Pretty Boy วุ่นร้าย นายน่ารัก

Y

Pretty Boy วุ่นร้าย นายน่ารัก

Pretty Boy วุ่นร้าย นายน่ารัก

newy

Y

1
ตอน
1.19K
เข้าชม
38
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
8
เพิ่มลงคลัง

Charpter.0

Introduce

 

ให้ตายสิ!!!......

ทำไมชีวิตของผมถึงต้อง....

มี ‘หมอนั่น’ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตผมด้วย.....

 

....♪♫นั่งคนเดียวแล้วมองกระจก ที่สะท้อนแสงจันทร์วันเพ็ญ โดดเดี่ยวกับความเหงา อยู่กับเหงาที่พูดไม่เป็น*♫♪......

“ อ้าว!!! มีสายเรียกเข้านิ ” หญิงวัยกลางคนๆหนึ่งกำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ในครัวของเธอ เธอจึงตะโกนเรียกหลานชายของเธอ

“‘หลาน’จ๋า มีสายเรียกเข้านะ ”

“ ครับ‘อา’ สงสัยจะเป็น ‘กามิล’ แน่ๆเลย ” ผู้เป็นหลานชายของบ้านนี้ออกมาในสภาพที่กำลังสวมเข็มขัดที่มีตราประจำโรงเรียนของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง วิ่งโล่ออกมาจากห้องของตัวเองรับโทรศัพท์ของตัวเอง

สายเรียกเข้า ; Gamil

“สวัสดีครับ”ผมตอบรับปลายสาย

“ไง... ‘เจ้าหลาน’นายแต่งเสร็จหรือ?”ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นี้ถ้าพวกสาวๆที่ปลื้มหมอนี้อยู่คงเป็นอันกรี๊ดสลบแน่ๆเลยละครับ

“ครับ... เสร็จละ กำลังจะทานอาหารเช้าอยู่ครับ” ผมตอบปลายสายด้วยความสุภาพ คือผมเป็นคนชอบใช้ภาษาที่สุภาพ เพราะผมได้รับการสอนที่ดีมาจากอาหญิงนะครับ และอีกอย่างผมก็ก็ชอบที่จะพูดด้วย เพราะมันไพเราะดี (คนเขียน ;มนุษย์ลุงโลกสวยจิมๆ)

“โอเค... งั้นอีก 3 นาทีเจอกันหน้าบ้านละ” จากนั้นปลายสายก็ตัดไป

“กามิลมารับใช่ไหมจ้ะ วันนี้” อาหญิงถามขณะจัดอาหารใส่จาน ผมจึงยกจานที่จัดอาหารแล้วไปไว้

*เพลง ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ ของ ป๊อบ ปองกูลfeat. ดา เอ็นโดฟิน

บนโต๊ะอาหรที่ห้องอาหาร

“โอ้โห!!!!ไข่ดาวกับไส้กรอก น่าทานมากเลยครับ งั้นทานเลยนะครับ ”

“จ้า.... รีบทานซะนะ เดี๋ยวกามิลมารับแล้วจะไม่ทัน” อาหญิงบอกจากนั้นเราสองคนก็ลงมือทานอาหารเช้าด้วยกัน

จากนั้นผมก็ออกมารอกามิลอยู่ที่หน้าบ้าน กามิลกับผมเราสนิทกันมาแต่เด็กแล้วละครับ เพราะว่าพ่อแม่ของเราสองคนนั้นรู้จักมักคุ้นกันมานานละ

เอ้อ!!! จริงสิ.... ผมนิลืมไปเสียสนิทเลย ลืมแนะนำตัวเองให้ฟัง ผมชื่อ “เจ้าหลาน” นะครับ อายุ 15 ย่าง 16 ปี กำลังศึกษาต่อ ม. 4 ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งครับ  ตอนที่เลือกแผนการเรียนนั้นผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะลงเรียน วิทย์–  คณิต ซึ่งผมชอบเรียนคณิตกับวิทย์มาก ส่วนกามิลนะหรอ รายนั้นนะผมลากเขามาเรียนแผนการเรียนเดียวกัน หมอนั่นรำพึงเบาๆให้ผมฟังว่า “ดีนะที่เจ้าหลานลากมาลงสายเดียวกัน ไม่งั้นโดนลากไปศิลป์เยอรมัน”เขาชอบบ่นว่าที่บ้านอยากให้เรียนศิลป์ภาษาจีน เพราะเชื้อสายของกามิลเป็นคนจีน พ่อแม่ของเขาอยากให้เรียนภาษาจีน กามิลก็มักจะทำหน้ามุ่ยแล้วตอบกลับไปว่า “ทุกวันนี้ม่าก็พูดจีนให้ฟังทุกวัน จนผมละเบื่อจริง” ใจจริงหมอนี้อยากเรียนวิทย์– คณิต เหมือนกันกับผมนี้แหละ ก็เลย เลยตามเลยกับผมซะ ได้ยินว่าม่าของหมอนั่นนั้นบ่นเรื่องแผนการเรียนให้ฟังตลอดทั้งอาทิตย์ที่รู้ข่าวเลยละครับ

ส่วนเรื่องความสนิทสนมกันนั้น ต้องบอกก่อนเลยครับว่าเราซี้ปึกกันมาก คือไปไหนต้องไปด้วยกัน คือถ้ามีผมต้องมีกามิล แต่ถ้าเวลาเห็นกามิลอยู่คนเดียววันไหนละก็ไม่ต้องสงสัยนะครับ คือผมต้องไม่สบาย หรือไม่ว่าง (เช่น อ่านหนังสือ ทำการบ้าน อะไรประมาณนี้) แต่ส่วนมากเราจะไปตะลอนด้วยกันตลอด จนเพื่อนๆในคนพากันเรียกว่า ‘ดูโอ้ขาว – ดำ’ เพราะผมขาวมาก ส่วนกามิลนะดำ แต่เข้ม มีเสน่ห์ แบบว่ามีสาวๆติดเขาตรึม แค่เสน่ห์ของหมอนี้ก็มีเสน่ห์ละ พูดง่ายๆคือ คมขำไงครับ พูดถึงสาวๆเนี้ย กามิลเขาออกจะฮอตมากเลยครับ เป็นที่สนใจของสาวๆมากเลยละครับ ส่วนผมนะเหรอ ฮึ....พูดแล้วก็ขึ้นครับ หมอนั้นชอบค่อนขอดผมเวลามีสาวๆมาขอเบอร์แล้วปฏิเสธว่า “เฮอะ....อย่างเจ้านี้นะเหรอ มีแฟนเป็นผู้ชายยังจะรุ่งกว่าอีก” แหม..... พ่อรูปหล่อสูงโปร่ง (จริงๆแล้วผมสูง180 ครับ แต่ไม่รู้กามิลไปกินอะไรเลยสูง 189 ) ใครจะไปสู้กามิลได้ ทั้งพูดหยอดคำหวาน เสร็จแล้วก็ให้เบอร์ไป แต่หมอนี้คบกับใครไม่เกินอาทิตย์เดียวหรอกครับ จะมักจะเลิกไปกันหมด ผมก็ไม่ถามหรอกอไรมากหรอกครับ แต่ถ้าถามหมอนั้นก็มักจะตอบกลับมาว่า “จริงๆนะ เราไม่ได้จริงจังอะไรกับเธอหรอก เพราะกูมีตัวจริงอยู่ละ” พอถามกลับไปว่าคนนั้นเป็นใคร หมอนั้นก็หน้าแดง และพูดเฉไปว่า “น่า...เดี๋ยวก็รู้เอง” ผมก็งงว่าเป็นใครเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ผมกับเขาตัวติดกันมาก เลยข้องใจว่ามันไปเจอสาวที่ใช่คนไหนเมื่อไรนั้นแหละ

ส่วนผมนะเหรอ ฮึๆ.....ผมไม่สนใจเรื่องรักๆใคร่อะไรมากมายหรอกครับ จริงผมเคยมีแฟนเหมือนกันนะครับ แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่ผู้ชายแบบที่นายกามิลแซวแน่นอนครับ555555 เขาเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเดียวกันนี้แหละครับ เขาชื่อข้าวฟ่าง เป็นรุ่นน้องผมปีหนึ่ง แต่เพราะผมมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการเรียนและหนังสือ(รวมทั้งนายกามิล555555) เหตุผลง่ายๆเลยครับคือผมไม่มีเวลาให้เขา ผมและเขาต่างบอกเลิกกันแหละกัน คือจบกันอย่างสวยงามเลยละครับ ถามผมว่าเสียใจไหม ก็เสียใจนะครับ ส่วนใหญ่กามิลนี้แหละที่คอยปลอบใจ แต่จะว่าไปกามิลนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกับแฟนเก่าผมไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเวลาที่ผมว่างและกำลังจะไปเดทกับน้องเขา กามิลก็มักจะโทรมาชวนไปทำธุระกับมันตลอด จะว่ามันแกล้งก็ได้เพราะบางทีธุระของมันคือ ให้ผมไปนั่งรอมันเรียนพิเศษถึง 3 ชม. เลยละครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้น มันหลอกผมให้ไปนั่งรออยู่ที่คาเฟ่ข้างๆติวเตอร์ภาษาจีนที่เขาเรียนอยู่ ผมโวยวายว่าหลอกให้ผมนั่งรอแทนที่จะจะได้ไปเดทกับน้องข้าวฟ่าง กามิลตอบแบบยิ้มๆว่า “เอาน่า....อย่างน้อยๆ นายก็ได้กินขนมเค้กฟรี 3 ชม. โดยที่กูเลี้ยงไง55555555”ผมโกรธมากเลยเดินกลับบ้านโดยไม่ฟังเสียงของกามิลที่เรียกใอยู่อาทิตย์นั้นผมไม่ยอมพูดกับกามิลเลยสักคำ จนหมอนั่นต้องมาง้อขอโทษอยู่ที่หน้าบ้าน จนอาหญิงต้องมาเจรจา ผมถึงยอมหายโกรธบ้าง หลังจากนั้นหมอนั่นจนไม่กล้าเล่นแพลงๆอะไรแบบนี้อีก (คนเขียน ; สมควรแล้วละ5555)

จากนั้น KSR คันสีเขียวนั้นก็พาเราทั้ง 2 คนเข้าเขตโรงเรียน กามิลขับมอเตอร์ไซค์คันงามไปจอดที่โรงรถข้างๆอาคารตึกที่เราจะขึ้นเรียนขณะที่ผมกำลังถอดหมวกกันน็อกออกจากหัวของผมนั้น ขาแว่นสายตาของผมนั้นดันไปคล้องกับสายรัดคางหมวกจนหลุดออกจากหน้าผม กระเด็นไปตกข้างๆเท้ากามิล

“อ๊ะ... กามิล!!! เก็บแว่นให้ผมหน่อยครับ”

“ไหนๆ....”กามิลมองหาแว่นตา และก้มลงเก็บ

“อ่ะ.... คอนแทคเลนส์ก็มีทำไมไม่ใส่ล่ะ” กามิลยื่นแว่นตามาให้แต่ชะงัก “ม่ะ... เดี๋ยวใส่”

“เอามา ผมใส่เอง เดี๋ยวกามิลใส่ผิดอีก” ผมหยิบแว่นสายตากรอบทรงวงกลมจากมือกามิลมาใส่ จริงๆแล้วผมเป็นคนสายตาค่อนข้างสั้น ด้วยความที่ผมรู้สึกว่าพอใส่แว่นแล้วทำให้ผมรู้สึกว่ามีความมั่นใจมากขึ้น (มั้ง 55555) “ผมขี้เกียจใส่เลนส์มา นายก็รู้นิว่าผมนะชอบลืมหยอดตาเวลาตาแห้ง และชอบเผลอหลับด้วย” ผมบอกเหตุผลที่ไม่ยอมใส่เลนส์

“เอ้า ให้เราคอยเตือนก็ได้นิ”

“ไม่เอา ขี้เกียจไปที่ห้องเอากระเป๋าไปเก็บดีกว่า เดี๋ยวคอยลงมาซื้อน้ำเปล่า” ผมรีบตัดบทแล้วเดินผละออกมาจากโรงจอดรถ เร่งฝีเท้าเพื่อเร่งให้กามิลรีบเดิน

บรื้นนนนนนนนนนนนน

“เฮ้ย!!!!! เจ้าหลาน ระวังรถ”กามิลตะโกนจนสุดเสียง แล้วกระโดดจากที่จอดรถแล้วกระชากผมที่กำลังจ่ำอ้าวโดยไม่ได้

พลั่ก!!!!!

ร่างของเจ้าหลานปลิวตามแรงกระชากของคนร่างสูงจนคนตัวเล็กกว่าเสียการทรงตัว เซถลาล้มทับกามิล หัวของเจ้าหลานไปชนเข้าที่แผ่นอกหนาๆของกามิลอย่างจังจนทำให้แว่นตาของเจ้าหลานเอียงกระเท่เร่แทบหลุดออกจากหน้า

“โอ้ยยยยย เจ็บหัวง่ะ” ผมบ่นออกมาอย่างเจ็บปวด พลางลูบหัวที่เจ็บ

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?หลาน” กามิลถามพลางลบหัวบริเวณที่ผมเจ็บ “เพี้ยง... หายละๆ” หมอนั่นเบาลมใส่แผลของผม แล้วทำหน้าทะเล้นก่อนจะพาร่างของตัวเองและฉุดร่างผมขึ้นมา แล้วพวกเราก็เดินไปหาคู่กรณีที่ขับมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวผม

“คอยดูนะ ฉันจะเอาให้หมอบเลย” กามิลหัวบ่นออกมา

“อย่านะครับ อย่ามีเรื่องตั้งแต่วันแรกของการมาเรียนเลยนะครับ” ผมเห็นท่าไม่ดีเลยร้องห้าม

“ไม่ได้ นายเกือบโดนมันเฉี่ยวแล้วนะ” กามิลหันมา หน้าท่าทางเอาเรื่องมาก

“พอเหอะ กามิล!!ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไร ไปกันเหอะ” ผมเหนี่ยวกามิลไว้และพยามออกแรงดึง

“แต่นายเจ็บนะ”

“อ้อ!!!! นี้หรอ.... ก็ไปโขกกับอกนายไงล่ะ ป่ะ!!!! ไปดีกว่า เราไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”จากนั้นพวกเราสองคนก็ผละจากคู่กรณีแล้วพากันเดินขึ้นตึกไปพร้อมๆกัน

อีกฝ่ากหนึ่งของเหตุการณ์นี้ คู่กรณีที่เกือบเฉี่ยวเจ้าหลานก็ลงจากบิ๊กไบค์สีดำมะเมี่ยม พลางถอดหมวกกันน็อกแบบนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ออก เผยให้เห็นเค้าโครงหน้าอันหล่อเหลาคมคาย เป็นใบหน้าที่มีการผสมกันระหว่างไทยกับอังกฤษ แต่โดยรวมแล้วจัดว่าหน้าไทยเลยก็ว่าได้ สวมชุดมัธยม ม. ปลาย แบบเดียวกับเจ้าหลานและกามิลคู่กรณีของเจ้าหลานฉีกยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ จ้องมองเจ้าหลานที่เดินขึ้นตึกไปพร้อมกับกามิล จากนั้น ‘เขา’ ก็ถอดแจ็กเก็ตหนังสีดำ

“ฮึ!!!!น่าสนใจดีนิ”

จากนั้น เด็กชายก็เดินเข้าไปที่ห้องพักครู เพื่อจัดการเรื่องการเรียนของเขาต้องไป

หารู้ไม่..... หลังจากนี้  ชีวิตของพวกเขาทั้งหมดจะต้องพบกับความวุ่นวาย ความอลเวง

และอีกหลากหลายอย่างที่จะเข้ามาผจญในชีวิตของพวกเขา......

 

นี้เป็นเรื่องแรกเลยละที่ลองเอาลงดู ชอบ - ไม่ชอบยังไงติชมได้นะ

Newy

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว