One Thing inside you.(Henry+Ben)
0
ตอน
1.26K
เข้าชม
43
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

ในบาร์เล็กๆย่านหัวมุมแห่งหนึ่ง เมื่อยามความมืดปกคลุมร้านแห่งนี้จะเปิดทำการ ไฟแสงส้มบรรยากาศนวลๆ แม้จะไม่ได้เป็นแหล่งยอดนิยมของเหล่านักดื่มแต่ผู้คนก็มักจะมาเนืองแน่นที่นี่ในทุกคืนวันศุกร์

 

เฮนรี่เห็นป้ายประกาศรับสมัครงาน และตอนนี้เขาเป็นพนักงานฝึกหัดของที่นี่ได้วันแรกพอดี

 

 

ว่าไงเพื่อน ทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง นายชอบมั้ย อาร์มมี่ชายร่างสูงทักเขาเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานกอดคอลากเขาช่วงพักไปหลังร้าน งานของเฮนรี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะดูแลพวกเช็ดถูจัดโต๊ะยกถังลังบ้าง เขาเลือกงานร้านนี้เพราะปกติคนไม่แน่น แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง มาทำงานวันแรกลูกค้ามาจนเตรียมตัวไม่ทัน

 

 

“ไหนพี่บอกว่าปกติคนไม่ค่อยเยอะไง”เฮนรี่ถามพลางส่งยิ้มเหนือยๆ อาร์มมี่หัวเราะพร้อมตบไหล่ ปกติมันก็แบบนั้นแหละแต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อถามว่ามันคืออะไร อาร์มมี่โบกมือปัดบอกให้เข้าไปดูในร้านเอง เหมือนจะคึกครื้นกันแหะทุกคนต่างจับจ้องไปบนเวที เมื่อพิธีกรในชุดสูทพูดกล่าว

 

 

“ขอเชิญทุกท่านพบกับ ดาวจรัสแห่งแสง เบน แอฟเฟล็ค ” เสียงคนปรบมือระรัวเหมือนรอคอยมานาน

เสียงนุ่มลึกบวกกับเสียงเปียโน ชายร่างสูงเดินโผล่ออกมาจากหลังม่าน เขาในชุดสูทดำกับรอยยิ้มดูลึกลับน่าประหลาดนั่นทำเอาเฮนรี่ต้องในมนต์สะกด

 

 

เบนไม่พลางแค่ใช้เสียงน้ำชวนฝัน เขามีบุคลิกเยี่ยมยอดแค่สายตาที่ส่งให้ลูกค้าผู้หญิงคนนั้นทำเอาหล่อนตาค้างแข็งทื่อไปหมด เบนกวาดสายตาไปทั่วร้าน ยังคงเป็นลูกค้าขาประจำสินะ จนไปสะดุดสายตาเข้ากับพนักงานฝึกหัดในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่น..

 

 

เบนเดินลงจากเวที เขาจับไม้จับมือกับแฟนคลับประจำ บ้างส่งเงินให้เขา บ้างส่งเครื่องดื่มมาให้ เบนยังคงเดินมาหาเขาเรื่อยๆตายหล่ะ เบนเดินมาประจันหน้ากับเฮนรี่เด็กหนุ่มในขณะที่ยังคงร้องเพลงอยู่พร้อมส่งสายตายั่วยวนกับเนื้อหาเพลงที่ทำให้เฮนรี่ชวนคิดเตลิดทันที่เบนโน้มตัวมาใกล้กระซิบร้องเพลงที่ใบหู

 

 

“นายนี่น่ารักดีนะ..เด็กใหม่”คำพูดของเบนดังก้องอยู่ในหัว

 

 

เมื่อโน้ตตัวสุดท้ายหยุด เบนยักไหล่ให้เขาก่อนจะเดินกลับขึ้นเวทีไป เสียงชื่นชมปรบมือดั่งก้องทั่วบาร์ก่อนจะเงียบลงเมื่อเบนเดินกลับเข้าไปหลังม่าน เฮนรี่หน้าแดงร้อนผ่าววิ่งเดินตามไปหลังร้านอาร์มมี่เดินสวนกลับเข้ามา ถามว่าโชว์เป็นยังไงบ้าง แต่เขาไม่สนใจรีบเดินออกตรงประตูหลังร้าน นั่นไงเบนเขากำลังเดินออกจากร้านแล้ว

 

 

“เดี๋ยวก่อนครับคุณเบน”เฮนรี่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงปนเหนื่อยที่เก็บไม่มิด เบนหยุดหันกลับมามองเมื่อเห็นเป็นเด็กที่ตัวเองไปแหย่เล่นเข้าเลยเอ็นดูความไร้เดียงสาเข้า

 

 

“ว่าไงล่ะ เฮนรี่มาทำงานวันแรกหรอ”เบนส่งยิ้มน้อยๆพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อให้ ขอโทษที่แหย่นายเล่นนะ ฉันมักจะชอบเล่นกับคนดูแบบนั้นแหละ เฮนรี่รับผ้าเช็ดหน้ามาด้วยอาการดีใจ ตอนนี้เขาคงกลายเป็นแฟนคลับเบนไปซะแล้วสิเฮนรี่คิด

 

 

“ค..คุณเบนร้องเพลงได้เพราะมากเลยครับ มิน่าทำไมลูกค้าถึงได้มากันเยอะ”เบนพยักหน้ารับด้วยความจริง แหงะล่ะเพราะเขาทั้งหล่อ สมาร์ท ร้องเพลงยังเก่งอีกธรรมดาแหละ เฮนรี่พยายามคีพลุคให้ดูเป็นพนักงานฝึกหัดดูไร้เดียงสา น่าเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่จากนั้นสาวๆใจปล้ำก็จะให้ทิปเขา หืม...ไม่คลาดสายตาเบนหรอกน่าว่าเจ้าหนูนี่คิดอะไรอยู่มันไม่ได้ผลซะหรอก

 

 

เบนชวนเฮนรี่ออกไปเดินเที่ยวกลางคืนต่อ แน่นอนเฮนรี่พยักหน้ารับไม่ปฏิเสธ ปกติเขาเป็นสายดื่มอยู่แล้วเลยมาทำงานที่บาร์ในขณะเฮนรี่ยิ้มแป้นเตรียมออกเที่ยวกำลังถอดผ้ากันเปื้อนทิ้งทำให้เบนเห็นสรีระของเขาได้ชัด..อืม ไม่เลวนินับว่าเป็นเด็กหนุ่มที่หุ่นดีไม่เบา จู่ๆเสียงบางอย่างขัดจังหวะเข้า

 

 

“เฮนรี่ กลับเข้าทำงานได้แล้วลูกค้ามากันเพิ่ม” อาร์มมี่เปิดประตูบานเขียวตะโกนไล่หลังเฮนรี่ เขาเก็บอาการความเสียดายไม่ชัดจนเบนมองออกอีกนั่นแหละ

 

 

“ไว้วันหลังก่อนก็ได้เฮนรี่ นายคงไม่อยากตกงานตั้งแต่วันแรกหรอกนะ” ครับ งั้นผมคงขอตัวก่อนนะเฮนรี่ยังคงอ้ำๆอึ้งๆเดินกลับไปหยิบผ้ากันเปื้อนใส่ก่อนจะเปิดประตูเข้าร้านไปมีบางอย่างทำให้เขาสงสัยจึงเดินกลับมาหาเบน

 

 

“เดี๋ยวก่อนนะ คุณเบนรู้จักชื่อผมได้ยังไง” เฮนรี่ขมวดคิ้ว เบนยิ้มกริ่มแบบผู้ใหญ่แต่อดกลั้นขำไม่ได้ เขาไม่ตอบอะไรแต่ชี้นิ้วไปที่เข็มกลัด เฮนรี่หน้าแดงแจ๋เพราะความหน้าแตก ให้ตายล่ะชื่อเขายังติดอยู่เลยเมื่อรู้ความจริงก็ยิ้มกริ่ม ขอตัวไปทำงานต่อ

 

 

เฮนรี่คิดว่าตัวเองเท่แล้วนะ แต่พอเจอเบนแล้วเขาแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองเลย...

 

I've tried playing it cool

But when I'm looking at you

I can't ever be brave

'Cause you make my heart race.

 

 

 

ทุกวันที่ได้มาทำงานในบาร์เล็กๆนี่ เหมือนเป็นยาชูกำลังชั้นดี การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ถือเป็นงาน

หนักพอตัวสำหรับนักศึกษาอย่างเฮนรี่ เขาเรียนในคณะดุริยางคศาสตร์อันที่จริงต้องเรียนในรอบค่ำแต่เพื่อทำงานพิเศษแล้ว เขาต้องตื่นเช้าขึ้น(เช้ามากๆ)เพื่อมาซ้อม เฮนรี่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำได้ คนรอบข้างชอบทักบ่อยๆว่าเขาดูสดใสมากขึ้น เอ ทำไมกันนะ...คงเพราะมีความรักละมั้ง J

 

 

เฮนรี่ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาชอบช่วงเวลาที่เหมือนแอบบังเอิญนี่จัง เพราะเบนจะมาซ้อมร้องเพลงก่อนร้านจะเปิดช่วงเวลาที่พนักงานหลายคนยังไม่มาและช่วงหลังปิดร้าน เฮนรี่จะเถลไถลป้วนเปี้ยนอยู่หลังร้านทำเนียนว่าเก็บทุกอย่างจนเรียบร้อยทุกคนกลับก่อน เหลือแค่เขากับเบน

 

 

หรือมันอาจเป็นความจงใจของเขาทั้งคู่

 

ความรู้สึกที่แทบอยากจะระเบิดออกมา

 

 

“คืนนี้ก็ยังร้องเพราะเหมือนเคยนะครับ” เฮนรี่ยิ้มกว้าง เขายื่นขวดน้ำแร่ให้เบน เบนส่งยิ้มแยกฟันสวยให้เฮนรี่นั่นแหละแรงจูงใจในการหักเงินค่าขนมตัวเขาเอง เขาเริ่มรู้ว่าเบนแม้จะเป็นนักร้องตามผับตามบาร์แต่เขาเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่ามากกว่า เบนเป็นผู้ชายที่ดีมากๆคนนึงเลยล่ะ เขาไม่ยกยอตัวเองไม่ยุ่งกับลูกค้าเมื่อหมดเวลางาน ที่สำคัญเบนคือคนเดียวที่ให้ความจริงใจกับเขา

 

 

 

“พรุ่งนี้ฉันไม่ได้มาที่ร้านแหละ”เบนพูดทำเอาเฮนรี่หัวใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม เขาจะไม่ได้เจอเบนอีกแล้วเหรอไม่อยากมาทำงานเลยแหะพรุ่งนี้ลาหยุดดีมั้ยน้ะ

 

 

“อะไรทำหน้าแบบนั้น หืม?”เบนยิ้มให้พร้อมเอามือหนาสองข้างลูบที่แก้มเฮนรี่ มันรู้สึกดี..อบอุ่นความปลอดภัยและอุ่นใจอยากบอกไม่ถูก

 

 

“ผมจะอดไม่ได้ฟังคุณร้องเพลงน่ะสิครับ ผมคงคิดถึงมันมากแน่ๆ”เบนอึ้งไปสักพัก หันข้างกลับไปนั่งสบตากับเค้าท์เตอร์วางเหล้า เบนไม่รู้ว่าทำไมแต่ได้ยินแล้วรู้สึกดีแปลกๆ ดีจนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

“ถ..ถ้ายังงั้นฉันใจดีเปิดมินิคอนเสิร์ตให้นายดีมั้ย” เฮนรี่รีบจัดเวทีให้เสร็จสรรพ แต่พวกเขารู้ว่าจะต้องแอบไม่เปิดไฟให้ข้างนอกเห็น ทุกอย่างทำอย่างรวบรัดในความมืดเบนจับไมค์ขายาวด้วยนิ้วเรียวงาม แสงไฟจากหลอดตะเกียบเล็กทำให้ฉายเป็นภาพของเทพบุตรในเงาเลือนลาง

 

ยิ่งชวนให้น่าหลงใหลขึ้นไปอีก...

 

“สวัสดีครับ..คุณเฮนรี่แขกผู้มีเกียรติเพียงหนึ่งเดียวของคืนนี้”เฮนรี่หัวเราะลั่นเมื่อได้ยินชื่อตัวเองเขาลากเก้าอี้มานั่งหน้าตรงเวที ตำแหน่งที่ตรงกับหัวใจ..(อันนี้เฮนรี่คิดเอาคนเดียวแหละ)ปรบมืออย่างตั้งอกตั้งใจให้นักร้องคนสำคัญ ไม่ใช่คนโปรดแต่ว่ามีเพียงคนเดียว

 

เป็นอะไรบางอย่างที่มันรอคอยมาตลอด

บางอย่างที่เบนมี

 

Some things gotta give now

'Cause I'm dying, just don't make you see

That I need you here with me now

'Cause you've got that one thing

 

 

เบนร้องเพลงได้อย่างชำนาญ น้ำเสียงทรงพลังและมีมนต์สเน่ห์ เฮนรี่รู้สึกตกอยู่ในภวังค์อีกแล้ว..พอเพลงจบลงแน่นอนว่าเฮนรี่ลุกพรวดตบมือผิวปากไม่หยุดแหมอะไรจะดีใจเบอร์นั้น

 

 

“เยอะไปล้ะ เฮนรี่เยอะไปล้ะ” เบนเดินมากระแซะสีข้างหนุ่มตัวใหญ่ พลางชี้นิ้วบอกให้ไปปิดไฟเบนเตรียมกุญแจปิดร้านไว้แล้วทั้งคู่ออกจากร้านมาเป็นเวลาตีสองกว่าๆ ถนนค่อนข้างเงียบโล่งพอที่จะให้พวกเขาไปเดินเล่น จู่ๆเฮนรี่ก็ท้องร้องขึ้นมา ทำเอาเขาหน้าแดง ตายล่ะหวาน่าอายจริงๆ

 

 

ไม่เป็นไรหรอกน่าเฮนรี่ไปร้านมินิมาร์ทกัน เบนหัวเราะพร้อมตบไหล่หนาๆของเด็กหนุ่ม เข้าร้านมามีแค่แอร์เย็นๆที่มากระทบพวกเขาเป็นเพียงลูกค้าแค่สองคน นับชีวิตพนักงานอีกหนึ่ง เบนบอกจะเดินไปชงกาแฟด้วยท่าทางเชื่องๆง่วงเต็มแก่อีกเดี๋ยวจะได้ไปนอนแล้วงานกลางคืนเป็นงานที่เขารักเพราะมันไม่ต้องไปแข่งกับใคร ช้อนคนหมุนติ้วกระทบข้างแก้วใส่กลิ่นหอมฟุ้ง

 

 

เฮนรี่หยิบแซนวิชไปจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว ระหว่างรอเบนอยากหาอะไรอ่านเล่นที่แผงหนังสือ อืม คอมมิคซุปเปอร์แมนงั้นหรอ การ์ตูนเรื่องเก่าที่เขาชอบอ่านสมัยเด็กๆนี่ เฮนรี่เปิดอ่านแบบผ่านๆ

 

 

“ซุปเปอร์แมนหรอ ถ้าจำไม่ผิดเขากลัวคลิปตันไนท์ใช่หรือเปล่า” เฮนรี่สะดุ้งเฮือกพอหันกลับไปเห็นหน้าเบนกับเฮนรี่แทบจะชิดกันอยู่แล้ว เขาเกือบปล่อยมือทำแซนวิชร่วงแหนะเฮนรี่ตั้งสติไว้สิ

 

 

 

“ครับ แต่ผมว่าซุปเปอร์แมนเจ๋งกว่าแบทแมนอยู่แล้ว” กลายเป็นเปิดหัวข้อใหม่ไปซะแล้ว พวกเขาถกเถียงกันว่าแบทแมนกับซุปเปอร์แมนใครเก่งกว่า เฮนรี่เถียงว่าแบทแมนน่ะนั่งอยู่แต่ในถ้ำค้างคาวแถมต้องใช้รถขับ ส่วนเบนเถียงกลับว่าแบทแมนจัดการฮัคได้อยู่หมัดในคนเดียว มันน่าตลกดีนะที่เขาเถียงกันไปมาทั้งที่นั่นควรจะเป็นเรื่องที่เด็กๆงอแงใส่กัน

 

 

อันที่จริงเฮนรี่ไม่สนหรอกว่าซุปเปอร์แมนน่ะจะแพ้คลิปโตไนท์ยังไง

 

เพราะเขาแพ้เข้าอย่างจังกับคนที่เดินข้างๆด้วยมากกว่า

 

 

Shot me out of the sky

You're my kryptonite

You keep making me weak

Yeah, frozen and can't breathe

 

 

 

เฮนรี่กลับมาทำงานในวันที่เบนไม่มาอย่างไร้ชีวิตชีวา ดูเหมือนมันเทาไปหมดบรรยากาศเหมือนมีฝนก่อตัวอยู่บนหัวเฮนรี่แหนะ งานที่อาจารย์สั่งให้แต่งเพลงอยากจะแต่งแต่ไอเดียยังไม่มาเนี่ยสิ เฮ้อลูกค้าไม่ค่อยมาเพราะเบนไม่อยู่จริงๆด้วย เขาจึงได้เลิกงานไวกว่าปกติ แม้แต่อาร์มมี่ยังแปลกใจจากที่เคยกลับช้าแต่วันนี้หมอนี่กลับไวเป็นพิเศษ

 

 

ในมหาวิทยาลัยไม่มีอะไร ในคณะด้วย เขาเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ไปออกกำลังกายก็ไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นความรู้สึกร้อนผ่าวในใจ ความคิดถึงที่ไปไม่ถึงเขาอยากมีความหวังว่าพรหมลิขิตจะทำให้เขาเจอเบนระหว่างที่ออกวิ่งไปรอบเมือง แล้วเขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ

 

 

 

ไม่เจอเงาของเบนเลยแม้แต่นิดเดียว

 

 

เมื่อกลับถึงห้องพักเล่นทำเอาเฮนรี่หมดแรง ความรู้สึกปวดจิ๊ดแล่นมาในหัว ความร้อนสลับความเย็นหนาววูบในตัวให้ตายสิอย่าเป็นไข้หวัดเชียวนะเฮนรี่เขารีบอาบน้ำชำระร่างกายทิ้งตัวลงบนเตียงนอนความอ่อนล้านั่นทำให้เขาหลับไปอย่างอ่อนแรง

 

 

 

40 องศา....

 

ถูกต้อง เขาเป็นไข้ แทบจะลุกจากที่นอนไม่ได้ ที่เขาทำได้คือโทรไปลางานกับหัวหน้าเขาหมดแรงจนแทบไม่ได้กดวางสายด้วยซ้ำ อยากจะกินยาแต่ไม่มียาอยู่ในห้องเขาลุกไม่ไหวได้แต่ภาวนาว่าถ้าเขาหลับไปไข้อาจจะลด เขารู้สึกหนาวจังอยากให้เบนอยู่ที่นี่....อ้อนวอนเถอะพระเจ้า ถ้ามีปาฏิหาริย์จริงขอให้ผมผ่านช่วงเวลาทรมานนี้ไปได้ไวๆ

 

 

“วันนี้เฮนรี่ไม่สบายลาหยุดน่ะครับ” เบนรีบลงจากเวทีเมื่อมองไม่เห็นเฮนรี่ที่เคยนั่งแถวมุมในสุดอย่างเคย เจ้าเด็กนั่นสนิทกับใครนะ เฮ้ อาร์มมี่ไงหลังจากคุยจนได้ใจความเบนถึงได้รู้ว่าเฮนรี่พักอยู่ที่ไหน จำได้ว่าเด็กนั่นบอกว่าออกมาจากต่างจังหวัดเลยอยู่คนเดียว แบบนี้จะได้กินยาหรือยังนะ ซื้อโจ๊กไปฝากดีกว่าไม่ต้องรอช้าเบนกำใบที่อยู่ของเฮนรี่แน่น จนเหงื่อในมือซึมให้ข้อความเลือนราง

 

 

(แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ด้วยความอัจฉริยะไอคิว154ของเบน เรื่องแค่นี้จำได้อยู่แล้ว)

 

 

 

“เฮนรี่ เฮนรี่!!”เบนเคาะประตูดังอย่างไม่เกรงใจข้างห้อง เมื่อเห็นประตูไม่ได้ล็อก เฮ้จะโดนขโมยที่ไหนแอบย่องเข้าห้องหรือเปล่า หรือว่าจะ....เมื่อเดินเข้าไปในห้องขนาดเล็กเท่ารูหนูก็เห็นร่างสูงนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง

 

 

“ทำใจดีๆไว้นะ ดื่มน้ำหน่อย”  เบนพยายามจัดยาบังคับมือไม่ให้ตัวเองสั่นจนทำยาร่วงไปหลายเม็ด เวรเอ้ย พอจับตัวเฮนรี่ก็พบว่าตัวร้อนจี๋ ปากแดงไปหมดได้โปรดเถอะเฮนรี่ฟื้นมากินยาก่อนสักนิดก็ยังดี

แต่เฮนรี่นั้นอ่อนแรงเกินไป เขาสลบกับพิษของไข้ เบนจับแก้มตุ่ยสองข้างขึ้น พยายามจะยัดยาเม็ดลงไปแต่ก็ไม่เป็นผล..ถ้าช้ากว่านี้เฮนรี่ต้องช็อคจากอาการไข้แน่เมื่อคิดดังนั้นแล้วเบนจึงหยิบขวดน้ำขึ้น มือข้างหนึ่งกำยาเม็ด เบนรู้ว่านี่มันไม่ดีแต่นี่จะดีกับตัวเฮนรี่เอง เบนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ...

 

 

เบนกรอกยาเข้าปากตัวเองพร้อมตามน้ำ

 

เบนเอามือดันริมฝีปากแดงจัดนั่นให้มีช่องระหว่างไรฟัน

 

ใบหน้าที่ใกล้กัน..สัมผัสจากเบน

 

“ขอโทษนะเฮนรี่..ที่ฉันฉวยโอกาสจากนาย”

 

 

 

 

 

เฮนรี่รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น ความรู้สึกที่บดกับริมฝีปากถูกทาบอย่างอ่อนโยน กับรสฝาดขมลงคอนั่นทำให้เขาอาการดีขึ้น เฮนรี่สะดุ้งพรวดจากเตียงหันซ้ายหันขวา เจอเบนกำลังอุ่นอะไรบางอย่างอยู่ในครัว หอมจัง..

“คุณเบน?” ร่างสูงหันขวับตอบรับ พร้อมคลี่ยิ้มให้แม้จะดูอ่อนแรง เขาปิดแก๊สพร้อมยกถ้วยโจ๊กมาให้

 

 

“ไหนดูสิ เช็คหน่อย”เบนเอาหลังมือแตะหน้าผากเฮนรี่ ตัวอุ่นไม่ร้อนแล้ว เบนขยับไปนั่งบนเตียงนายคงไม่ได้กินอะไรเลยสิ เบนส่งสายตาเป็นห่วงคนป่วยจากใจจริง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ตั้งใจตักผิวบนของโจ๊กบรรจงเป่าด้วยลมปากของเบนเป่าอย่างเบาบาง

 

 

โอ้ย..แค่เสียงลมเป่ายังเพราะเลยครับเบน เฮนรี่คิดในใจ

 

 

“อา..”

 

“อา...อ้ามมม”เฮนรี่ที่เบนพยุงตัวจากด้านหลังกลายเป็นว่าได้กินข้าวในอ้อมกอดใหญ่ๆของเบน เขาไม่รังเกียจหรือกลัวจะติดเชื้อไข้หวัดจากเขาด้วยซ้ำ ขอบคุณนะครับเบน..จากใจจริงเลย

 

 

เบนเอาชามข้าวที่เฮนรี่กินเสร็จเรียบร้อยไปล้าง เอาเจลลดไข้แปะบนหน้าผากเฮนรี่พร้อมเตรียมซักผ้าขนหนูเตรียมเช็ดตัวให้เฮนรี่ กะละมังใบใหญ่วางไว้ข้างตัว เฮนรี่สบตาเบน เบนมองกลับ

 

 

“....ผมเช็ดตัวเองได้”

 

“ตั้งแต่จำความได้ ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นคนไข้ที่ไหนต้องมาเช็ดตัวเอง”

 

“ต..แต่ผม..อ๊ากกกกกก” น้ำเย็นเชียบสัมผัสร่างกายทำเอาเฮนรี่สะดุ้ง

 

“ทนอีกนิดน่า แป๊ปเดียวก็เสร็จแล้ว...”

.

.
.

.
.

.

.

เฮนรี่รู้สึกเหมือนเสียความบริสุทธ์ไป(?)มีแค่คุณแม่เท่านั้นนะที่มาเห็นเขาเปลือย แถมเป็นคนที่ชอบด้วยยิ่งอายเข้าไปใหญ่เลย เบนเห็นตัวเขาหมดแล้วหวังว่าที่สควอชไปจะไม่ทำให้กล้ามเนื้อของเขาทำให้เบนผิดหวังนะ

 

 

“ข..ขอบคุณนะครับ ที่มาดูแลผม” เฮนรี่นอนหันข้างให้เบนที่กำลังสนใจจะต่อไฟบุหรี่ แต่เหมือนจะคิดได้ว่ามีคนป่วยนอนอยู่เบนจึงไม่สูบเมื่อมองนาฬิกาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มเศษแล้วใกล้เวลาต้องไปทำงานต่อแล้วเบนพูดพลางหยิบเสื้อโค้ทใส่ตามเดิม

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกนะ ทีหลังบอกกันไว้ก่อนสิ เบอร์โทรชั้น ตอนนายหลับฉันเมมไว้ให้แล้วน่ะ โทษที”เบนจัดยาชุดต่อไปพร้อมตั้งนาฬิกาปลุกให้เฮนรี่ตื่นมากินยา ในสมองเขาไม่ได้ฟังเลยว่าเบนพูดอะไรบ้างเขากำลังคิดอยู่ว่าจะพูดยังไงให้เบนยังอยู่กับเขาต่ออีกนิด...อีกนิดก็ยังดี

 

 

บางอย่างที่อยู่ในหัวเริ่มชัดขึ้น

 

 

“เบนครับ..” ร่างใหญ่ที่กำลังจะเปิดประตูชะงักไว้ เฮนรี่อยากจะบอกความในใจเหลือเกิน..แต่ปากมันดันเหมือนถูกเย็บไว้นี่สิ หัวใจเฮนรี่เต้นโครมครามไม่..เขายังไม่พร้อมถ้าหากมีอะไรผิดพลาดเขาอาจเสียเบนไป

 

“...ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะครับ อย่าติดไข้ผมล่ะ” เฮนรี่ส่งยิ้มที่ฝืนเต็มทน เบนหลบตามุมล่างเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนจะปิดประตูสนิท

 

 

“รีบๆหายไวๆแล้วกัน ฉันจะรอเจอนายที่ร้านนะ”

 

 

But you don't notice at all

That I'm going out of my mind

All day and all night

 

 

 

อาการไข้ของเฮนรี่ฟื้นตัวเร็วเกินคาด เช้าวันถัดมาไข้หายดีเป็นปกติ พอลุกตัวยังคงอ่อนแรงอยู่บ้างแต่ยังคงมีแรงมากพอที่จะลากโต๊ะญี่ปุ่นกับกระดาษสมุดมาเขียนลางๆคร่าวๆได้ เฮนรี่หมุนดินสอจากนั้นเริ่มจรดปลายมันลงใบในกระดาษ เขาเริ่มเขียน..เขียน..และเขียน..หลายชั่วโมงผ่านไปก้อนกระดาษขยำก้อนกลมหลายชิ้นวางอยู่รอบตัวเฮนรี่แต่ยังมีแผ่นนึงที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จ...มันคือเนื้อเพลง

 

 

เฮนรี่มีแรงบันดาลใจมากพอที่จะมีเพลงส่งอาจารย์แล้วล่ะ

 

 

แต่ขอให้ “แรงบันดาลใจสำคัญ”ได้ฟังก่อนเถอะ

 

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..

 

 

ทุกคืนสัปดาห์สุดท้ายที่ร้านจะมีโชว์พิเศษจากลูกค้า..ใช่ เป็นวันที่ใครก็ได้สามารถขึ้นมาร้องเพลงบนเวทีได้ตามอัธยาศัยโดยที่จะมีนักร้องประจำของร้านมานั่งฟังเป็นกรรมการ “ดาวจรัสแสง เบนแอฟเฟล็ค”เป็นการสร้างสีสันให้ลูกค้าครึกครื้นโดยจะให้เบนเป็นคนตัดสินผลการประกวดด้วย

 

 

“คุณเบริลน่า ถือว่าเสียงเพราะมากนะครับแต่จะดีขึ้นอีกนิดถ้าโทนเสียงสูงไม่เพี้ยน” เบนตัดสินจากโต๊ะด้านล่าง เมื่อสาวน้อยได้รับคำติชมก็ลงจากเวที อืมตามคิวแล้วใครต่อเนี่ย เบนเปิดหน้าลิตส์ชื่อผู้เข้าประกวดจนสะดุดตากับอักษรตัว H

 

 

“เฮนรี่?”เบนอุทานขึ้น ถัดมาเป็นเสียงหวีดด ไมโครโฟนดังแสบหูจากการหมุนไมค์ให้สูงขึ้นจากใครบางคนเจ้าของชื่อนั่นเอง..หายไข้แล้วยังจะมีเวลามาส่งชื่ออีกนะเจ้าเด็กคนนี้

 

 

“สวัสดีครับทุกท่าน”เฮนรี่กล่าวทักทายผู้ชม เสียงปรบมือไล่ตามหลังมา เบนขำเล็กๆก่อนจะปรบมือไปตามน้ำ ผมรู้ว่าผมเป็นเด็กฝึกงานแต่คืนนี้เป็นคืนพิเศษมากๆ เออ..นี่เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นให้คนๆนึง..

เฮนรี่เว้นวรรค.

 

 

.เบนเลิกคิ้วพยายามตั้งใจฟังต่อ “เขาเป็นคนพิเศษมาก..และเขามีอะไรบางอย่าง...” เฮนรี่สบสายตากับเบนอย่างอ้อนวอนในวินาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรเหมือนทั้งสองจะตกในช่วงเวลาหยุดนิ่ง..จนเมื่อคนดูเริ่มตะโกนเชียร์เฮนรี่จึงกลับเข้าสู่ภวังค์

 

 

“เชิญรับฟังได้เลยนะครับ จากหัวใจ..ของผม”ดวงตาสีฟ้าลูกแก้วใสจ้องสะท้อนเป็นใบหน้าของเบนอยู่ในดวงตา

 

 

Get out, get out, get out of my head

And fall into my arms instead

 

 

 

I don't, I don't, don't know what it is

But I need that one thing

 

 

 

So Get out, get out, get out of my mind

And come on, come into my life

I don't, I don't, don't know what it is

 

 

But I need that one thing....เฮนรี่หยุดชะงักประโยคสุดท้าย เดินลงมาจากเวที เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเบน ผู้คนฮือฮาในร้านเบนก็ด้วยถึงขึ้นถลึงตาโตพยายามจะบอกให้อีกฝ่ายลุกเขินมันก็เขินจะอายก็อายเบนทนไม่ไหวจนลากดึงมือขึ้นมาทั้งสองจับมือกันไว้ สายตาคู่นั้นทอดประกายเฮนรี่โน้มตัวมาใกล้ๆและกระซิบข้างหู

 

 

“And you've got that one thing” เฮนรี่ถอยออกมา หน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนจนเป็นสีแดง เบนยิ้ม เฮนรี่ยิ้มไม่หยุดเช่นกัน บรรยากาศในร้านอบอวลไปด้วยความรักทุกคนต่างเป็นสักขีพยานให้กับความรักที่เกิดขึ้นในบาร์เล็กๆนี้

 

 

“ให้คะแนนที่เท่าไหร่ดีครับเบน..”คนต่างพากันแซวให้เบนตอบเขาเขินจนเอามือปิดปากไม่พูดอะไรอาร์มมี่

เห็นน้องชายสุดที่รักมีหรือจะไม่ช่วย พาต้นเสียงนำให้ทุกคนถามว่าที่เท่าไหร่ เท่าไหร่..จนกระทั่งเบนยกมือขึ้นปราม..

 

 

“พอเลยทุกคน นายด้วยเฮนรี่แสบนักนะ” เฮนรี่ยิ้มกว้างเมื่อเบนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น(อันที่จริงก็ไม่เย็นเท่าไหร่คีพลุคว่าไม่ลุ้นแต่เม้มปากไม่หยุดเลย)

 

 

“แน่นอนว่า..ที่หนึ่งในใจสำหรับผม" คำตอบนั่นทำเอาเฮนรี่น้ำตาแทบร่วงเข้ากอดเบนคว้าหมับดีใจปานประหนึ่งเด็กสามขวบ

 

"ขอบคุณนะครับเบน"เฮนรี่สวมกอดแน่น

 

"เช่นกันเฮนรี่ ขอบคุณที่มาเติมสวนที่หายของฉันนะ" เบนลูบหัวเฮนรี่อย่างอ่อนโยน

 

 

So Get out, get out, get out of my mind

And come on, come into my life

I don't, I don't, don't know what it is

 

But I need that one thing

And you've got that one thing

 

 

 

 

 

=====================End========================

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว