขาดีกว่ายืนดูเฉย  เพราะเป็นโอกาสเหมาะ เพื่อให้เขาไม่อยู่ในอารมณ์เครียดและเห็นเธอดีกับเขา   เป็นห่วงเป็นใยไม่นิ่งเฉยดูดาย  แล้วสมองน้อยของเธอก็สั่งให้เธอเดินกลับไปที่ร้านตรงเข้าโรงครัวมองหาของว่างและยกแก้วน้ำส้มในถาดจากเด็กเสริฟ์อย่างรวดเร็วพร้อมผ้าเย็นใส่ถาดเล็ก ไม่หยุดพูดคุยกับใคร  แล้วรีบเดินบ้างวิ่งบ้าง ไปที่ริมหาด      แล้วสาวผมทรงรากไทร หน้าเป็นมันก็วางถาดใส่อาหารลงบนพื้นทราย     หยิบผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้ชายหนุ่มซึ่งกำลังคร่ำเคร่งซ่อมเครื่องยนต์อยู่ในเรือความเย็นสัมผัสหน้าผากแล้วเลื่อนลงมาที่แก้ม  แม้จะเย็นซาบซ่านไปถึงเนื้อใน  แต่เขาก็ไม่ต้องการ ว่าเธอจะเอาใจมากเกิน คนรู้จัก    เขาวางไขขวงลง หันมาจับผ้าเย็น นั้นมาเช็ดหน้าเอง    “ไม่ต้องเช็ดให้ผม  เดี๋ยวผมเช็ดเองได้ครับ” “นั้นสองมีน้ำส้มคั้นเย็นๆมาให้คุณดื่มด้วยค่ะ  แล้วก็ยังมีเค็กฟรุทสลัด  มือคุณเลอะหมดแล้วให้สองป้อนให้นะค่ะ”หญิงสาว ไม่รีรอ ยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาจ่อไปที่ริมฝีปากของเขา    เขาก็รีบรับแก้วน้ำส้มมาถือเอง แล้วดื่มไปครึ่งแก้วก็วางลงในถาดเหมือนเดิม       ช้อนเล็กที่มีชิ้นเค็กก็ยื่นมาจดตรงปากพอดี      “อ้าปากสิค่ะ เดี๋ยวสองป้อนให้”                “ผมทานเองดีกว่า   เขาจับด้ามช้อนมาถือเองแล้วใส่ปากกลืน ก่อนวางช้อนไว้ในเรือเพื่อไม่ให้เธอตักป้อนเขาได้   แล้วเขาก็รีบซ่อมพวงมาลัยเรือต่อ      เธอก็นั่งเงียบอยู่ข้างเรือ มองด้วยความสนใจอยากรู้ นึกชื่นชมความสามารถในงานช่างไม่ใช่เพียงแต่การขับอย่างเดียว  เขาก็ยังเก่งเรื่องซ่อมอีก จนเธออดชมในใจไม่ได้ว่าเขานอกจากรูปงามแล้วยังรู้รอบหลายด้าน เธอมองหาเทพบุตรในฝันไม่ผิด     “เสร็จเสียที  ทีนี้คงได้กลับบ้านกันแล้ว    ขอบคุณมาก  ที่คุณช่วยผมทุกอย่าง”     เขายื่นกล่องเครื่องมือพร้อมช็อนตัก

/25

ขนม    หญิงสาก็รีบกางมือทั้งสองรับมาวางบนพื้นทราย   “คุณเก่งจัง  ทั้งขับทั้งซ่อมได้”   นทีชล ชะโงกหน้าเข้าไปมองในเรือ                   “ก็ผมเป็นทหารเรือก็ต้องเป็นทุกอย่าง  คราวนี้คงกลับบ้านได้แล้ว”    เขารู้สึกโล่งอกเมื่อแก้โจทย์เสร็จ    นั้นผมกลับนะครับ”   เมื่อเสร็จเรื่องยุ่งๆเขาก็สตาทร์เครื่อง หมุนพวงมาลัยโดยไม่พูดกับหญิงสาวอีกแดดร่มบ่ายคล้อย แสงอาทิตย์ริบหรี่ลงเรื่อยๆ  พาเรือขนาดย่อมที่เที่ยวตะเวณ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น กลับสัตหีบก่อนค่ำมืด    นทีชลยืนส่งเขาจนเรือแล่นผ่านเลยไปลับ มองเห็นเพียงผิวน้ำกระเพรื่อมขึ้นลง แข่งเวลากับแสงตะวันที่ค่อยๆเลื่อนต่ำลงคล้ายใจของซึ่งเต้นถี่ลงเมื่อต้องจากเขาเธอได้แต่ร่ำร้องให้นายทหารหนุ่มกลับมาเยือนบางแสน  ขอได้พบคุยกับเขาทุกวันคืนเช่นตะวันไม่มีวันจาก

หญิงสาววัยเบญจเพส ผู้มีผมยาวสลวยเป็นเงาดำชวนมองรับกับใบหน้าหวานหยดปานน้ำผึ้ง ลุกขึ้น ตื่นแต่เช้ามืดเป็นกิจวัตรซึ่งเธอไม่เคยเบื่อหน่ายกับการเดินจ่ายตลาดหาวัตถุดิบมาไว้ในครัวแลไม่วายที่จะปลุกน้องสุดท้องให้ตื่นไปจ่ายตลาดด้วยกันทุกๆวันเพื่อฝึกทำงานในช่วงปิดเทอม  ส่วนน้องสาวคนรองเรียกยังไงก็ไม่ยอมไปเดินตลาดเพราะทนเหม็นกลิ่นหมูกลิ่นปลาไม่ได้       สองสาวพี่น้องเที่ยวเดินจ่ายตลาดไปหลายแผงโดยไม่รู้ว่าอาคันตุกะผู้มาเยือนบ้านเมื่อวันก่อน ก็มาที่ตลาดด้วย                                                                                                                            เรือเอกภูนรินทร์  ตื่นเช้าเป็นนิสัยของทหาร  แม้จะเป็นช่วงวันหยุดพักร้อน    หลังออกกำลังให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ก็บึ่งรถจากที่พักทหาร  ไปตามถนน ซึ่งโล่งเรียบเหมาะจะวิ่งไกลในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาจอดมุมถนนใกล้ตลาดโต้รุ่งของเช้าที่อากาศเย็นสบาย  ไม่มีไอร้อนจนเหงื่อออก และไม่มีเมฆฝนมาบดบังทัศนียภาพของบางแสน  ผู้คนยังไม่มากมองเห็นร้านค้าหลากหลายได้สะดวกตา     หลังปิดล็อครถคันงามของเขาเรียบร้อย ก็เดินหากาแฟทานลงท้องก่อนไปร้านขายน้ำมันเครื่อง เพื่อซื้อไปเติมเครื่องยนต์เรือคันโปรดของเขาหลังใช้งานมาหลายวันเสร็จธุระ  ก็จะแวะเข้าหาดบางแสนเมื่อห้องอาหารเปิด   ทว่าเขาไม่ต้องมานั่งรอห้องอาหารเรือนแพเปิดให้คิดถึงหญิงสาวผู้มีดวงตาส่องประกายราวกับดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้าแฝงความเศร้าชวนให้เขาค้นหาเบื้องหลังอยู่ริมทางเท้าหน้าปั๊มน้ำมัน   เมื่อสายตาอันยาวไกลมาสบเข้ากับเด็กสาวผมม้าเข้า  เขาจำได้ว่าเป็นสาว

 

26

น้อยวันวานที่เขาเข้าไปช่วยสยบมืออันธพาลอย่างบังเอิญ   เขายิ้มทักให้เด็กสาว    ขวัญชนกก็ยิ้มตอบพร้อมพยักหน้าแทนคำสวัสดี ให้ชายในชุดเสื้อยึดสีกรมท่า     สมองน้อยๆของเขา รู้ได้ทันทีว่า ผู้พี่สาวจะต้องมาด้วย หญิงสาวผู้เปรียบเหมือนดอกสายหยุดส่งกลิ่นหอมยามต้องลมรุ่งอรุณผู้มาฉุดใจเขาให้ต้องข้ามฟากไปหา     เขายื่นแบงค์ร้อยให้เด็กปั๊มเป็นค่าน้ำมันเครื่องเสร็จก็เดินข้ามถนนมา ฝั่งตลาด  ก้าวเท้าเข้าไปหา สาวน้อยที่กำมือถือถุงกลับข้าวช่วยพี่สาวอยู่ด้านข้าง     ขวัญชนก  ดีใจเมื่อได้เจอนายทหารเรืออีก    และรู้ด้วยว่าเขาคงอยากเจอพี่สาวมากกว่าตนเพราะสีหน้าและแววตาเป็นมันของชายหนุ่มจ้องมองไปที่พี่สาวบ่งบอกถึงความถวิลหา   เธอก็เปิดทางให้เขาเต็มที่เดินไปพบพี่สาวเอง     “สวัสดีครับคุณหนึ่ง  ให้ผมช่วยถือของไหม?ครับ”     “เขายิ้มทัก  พร้อมยื่นมือมารับถุงพลาสติคจากแม่ค้ามาถือเอง     ทัดหทัย  เห็นนายทหารเรือนึกไม่ชอบเมื่อเขามาแย่งถุงผักจากแม่ค้าเธอไม่ยิ้มตอบ  “ขอบคุณค่ะ  แต่ไม่ต้องช่วยก็ได้ค่ะ  ให้น้องสามช่วยถือก็ได้”       ทัดหทัย เอ่ยน้ำเสียงเย็นชา ไม่สบตากับเขาหันไปหาแม่ค้าเพื่อซื้อของต่อ         เธอไม่ตกใจหรือแปลกใจเมื่อเจอเขาที่ตลาด   คิดว่าเขาคงมาซื้อของเช่นกัน   “โอ้ยพี่หนึ่ง แขนสามจะหักอยู่แล้ว   พี่ชายอุตส่าห์จะช่วยถือ ยังปฏิเสธ  เห็นใจสามบ้างเถิดหิวข้าวก็หิวข้าว”   ขวัญชนกแกล้งทำหน้างอ พูดห้วนกับพี่สาว ด้วยต้องการให้นายทหารช่วยถือของให้พี่สาว  เพื่อเขาและพี่สาวจะได้คุยกันขึ้น  “ผมเอารถมา จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม  วันนี้ผมไม่ต้องทำงาน ให้ผมไปส่งนะครับ”    เขาพูดเสียงนิ่ม สีหน้าระรื่นว่าเขาเต็มใจทำ              “ดีๆ นั้นพี่ชายเอาถุงกับข้าวไปเลย  แล้วขับรถมารับสามกับพี่หนึ่งตรงนี้”     ขวัญชนก ยื่นถุงหิ้วใส่ผัก และหมู  หอมกระเทียม  ให้เขาถือทั้งสองถุง     เขารับถุงจากในมือสาวน้อย    หันมามองซ้ายขวาก่อนข้ามถนนไปที่จอดรถ    พอชายในชุดเสื้อ ยึดกางเกงตัวหลวม   เดินข้ามฟากไป  ทัดหทัย ก็พูดดุน้องสาว     “เรานี่แย่จริง  ทำไม?จะต้องไปรบกวนเขาอีก  วันก่อนก็รบกวนเขาไปทีแล้ว  จะมารบกวนเขาบ่อยๆ มันไม่ดี ต้องรู้จักเกรงใจเขาบ้าง”      “ดีๆซะอีก  เราไม่ได้ขอให้เขาไปส่ง  พี่หนึ่งดูไม่ออกหรือ เขาเต็มใจจะไปส่ง ดูท่าเขาจะชอบพี่หนึ่งอยู่น้า”    ขวัญชนกยิ้มปากกว้าง หันซ้ายหันขวา  นึกยินดีที่จะได้ฉวยโอกาสหาคู่ให้พี่สาว    “บ้า!  พูดน่าเกลียด  นี่แน่!   ห้ามพูดว่าเขาชอบพี่ เพราะพี่ไม่ชอบเขา”     ทัดหทัย แกว่งถุงใส่ส้ม ไปที่ตะโพกของน้องสาว แล้วทำตาดุใส่  เธอไม่คิดจะให้เขามาชมชอบ  นอกจากคนรู้จัก ด้วยใจเธอจะมีเขาคนเดียวและเป็นคนเดียวกับที่ช่วยเธอขึ้นจากน้ำวันนั้น    “ก็สามกลัวพี่หนึ่งจะต้องอยู่เฝ้าบ้านคานทองนิเวศน์  เลยคิดจะลองเป็นแม่สื่อสมัครเล่น ทดลองฝีมือไม่ดีหรือพี่หนึ่ง”

27

ขวัญชนก เอามือปิดปากหัวเราะ    นึกสนุกตามประสาสาวรุ่น  “น่าหยิกจริง ใครสอนให้พูด   ถึงพี่จะอยู่คานทองก็ไม่เดือดร้อนใคร  ว่าแต่เราเถอะพี่เป็นห่วงมากกว่า  กระโดกกระเดกเหมือนม้าอย่างนี้ใครที่ไหนจะชอบ”      สองสาวพี่น้องยืนคุยกันชั่วอึดใจ รถเก๋งบีเอ็มสีขาวโดดเด่นก็แล่นตรงเข้ามาจอด        ชายผู้เป็นเจ้าของรถคันงามก็เปิดประตูลงจากรถ ยื่นมือมารับถุงผลไม้ในมือหญิงสาว    “ส่งถุงมาให้ผม  ผมจะเอาไว้หลังรถ”         “ไม่เป็นไร?ค่ะ ดิฉันถือขึ้นรถเองได้ค่ะ”      หญิงสาวในชุดเสื้อกางเกงสีครีมไม่ยอมให้ถือถุง กลับเดินไปเก็บไว้ท้ายรถเอง    ยืนรอให้น้องสาวขึ้นนั่งข้างคนขับก่อนแล้วเธอค่อยเปิดประตูหลังเข้าไปนั่ง   นั่งนิ่งเงียบส่องสายตาออกนอกรถผิดกับน้องสาวที่ดีใจสีหน้าแช่มชื่น เมื่อได้มีโอกาสนั่งรถราคาระดับเศรษฐี                 เขาแอบส่องกระจกมองหลังมาตรงใบหน้าของหญิงสาว แลดูสวยหมดจดขาวเนียนละเอียดดุจสำลีนุ่น   เขาไม่เคยจะรู้สึกเย็นสบายใจเท่ากับที่ได้มีเธอผู้งามราวกับดอกกรรณิการ์นั่งมาในรถของเขา    เขาหาเรื่องคุยกับสาวน้อยด้านข้าง  เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบ เพื่อเธอจะได้พูดกับเขา        “น้องสามเคยไปเที่ยวไหน?บ้างไหม?”       “ไม่เคยได้ไปไกลกว่าบางแสน   ได้ไปก็แค่โรงเรียนและก็กลับบ้านช่วยทำร้านเป็นค่าตอบแทน”     “ไม่เคยมีใคร? มาชวนเราไปเที่ยวไหนบ้างหรือ”     “บ้านสามไม่เคยมีแขกมาเยือน  ใครที่ไหน?จะมาพาสามเที่ยว  มีแต่พี่ชายที่มาบ้านสาม  พี่ชายพาสามไปเที่ยวได้ไหม?  สาวน้อยผมม้า พูดตามใจ  ด้วยอัดอั้นมานาน   เพราะถูกเคี่ยวเข็ญให้อยู่กับการเรียนจนไม่เคยไปที่ใด

“น้องสามเกรงใจคนอื่นเขาบ้าง”    หญิงสาวนั่งเบาะหลัง รีบพูดติงน้องสาว  ก่อนที่น้องสุดท้องจะเรียกร้องเกินเลย              “ผมยินดีอาสาพาเที่ยว  ถ้าคุณอยากไปด้วย”     ชายหนุ่มซึ่งกำลังหมุนพวงมาลัยรถอยู่    ต้องการรู้ใจหญิงสาวว่า มีคนรักหรือยัง                        “ไม่ค่ะ   ดิฉันต้องทำงาน ไม่มีเวลาไปไหนหรอกค่ะ  นานๆก็จะไปทำบุญที่วัดกับคุณยายแค่นี้ก็พอแล้ว   น้องสามยังอยู่ในวัยเรียนอายุยังน้อย   แกพูดไม่ระวัง ไม่รู้จักห้ามใจ นึกสนุกปากตามประสา  คุณอย่าถือเป็นเหตุเลยค่ะ”     หญิงสาว  นั่งพูดโดยไม่มองตรงมาด้านคนขับ  คงมองไปตามทางที่รถแล่นผ่าน  ในใจขอให้รถแล่นถึงหาดบางแสนเร็วๆ จะได้ไม่ต้องพูดต่อคำกับเขา

นายทหารหนุ่ม กลับนึกชอบเมื่อได้ฟังเสียงใสของหญิงสาว    เขายังไม่ยอมหยุดแค่คำพูดสั้นๆ   เพราะเขาต้องการล้วงความลับในใจของหญิงสาวออกมา  เขาจะได้ไม่ต้องฝันเพ้อเสียเวลาเปล่า     “เพราะว่าคุณมีคน

27

พาเที่ยวแล้ว  จึงไม่ต้องรบกวนใคร”               “พี่หนึ่งไม่อยากไป แต่สามอยากไป  สามโตแล้วให้สามไปเที่ยวบ้าง พอเปิดเทอมสามจะตั้งใจเรียนไม่ไปเที่ยวไหน?”         ขวัญชนก  หน้าบึ้งเมื่อพี่สาวพูดห้าม   กลัวนายทหารหนุ่มจะบอกเลิก  เธอคิดจะได้ไปเที่ยวสัตหีบด้วยชื่อเสียงเรียงนามมีเรื่องน่ารู้หลากหลาย  แถมมีเรือรบขนาดใหญ่ให้ชมความเก่งกล้าเป็นที่สนใจใฝ่หาของสาววัยเรียนอย่างเธอ

“คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะพาน้องสาวคุณไปในทางไม่ดี  หรือทำความเสื่อมเสียมาสู่ท่าคุณไม่ไว้ใจ จะตามไปด้วย ผมก็ยินดีเป็นคนนำ”     เขารีบพูดเพราะว่าเธอต้องตามน้องสาวไปด้วย   เขาจะได้มีเวลาอยู่ใกล้เธอและให้เธอบอกเขาเองว่าเธอมีคนพาเที่ยวแล้ว   “ฉันไม่ห้ามน้องสามไปกับคุณ แต่เกรงใจคุณ วันก่อนคุณก็ช่วยชีวิตน้องสามมาแล้ว  ไม่อยากสร้างความยุ่งยากลำบากอีก           ฉันคงไม่มีเวลาจะตามไปคุมแกได้ทุกที่   เราสองคนต้องช่วยกันทำงานเพื่อทดแทนบุญคุณ  คุณอยากไปคุณไปคนเดียวเถิดค่ะ   ถึงหาดบางแสนแล้วช่วยจอดให้เราลงหน่อย    ขอบคุณที่มาส่ง”           หญิงสาวเบาะหลังพูดไปมองหาทะเลบางแสน เพื่อจะได้ลงไปก่อนที่เขาและน้องสาวจะชักชวนกันไปเที่ยว  เธอไม่ต้องการให้เขาวุ่นวายปั่นป่วนให้น้องสาวเสียการเรียนทั้งไม่ต้องการให้เขามาที่บ้าน         ขวัญชนกนึกอยากพูดเซ้าซี้ขอพี่สาวไปเที่ยวสัตหีบ แต่รถจอดแนบหาดทรายเสียก่อน    เธอจึงต้องหยุดตามรถเมื่อพี่สาวก้าวลงจากรถเป็นคนแรก   โดยไม่ยอมให้คนขับมาเปิดให้    เขาซึ่งรีบปิดครื่องหวังข้ามมาเพื่อเปิดประตูรถให้หญิงสาวลงแต่ไม่ทัน   จึงรีบไปเปิดท้ายรถช่วยยกถุงพลาสติคออกมาหญิงสาวก็รีบคว้าถุงที่เหลืออีกใบมาถือ  แล้วหันมาสั่งน้องสาว     “น้องสามรับของจากคุณภูนรินทร์ด้วย  อย่าปล่อยให้คุณภูนรินทร์ ถือเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมช่วยถือเข้าไปส่งในครัวเอง    ไม่ได้หนักมาก”      เขาพูดยิ้มให้เธอหวังจะสบตากับเธอทว่าเธอกลับมองไปทางน้องสาว  ซึ่งนั่งไม่อยากลงจากรถสวยราคาแพง ที่ตั้งแต่เกิดจนโตก็ยังไม่เคยจะได้แตะ

ทัดหทัย ยื่นถุง ใส่ผักปลาส่งให้น้องสาว ก่อนเดินเข้าร้าน   เขาก็รีบถือถุงผักอีกถุงตามเข้าไป    โดยมีขวัญชนก เดินอย่างเชื่องช้าเข้าไปด้วยเสียโอกาสจะได้ไปสัตหีบเห็นอาวุธสงครามอย่างที่เคยคิด

 

28

เสียงนาฬิกาปลุกบอกเวลา 7.00o จากเครื่องมือถือดังติดต่อกัน  หญิงสาวผู้เกลียดการเดินจ่ายตลาดชอบไปชอบปิ้งในห้างใหญ่หรูเท่านั้น เธอมักจะทิ้งหน้าที่ให้ตกแก่พี่สาวคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่        ชอบความสบายอยู่กับเสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์บนโต๊ะเครื่องแป้งนานๆ    หญิงสาววัยสดใสราวดอกไม้แย้มกลีบบานยามรับรุ่งอรุณ   สลัดผ้าห่มผืนนุ่มบางเล็กออกจากตัวลุกขึ้นนั่งเอามือ2ข้างลูบผมที่ยุ่งเหยิงจากการนอนให้เรียบตรง  ก่อนลงจากเตียงนอน เดี่ยว  ก้าวเดินช้าๆ  รูดเปิดม่านออกจนสุดหน้าต่างเพื่อให้แสงสว่างส่องเข้าถึง   พลันสายตาเหลือบเห็นรถเก๋งสีขาวสะอาดตาไปทั่ว    จอดนิ่งอยู่หน้าร้านของยาย    ช่วงเช้าอย่างนี้จะมีลูกค้ารายใดมาเยือนร้านเพราะอาหารยังไม่ได้ปรุง    หรืออาจเป็นรถของนายทหารหนุ่มคนนั้นเมื่อวันวาน   ความสงสัยต้องเห็นจริงจึงจะเลิกคิด  แล้วสาวผู้เปรียบดังดอกคุณนายตื่นสายก็รีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดได้ก็วิ่งเปิดประตูห้องนอนลงชั้นล่างเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอาบน้ำแต่งตัวเร็วๆให้ทันก่อนที่เจ้าของรถคันงามจะไป    ใช้เวลาไม่นานนักสาววัยสะคราญก็ลงบันไดมาในชุดเสื้อคอลึกกางเกงสั้นตามเคย    เธอผลักประตูบ้านใส่รองเท้าหนังที่สวมสบายวิ่งตรงไปผ่านต้นไม้ใหญ่ 4—5ต้น  ลัด ออกด้านข้างก็ถึงรถคันที่จอดนิ่งสนิทไร้คนขับ      หันหลังมองเข้าร้านบานประตูไม้ด้านนอกเปิดกว้างมีเพียงประตูเหล็กกั้นชั้นใน   เธอว่าเขาอาจอยู่ข้างในกับพี่สาวน้องสาวและยาย          ดวงตากลมโตเปล่งประกาย  หัวใจเต้นดัง บอกความดีใจที่จะได้เจอกับเขาอีกครั้ง หลังปล่อยให้เธอเพ้อฝันมา2คืน          รองเท้าแตะปลายมนก็ขยับก้าวฉับๆตรงเข้าหลังร้าน     แล้วก็ต้องหยุดชงักแค่หน้าขอบประตูโรงครัวเมื่อมีร่างสูงใหญ่แข็งแรงราวนักกีฟามวย ยืนขวางอยู่   ขวัญชนก   วางถุงใส่ผักหลายชนิดลง  ก็แกล้งขอเข้าห้องน้ำ  เพื่อเปิดโอกาสให้นายทหารหนุ่มเป็นคนช่วยพี่สาวเอาของออกจากถุงมาวางกองบนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวใหญ่จะได้คุยกับพี่สาวได้นาน        “หยุดพี่สองจะเข้าไปทำไม?  ทุกวันสามไม่เคนเห็นพี่สองจะมาเข้าครัว     กับเขาเลย   หิวหรือพี่สอง  อาหารยังไม่ได้ทำสักอย่าง  พี่สองไปนั่งรอที่บ้าน  เดี๋ยวเสร็จแล้วสามจะยกไปบริการ  ให้ถึงบ้านเอง”       สาววัย 17 กางแขนสองข้างออก เพื่อกั้นทางเข้า           “นี่มันเรื่องอะไร?ของแก   ว่างมากนักหรือ  วันๆคิดแต่จะมาหาเรื่องหาราวกับฉัน   หลีกทาง ฉันจะเข้าไปดูในครัว”   ผู้พี่สาวจ้องตาเขม็งใส่น้องสาวที่ยืนขวางประตู ทำให้อารมณ์ดีกลายเป็นหงุดหงิดขึ้นทันที      “ไม่ สามรู้นะพี่สอ งจะเข้าไปเจอคุณ ภูนรินทร์  แต่เสียใจคุณภูนรินทร์  เขากลับไปแล้ว”      สาวผู้น้อง เอาแขนที่กางจนเมื่อยลง  แล้วจับตัวเสื้อยึดคอกลมให้เรียบ  ก่อนลอยหน้ามาพูดกับพี่สาว    “พี่สองจะเข้าไปโรงครัวไม่กลัวเหม็นสาบหมู

29

สาบปลาหรือ ยังไม่ได้ต้มสุกเดี๋ยวก็อ้วก  สามไม่เช็ดให้นะ”      ขวัญชนกรู้อยู่แก่ใจ ดีว่า  นายทหารเรือ  ท่าทีของเขาดูจะสนใจและชอบอยู่ใกล้พี่สาวคนโตมากกว่า พี่คนรอง     ซึ่งเขารู้สึกเมินเฉยเมื่อพี่สาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าชวนคุย   อีกทั้งเธอไม่ต้องการให้พี่คนรองไปให้ท่าผู้ชายจนดูน่าเกลียด  เธอจึงสนับสนุนให้เขาได้อยู่ใกล้พี่คนโต           “แกโกหก  รถเขายังจอดอยู่หน้าร้าน    แกจะมายืนขวางฉันทำไม?  ออกไปฉันจะไปดูให้เห็นกับตา”     มือเรียวงามแทบไม่เคยหยิบจับงานหนักเลย    ก็ตรงเข้ากระชากร่างหนาบึกบึนราวชายหนุ่ม  ให้พ้นขอบประตูกั้นโรงครัว   แล้วก็เดินอย่างเร่งรีบเข้าไปข้างใน               “โอ้ย! ผลักเต็มแรงเลย  โกรธอะไรมา”      ขวัญชนก ร้องเจ็บแขนที่ถูกดึงอย่างแรง  แล้วรีบเดินตามพี่สาวไป

ภูนรินทร์   อาสาช่วยหญิงสาวเอาผักหลายชนิดออกจากถุงมากองเรียงบนโต๊ะ   ตามด้วย   สัประรด 2—3ลูกที่ยังไม่ได้ปอกเปลือก   ต่อด้วย ถุงส้ม  เขาซึ่งกำลัง หยิบส้มทีละลูกออกจากถุงพลาสติคสีขาว มาวางใส่กระจาด  แล้วเสียงใสของสาววัย 21 ก็ดังเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมที่ส่งกลิ่นอยู่ด้านข้าง    “คุณภูนรินทร์ให้สองช่วยนะคะ”       นทีชล  ตรงเข้าโรงครัวขนาดใหญ่จุคนได้เป็น สิบ     พอเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนอยู่หน้าโต๊ะเธอจำเขาได้ดีว่าต้องเป็นเขาเมื่อวันก่อนเธอพูดแล้วยิ้ม  พยายมจะสบตากับเขา  แต่เขา กับหันแค่มองแล้วก็ก้มมองของบนโต๊ะ ไม่ยิ้มทัก

นทีชล ก็ไม่หยุดแค่นี้  เธอคิดจะไปช่วยเขาเพื่อจะได้อยู่กับเขาต่อ     แล้วมือเรียวงามบนเล็บแต่งเต้มด้วยสีสรรตามแบบสาวสมัยใหม่ก็ยื่นตรงเข้าไปในถุงพลาสติค   ทั้งดวงตากลมโต ส่อประกายไข่มุกใต้สมุทร  ก็สบเข้ากับดวงตาแข็งแกร่งดุจชายชาตรีของเขา        ใจเขาสั่นเมื่อปลายเล็บจิกตรงเข้าถึงผิวหนังที่แฝงไปด้วยเส้นเอ็นลึกลงไปใต้เนื้อ  แม้สาวผู้ยืนอยู่ใกล้แทบจะชิดอกเขา จะดูสวยสพรั่งชวนมอง แต่อย่างไร เขาก็ไม่นึกจะชอบหรือพอใจในงานที่เธอทำให้เขารีบปล่อยมือที่ถือส้มนั้นลงปล่อยให้ลูกสีแดงปนเหลืองกลมๆนั้นไหลกลับที่เดิม   เขารีบดึงมือออก    กวาดสายตา  ไปหาสาวผมยาวนัยน์ตาเศร้าคนนั้น   ทว่า หญิงสาวร่างเล็กบาง  ไม่อยู่ในครัวเสียแล้ว  ด้วยพอน้องสาวคนรองเดินเข้ามาทัดหทัยก็รีบเดินออกจากครัว  เพื่อให้น้องสาวได้คุยกับเขาตามลำพัง    เมื่อ ไม่มีทัดหทัย  เขาจึงคิดจะกลับ       “ไม่มีอะไร?จะให้ผมทำแล้ว  นั้นผมขอตัวกลับ”      เขาเดินตรงไปประตูห้องครัว    นทีชล ก้าวเดินตามหลัง    “ให้สองไปส่งคุณนะคะ”       เขาเดินไม่หยุดจนถึงรถบีเอ็มที่จอด

30

เปิดประตู แต่ขึ้นรถไม่ได้เพราะหญิงสาวมัดผมไว้ด้านหลัง ยืนขวางประตูรถ         นทีชล  ไม่ยอมให้เขากลับ  ใจคิดแผนเพื่อให้เขากลับมาหาเธอ  มือขวาเรียวงามจับขอบประตูรถมือซ้ายบอบบาง ยกขึ้นเหนือข้อศอก ดึงผ้าเช็ดหน้าที่รัดปลายผมเลื่อนลงมาจนสุดเส้นผม แล้วโยนเข้าด้านในรถ  นัยน์ตากลมประกายมุก พยายามจะสบตาคมเข้มดุจปลาวาฬหวังสะกดจิตให้เขานิ่งไม่สงสัย  ทว่า ชายอกสามศอกเช่นพรานผู้สู้ศึกกับหญิงสาวมาโชกโชน ไม่สะทกสะท้าน เมินสายตาไม่สบด้วย                     “วันนี้คุณภูนรินทร์ ทำไม? จึงขับรถมาค่ะ  แล้วเรือเป็นอะไร?ไปอีกหรือเปล่าค่ะ”    นทีชล เปลี่ยนเป็นชวนคุย  ยิ้มหวานดวงตาจ้องหน้าหล่อเหลาของเชา                  “ผมไปซื้อ น้ำมันเครื่องที่ตลาดนะครับ ก็ต้องใช้รถ  ผมจะใช้เรือก็เมื่อยามว่าง นั่งเรือชมทะเล”         “นั้นก็โล่งไป  สองนึกว่าเรือของคุณจะใช้การไม่ได้ สองก็ไม่มีความชำนาญในการปะเรือ  เกรงว่าเรือคุณจะยังใช้การไม่ได้”         นทีชล ยิ้มเขิน  เปลี่ยนจ้องหน้าเขาเป็นมองต่ำลงที่หน้ารถ

“คุณซ่อมเรือ ได้เก่งมาก    วันนี้ผมกลับก่อน คืนนี้ผมต้องเข้าเวรตรวจตรา    สวัสดีครับ”    เขาพูดสั้นๆ รวบรัดเพื่อเลี่ยงต่อประโยคกับเธอ   เขารู้ว่าเธอไม่ยอมหลีกทางให้เขากลับง่ายๆ

“ค่ะ  สวัสดีค่ะ”     ร่างอวบอันเต่งตึงประดุจบุปผชาติตูมเต่ง   ก็ค่อยๆเคลื่อนห่างหน้าประตูรถออกมายืนส่งเขาอยู่ด้านหน้า เพื่อเปิดทางให้เขาขึ้นรถ      เขาขึ้นนั่งเรียบร้อย  ปิดประตูรถสตารท์เครื่องขับออกจากหาดบางแสน          นทีชล  เอามือกอดอก  ยืนมองจนรถคันสีขาวนั้นแล่นลับตาไปไกล   ใจขอให้ชายผู้เป็นเสมือนเทพบุตรในฝันของเธอเก็บผ้าเช็ดหน้า มาคืนเธอ  แล้วให้เขาได้อยู่กับเธอนานกว่าวันนี้   หวังแผนนี้จะช่วยให้เขาสนเธอขึ้นบ้าง  ใจชื้นอิ่มเอมเมื่อจะได้มีใครสักคนที่จะพาเธอนั่งเรือล่องไปขึ้นฝั่งฝันไกลถึงงานวิวาห์

 

 

บทที่4

เวลาที่ผ่านไปนานหลายชั่วโมง จากสัตหีบไปถึงบางแสน   มันคุ้มค่ากับค่าเวลาและการขับรถยาวไกลหลายสิบกิโล   เมื่อได้พบเจ้าของดวงตาหวานเศร้าอย่างบังเอิญ เช้านี้  ซ้ำยังได้โต้คารมกับเธอผู้มี น้ำเสียงคล้าย

30

เสียงดนตรีที่เคาะหัวใจเขาให้คิดถึงแต่เธอ          รถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดสนามบ้านพักนายทหาร   เรือเอกภูนรินทร์   ดึงสายรัดตัวออกเปิดประตูรถ เหลียวหันไปมองเบาะหลังด้วยใจนึกถึงหญิงสาวร่างบางเล็กซึ่งนั่งมาในรถเขาเมื่อช่วงเช้า    แล้วสายตาก้มต่ำเหลือบมองพื้น เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนสี่เหลี่ยมขนาดย่อม    เขาเอื้มมือไปหยิบผ้าสีชมพูลายดอกนั้นขึ้นมาดู    ใจว่าจะต้องเป็นของ ทัดหทัยทำตกไว้เมื่อเช้าแน่  เขาจะใช้โอกาสนี้เอาผ้าเช็ดหน้ากลับไปคืนเธอ  แล้วจะชวนเธอคุย  เขารู้สึกว่าเธอดูจะเงียบขรึม ถ่อมตัวเมื่ออยู่กับเขา  เขาจะต้องทำตัวให้สนิทกับเธอเผื่อเธอจะกล้าพูดคุยกับเขาอย่างเพื่อนสนิท  เขานึกชอบเธอให้แล้ว     ชายรูปงามหุ่นเท่ห์   เดินถือผ้าสี่เหลี่ยมเข้าบ้าน   เสียงจากเครื่องมือถือก็ดังขึ้น  เขาล้วงมือเข้าไปหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง      “ว่าไงครับพี่”         “เมื่อไหร่ นายจะกลับกรุงเทพฯ  คุณน้าถามหานายทุกวัน”         “ฝากพี่ไปบอกคุณแม่ด้วยว่าผมจะกลับเมื่อมีหญิงที่ผมรักกลับไปด้วย”       “นี่นายจะเลือกอีกกี่คน ถึงจะหยุด  นายลืมคุณพ่อคุณน้าไปแล้วหรือ ชีวิตนายจะมีแต่ผู้หญิงและงานเท่านั้นใช่ไหม?”      “ใช่และไม่ใช่ทั้งหมด  ยังไงผมก็ไม่ลืมพ่อกับแม่แต่ขอเวลาช่วงนี้เป็นของผมไปก่อน แล้วสักวันผมจะพาเธอคนนั้นไปกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจนะครับพี่ชาย ผมขอตัวไปเตรียมตัวเข้าเวรยามดึก”     เขากดปิดเดินถือไฮโฟนเข้าห้องนอนโดยไม่ฟังเสียงพี่ชายต่างมารดาพูดต่อ เขารู้ว่าพี่ชายรับคำสั่งมารดาให้มาช่วยเรียกเขากลับบ้าน  และดึงเขาให้ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรในหมู่เพื่อนไฮโซและคอยเชียร์ให้เขาเลือกลูกสาวของเพื่อนมารดาเป็นแฟนซึ่งถึงแม้หญิงสาวเหล่านั้นจะสวยสักปานใดก็ไม่สะดุดตาให้เขารักได้  เขาจึงไม่อยากกลับไปบ้านเพราะหัวใจเขาเต้นสั่นไหวอยู่ที่หาดบางแสนเท่านั้น

ภูมิธเนศ  ต้องกดปิดตามเมื่อน้องชายต่างมารดาไม่ยอมฟังสายจากเขาต่อ บอกลาเขาเสียดื้อๆ ป่วยการที่เขาจะ พูดด้วยนิสัยที่เอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็กแพราะเป็นลูกคนเล็กซึ่งบิดาดูจะรักมากกว่าเขา  ทำให้เขามีงานหนักอีกเมื่อต้องหาเหตุผลบอกกับน้าอมิตาไม่ให้เสียใจถ้าได้ยินที่บุตรชายพูด    ชายวัยสามสิบสาม  นั่งจ้องแผ่นกระดาษอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือมือข้างหนึ่งถือปากกา  ถอนใจใหญ่ นั่งนึกคิดถึงข่าวที่ต้องเขียนส่งบก.ให้ทันวันนี้ ทั้งเรื่องของน้องชายหัวดื้อที่ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมมารดา และยังบุตรสาวซึ่งกำพร้ามารดาตั้งแต่ยังเล็กก็ยังหาโรงเรียนสำหรับเด็กสมาธิสั้นไม่ได้ล้วนแต่ปัญหาหนักใจที่ดูเหมือนยากจะแก้ให้สำเร็จได้ง่าย   ฟ้าดินไม่น่าพรากภรรยาไปจากเขา  ถ้าหากมีเธอเขาคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียวในห้องทำงานของโรงพิมพ์   ภูม

31

ธเนศ  เขียนข่าวไปก็นึกถึงภรรยาที่รักซึ่งต้องด่วนจากไปด้วยโรคมะเร็งความดีของเธอทำให้เขาต้องเขียนบรรยายเป็นตัวอักษร  เขาว่าคงจะไม่มีใครที่ดูแลเขาได้ดีเท่ากับภรรยาผู้จากไป

หลังเสร็จภาระกิจหน้าที่ของทหารเรือรักษาดูแลน่านน้ำ อยู่เวรดึก   เรือเอกภูนรินทร์  ก็กลับบ้านพักตามเดิมเขาล้มตัวลงนอน   ยามหลับตา  ภาพหญิงสาวใบหน้าขาวเกลี้ยงแฝงด้วยเลือดอฝาดบนแก้มสีแดงระเรื่อน่าจูบยิ่ง   ยามสบดวงตาคู่เศร้านั้นช่างเหมือนดวงดาวส่องประกายบนฟากฟ้า   ยามเผยปากบางสีชมพูรับกับฟันขาวหมดจดก็ชวนจุมพิศ   ภาพนั้นเต้นอยู่ในประสาทจนเขาต้องลุกขึ้นนั่ง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสี่เหลี่อมออกจากกระเป๋าเสื้อมาสูดดม กลิ่นหอมละมุนชวนให้เขาต้องไปหาเธอในวันนี้ให้ได้     เขาเพ่งสายตาไปบนตู้เสื้อผ้า ตรงข้ามเตียงนอน  มองนาฬิกาเรือนกลมใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่  เข็มยาวชี้เลข9   เวลานี้เป็นเวลาที่ทัดหทัย ต้อง อยู่ในครัว  ถ้าเขาไปห้องอาหารเรือนแพตอนนี้   อาจได้เจอกับเธอ   เขาไม่นอนต่อรีบลุกขึ้นแต่งตัว  โดยลืมความง่วงจากการอดนอนมาตลอดคืน  เพราะทนคิดถึงหญิงสาวไม่ไหว    เขาสตารท์  เรือแล่นผ่านน่านน้ำ  ไม่ต้องมาเสียเวลาติดสัญญาณไฟจราจร ไม่ต้องหงุดหงิดกับรถบนถนนที่มากมาย ขับส่ายกันไปมา   ไปด้วยเรือยนต์ เข้าจอดหน้าหาดเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง    เขาเร่งใบพัดหมุนแข่งกับคลื่นน้ำ  ใจร้อนรนแม้ระยะทางจะไกลกี่ร้อยกี่พันไมล์  ก็ไม่ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อย ขอเพียงให้ได้เห็นเธอ

นทีชล  นับชั่วโมงต่อชั่วโมง ให้วันพรุ่งถึงเร็ว ๆ ด้วยใจอยากเห็นชายหนุ่มรูปงานหุ่นเทห์มาที่ร้าน     แล้ว สาวในชุดสีแดงเพลิงสายเดี่ยว กระโปรงสั้นเหนือเข่า   ใบหน้างามหยดด้วยเครื่องสำอางมาเติมแต่งสีสรรให้ดูเด่นก็เดิน มายืนหน้าร้าน คอยสอดส่องสายตามองหารถ บีเอ็มสีขาวแล่นมาจอด   ด้วยใจจดจ่ออยู่กับเขา  หวังให้เขาเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนเธอ ตามแผน   จนน้องสุดท้อง   สังเกตุมองอยู่ด้านในเห็นพี่สาวผิดปกติไปจากทุกวัน ซึ่งชอบอยู่แต่ในบ้าน  ไม่ค่อยสนใจจะออกมายืนเรียกแขก มีแต่เธอกับพี่หนึ่ง ที่ต้องออกมาเชิญลูกค้าเข้าร้าน   ใจสงสัยไม่อาจยืนดูเฉยจึงต้องวางมือจากงานก่อนขยับเท้า เดินเข้าไปถามให้รู้เรื่องเสียที ดีกว่าคิดตกอยู่ในร้าน                             “พี่สองวันนี้ สงสัยจะไม่สบาย ถึงออกมายืนตากลม มองหาใคร?หรือคุณพี่”     ขวัญชนก  ถามเสียงทะเล้น   จ้องมองพี่คนรองเต็มตัว    ผู้พี่สาว สะดุ้งตกใจด้วยใจหายไปอยู่กับนายทหารหนุ่ม   หันมาทำตาดุใส่น้องสาว พูดห้วน   “มันเรื่องอะไร?ของแก  ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน  อย่ามาทำสอดรู้สอด

32

เห็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”      ขวัญชนก เมื่อถูกพี่สาวต่อว่าก็อารมณ์เสีย     “สามถามดีๆ แค่นี้ทำไม?ต้องดุด้วย  มีเรื่องลับลมคมในถึงได้กลัวความลับจะเปิดเผย”     แล้วสาวผู้น้องก็ทำหน้าบึ้งใส่พี่สาว   พร้อมมองพี่สาวตั้งแต่เส้นผมจรดกระโปรง  ที่สวยเรียบพริ้งงามไปทั่วตัว ทั้งฉีดสเปยร์ลงเส้นผมบวกกับกลิ่นน้ำหอม กลิ่นตลบเข้าถึงโพรงจมูกเธอก็พอเดาใจพี่สาวออกว่าจะต้อยืนรอใครสักคน  ยังไม่ทัน ที่เธอจะตั้งคำถาม  เสียง พี่สาวก็ดังเข้าหูก่อน        “นี่แกอย่ามาทำเป็นนักสืบหน่อยเลย  มีอะไร?ในครัวก็ไปทำ   ฉันจะยืนเฝ้าร้านเอง   ไปสิ”    นทีชล  ยกนิ้วชี้ตรงไป     “อย่ามามองหาเรื่องหาราวฉัน ประเดี๋ยวฉันอารมณ์เสียล่ะน่าดู”    สาวผู้พี่ พูดเสียงแข็ง  ทำตาดุใส่เพื่อไล่น้องสาวไป     “ฮึ่ม!  ไปก็ได้  เขารู้หรอกนะว่าพี่สองมายืนรอพี่ชาย  ถ้าจะต้องยืนจนขาแข็ง ขาหักเสียมั้ง  พี่ชายก็ไม่มาหาคนสวยใจร้ายหรอก”    ขวัญชนก  ทำเสียงคำรามใส่บ้าง  ก่อนสบัดหน้าเดินเข้าในร้าน         หลังน้องสุดท้องเดินเข้าในร้าน  สาวในชุดสายเดี๋ยวกระโปรงสั้นเหนือเข่า  รองเท้าหุ้มส้นก็ยืนหันหน้ามองไกลไปถึงริมทะเล  ซึ่งมีเรือลำเล็กลำใหญ่แล่นผ่านซัดน้ำเข้าฝั่งกวาดเอาเม็ดทรายลงสู่ก้นลึกทะเล      แสงอาทิตย์ส่องสว่างทั่วหาด บอกเวลาใกล้เที่ยง   แล้วเสียงเครื่องยนต์ขนาดสี่ที่นั่งก็แล่นเข้าจอดชิดหาด     สาวผมยาวปิดบ่าก็ยิ้มออกได้หลังคอยด้วยใจหวาดหวั่นกลัวจะแต่งตัวรอเก้อ

นายทหารหนุ่มกระโดดลงจากเรือ   รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลแตะพื้นทรายได้ก็ก้าวเท้าตรงเข้าห้องอาหารใกล้ฝั่ง

“สวัสดีค่ะ  ห้องอาหารเรือนแพยินดีต้อนรับคุณ ภูนรินทร์  วันนี้ให้เกรียติมาถึงที่ร้าน  จะนั่งตรงไหนดีค่ะ”  นทีชล ยกมือไหว้ พูดเชื้อเชิญ   ใจเต้นสั่นไหวเลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง ทั้งร้อนทั้งหนาว  ตื่นเต้นเมื่อจะได้คุยกับเขา

“สวัสดีครับ   คุณ นทีชล  ผมจะมาขอพบกับคุณหนึ่ง  คุณช่วยเรียกเธอให้มาพบหน่อยได้ไหม?ครับ   ผมจะนั่งรออยู่โต๊ะหัวมุมสุด”      ชายในชุดเสื้อยึดแขนยาวสีครีม  เดินเข้าด้านในเลือกโต๊ะใกล้โรงครัว       ใจเธอแทบแตกเป็นเสี่ยงเมื่อเขาบอก  แล้วเดินจากไปไม่มองเธอว่าจะแต่งตัวสวยแค่ไหน?  นึกอยากตะโกนออกมาดังๆว่า “ทำไม?จะต้องเป็นพี่สาว ในเมื่อเธอยืนอยู่ใกล้เขา  เธอไม่สวยเหมือนพี่หนึ่งหรือไง  เธอยังสาวกว่าพี่สาวตั้งหลายปีเสียด้วยซ้ำ   เธอสู้อุตส่าห์ แต่งหน้าแต่งตารอเขา  หรือตาเขามองไม่เห็น   หญิงสาว วัย/ 21 บีบมือตัวเองกดแน่น ใจเต้นแรง  ริมฝีปากแดงด้วยลิบสติคเม้มเข้าหากันแน่น   ความคิดอิจฉาในตัวพี่สาว เริ่มผุดขึ้นในใจ  ยังไงเสียเธอจะต้องกันท่าไม่ให้เขาเจอกับพี่สาว    ความคิดชั่วแล่นด้วยแรงริษยาวิ่งเข้ามาในสมองน้อยๆ

33

ของ     สาวเพิ่งออกจากรั้วมหาลัย    ร่างสูงเปรียวหุ่นนางงาม ก็เดินด้วยท่าทางคล่องแคล่ว  เพื่อให้เขาชมว่าเธอเหมือน พญาหงส์  เธอต่างกับพี่สาวที่มองดูเฉยสงบเสงี่ยม  เป็นได้แต่งานอยู่หน้าเตา   สู้เธอที่มีความสามารถทำได้ทุกอย่าง     “พี่หนึ่ง คงไม่ว่างจะออกมาพบคุณหรอกค่ะ   มีลูกค้าจองโต๊ะไว้หลายที่  พี่หนึ่งก็คงจะวุ่นๆอยู่ในครัว  คุณมีธุระอะไร?จะพูดกับพี่หนึ่ง บอกสองได้ไหม?ค่ะ   เป็นรความลับฟรือเปล่านะ”      นทีชล   ก้าวเท้าเดินมายืนตรงหน้าโต๊ะชายหนุ่ม   พูดแล้วยิ้ม     ภูนรินทร์  หันหน้าจากทางเข้าโรงครัวมองมาทางหญิงสาวชุดสายเดี่ยว    แล้วหลบต่ำมองกล่องกระดาษทิชชูสีเหลี่ยมบนโต๊ะแทน        “ไม่เป็นไร นานแค่ไหน?ผมก็รอได้”     เขาจับกล่องกระดาษทิชชูหมุนกับโต๊ะ  ไม่เงยหน้ามองหญิงสาวซึ่งยืนหน้าโต๊ะ  เพราะเขาไม่ชอบผุ้หญิงที่ชอบแต่งตัวเปรี้ยวอวดรูบร่างเขาเห็นจนชินชากลายเป็นความน่าเบื่อมากกว่าอยากมอง        “คุณอยากพบพี่หนึ่งจริงๆหรือค่ะ  มีเรื่องสำคัญหรือเปล่า  สองจะได้ไปตามมาให้”     นทีชล  พยายามจะเค้นหาความลับของเขาออกมาให้ได้  เธออยากรู้ว่าผ้าเช็ดหน้า สีชมพูลายดอก เขาเก็บไว้หรือเปล่า

“ถ้าคุณจะกรุณาไปเรียกคุณหนึ่งออกมาพบก็จะดี”             “คุณมีอะไร? จะบอกกับพี่หนึ่ง สองจะได้พูดบอกพี่หนึ่งถูก”

“บอกเธอว่าเธอลืมของบางอย่างไว้บนรถผม”      เขาเหลือบตามองหญิงสาว   อย่างจึดชืด  ในใจคิดตำหนิหญิงสาวรุ่นน้องที่ถามถ่วงเวลาจะเซ้าซี้อยากรู้ไปทำไม?

“ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูลายดอกใช่ไหม?ค่ะ”     นทีชล  ถามอย่างสนใจ สีหน้าระรื่นขึ้นเมื่อแผนของเธอ บรรลุผล

“ทำไม?คุณรู้ ว่าเป็นผ้าเช็ดหน้า บอกสีและลวดลายได้อีกด้วย”      เขาเงยหน้ามองหญิงสาว  สีหน้าตกใจงุนงงว่าเธอรู้ได้อย่างไร?          นทีชล ยกมือทั้งสองมาประสานกัน แล้วยิ้ม    “ก็เพราะเมื่อวานสองก้มมองดูรถของคุณผ้าที่ผูกผมก็คงหล่นหายไปบนรถ   ตอนคุณกลับ สองถึงรู้ว่าผ้าผูกผมหล่น   นี่ดีนะที่คุณเจอ   ไม่นั้นสองคงเสียใจแย่ เพราะผืนนี้สองรักมาก  ด้วยสองเขียนลายเองเลยค่ะ  กว่าจะเขียนเสร็จหมดเวลาไปหลายวัน   พวกเราตั้งชมรม ทำของขายหาเงินเข้าชมรม   ผืนนี้สองชอบลายมากเลยซื้อไว้ใช้เอง  ขอบคุณนะค่ะที่อุตส่าห์เก็บมาให้ถึงที”         เขาฟังเธอพูดจบ ก็กลืนน้ำลายลงคอ หัวใจหล่นวูบลงใต้โต๊ะ  ผ้าเช็ดหน้าที่เขาหยิบมาดมมา

34

จูบทั้งคืนกลับเป็นของสาวในชุดโชว์หุ่นอวดทรวดทรงที่เขาอยากจะวิ่งหนีออกจากร้าน  เสียเดี๋ยวนี้  เขารีบล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นซึ่งบรรจงพับใส่กระเป๋าสื้อเรียบร้อย   ยื่นส่งคืนเธอ      นทีชล  ยื่นมือมารับผ้าจากในมือของเขา แล้วยกทาบบนอกนูนๆของเธอ   “ขอบคุณค่ะคุณภูนรินทร์ นี่ถ้าคุณไม่เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้  สองคงนอนไม่เป็นสุข”     หญิงสาวพูดหวาน  นัยน์ตาเป็นประกายมองหน้าหล่อๆของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข           “นั้นผม ก็หมดธุระแล้วขอตัวกลับ”       ชายร่างสูงงามสง่าลุกขึ้นยืน ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เงาของสาวร่างใหญ่อย่างนักเทควันโด เดินถือถาดแก้วน้ำออกมาจากโรงครัว พอดี    สายตาของสาวน้อยก็เหลือบเห็นชายผมสั้นหวีเรียบร่างสูงหน้าหล่อ เธอก็รู้ว่าเขาคือเรือเอก ภูนรินทร์  “สวัสดี พี่ชาย วันนี้ลมทะเลพัดพามาเยือนร้านสาม  อย่างนี้สามต้องเลี้ยงให้อิ่มเป้เลย”    ขวัญชนก พูดทะเล้น  แล้ววางถาดลงไว้บนชั้นวางของเคลื่อนที่  ถัดจากโต๊ะอาหารไปด้านข้าง    “จริงด้วยสิค่ะ  สองต้องเลี้ยงขอบคุณ   คุณภูนรินทร์อย่าเพิ่งกลับนะคะ”    นทีชล  ช่วยพูดสนับสนุน   ในมือกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น เพื่อไม่ให้น้องสาวเห็น   กลัวจะพูดมากจนความลับเธอแตก                      “เรื่องเลี้ยงขอบคุณไม่ต้องหรอกครับ  ถ้าจะให้ดี ผมขอเป็นแขกของร้านจะได้ไหม?”    เขาหันถามสาวผมม้าซึ่งยืนอยู่มุมโต๊ะ แลผู้ไม่ยอมมองสาวผู้พี่    ใจเขาคิดว่าถ้าสั่งอาหาร  มาทาน เขาอาจมีโอกาสได้พบกับทัดหทัย                    “ยินดีค่ะ”     สองสาวพี่น้องตอบพร้อมกัน   ขวัญชนก หยิบสมุดเมนูอาหารยื่นให้เขา     “เลือกตามชอบเลยพี่ชาย สามจะบอกพี่หนึ่งปรุงให้สุดฝีมือ”          นทีชล  พลอยดีใจที่จะได้อยู่กับเขานานๆ  เธอแย่งเอาสมุดจดเมนูจากน้องสาวมาจดตามที่เขาสั่งเอง         ขวัญชนก  คิดอุบายรู้ทันว่านายเรือเอกต้องการมาพบพี่คนโต  ทว่า มีพี่คนรองคอยกีดกัน เธอจึงคิดหาวิธีให้พี่คนโตออกมาพบนายทหารให้ได้  เพื่อจะได้กระชับไมตรี      “พี่หนึ่งจานนี้  ลูกค้าบอกให้แม่ครัวยกไปเสริฟ์   เขาอยากรู้จักแม่ครัวคนเก่ง  ทำกับข้าวอร่อยทุกจาน”      สาวน้อยน้องสุดท้องเดินเข้าเดินออกอยู่ 2เที่ยว  จนนึกแผนได้ก็เรียกให้พี่สาวยกกับข้าวไปเสริฟ์แทน       สาวผู้พี่ก็เออออหลงกลไปกับน้องสาวเพื่อเอาใจลูกค้าให้กลับมาทานอีก     “นั้นจานนี้พี่ยกไปเสริฟ์เอง  เราจะได้พักบ้าง”       ทัดหทัย  ยกจานเปลพร้อมน้ำจิ้มขึ้นมาถือ       “โอ้โฮ! ดีจัง  จะได้สบายขาซะที เดินมาหลายเที่ยวเมื่อยจะแย่”     ขวัญชนก ดีใจ  นั่งลงพิงฝาตู้ใส่ของ  วางขาซ้อนกันแบบนั่งสมาธิ  ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะแล้วหมุนซ้ายทีขวาทีเพื่อบริหารกล้ามเนื้อคลายเมื่อย                                                                                                                            นทีชล  ไม่ยอมห่างโต๊ะมุมสุดติดโรงครัว  เธอคอยยืนเสริฟ์น้ำบริการเอาอกเอาใจ  แต่นายเรือเอกก็ยังไม่เหลียว

35

ตามอง   คงนั่งทานโดยไม่ปริปากพูด  สายตาคอยสอดส่องเข้าไปในโรงครัว เพื่อดูว่าสาวหน้าหวานจะออกมาเมื่อไร?    พอหญิงที่เขารอนานเป็นชั่วโมง เดินถือจานออกมา     เขาก็รีบวางส้อมลงในจาน  ดึงกระดาษทิชชูจากกล่องมาเช็ดปาก  รีบกลืนข้าวลงคอ  แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนพูดเสียงเรียบ  “สวัสดีครับ คุณหนึ่ง ยกอาหารออกมาเสริฟ์เอง  ขอบคุณครับ  กลับข้าวอร่อยมาก”     เขาเงยหน้ามองหน้าขาวเกลี้ยงด้วยดีใจที่ได้พบหญิงสู้นั่งรอ  แม้เธอจะอยู่ในชุดแม่ครัวมีหมวกผ้าคลุมผม  และสวมชุดกันเปื้อน  เธอก็ยังน่ามองกว่าหญิงใดสำหรับเขา              “ขอบคุณค่ะที่ชม  น้องสามนี่แย่จัง  ไม่ยอมบอกว่าคุณ ภูนรินทร์  มาเป็นแขกของร้าน  ฉันนึกว่าเป็นลูกค้าประจำของร้านเลยยกมาเอาใจลูกค้าค่ะ”     ทัดหททัย วางถาดลงบนโต๊ะอาหารเสร็จก็พูด   “เชิญ คุณภูนรินทร์ทานตามสบายค่ะ  ฉันขอตัวไปทำอาหารให้ลูกค้าอื่นต่อ”    สาวในชุดขาวสะอาด  หันหลังจะเดินกลับเข้าครัว   ทว่าเสียงชายหนุ่มก็มาขวางให้เธอต้องหยุดนิ่ง      “เดี๋ยวครับคุณหนึ่ง  อยู่นั่งคุยเป็นเพื่อนกับผมหน่อยไม่ได้หรือครับ  เออ.....ผมอยากมีเพื่อนนั่งทาน”           “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีงานที่ต้องทำ  มีลูกค้าอื่นนั่งอยู่  ถ้าคุณอยากมีเพื่อนนั่งทาน ก็เรียกน้องสองหรือน้องสามก็ได้นี่ค่ะ”    ทัดหทัย  หันหน้ามาพูด จบก็หันหลังเดินโดยไม่ฟังเขา                 นายทหารหนุ่ม   ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีก เพื่อช่วยระบายความร้อนในใจ เมื่อหญิงสาวเดินหนีเขาไม่ยอมอยู่คุยด้วย เขารู้สึกผิดหวังเสียใจที่หลงระเริงว่าจะได้อยู่กับเธอนานๆ           สาวในชุดสายเดี่ยว  ซึ่งยืนด้านข้าง รู้ว่าเขาผิดหวังเพราะสีหน้าเศร้าและแววตาไม่สดใสเหมือนเมื่อครู่มันบอก    แต่ก็ดีใจที่พี่สาวหลีกทางให้  เธอจะฉวยโอกาสนี้ เอาใจเขาเผื่อเขาจะชอบเธอบ้าง      “คุณ ภูนรินทร์ค่ะ ทำไม? ไม่ทานต่อ  เดี๋ยวกับข้าวเย็นจะไม่อร่อย  ให้สองตักให้คุณทานนะคะ”    นทีชล   ใช้ช้อนกลางตักน้ำซุปใส่ถ้วยเล็กให้เขา  ชายหนุ่มก็รับมาตักทานเอง  ใจว่ายังไงแม้ไม่ได้คุญกับคนปรุงแต่ได้ชิมฝีมือคนทำก็ยังดี                                                                                               ทัดหทัย   นึกไม่ชอบน้องสุดท้อง ใช้อุบายมาเรียกให้เธอออกมาพบกับชายที่เธอไม่ต้องการจะเจอ  แม้เขาจะเป็นชายที่ดูดีทว่าเธอก็ไม่อยากรู้จักนอกจากผู้มีพระคุณ           ขวัญชนกกำลัง นั่งบิดตัวไปมาอยู่บนพื้น ครัว ใจคิดว่าพี่สาวคนโตคงกำลังนั่งโต๊ะกับนายเรือเอก  สักวันทั้งคู่จะต้องลงเอยด้วยการแต่งงาน  เธออยากให้พี่สาวได้ดิบได้ดีเป็นถึงคุณหญิงคุณนาย  แล้วสาวผู้น้องซึ่งกำลังหลงเพ้อฝันในแผนของตนต้องรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเสียงพี่สาวดังใส่หู     “ยายสามแผนเราใช่ไหม? ที่เรียกให้พี่ออกไปพบคุณ ภูนรินทร์  มันไม่สวยเลยนะ”                        “โธ่!พี่หนึ่ง   โอกาสมาอย่างนี้จะปล่อยให้หลุดไปทำไม? คุณภูนรินทร์ ออกดีทุกอย่าง สามดูออกว่าเขามาหาพี่

36

หนึ่ง สามก็คอยเป็นแม่สื่อรุ่นเยาว์ให้ไม่ดีหรือ”      น้องสุดท้องรีบชิงพูดเพื่อสนับสนุนชักจูงพี่สาวให้เห็นดีด้วย     “แก่แดดจริงนะเรา  เรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นเด็กอยู่เฉยๆ พี่ห้ามเลย”     สาวผู้พี่ พูดเสียงแข็งยกมือสองข้างขึ้นห้ามแล้วเดินไปยืนหน้าเตา ลงมือทำอาหารต่อโดยไม่คิดเรื่องชายหนุ่ม                น้องสุดท้อง ยกมือลูบผม ไม่เข้าใจว่าพี่สาว ทำไม?ไม่อยากคุยกับนายเรือเอก ซึ่งดีพร้อมทั้งเกรียติ ทั้งฐานะ บุคคลิกก็งามสง่ามีแต่สาวๆอยากเป็นแฟนด้วย แต่พี่สาวกลับปฏิเสธชายหนุ่มเช่นเขา  แม่สาวน้อยยืนขบคิดหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ สู้ออกไปเห็นด้วยตาเองดีกว่า   รองเท้าหนังใหญ่ก้าวเดินอย่างกระฉับกระเฉงไปหยุดอยู่หน้าประตูครัว    และเธอก็พอเดาได้เมื่อสายตาดำขรับทั้งคู่ มองเห็นพี่คนรองกำลังเสริ์ฟน้ำตักกับข้าวใส่จาน แล้วยังชวนเขาคุยอีก      “อย่างนี้นี่เองพี่หนึ่งถึงเดินหนีไม่ยอมอยู่เป็นก้างขวางคอพี่สอง”           ขวัญชนก เอามือเท้าคางพูดในใจ  คอยดูท่าทีของนายเรือเอก  ว่าเขาจะสนพี่คนรองซึ่งยืนอยู่ใกล้เขา  คอยบริการเอาใจอย่างประเจิดประเจ้อเสียเกินงาม  โดยที่นายทหารหนุ่มก้มหน้าทาน ไม่เงยหน้ามองสาวที่อยู่หน้าโต๊ะเลย กลัยชายตามองเข้า โรงครัว   สาวน้อยนักบู้สังเกตุดูก็รู้ว่านายทหารหนุ่มชอบใคร? .

 

 

บทที่5

หลังมื้ออิ่มอร่อยผ่านไปนทีชล  พร้อมด้วยน้องสาว เดินไปส่ง ภูนรินทร์ ที่ริมหาดบางแสนก่อนขึ้นเรือขวัญชนก แอบกระซิบข้างหูของเขาอีกครั้ง     “พี่ชายต้องจีบพี่หนึ่งให้ได้รู้ไหม?  สามจะช่วยพี่ให้เจอกับพี่หนึ่งบ่อยๆ  พี่ชายอย่าถอยนะถึงพี่หนึ่งจะจีบยากหน่อย แต่รับรองชรัวแต่งแน่ถ้าพี่ชายตื๊อ”     เขายิ้มรับผงกศรีษะแทนคำตอบใจสู้เต็มที่  แล้วชายหนุ่มในชุดเสื้อยึดแขนยาวก็ลงเเรือยนต์คันโปรดของเขาค่อยหมุนพวงมาลัยปล่อยให้เรือแล่นออกจากฝั่ง คลื่นทะเลเป็นเกลียวเรือล่องลอยไปช้าๆ ท้องฟ้าสว่างแจ่มใสรับกับน้ำทะเลสีเขียวขุ่นเหมือนเป็นใจให้สามสาวจะได้มีชายหนุ่มมา

37

เยือนถึงบ้านอีก แล้ว เขาก็ชูสองนิ้วส่งสัญญาณให้เด็กสาวว่าเขาจะมาอีก  สาวน้อยก็ชู2นิ้วตอบ   “เมื่อกี้แกเข้าไปกระซิบบอกอะไร?กับคุณภูนรินทร์  แกไปบอกรักเขาหรือ  แกยังเรียนหนังสืออยู่ เป็นเด็กเป็นเล็กคิดใหญ่โตเกินไปมั้ง   พี่จะเตือน รักในวัยเรียนประเดี๋ยวเรียนก็ล่ม รักเขาข้างเดียวเสียมากกว่า  คุณภูนรินทร์ เขาเห็นแกเป็นเด็กฉันดูเขาออก  แล้วแกจะต้องเสียใจ”    นทีชล  ขมวดคิ้วถามน้องสาวเมื่อเรือของชายหนุ่มแล่นไปไกล  “ใคร?บอก ว่าสามอยากได้พี่ชายเป็นแฟน  สามอยากให้เขามาเป็นพี่เขยต่างหาก  พี่สองก็อยากเพ้อฝันมากเกิน  ประเดี๋ยวหัวใจจะเดาะเดี๋ยวว่าหล่อไม่เตือน   ไปก่อนนะ”       เด็กสาวลอยหน้าลอยตาพูดแล้วก็วิ่งหนีพี่สาวเข้าไปในบ้าน  กลัวพี่สาวจะซักล้วงความลับ แล้วแผนที่เตรียมไว้จะต้องหยุดชงัก      นทีชลเป็นงงเมื่อน้องสาวบอก  ทั้งดีใจที่ภูนรินร์จะมาที่บ้านอีกเธอจะได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาทำให้เขารักเธอแต่นึกไม่ออกว่าน้องสาวจะมีแผนอะไร?กับเขาถึงพูดประโยคสุดท้ายอย่างนั้น

ภูนรินทร์  ใช้ช่วงวันหยุดไม่ได้ขึ้นเรือมาที่ร้านอาหารเรือนแพของนางสายใจบ่อยๆเพื่อหาโอกาสจีบทัดหทัย โดยที่ ขวัญชนกคอยลุ้นให้ทั้งสองสมรักจะได้สมรสสมความตั้งใจ  แต่จนแล้วจนรอด  ทัดหทัยก็เอาแต่หลบหน้าชายหนุ่ม พูดไม่กี่คำก็เดินหนีไปเสียดื้อๆ   เธอไม่ชอบผู้ชายที่มองด้วยสายตามันวาวอย่างนี้เพราะเหมือนไม่รักจริงแต่เป็นนิสัยเจ้าชู้ของผู้ชายมากกว่าความจริงใจแม้เขาจะเป็นชายชาติทหารซึ่งสาวสมัยใหม่อยากได้เป็นแฟนกันทั้งนั้น ทว่าสำหรับเธอเขาไม่ได้เป็นชายที่เธอเฝ้าคอยหาสักนิด  ชายที่เธอเรียกหาเขาเป็นสุภาพบุรุษใจดีเสียสละยอมเสี่ยงตายปกป้องเธอได้ไม่ใช่จ้องมองแต่ความสวยเช่นเขา   ผิดกับ นทีชล น้องสาวคนรอง  ซึ่งคอยเอาอกเอาใจหาของอร่อยมาเสริฟ์ด้วยตัวเอง นั่งตักอาหารให้เขาทานแต่เขาก็ยังไม่สน เบือนหน้าหนีทุกครั้ง  หญิงสาวก็พยายามแต่งหน้าหวีผมให้สวยและทันสมัยด้วยชุดโชว์เนินอก หวังให้เขามองเพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมองอกสวยๆของผู้หญิง  เพื่อเขาจะได้อยู่กับเธอนานๆ แต่เหมือนเธอจะเสียเวลาเปล่าด้วยยิ่งเข้าใกล้เขา  ภูนรินทร์มีแต่ถอยหนีออกไปยืนหน้าห้องครัว รอสาวสวยผู้พี่ไม่ยอมมองหญิงสาวซึ่งลงทุนแต่งตัวยั่วให้เขาหลง  หญิงสาววัยสะคราญได้แต่นึกเสียใจผิดหวังแต่ไม่ยอมแพ้เพราะเขาคือเทพบุตรในฝันของเธอที่มาเยืนถึงถิ่นแม้จะต้องแย่งช่วงชิงกับเหล่านางฟ้าเธอก็พร้อมสู้        ขวัญชนก ก็คิดหาอุบาย   ช่วยให้ภูนรินทร์ได้คุยกับทัดหทัย ตามลำพังโดยไม่มีนทีชลอมาคอยขวางลำ จึงวางแผนหลอกพี่สาวคนรองให้ไปนั่งรอ ภูนรินทร์   อยู่บนชายทะเล ดูพระอาทิตย์ตกดินตามนัด   แล้วเด็กสาววัยแรกรุ่นก็ไป ชวนพี่สาวคนโต  ออกไปเก็บดอกมะลิ ในสวนระหว่างบ้านสองหลังของยายและหลานอยู่หลังหนึ่ง    ทัดหทัย ก็ตามใจน้องสาวสุดท้อง

38

โดยไม่รู้ว่าเป็นอุบาย                  แล้ว2พี่น้องก็ เที่ยว เก็บดอกมะลิ ใส่พาน          ขวัญชนกมอง เห็น ภูนรินทร์เดินมาตามนัดก็ กวักมือเรียก     “น้องสาม  เป็นผู้หญิงเรื่องอะไร?ไปกวักมือเรียกผู้ชายก่อน  น่าเกลียด  ใคร?สอน นี่ถ้าคุณยายมาเห็นเข้าจะถูกดุ”ทัดหทัยเห็นกิริยาน้องสามไม่สมเป็นหญิงไทยจึงพูดติง                     “ยายไม่ดุ สามหรอก เพราะตอนนี้ คุณยายไปนั่งเฝ้าลุงกัณฑ์ไม่ให้ไปไหน?     สามกับพี่ชายตอนนี้ก็สาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว  ไม่เห็นจะน่าเกลียดตรงไหน?  จริงไหม? พี่ชาย”       ขวัญชนก หันมาร้องบอกภูนรินทร์ซึ่งกำลังเดินจากหน้าบ้านตรงเข้ามา      แล้วสาวน้อยผมม้าก็ค่อยๆถอยห่างเดินหนีไปทางอื่นปล่อยให้ภูนรินทร์คุยกับพี่สาวตามแผน   “สวัสดีครับ คุณหนึ่ง    ให้ผมช่วยเก็บดอกมะลิไหม?ครับผมยินดีทำให้ทุกอย่าง  อยากให้ผมช่วยทำอะได้ผมเต็มใจทำ”       ชายหนุ่มแต่งตัวดีเพื่อให้มองดูเป็นแมนเต็มตัวทักทายหญิงสาวด้วยรอยยิ้มเห็นฟันขาวเรียบ  ทัดหทัย ในมือถือพานใส่ดอกมะลิพอเห็นหน้าเขาก็เกิดเอือมระอาอยากตะโกนไล่ไปให้พ้นหน้าเบื่อเต็มแก่แต่จำใจพูดดีเพื่อรักษามารยาท ของกุลสตรีตามคำสอนของยาย       “สวัสดีค่ะ ดิฉันเก็บพอแล้วค่ะ  แค่นี้ก็พอร้อยเป็นพวงได้แล้ว  ไม่ต้องรบกวนคุณ  ขอตัวก่อนนะค่ะ”      “คุณหนึ่งจะร้อยให้ใครหรือครับ” เขาชวนเธอคุย ไม่ยอมให้หญิงสาวเดินหนีเขาไปเหมือนวันก่อน     “จะเอาไปร้อยมาลัยให้คุณยายไหว้พระค่ะ  ดิฉันไปนะคะ”       “นั้นให้ผมช่วยถือพานเถิดครับคุณจะได้เดินสบาย”  “ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ดิฉันถือได้พานดอกไม้ไม่ใช่ของหนักอะไร? เดินไปไม่กี่ก้าวก็เข้าบ้านแล้ว”      “ให้ผมช่วยถือนะครับ ผมอยากถือให้”     ภูนรินทร์ยื่นมือสองข้างไปจับพานใส่ดอกมะลิในมือของหญิงสาว แต่ทัดหทัยพยายามดึงพานไว้ไม่ให้เขาช่วย เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาตามเข้าไปในบ้านอยากให้เขากลับไปเร็วๆก่อนที่นทีชลจะมาเห็นเข้าแล้วน้องสาวก็จะเสียใจเข้าใจผิดว่าเธอรักภูนรินทร์ไปด้วย     “อย่าค่ะ”     “ให้ผมถือให้เถิดครับ”    สองหนุ่มสาวต่างยื้อแย่งพานใส่ดอกมะลิ แล้วมือที่ยาวกว่าของภูนรินทร์ก็ไปแตะถูกปลายนิ้วเรียวเล็กของหญิงสาวเข้าโดยบังเอิญ   ทัดหทัยรีบปล่อยมือที่ถือพานใส่ดอกมะลิ ด้วยไม่ต้องการให้เขาแตะเนื้อต้องตัวแม้ปลายเล็บเพราะเธอจะยอมให้ชายที่เธอรักคนเดียวเท่านั้น   เสียงดังปังพานตกลงพื้นดอกมะลิร่วงหล่นกระจายทั่วบริเวณ  ทั้งสองต่างก้มลงไปช่วยกันเก็บดอกมะลิใส่พานอย่างเดิม     “ผมขอโทษ ที่ซุ่มซ่ามผมจะช่วยเก็บให้หมด”    เขาว่าหญิงสาวตกใจที่เขาแตะมือจึงทิ้งมือลง   หญิงสาวปล่อยผมยาวจรดหลังกลับเงียบไม่โต้ตอบกับชายหนุ่ม คงก้มหน้าก้มตาเก็บดอกมะลิใส่พานเพื่อจะเดินหนีเขาเข้าบ้านไป   เขาก็รีบช่วยเธอเก็บ  ต่างเก็บกันคนละมือจนถึงดอก

39

สุดท้าย  ทัดหทัย ใช้มือขวาหยิบจับก็ถูกมืออันแข็งแกร่งของภูนรินทร์มาประกบเข้าบนมือนุ่มๆของเธอ ความชิดใกล้ทำให้เขามองเห็นดวงหน้าที่หวานเยิ้มชวนมองพร้อมกลิ่นหอมบนเส้นผมของเธอช่างหอมจับใจยิ่งกว่าดอกมะลิในพานเสียอีก                    ไออุ่นจากมือของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้หญิงสาวสิเนหาไปกับเขา เธอกลับรู้สึกโกรธว่าเขาฉวยโอกาสจับเนื้อต้องตัวรีบดึงมือกลับไม่ยอมมองหน้าเขา     ทัดหทัยพอรู้ตัวว่าเขาคิดจะใกล้ชิดเธอหญิงสาวหน้าไม่ยิ้มก็รีบยกพานดอกมะลิ     ลุกเดินหนีเข้าบ้านไปเสียดื้อๆปล่อยให้เขา มองตาค้างอยู่บนพื้นคนเดียว       เขาไม่เข้าใจเลยว่า ไฉนเธอจึงใจดำกับเขาไม่ยอมพูดกับเขาทั้งที่เขาแสดงออกให้เธอเห็นว่าเขาชอบเธออยากให้เธอชอบตอบทว่าหญิงสาวนัยน์ตาเศร้าผู้กำหัวใจเขากลับทำเฉยเมยเหมือนเขาเป็นคนไม่รู้จักเขาคิดจะเดินตามเธอไปทว่ากลัวหญิงสาวจะไม่ต้อนรับอาคันตุกะผุ้มาเยือนถึงบ้านและจะมองเขาด้วยสายตาเย็นชา         จนเขาหวาดหวั่นไม่กล้าจะชวนเธอคุย  เพราะเธอดูแปลกกว่าหญิงสาวซึ่งเขาเคยพบเจอะเจอเขายืนคิดจวบจนแสงอาทิตย์อัสดงค่อยๆหรี่ลงแลเสียงนกการ้องหารังชวนให้วังเวงเปล่าเปลี่ยวมีเขาคนเดียวกับดอกไม้ใจรู้สึกเซ็งเมื่อไม่มีเพื่อนคุยเขาจึงขยับเท้าเดินออกจากลานบ้าน                                                                                                                                                                           นทีชล  นั่งคอยภูนรินทร์อยู่บนหาดทรายเป็นนานสองนาน     เธอหลงเชื่อ น้องสาวว่าชายหนุ่มจะมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยเพราะเรือสีครีมของเขาจอดชิดฝั่งเพื่ออำพรางให้เชื่อสนิท จนพระจันทร์โผล่ขึ้นบนฟ้าแล้วก็ยังไม่เห็นเงาของเขาทำให้เธออารมณ์เสียรีบไปหาน้องสาว  ดวงตาเบิกโตดุจไข่มุกเปล่งประกายเมื่อเหลือบเห็นขวัญชนกยืนออกกำลังอยู่หน้าบ้าน    รองเท้าบางเบาสำหรับใส่เดินบนพื้นทรายก้าวพรวดๆใจรุ่มร้อนด้วยอารมณ์โกรธสุดขีดตรงเข้ากระชากแขนอันแข็งแรงของนักเทควันโดเด่นด็สุดของโรงเรียน               “ยายสามไอ้เด็กเลี้ยงแกะ ไหนแกบอกว่า คุณ    ภูนรินทร์ เขานั่งคอยอยู่ที่ชายหาด ฉันนั่งรอจนค่ำมืดแล้วก็ไม่เห็นเขา แกหลอก ฉันใช่ไหม?  แกไอ้น้องเลว  วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกที่มาหลอกฉัน ฉันเป็นพี่แก แกพูดโกหกได้ไง”       นทีชลแผดเสียงใส่ บีบแขนน้องสาวไว้แน่นเพื่อให้เจ็บเหมือนใจเธอ         “เดี๋ยวพี่สองฟังสามพูดก่อน   สามบอกพี่ชายแล้ว  แต่พี่ชายเขาไม่ไปเอง  สามก็ไม่รู้จะทำยังไง”   ขวัญชนก เห็นสีหน้าพี่สาวกำลังโกรธจัดรีบพูดแก้ก่อนโดนตบซ้ำ ด้วยรู้ดีว่าเวลานทีชลโกรธ เป็นต้องลงมือลงไม้         “นั้นแกก็รู้ว่าคุณ  ภูนรินทร์ เขาอยู่ที่ไหน?  แกคิดจะกีดกันฉันใช่ไหม?”

 

40

“เปล่า อย่างสามจะไปสั่งหัวใจเขาได้ที่ไหน?  ของอย่างนี้มันอยู่ที่พี่ชายเขาจะเลือก  สามจะ ไปหายายดีกว่า เดี๋ยวคุณยายจะถามหา....ไปแล้วๆ”    ขวัญชนก สบัดแขนเต็มแรงออกจากอุ้งมือพี่สาวก่อนที่กระดูกจะแตก      รีบวิ่งหนี หาที่แอบแล้วรอให้พี่สาวอารมณ์ดีขึ้นค่อยเคลียร์กัน  ขวัญชนก วิ่งอย่างไม่มองทาง   ชนถูก ของแข็งเข้าอย่างจังต่างล้มลงไปนอนนิ่งบนพื้นดิน

นายกัณฑ์ชนะ พอฟื้นหายดีก็อยากเหล้าเลิกไม่ได้ พอมารดาเข้าห้องน้ำเขาก็แอบปีนหนีลงทางหน้าต่างด้วยกุญแจถูกมารดาล็อกไม่ให้ออกไปไหน?แล้วคิดหาทางเดินออกไปทางหลังบ้านก็ชนกับหลานสาวเข้าพอดี                                                                                                                                                    “โธ่เว้ย! อะไร?กันว่ะ ตัวหนักอย่างกับช้างมานั่งทับข้าทำไม?”  ร่างผอมแห้ง ตวาดเสียงใส่อยู่บนพื้นแข็งดุจแท่งปูนด้วยเจ็บหลับเพราะมีร่างแข็งแรงของหลานสาวผมม้านอนทับอยู่  เสียงลุงกัณฑ์ทำให้ ขวัญชนกสะดุ้งตกใจ เงยหน้ามองตาเหลือกเห็นหน้าหบาบขรุขระเคล้ายผิวดวงจันทร์รีบคลานตัวลงมานั่งด้านข้างหายใจแรง2—3ทีไม่นึกว่าจะวิ่งมาชนลุงกัณฑ์ซึ่งไม่ค่อยชอบอยู่เป็นทุนแล้ว หัวใจเธอเต้นแรงกลัวลุงกัณฑ์โกรธไม่อภัยให้ได้แต่นั่งมองลุงกัณฑ์ซึ่งค่อยๆยันตัวเองขึ้นนั่งซ้อนขา   ชายวัยกลางคนลุกขึ้นมานั่งได้ก็ชี้หน้าด่าหลานสาว    “ไอ้เด็กเปรตชาติก่อนข้าไปทำอะไร?ให้เอ็งถึงได้ต้องมาจองเวรข้าอย่างนี้เจอกันทีไรข้าไม่เคยเป็นสุขเลย เมื่อไรจะไปให้พ้นๆข้าเสียที”                                                                                                                                                     “นี่ลุงกัณฑ์ หนูไม่ตั้งใจวิ่งมาชน ลุงต่างหากมายืนขวาง  พอหายดีก็ปากเสีย เหมือนเดิมนะ   รู้นี้ไม่ไปช่วยให้หายเหนื่อยปล่อยให้ไอ้กุ๊ยกระทืบจนตายไปเลย”      ขวัญชนกโกรธมาก   พูดเถียงลุงกัณฑ์ ผู้กำลังจ้องหน้าตาแดงก่ำ      ด้วยกำลังหิวเหล้า    “ไอ้เด็ก พ่อแม่ไม่สั่งสอน  วิ่งมาชนลุงล้มจะขอโทษสักคำก็ไม่มี   ยังจะมาพูดทวงบุญคุณอีก   คนอย่างลุงไม่ตายง่ายๆหรอก   ไม่ต้องให้เด็กอย่างเอ็งมาช่วย  ข้าก็รอด”    นาย กัณฑ์ชนะ  เอามือเท้าเอว  เบิกตากว้างจ้องหน้าหลานวัย17ปีอย่างโกรธเคืองใบหน้าดูดุบึ้งตึงเห็นรอยตีนกาชัดเจน                         “ถ้าลุงไม่ได้หลานกับคุณ ภูนรินทร์ ป่านนี้ลุงเป็นผีเฝ้าหาดแล้ว   ไม่มีทางมายืนด่า ปากจัดอย่างนี้หรอก   รู้น่าลุงกำลังจะออกไป หาเหล้ากิน    เดี๋ยวหนูจะไปฟ้องยาย”     นทีชลเดินตรงเข้ามายืนข้างน้องสาวมาอารมณ์โกรธก็เปลี่ยนเป็นเข้าช่วยเถียงแทนขวัญชนกด้วยไม่ชอบลุงกัณฑ์ เช่นกัน     นายกัณฑ์ชนะได้ยินเสียงใสของหลานสาวคนกลางก็บันดาลโทสะกลัวไม่ได้ออกไปกินเหล้า  หันนิ้วชี้ไปที่หน้านทีชลต่อ     “ถ้าเอ็งไปฟ้องยาย  ข้าก็จะบอกว่า เอ็ง2คน แอบมาหาผู้ชายเหมือนกัน   ข้าเป็นผู้ชาย  ข้าดูเอ็งออก”  เขามองชุดน้อยนิดของ

41

หลานสาว แล้วก็พูดต่อ      “ใส่โชว์ขาแบบนี้  ข้ารู้เอ็งอยากได้ผู้ชายคนนั้นมาทำผัวใช่ไหม?ล่ะ ข้ารู้นะ”   แล้วนายกัณฑ์ชนะก็หัวเราะน้ำเสียงเย้ยยัน             นทีชลเมื่อถูกพูดหยามหน้า  ก็โกรธจนปากสั่น  ถ้าไม่ใช่ลุงแท้ๆเธอจะตบหน้าสั่งสอนสักฉาด         ขวัญชนก  เหลือบมองมือที่กำแน่นของพี่สาวซึ่งกำลังใช้เล็บจิกเนื้อตัวเองน้องสาวก็รู้ว่าพี่สาวโกรธมากจนต้องทำร้ายตัวเองแทน เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วจับมือพี่สาวให้กางออกก่อนที่เลือดจะไหลออกมา   “พี่สองอย่าไปเถียงกับคนขี้เหล้าเลย  แกคงหิวเหล้าเสียจนหน้ามืดพูดซี้ซัว  เรากลับเข้าบ้านดีกว่า”   สาวน้อยพูดจบก็มาดึงแขนพี่สาวตั้งใจว่าจะพากันเข้าบ้าน ต้องเปลี่ยนใจทันทีที่สายตาไปเห็นเงาของชายร่างสูงเดินอย่างสง่างามตรงเข้ามาหาลุงกัณฑ์ สองสาวพี่น้องรู้ว่าเป็นภูนรินทร์จึงเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังต้นมะม่วงอยู่ใกล้ลุงกัณฑ์เพื่อฟังเขาคุยกับลุงของเธอไม่กล้าเดินไปทักเขากลัวลุงกัณฑ์จะพูดกล่าวหาว่าร้ายหลานสาวจนเขาเกลียดไม่มาที่บ้าน   ด้วยรู้นิสัยดีว่าลูงกัณฑ์ชอบพูดเสียดสีผู้หญิงเพราะอกหักเกลียดผู้หญิงทุกคนไม่เว้นแม้กับหลาน                                     “สวัสดี ครับคุณลุงทำไม?มานั่งอยู่บนพื้นล่ะครับ  พอดีผมผ่านมาแถวนี้ได้ยินสียงคุณลุง    คุณลุงหายดีแล้วหรือครับ”     ภูนรินทร์ได้ยินเสียงนาย   กัณฑ์ชนะส่งเสียงเอะอะ โวยวาย    เขาจึงเดินมาพูดทักทายเพื่อหาเพื่อนคุยแก้เซ็ง ด้วยทัดหทัยไม่ยอมอยู่คุยกับเขา ชายวัย28 ก้มลงไปจับแขนชายวัยกลางคนให้ลุกขึ้นยืน                                                                                                           “ขอบคุณที่ช่วย เป็นเพราะไอ้เด็กทอมเกเร วันๆหาแต่เรื่องให้คนอื่นเดือดร้อน     ไปนั่งคุยกับลุงบนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ดีกว่าลุงมีเรื่องจะบอก”       ชายวัยกลางคนหน้าดำหน้าแดงเพราะโมโหหลานที่ขัดจังหวะออกไปหาเหล้ากินเปลี่นเป็นยิ้มคุยสนุกได้เขาเดินนำ ชายหนุ่ม  ไปนั่งเก้าอี้ม้านั่ง  ใต้ต้นมะม่วงซึ่งสองสาวเข้าไปแอบซ่อนอยู่                    “คุณทหารหนุ่มยังโสดอยู่  คิดจะแต่งงานแล้วหรือยัง  ลุงจะหาให้เอาไหม?”   “ขอบคุณครับ  อยากมีแฟนเหมือนกันเพราะผมก็พร้อมหมดทุกอย่างแล้ว ขาดแต่ผู้หญิง ติดตรงที่ รักคนที่เขารัก เขาก็ไม่รัก”    “ไอ้ที่รักเราก็มีนี่   ยืนอยู่ใกล้ๆนี่เอง  เดี๋ยวลุงจะเรียกให้เอาคนไหนบอกมาเลย”     นายกัณฑ์ชนะพูดตัดบทเพราะต้องการจะแกล้งหยามหน้าหลานสาวและรู้ด้วยว่าสองสาวแอบอยู่หลังต้นมะม่วง        เขายกเท้านั่งไขว้ห้างพูด             “ผู้หญิงที่ผมรัก เขาดีมาก  เธอเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน  พูดน้อยแทบจะไม่ยอมพูด กับผม  ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม?เธอจึงไม่อยากพูดกับผม  ผมไม่รู้เธอคอยใครอยู่หรือเปล่า   คุณลุงทราบไหม?ว่าเธอมีคนมาชอบหรือยัง”  เขานึกสงสัยว่าทัดหทัยอาจจะมีแฟนอยู่แล้วจึงคอยหลบหน้าเขา        “คุณทหาร หมายถึงใคร?  คงไม่ใช่

42

หลานสาวลุงคนที่สองนี่มั้ง เพราะ นิสัยไม่เหมือนที่คุณทหารพูดถึง    คนที่สามก็ยิ่งไม่ ไ  หว  ผู้หญิงก็ไม่ เป็นผู้หญิง  ไปทางกระเทยเสียมากกว่า  หรือคนโตก็คงไม่ใช่   คนนี้ยิ่งร้ายลึกเห็นเงียบๆเถอะ  เถียงเก่ง  อายุก็ปาเข้าไป 25ปีแล้ว   ยังไม่เห็นมีใครมาจีบ  สงสัยต้องอยู่ขึ้นคาน  รอสมบัติแม่นั่นแหละ”“ก็เพราะเธอยังไม่มีแฟน  ผมก็อยากจะขอเธอเป็นแฟน  เธอก็ชอบเดินหนีผม   ไม่รู้ผมมีอะไร?ให้เธอรังเกียจ  ลุงกัณฑ์ช่วยดูผมให้หน่อยสิครับ  ผมมีอะไร?ให้เธอรังเกียจ”                          ชายวัย50 มองภูนรินทร์แล้วหัวเราะ  ทำให้ ชายหนุ่มแปลกใจ  สำรวจมองตัวเองเพื่อหาจุดบกพร่องในตัว สูดกลิ่นกายตัวเองแล้วหันมาทำหน้าตกใจมองชายกลางคนตัดผมเตรียนเพื่อให้เขาเป็นคนบอก                        นายกัณฑ์ชนะเล่าอย่างสนุกปากทำมือทำไม้ประกอบไปด้วยความคะนองปาก  “อย่างคุณทหารนี่เหรอ  ผู้หญิง คนไหน?ไม่อยากได้เป็นแฟน  ผมเองเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังนึกชื่นชมเลย  จริงๆนะคุณทหารลุงพูดจริงๆ   ไอ้ที่หลานสาวผมเขาไม่อยากพูด  เพราะเขาเล่นตัว   แท้จริง อยากจะได้คุณทหารหนุ่ม เป็นแฟนใจแทบขาดหรืออาจจะรอให้คุณทหาร  ย่องไปหาเขาก็ได้  อายุก็ตั้งมากแล้ว  ถ้าเป็นคนอื่น เขาก็แต่งงานแต่งการกันไปแล้ว  นี่อะไร?จะมานั่งรอ  รีบๆไปเลยคืนนี้  ลุงเชียร์เต็มที่”    นายกัณฑ์ชนะ  กางนิ้วทั้งสิบให้ภูนรินทร์ดูนึกสนุกปากต้องการให้หลานไปให้พ้นบ้านเร็วๆตัวเขาจะได้ครอบครองกิจการและสมบัติของแม่เพียงคนเดียว  ซึ่งภูนรินทร์ก็ไม่เข้าใจว่าชายวัยกลางคนผิวคล้ำเพราะกรำแดด พูดเพื่อหวังผูกมัดเขาหรือต้องการทำลายหลานสาวกันแน่เขารีบอธิบายให้ฟัง            “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นกับเธอ   ผมตั้งใจจะขอเธอแต่งงาน ไม่ได้ต้องการทำลายชั่ววันข้ามคืนถ้าผมจะทำเช่นนั้น  ผู้หญิงที่จะให้ผมเข้าไปหาเธอก็รอให้ผมไปหาก็มีให้เห็นหน้าจนเบื่อทุกวันแต่ผมไม่ชอบ เธอก็ตื๊อจะเอาผมเป็นแฟนให้ได้”

“คุณทหารหมายถึงใคร? บอกชื่อให้ลุงรู้หน่อย”  นายกัณฑ์ชนะเบิกตากว้างท่าทางอยากรู้เต็มที่  “ก็คุณสอง เธอตื๊อผม ทุกวัน  แต่ผมไม่ชอบเธอ”  ภูนรินทร์ หลงลืมตัวเอ่ยชื่อนทีชล โดยไม่รู่ว่ามีหญิงสาวที่กำลังพูดถึงมายืนแอบอยู่ด้านหลัง

“ก็รักหลอกๆก็ได้นี่น้า  จะเป็นไร? เราผู้ชายของอย่างนี้ไม่เสียหาย  ดีสักอีกได้กินของฟรี”   นายกัณฑ์ชนะได้โอกาสพูดโจมตีหลานสาวที่ตนเกลียดหนักเกลียดหนาเพื่อนทีชลจะได้เสียใจ ด้วยรู้ว่าหลานสาวสองคนแอบฟังอยู่หลังต้นไม้ที่ตนนั่งกับชายหนุ่มคราวลูกคราวหลาน จะได้ยิน         “ไม่เอาหรอกครับ  ผมจะนอนด้วยก็กับ

43

ผู้หญิงที่ผมรัก  ผู้หญิงแบบที่ว่า ผับบาร์มีเยอะแยะผมไปเอาก็ได้”        ภูนรินทร์พูดอย่างเปิดใจเพื่อระบายความทุกข์ในใจให้ผู้ชายด้วยกันฟังโดยไม่รู้ว่า ด้านหลังต้นมะม่วงปกคลุมไปด้วยใบแลช่อมะม่วงห้อยอยู่เป็นพวงๆจะมี นทีชลและขวัญชนกยืนแอบฟังกันอยู่ภายใต้แสงจันทร์คืนเดือนหงาย                       ทั้งสองพี่น้องหลบเงาใต้ต้นมะม่วงที่กำลังชูช่อออกดอกน้ำหวานจากเกษรหยดใส่เสื้อผ้า เลอะเปื้อนเป็นแต้มสีสองสาวก็ไม่ยอมออกจากต้นมะม่วงนั้นยืนฟังลุงกัณฑ์คุยกับภูนรินทร์   นทีชลได้ยินทุกคำพูดที่ออกจากปากของชายในฝันกับลุงกัณฑ์       เธอ เจ็บปวดเหมือนโดนคมมีดกรีดลึกเข้าไปในหัวใจสุดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ทั้งดูถูกสบประมาทเปรียบเป็นหญิงขายบริการอยากร้องกรี๊ดให้ดังลั่นไปถึงหูของภูนรินทร์ ว่าคำพูดของเขามันทำลายศักดิ์ศรีผู้หญิงบริสุทธิ์อย่างเธอหมดสิ้น เธอเป็นคนใจแข็งไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร?ง่ายๆ แต่คราวนี้เธอต้องหลั่งน้ำตาเพราะคำพูดของชายที่รักมาก   จนเธอยืนทนฟังอยู่ต่อไปไม่ได้  ต้องบอกให้เขารู้ว่าเธอทำทุกอย่างเพื่อให้เขารักไม่ใช่คิดจะเป็นหญิงบริการชั่วคราว     นทีชลกระโจนร่างโผล่ออกมาจากต้นมะม่วง   ขวัญชนกก็ดึงตัวพี่สาวไม่ทัน ได้แต่ตระโกนบอก   “พี่สอง     พี่สองเดี๋ยวใจเย็นๆ”  เด็กสาวรู้ว่า คำพูดของภูนรินทร์ สร้างความมัวหมองให้พี่สาวอย่างมาก เธอกลัวอารมณ์ของนทีชลเวลาโกรธไม่เคยนิ่งเฉย จะทำให้ชายหนุ่มว่าไม่มีชาติตระกูลหญิงสาวในชุดชายหาดน้ำตาไหลอาบแก้มโผล่จากหลังต้นไม้ใหญ่ออกมายืนตรงหน้า ภูนรินทร์   ยกนิ้วชี้ไปที่ตัวเขา  พูดเสียงสะอื้น   “เสียแรงที่สองรักคุณอย่างหมดหัวใจ เอาใจคุณ  ก็เพื่อให้คุณเห็นความดีของสองบ้าง  แต่คุณกลับตีค่าผู้หญิงอย่างสองเป็นผู้หญิงบำเรอที่ไม่มีค่า  คุณไม่ใช่ผู้ชายที่สองบูชา  แต่คุณก็เหมือนผู้ชายเลวๆทั่วไป  ที่เห็นผู้หญิง เป็นโสเภณี    สองผิดหวังในตัวคุณจริงๆ คุณ ภูนรินทร์”แล้วเธอก็วิ่งร้องไห้ เข้าบ้านขึ้นไปบนห้องนอน                                                                                                                                  ขวัญชนก   ทำตาค้อนใส่ลุงกัณฑ์เพราะโกรธที่เริ่มเรื่องก่อนแล้ววิ่งตามไปปลอบใจพี่สาว

ภูนรินทร์ตกใจหัวใจแทบจะหยุดเต้นหนาวสั่นทั้งที่อากาศร้อนเถียงไม่ออกด้วยคำพูดของเขาหมิ่นหยามศักดิ์ศรีไม่ให้เกรียรติหญิงสาว  นึกไม่ออกว่านทีชล มาแอบฟังเขาคุยอยู่ตอนไหน ทำไม?เขาไม่เห็นก่อน  เธอคงโกรธและเกลียดเขามากและอาจว่าเขาเป็นคนไม่ดีไปด้วย เขารู้ว่าเขาไม่ควรพูดคำนี้กับผู้หญิงที่มีการศึกษาดีแต่เป็นเพราะอยากระบายความจริงในใจที่ฝังแน่นออกมาให้โล่งสมอง                                                                                                                                                        ทัดหทัย กำลังนั่งร้อยมาลัยให้ยายอยู่บนเก้าอี้รับแขกกลางบ้าน  เห็น  นทีชลวิ่งร้องไห้เข้ามา   ไม่ทักพี่สาว

44

เหมือนเช่นเจอกันทุกครั้ง  เธอว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีและต้องเกี่ยวกับน้องสาวเป็นแน่ หญิงสาววัย25ปีวางมาลัยดอกมะลิซึ่งเพิ่งเก็มมาไว้บนโต๊ะลุกออกมา คว้ามือของขวัญชนกที่ซึ่งวิ่งตามหลังพี่สาวคนรองเข้ามาในบ้าน       “พี่สองเราร้องไห้ทำไม?  ใคร?ทำอะไร? บอกให้พี่รู้  น้องสาม”   ทัดหทัยใจร้อนชิงถามก่อน

“ก็ลุงกัณฑ์ ปากเสีย นะสิ  ให้ร้ายพวกเราพูดจนพี่ชาย ว่าพี่สองเป็นหญิงบาร์ขายบริการ   พี่ชายนะพี่ชาย  ไม่น่าไปนั่งคุณกับ คนขี้เมา ปากเสียปากจัด  ดูสิพี่สอง เสียใจหญ่แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ พี่หนึ่ง  ยุ่งตายล่ะ”   ขวัญชนกเอามือขยี้ผมบนหัว  คิดไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาให้ภูนรินทร์อย่างไรที่เป็นต้นเหตุของเรื่องไม่อยากให้แผนตนเองเสียถ้าทัดหทัยพลอยโกรธเกลียดภูนรินทร์ไปด้ว              “พี่ว่าจะไปพูดกับคุณ ภูนรินทร์ให้เขาสำนึกผิด ไปขอโทษน้องสองดีไหม?”  ทัดหทัยออกความเห็น

“ก็ดีนะพี่หนึ่ง  เผื่อพี่สองจะได้สบายใจขึ้น แต่ถ้าพี่หนึ่งไปพูดคุณ ภูนรินทร์   แล้วพี่สองเห็นเข้าก็ยิ่งไป กันใหญ่   เอานี้สามจะไปเป็นคนพูดเองดีกว่า”    เด็กสาวอาสารู้ดีว่าระหว่างพี่สาวสองคนกับชายหนุ่มคนเดียวอาจทำให้พี่น้องต้องเข้าใจผิดกันและโกรธกันไป           “พี่เห็นด้วย   พี่จะไม่มีวันทำลายใจน้องสาว  และพี่ก็จะไม่ทำให้น้องสองต้องผิดหวังเสียใจ”  ทัดหทัยพูดจากใจแพราะเธอไม่ได้รักภูนรินทร์ และรู้ว่าน้องสาวรักชายหนุ่มมากเธอคิดสนับสนุนช่วยนทีชลให้สมหวัง      “แต่ตอนนี้เราต้องไปพูดปลอบใจพี่สองก่อนที่พี่สองจะร้องไห้จนสลบบนเตียง”   ขวัญชนกพูดชวนพี่สาวคนโตขึ้นไปชั้นบนแล้วไปเตาะประตูเรียก นทีชล แต่หญิงสาว ไม่ตอบคงนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง   สองพี่น้องเห็นเจ้าของห้องไม่ลุกมาเปิดจึงเปิดเข้าไปเ อง      ทัดหทัย มองน้องสาวที่นอนร้องไห้จนหมอนเปียกแฉะ เธอเดินเอามือลูบผมจับผมให้เรียบไปด้วยความรักความเห็นใจน้องสาวคนกลางซึ่งเรียนหนังสือเก่งกว่าใครต้องมาเสียใจเพราะผู้ชายคนเดียว      “น้องสองอย่าร้องไห้อีกเลย  เสียใจทำไม? ช่างเขาเถอะ เขาว่าเราไม่ดีก็ปล่อยเขาไปต่อไปเราก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก พี่ก็เบื่อหน่ายเขาอยากให้เขาไปพ้นๆ”       ทัดหทัย พูดปลอบน้องสาวเพื่อให้ลืมเรื่องเมื่อครู่นี้และบอกให้นทีชลรู้ว่าเธอไม่ได้ชอบภูนรินทร์ตามที่นทีชลคิด     “จริงหรือพี่หนึ่ง พี่ไม่ชอบคุณภูนรินทร์ เหรอเพราะเขาด่าสองใช่ไหม?”    หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยลุกขึ้นมานั่งคุยกับพี่สาวดีใจที่ทัดหทัย พูดไล่ชายหนุ่มเพราะว่าเธออาจมีหวังถ้าเขาพลาดรักพี่สาวแล้วก็อาจหันมารักเธอแทน

45            นางสายใจ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดิน ไปเปิดประตู ห้องนอนของ บุตรชาย  มองไม่เห็น นายกัณฑ์ชนะ นอนอยู่บนเตียง    นางเหลียวมองทางหน้าต่างตกใจเมื่อเห็น  บานหน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้    นางรีบเดินมาดู ก็รู้ว่า บุตรชาย  จะต้องหาทางปีนหนีลงมา    นางรีบลงบันได    ตามหาและก็พบ บุตรชายคนเดียวของนางนั่งอยู่กับ ชายหนุ่ม     นางจึงลงบันไดไปห้ามกอ่นที่บุตรชายจะออกไปหาเหล้ากินข้างนอกอีก

ภูนรินทร์  นั่งทำหน้าเศร้าเมื่อนางสายใจเดินเข้ามาใกล้ที่เขานั่งกับนายกัณฑ์ชนะ    เขาอาจถูกไล่ออกจากบ้านและคงไม่ได้มาหาทัดหทัยอีกเพราะนทีชลคงเล่าเรื่องที่เขาพูดหมิ่นศักดิ์ศรีผู้หญิงให้นางฟังหมดแล้ว นางต้องโกรธเขามากและคงมาต่อว่าเขา เขาก็ไม่ลุกหนีไปไหนพร้อมจะให้หญิงชราผู้ซึ่งเขาเคารพเปรียบเหมือนญาติเขาคนหนึ่งลงโทษเขาได้ตรงข้ามกับ นายกัณฑ์ชนะ  พอเห็นมารดา ก็คิดเดินหนีด้วยรู้ว่านางต้องเข้ามาขวางไม่ให้ออกไปหาเหล้ากิน      “ลุงไปก่อนนะคุณทหาร     แล้วอย่าลืมที่ลุงสอนรีบเข้าไปหาอย่ารอช้าให้เสียเวลา”  เขาจับมือกับชายหนุ่มเพื่อบอกลาและเตือนให้ทำตามที่เขาบอกแล้วชายร่างผอมบางก็หันหลังเดิน  แต่พอก้าวไปได้2—3ก้าวเสียงมารดาก็เข้ามาใกล้จนเขาไม่กล้าเดินต่อ            “นี่จะหนีไปกินเหล้าอีกเหรอ   ไอ้ที่โดนซ้อมจนสลบ  มันยังไม่พออีก   ถ้านั้นเดี๋ยวแม่จะเอาไม้ตีหัวแกอีกทีดีไหม?   จะได้เจ็บแล้วจำสักที”    นางสายใจพูดเสียงดังใส่บุตรชาย  พร้อมทั้งยกไม้ 1อัน ชูขึ้น  ทำท่าจะตี        “ข้างในมันร้อน ก็เลยลุกมาเดินเล่น   นั่งคุยกับคุณทหารหนุ่มไม่ได้ไปไหน?หรอกแม่”   นายกัณฑ์ชนะหันหลังพูดเสียงอ่อย   ยืนตัวตรง กลัวถูกมารดาตีหัวจริง   “ ขอออกมาตากลม   ทำไม?ต้องปีนหน้าต่างลงมา   นี่ดีที่ไม่ตกลงมาให้แขนขาหัก  เดือดร้อนคนอื่นเขาอีก   ถ้าคิดจะหนีไป กินเหล้าอีก  แม่จะเอาโซ่ล่ามไว้”      นางทำหน้าเหนื่อยใจที่สอนบุตรชายให้เลิกเหล้าไม่ได้                  “โธ่!แม่ จะให้ฉันอยู่แต่ในห้องทั้งวันทั้งคืน  เดี๋ยวโรคเหน็บชาก็ถามหา ไม่เชื่อ แม่ลองถามคุณทหารหนุ่มดู”   ชายวัยกลางคน  ยื่นหน้ามาทาง ภูนรินทร์  หนุ่มรูปงาม ลุกขึ้นยืน   เขายอมรับสารภาพต่อหน้านางดีกว่าให้นางพูดเองซึ่งเขาก็เดาไม่ถูกว่านางจะพูดกับเขาหรือแค่มาหาลุงกัณฑ์กันแน่ “คุณย่าครับ  ผมขอโทษ”เขายกมือไหว้นางสายใจ   สร้างความงุนงงให้หญิงชราที่อยู่ดีๆชายชาติทหารมียศถาบรรดาศักดิ์สูงจะมาพูดขอโทษคนแก่ชาวบ้านธรรมดา  “คุณ ภูนรินทร์ ไม่ได้ทำผิดอะไร?จะมาขอโทษย่าทำไม? หรือเป็นเพราะคิดว่าจะขอโทษเรื่องของลุงเขา อย่าถือสาย่าเลยนะ  เมื่อกี้นี้ ย่าโมโห กลัวลุงแกจะ หนีออกไปหาเหล้ากินอีก   ย่ากลัวจะเดือดร้อน   คุณนี่ดีจริงไม่รังเกียจคนขี้เหล้าเมายา   คุณเป็นคนดีไม่นึกรังเกียจคนเมา  เชิญตามสบาย คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณจะเข้าจะออกได้ทุกเวลา”         “ไม่ได้ครับคุณย่า ผมกราบขอโทษคุณย่าแทนตัวคุณนทีชล

45

ด้วยนะครับ”    ชายหนุ่มยกมือไหว้นางอีกครั้ง        นางก็งงไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มไปทำอะไร?ไว้กับหลานสาวจึงต้องพูดขอโทษกับนาง?        “ก็หลานสาวสุดรักของแม่ทั้งสาม  ทำงามหน้าทะเลาะกันรื่องแย่งคุณภูนรินทร์    นางสองโกรธที่คุณภูนรินทร์พูดชมนางหนึ่ง ก็เลยร้องไห้หาว่าพี่สาวจะมาแย่งแฟน  ส่วนนางสามก็เข้าข้างนางสอง   เลยพาลจะมาหาเรื่องกับคุณภูนนรินทร์นี่ดีที่ฉันอยู่กับคุณทหารมันก็เลยไม่กล้าทำอะไร?”     นายกัณฑ์ชนะ รีบชิงชายหนุ่มพูดเพื่อให้มารดาเกลียดหลานสาว   “ว้าย!  คุณพราะช่วย ย่าไม่นึกว่าหลานสาวทั้งสาม จะมาทำเรื่องบัดสี   ไม่ได้ๆเรื่องแบบนี้ย่าจะต้องไปต่อว่าสั่งสอน  ย่าขอโทษคุณภูนรินทร์ด้วย ย่ามัวแต่ขายของไม่คอยมีเวลาสั่งสอน”     นางสายใจ   ตกใจเอามือตบอกอุทานออกมานางเป็นคนหัวโบราณไม่ชอบให้ผู้หญิงแสดงออกในเรื่องความรักต่อหน้าผู้ชายจึงเห็นว่าหลานสาวทำไม่ถูก  นางไม่ยอมอยู่ฟังภูนรินทร์อธิบาย รีบเดินไปบ้านของหลานสาว          ชายหนุ่มจะอธิบายให้นางเข้าใจ ทว่านางรีบเดินไปก่อน   เขาจึงหันมาต่อว่านายกัณฑ์ชนะ     “ทำไม? คุณลุงไม่พูดตามความจริง ผมไม่ใช่ที่คุณลุงพูดให้ร้ายหลานตัวเอง  ผมเป็นทหารต้องมีความกล้า  กล้าพูดกล้ารับ”   แล้วเขาก็รีบเดินไปห้ามนางสายใจ        “นี่คุณภูนรินทร์ มาฟังลุงพูดก่อน  ลุงต้องการช่วยคุณ โง่จริงไปช่วยคนอื่นทำไม?”  นายกัณฑ์ชนะหัวเราะสะใจเมื่อมารดาโมโหหลานสาว  พอเห็นเป็นโอกาสไม่มีใครอยู่จึงออกไปหาเหล้าดื่มกอ่นเข้านอนตามประสาคนติดเหล้าแก้ยังไงไม่มีเลิก                                                                                                 “ไปไหนกันหมด  ลงมาพูดให้รู้เรื่อง  หนึ่ง   สอง  สาม”   นางสายใจเดินเข้าบ้านก็ตะโกนเรียก  เสียงดังลั่นบ้านไปถึงในห้องนอนเรียกให้สามสาวหยุดคุยกัน รีบลงบันไดมาหายายด้วยต่างรู้ว่ายายจะต้องมีเรื่องพูดไม่นั้นยายจะไม่มาถึงบ้านหลานในช่วงกลางคืนเพราะยายต้องการให้หลานได้พักผ่อน         “คุณยาย มีเรื่องอะไร?ถึงมาค่ำมืด”   นทีชล  คว้าเสื้อคลุมมาสวมทับชุดโป้เกือบเปลือยไม่ให้ยายเห็นกลัวถูกดุว่าไม่เรียบร้อยไม่สมเป็นบัณฑิตและก็จะไม่ให้เธอจัดงานเลี้ยงฉลอง  พูดขึ้นก่อนใคร  “นั่นสิค่ะ ลุงกัณฑ์เป็นอะไร?หรือเปล่าค่ะคุณยาย”    ทัดหทัยถามนางสายใจ

ขวัญชนกเห็นสีหน้ายายหมองคล้ำหน้าไม่มีรอยยิ้มให้หลานเด็กสาวก็รู้ว่านางต้องมีเรื่องไม่สบายใจแล้วเธอก็ เข้าไปประคองยายให้มานั่งเก้าอี้โซฟากลางบ้าน  “คุณยายไปนั่งที่เก้าอี้ดีกว่า เดี๋ยวสามจะพาไป”   ทว่านางปฏิเสธ   “ยายไม่นั่ง ยายอยาก มาพูดเรื่องที่ลุงกัณฑ์พูดนะ จริงไหม?  ว่าหลานอยากได้คุณภูนรินทร์ เป็นแฟน   เราเป็นผู้หญิงจะพูดก่อนไม่ได้แล้วนี่อะไร?ไปทำพูดน่าเกลียด  เขาเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์  เราต้องรู้จักเจียม

46

ตัว  อย่าปล่อยใจไปกับอารมณ์  ลืมคำที่ยายสอนเหรอเกิดเป็นหญิงต้องรู้จักอาย   เจียมตัวเจียมใจ จึงจะดี”            “คุณย่าครับผมผิดเอง  ถ้าจะตำหนิต้องตำหนิผม ที่คุณลุงพุดเมื่อกี้ก็เพื่อปกป้องผม  คุณย่าอยากว่าหลานคุณยายเลยครับ”   ภูนรินทร์  เดินตามนางมาถึงเขาก็อธิบายให้นางสายใจฟังทันที                      “เรื่องอะไร? ย่าจะว่าคุณภูนรินทร์   คุณเป็นทหารที่มีเกรียรติและยังเป็นผู้มีพระคุณอีก   ย่าไม่ดีที่ไม่สั่งสอนหลาน”นางหันหลังมาพูดกับภูนรินทร์ ซึ่งยืนข้างหลังนาง          ชายหนุ่มกำลังจะบอกความจริงให้นางสายใจฟัง  แต่ถูก นทีชล   ชิงพูดกอ่นเขาจะบอกนาง     “คุณยายขา สองไม่รู้ว่าลุงกัณฑ์พูดอะไร?กับคุณยายแต่ คุณภูนรินทร์ไม่ได้พูดอะไร?หรอกค่ะ  เราพูดล้อเล่นกัน สนุกๆเพราะคุณภูนรินทร์ยังโสด สองงอนเลยเดินกลับบ้าน  ลุงแกคิดว่าเรามีอะไร?กัน  แต่ควาจริงเราคุยกันเล่นสนุกๆ  เราสามคนเห็นคุณภูนรินทร์ เป็นผู้มีพระคุณของเรา  ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น  คุณยายเชื่อสองนะคะ ลุงกัณฑ์ ชอบหาเรื่องพวกหนูอยู่แล้ว  คุณยายก็รู้ดี”  หญิงสาวในชุดเสื้อคลุมยาวถึงเข่า ช่วยพูดบิดเบือนความจริงให้ชายหนุ่ม เพื่อไม่ให้เขาถูกยายต่อว่าจนมาเหยียบบ้านเธอไม่ได้ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีเธอโกรธเขามาก แต่ด้วยใจที่รักชายหนุ่มเธอยอมเสียสละเพื่อเขาได้  เพราะยายก็คงไม่ชอบให้ใครมาว่าหลานสาวของยายอย่างเสียๆหายๆด้วยยายถือว่าอมรมสั่งสอนหลานสาวมาดีให้การศึกษาสูงไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่ต้องขายตัวเลี้ยงชีพ                                ภูนรินทร์  มองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างนางสายใจ อย่างทึ่งในไหวพริบและฉลาดพูดของเธอ  ไม่นึกว่าเธอจะอภัยให้เขาได้เร็วชั่วแวบเดียว  ทั้งที่เขากล่าวหาเธออย่างไม่น่าให้อภัย  เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าเธอซึ่งชี้หน้าด่าเขาฉอดๆจะเปลี่ยนใจได้เร็วเหมือนเปลี่นนฉากละคร  เขารู้สึกซึ้งในคำพูดของเธอและน้ำใจที่ไม่เอาเรื่องกับเขา     นทีชลส่องสายตาไปหาชายหนุ่มซึ่งยืนตรงหน้ายายดวงตาเป็นประกาย เพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร?เธออภัยให้เขาแล้ว            “จริงหรือค่ะที่หลานสองพูด  ย่าคิดว่าถ้าเป็นเรื่องจริงอย่างที่ลุงกัณฑ์บอก   ย่าจะสั่งสอนหลานสาวให้รู้จักวางตัวอย่าใฝ่สูงจนเกินงาม”   นางสายใจพูดกับชายหนุ่มต่อเมื่อนทีชลพูดจบ                             “ผมไม่ใช่คนชั้งสูงจากที่ไหน? พ่อแม่ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา หลานคุณย่าก็มีการศึกษาดี ถ้าเราจะพูดคุยกันเล่นบ้าง ผมว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร?”    ภูนรินทร์ พูดเพื่อให้นางอย่าถือเรื่องโบราณเป็นสำคัญ             “เสียกายสิค่ะ  คุณภูนรินทร์เป็นถึงนายเรือเอก  แต่หลานของย่าเป็นเด็กบ้านนอก  พ่อแม่เขาทิ้งให้ย่าเลี้ยงโดยไม่เหลืออะไร?ทิ้งไว้ให้”    นางสายใจต้องการจะบอกความจริงให้ชายหนุ่มรู้เรื่องทั้งหมดก่อนคบหากับหลานสาวตามประสาผู้ใหญ่หัวเก่าแต่ถูกทัดหทัยชิงนางพูดก่อน        “คุณ

47

ยายขาไปดูลุงกัณฑ์  ดีกว่า ไม่รู้ป่านนี้ลุงจะออกไปหาเหล้าดื่ม อีกหรือเปล่า   เราอย่าไปรบกวนคุณภูนรินทร์เลยค่ะ”ทัดหทัย  เดินเข้ามาเกาะแขนยาย   กลัวยายจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ให้เขาฟัง  ซึ่งเธอเห็นเขาเป็นคนนอกไม่ควรมารู้เรื่องภายในบ้านเธอก็เดาไม่ถูกว่าเขาจะสมเพชหรือสงสารครอบครัวเธอแล้วหญิงสาวก็คิดจะให้เขากลับเธอหันมาพูดกับเขา     “เชิญคุณภูนรินทร์กลับได้แล้วค่ะ  เดี๋ยวดึกไปจะมองไม่เห็นทาง จะลำบากที่จะกลับ” แล้วทัดหทัยก็ประคองยายเดินออกประตูบ้านไป    เขายืนมองหญิงสาวผมยาวร่างบาง เดินพานางสายใจตรงไปหลังบ้าน   เขานึกสงสัยว่าหล่อนเหมือนกำลังจะปิดบังเรื่องของบิดาไม่ให้เขารู้ความจริง   แล้วเชายหนุ่มก็ถามเด็กสาว ซึ่งยืนชิดกำแพงบ้าน   “บอกพี่หน่อยได้ไหม?ว่าพ่อแม่ของเธอไปไหน? พี่จะไปกราบขอโทษท่านแทน”  ภูนรินทร์ คิดว่าเขาควรจะไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของหญิงสาวและบอกขอโทษแทนพูดกับนางสายใจก็อาจทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้นและเพื่อเขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดทัดหทัยง่ายขึ้น        “เดี๋ยวสามขอไปดูยายกอ่น ไม่รู้ป่านนี้ยายอาจเป็นลมหรือเปล่าถ้ารู้ว่าลุงแกหนีไปหาเหล้ากิน”         แล้ว ขวัญชนกก็วิ่งลงจากเรือนตามพี่สาวไป ไม่ยอมตอบคำถามของเขากลัวเขาจะไม่อยากมาเป็น ญาติเมื่อรู้เรื่องของบิดา                                                      เมื่อเด็กสาววิ่งออกเรือนไป ภูนรินทร์ก็หันมามองนทีชล เขาเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้ในห้องมีเพียงเขาและเธออยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้น   เขาจึงก้าวเท้าตั้งใจจะเดินออกไปทางประตูบ้าน  ทว่า หญิงสาวร่างอวบกลับกล่าวขึ้นด้วยเสียงเศร้าให้เขาได้ยินเมื่อเธอเล่าเรื่องซึ่งแต่งขึ้นมาเอง   “คุณพ่อไปทำงานต่างประเทศแล้วประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก     ส่วนคุณแม่ก็ล้มป่วยด้วยโรคหัวใจ  เสียงเธอเศร้าดวงหน้าหลบต่ำ  ทำให้เขาก็พลอยสลดใจไปกับเธอ   “ท่านเพิ่งจากไปเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง  ตอนนั้นสองเพิ่งอายุได้12  น้องสามเพิ่ง7ขวบ  คุณยายสงสารก็เลยรับมาเลี้ยง  คุณยายดีกับหลานทุกคนส่งเสียให้พวกเราเรียนหนังสือจนจบปริญญา   นี่สองก็กำลังรองานอยู่ทั้งงานโรงแรมและบริษัท  ถ้าสองมีงานทำสองก็จะดูดีกว่าอยู่บ้าน   คุณภูนรินทร์อวยพรให้สองได้งานทำเร็วๆนะคะ”    ประโยคหลังนทีชลทำเสียงหวานชม้ายชายตาหวังว่าเขาจะใยดีเธอบ้าง ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงเย็นชาเช่นเดิมไม่แยแสเธอสักนิด   เขาเพียงแต่หันหลังกลับ ก้าวอาดๆ ตั้งใจจะออกนอกประตูบ้านไป  ทว่าอยู่ๆเสียงหวานของหญิงสาวก็ดังขัดจังหวะการก้าวเท้าของเขา   “เดี๋ยวค่ะ คุณภูนรินทร์ มานั่งดื่มเบียร์เย็นๆกับสองหน่อยได้ไหมค่ะ  สองจะเล่าเรื่องคุณพ่อคุณแม่ให้ฟังอีก คุณอยากรู้เรื่องไม่ใช่หรือค่ะ”         “ไม่   ผมไม่หิว  ถ้าคุณอยากดื่ม  คุณดื่มเองตามสบายเถิด เรื่องของครอบครัวคุณ ผมอยากรู้แค่นี้”        “ก็สองไม

48

อยากดื่มคนเดียว  อยากให้คุณมานั่งดื่มเป็นเพื่อน”  เธออ่อยเสียงให้เล็กแหลม นัยน์ตาที่กลมโตเท่าเม็ดไข่มุกมาสบตากับเขาคอยสะกดใจให้เขาหยุดนิ่ง  แล้วมือน้อยๆของเธอก็ค่อยๆดึงเอาผ้าที่คาดเอวตรงกลางออกกอ่นปล่อยเสื้อคลุมให้ไหลลงพื้นไม้แผ่นเงา                    นายเรือเอกเพ่งสายตามองเรือนร่างของสาวน้อยซึ่งเหลือเพียงผ้าปิดกายพียง2ชิ้นเล็กเท่านั้นผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลาหมดจดเรียวขาตรงน่าจับต้องพร้อมปทุมถันทั้งสองช่างเต่งตึงกลมกลืน  จนชายชาติทหารอย่างเขาก็ไม่อาจปฏิเสธความงามในเรือนร่างของหญิงสาววัย 21 เปรียบได้กับดอกไม้เพิ่งแย้มกลีบบานให้เชยชม   ใจเขาสั่นสะท้านเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้แนบชิด   “สองน่าเกลียดมากจนคุณไม่กล้าเข้าใกล้เชียวหรือ    สองรักคุณค่ะ”  เสียงของเธอ ครวญคราญอยู่ข้างหูเขานิ้วเรียวเล็กแหลมของดรุณีสาวชอนไช้ไปทั่วอกเขา ทำให้ใจเขาเต้นแรงเลือดในกายแผดไปทั่วร่าง        เขาก็ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้หญิงสาวใช้เป็นที่ระบายความใคร่  หากหญิงสาวผู้กำลังจะพลีกายให้เขา                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                    หมดตัวเพียงแต่เขาก้มจูบเธอเท่านั้นจะเป็นทัดหทัย มีหรือเขาจะไม่สนองตอบ ทว่าเธอคือนทีชล ผู้ซึ่งเขาไม่ต้องการ      “เมื่อกี้คุณเพิ่งด่าผมว่าผมเหมือนผู้ชายเลวๆที่ชอบใช้บริการผู้หญิงเป็นที่ดับความใคร่ แต่ขณะนี้คูณก็กำลังจะเป็นหญิงบริการพวกนั้นหญิงบาร์ที่คุณด่าผม  เพียงไม่กี่นาทีคุณนทีชลก็ลืมแล้วหรือแต่เสียใจที่ผมไม่ใช่ผู้ชายเลวๆที่คุณเอ่ย”    เขาพูดว่าเธอรุนแรงแล้วผลักหญิงสาวให้พ้นจากอกเขาขาที่ยืนนิ่งก็ รีบพาเขาก้าวเท้าเร็วๆไปออกประตูบ้านโดยไม่สนว่าหญิงสาวจะด่าเขายังไง     “เรื่องอะไร?ฉันจะให้แกฟรีๆ แกต้องแต่งกับฉันคนเดียว ไอ้โง่  ไอ้บ้า  ฉันหลอกแกให้หลงต่างหากจะได้เลิกไปหาพี่หนึ่งเสียที   อ้าย! เจ็บใจนัก  ฮึๆๆ”   นทีชล เมื่อยั่วภูนรินทร์ไม่สำเร็จก็ปล่อยโฮเมื่อเขาไม่สนกลับเดินหนีไปดื้อๆเธอก็ร้องโวยวาย โกรธจนหยิบหนังสือบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กขว้างใส่ประตูบ้าน แต่เขาเดินจากเธอไปก่อนที่หนังสือจะตกใส่ตัวเขา  ร่างโป้เกือบเปลือยเปล่าก็ทรุดลงไปนั่งบนพื้นเรือนร่ำไห้เสียใจที่ชายหนุ่มปฏิเสธความรักอย่างไม่แยแสเธอสักนิด  คำพูดของเขาทำให้เธอทั้งเจ็บทั้งอาย หญิงวัยเบญจเพสเดินประคองแขนหญิงชราวัย70เศษมาถึงหลังบ้าน   เงาตะครุ่มที่เดินโซเซในมือถือขวดน้ำ1ขวดอยู่ในความมืด นางสายใจดูท่าทางเหมือนคนเมาก็รู้ด้วยสัญชาติญาณว่าจะเป็นคนอื่นไม่ได้นอกจากบุตรชายที่แอบหนีออกจากห้องแอบไปหาเหล้าดื่มจนเมาแทบทุกคืนทำให้นางเกิดบันดาลโทสะไม่ยอมยืนรอให้บุตรชายเดินมาหาเองเท้าใหญ่ของนางก็ก้าวเข้าไปเอื้อมมือที่เต็มไปด้วยเนื้อหนาๆตรงไปดึงหูขวาลากเข้ามาใกล้ตัว   นายกัณฑ์ชนะ ก็ร้องลั่นเพราะเจ็บ  “โอ้ย! เบาๆก็ได้ แม่ฉันโตแล้ว

49

ไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อวาน”    “เจ็บ สิจะได้จำ ถ้าแอบหนีออกไปกินเหล้าอีกแม่จะดึงหูแกให้ขาดเลยจะได้เลิกเหล้าเสียที  ไปเข้าบ้านแม่จะสอนแกตอนแก่ๆนี่ล่ะ”    แต่ก่อนกลับ นางสั่งให้หลานสาวทั้งสองเอาเศษเหล้าในขวด ไปทิ้ง   สองสาวพี่น้องยืนมองดูยายดึงใบหูลากลุงกัณฑ์ไปเข้าบ้านอย่างสมน้ำหน้า    “พี่หนึ่งถ้าลุงกัณฑ์แกไม่มีเหล้ากินแกอาจนั่งร้องไห้อยู่ในห้องทั้งคืนเลยนะ”เด็กสาว ผู้น้อง ถือขวดเหล้าเปิดฝายกเทลงในท่อระบายน้ำหลังบ้านจนหมดขวดแล้วโยนขวดใส่ถังขยะใบหน้าสดใสขึ้นที่ได้แก้แค้นลุงกัฑณ์    “พี่ก็สงสารลุงกัณฑ์แก แต่ลุงแกก็ไม่ยอมเลิกเหล้าสักที”     หญิงสาวผู้พี่ มองขวดเหล้าที่อยู่ในถังสูงยาวด้วยมือของน้องสาว  รู้สึกใจโล่งที่จะไม่ต้องฟังเสียงเอะอะโวยวายสักคืนก็ยังดี  แล้ว สองสาวก็จูงมือกันไปหัวเราะกันเพราะสบายใจจนถึงประตูบ้านหลังที่สองของร้านอาหารเรือนแพ  เสียงหัวเราะและรอยยิ้มก็หดหายวับทันทีที่ประตูเปิด สองสาวมองหน้ากันด้วยไม่เชื่อว่าภาพหญิงนุ่งเพียงชุดชั้นในที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเบาะของเก้าอี้รับแขกที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสายตาสองสาวนักจะเป็นนทีชลจริง        ทัดหทัยรีบก้าวเท้านำขวัญชนกไปหานทีชล    “สองทำไม?มานอนร้องไห้อยู่บนพื้นใคร?รังแก บอกพี่มา เดี๋ยวนี้”    ทัดหทัยเข้าพยุงร่างน้องสาวคนรองให้ลุกขึ้นนั่ง        “พี่ชายเขาปล้ำพี่สอง หรือ เสื้อคลุมของพี่สองถึงหลุดมาอยู่บนพื้น  ถ้าจริงพี่ชายก็พี่ชายเถิด สามไม่ยอมเด็ดขาด”  น้องสาวสุดท้อง มองเสื้อคลุมที่อยู่กองบนพื้น ถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ ก็เดาเหตุกราณ์ว่านทีชลถุกปล้า       “พี่จะไปเอาเรื่องเขา ทำอย่างนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายดูถูกผู้หญิงบ้านนี้มากเกินไป  สองไม่ต้องกลัวพี่จะไม่ยอมให้เขาทำข้างเดียว”     ทัดหทัยโกรธ จนเครียด หญิงสาวนึกเกลียดภูนรินทร์ใจซึ่งเคยคิดว่าเขาเป็นคนชอบฉวยโอกาสบนเรือนร่างหญิงสาวว่าเขาทำกับเธอไม่สำเร็จจึงหันมาปล้ำน้องสาว เธอคิดจะไปต่อว่าภูนรินทร์  แต่ยังไม่ทันจะยืน นทีชลก็พูดห้ามเสียก่อน      “เปล่าค่ะ พี่หนึ่งฟังสองก่อน   คุณภูนรินทร์ เขาไม่ได้ทำอะไร? เธอสะอื้นไห้ ดึงมือพี่สาวให้นั่งลงฟังเธอเล่า  หัวใจมีแต่ความบอบช้ำ เจ็บแค้นใจชายหนุ่มอยากสร้างเรื่องให้เขาถูกโจมตีด้วยพี่สาวและน้องสาว  หากแต่นึกอายถ้าภูนรินรทร์เล่าความจริงให้ขวัญชนกรู้อีกทั้งน้องสาวก็คงจะเชื่อเขามากกว่าเธอ“สองปวดหัวเพราะคิดถึงคุณพ่อคุณแม่มากไป  สองอยู่คนเดียวสองกลัว สองบอกให้คุณภูนรินทร์ อยู่เป็นเพื่อน เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้สองอยู่กับความมืดเพียงลำพัง  บ้านเงียบสองกลัวมากค่ะพี่หนึ่ง”     นทีชล  โผกอดพี่สาวร่ำไห้เสียใจที่ถูกชายหนุ่มพูดสลัดรักแล้วยังโต้หล่อนด้วยถ้อยคำเหยีดหยาม         “นั้นพี่จะพาน้องสองขึ้นไปนอนแล้วเอายาให้สองทาน”   “แล้วพี่สองทำไมต้องถอดเสื้อออกด้วย พี่ฉีกเสื้อผ้าออกเองเหรอ”

50

ดวงตาน้อยๆจ้องเสื้อคลุมซึ่งกลายเป็นเศษผ้าขาดๆในใจขวัญชนกนึกสงสัยไม่เชื่อคำพูดของนทีชล เพราะเธอรู้ด้วยว่า นทีชล ชอบภูนรินทร์ ข้างเดียว  ถ้าเขาจะปล้ำ นทีชลมีหรือจะขัดขืน      “ก็พี่ร้อนถอดไม่ทันใจ พี่ก็ฉีกมันขาดจะได้ซื้อเสื้อตัวใหม่”  หญิงสาว เช็ดน้ำตา หยุดร้องไห้หลังระบายหลั่งออกมาจนตาแดง หาทางเอาตัวรออดให้ได้ทำพูดเสียงเบาให้น่าสงสาร         “สองไม่ต้องกลัวพี่ ไม่ทิ้งสองไว้คนเดียวขึ้นไปนอนข้างบนจะได้นอนสบายกว่านอนบนเก้าอี้ พี่จะพยุงน้องสองไป”   แล้วทัดหทัยก็เอามือสอดใส่แขนนทีชลดึงเอาร่างน้องสาวให้ยืนขึ้น   ด้วยขณะนี้นทีชลไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนเพราะผิดหวังเสียใจที่ชายหนุ่มไม่รักเ.ใจเธอเหมือนคนที่กำลังป่วยหนัก    น้องสาวสุดท้องปล่อยให้พี่สาวคนโตพานทีชลเดินขึ้นบันไดไปคนเดียวใจเธอว้าวุ่นไม่อยากฟังพี่สาวพูดข้างเดียว นึกอยากรู้ความจริงจากปากของภูนรินรท์ว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่แหลือเพียงเขาอยู่กับนทีชล  เธอไม่อาจยืนรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าได้  รีบขยับเท้าก้าวไปผลักประตูไม้ให้เปิดกว้างออกแล้ว วิ่งตรงไปท่าจอดเรือให้ทันก่อนที่นายเรือเอกจะกลับ                       ขวัญชนก  วิ่งออกจากบ้านหวังให้ทันเจอเรือเอก ภูนรินทร์ ด้วยความอยากรู้เรื่องเมื่อครู่ก่อนที่เธอและพี่สาวจะเข้าบ้าน     “เดี๋ยวพี่ชายคอยสามด้วย”    สาวน้อยผมม้า วิ่งเข้าใกล้ริมหาด

 

 

บทที่    6

สายลมพัดผ่านให้หนาวสั่นจับขั้วหัวใจ   จันทร์เพ็ญงามลอยเลื่อนตรงฟ้าห่มทะเลบางแสน  คืนนี้ช่างเงียบสงบไร้คลื่นกวน    สองเท้าย่างเหยียบพื้นทรายขาวละเอียดยิบ    ช่างนุ่มนวลชวนให้คนเดินย่ำ   แต่ทว่านายทหารหนุ่มผู้งามสง่าซึ่งเคยชื่นชอบกับบรรยากาศเยี่ยงนี้  ไม่อยากไปจากเธอผู้กำหัวใจของเขาถ้า นทีชล ผู้เป็นน้องสาวจะไม่เล่นบทยั่วสวาทเขาจนทำให้ใจเขาสับสนวุ่นวายกลัวต้องมนต์เสน่ห์จนผูกมัดเขา  แล้วเขาก็อาจต้องเสียทัดหทัยไป     เรือเอก ภูนรินทร์ เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าหาด  ใจอยากไปหาหญิงสาวก็กลัวเธอเดินหนีเขาไปอีก  ทำไม?  เขาเป็นผู้ชายที่มีพร้อมทั้งเกรียติ ฐานะ ความสง่างามซึ่งไม่มีหญิงใดจะปฏิเสธความ

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว