นักเลงหล่มสัก 1
74
ตอน
10.5K
เข้าชม
135
ถูกใจ
15
ความคิดเห็น
41
เพิ่มลงคลัง

นักเลงหล่มสัก

   ยอด  เดชา

……………

๑.         พอคม หล่มสัก ก้าวลงจากรถประจำทางของบริษัทเพชรประเสริฐ สามล้อเครื่องคันเก่าก็แผดคำรามขึ้นราวกับฟ้าผ่า ผู้คนหันมามองเป็นตาเดียว แต่ครั้นพอรู้ว่าเป็นรถของเฒ่าเหกระดูกเหล็กพวกเขาก็คร้านจะใส่ใจ ในเมื่อใครๆในเมืองหล่มสักก็รู้แล้วว่า สามล้อเครื่องของเฒ่าเหมันเก่าคร่ำ บุโรทั่งมาตั้งแต่นมนาน รถเก่าคนแก่จะมีใครเหมาะสมฉายานี้เท่ากับแกอีก ถ้ารวมอายุของคนกับรถเข้าด้วยกันจะขาดร้อยอยู่ก็คงไม่กี่ปี

สามล้อเครื่องคันนั้นปราดเข้ามาจอดตรงหน้าของชายหนุ่ม ผู้สวมแว่นตาดำ สวมใส่กางเกงยีนส์ยี่ห้อแพงลิบและเสื้อยืดยี่ห้อดังห่อหุ้มร่างกายที่สมาร์ทสมส่วนนั้นไว้ จนคนมองแอบค่อนแคะอยู่ในใจว่า เขาลอกเลียนแบบดาราหนังตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ ขึ้นมาเลย  ข้าจะไปส่ง “

เฒ่ากระดูกเหล็กจอดรถพรืดตรงหน้าเจ้าของหุ่นทรมานใจสาวพลางตะโกนเรียกยังกับคนคุ้นเคยเสียเต็มประดา  ด้วยหมวกที่สวมปิดหน้าส่วนบนจนไม่สามารถมองเห็นได้ถนัดนัก ทำให้ชายหนุ่มกระเถิบหนีพลางถลึงตามอง

“ ลุงรู้เรอะว่าผมจะไปไหน “

เฒ่าเห กระดูกเหล็กหัวเราะจนเห็นเหงือกสีแดงแจ๋ ก่อนระเบิดคำพูดออกมา

“ อย่าว่าแต่รู้ว่าเอ็งจะไปไหนเลย พ่อของเอ็งข้าก็รู้จัก “

บ๊ะ แบบนี้ก็สวยน่ะซี เล่นกันถึงพ่อถึงแม่ยังงี้ เห็นทีจะต้องเหยียบคนแก่เอาบุญแล้วล่ะ

“ เฮ้ย มันจะมากเกินไปแล้วมั้ง ผมไม่อยากเตะคนแก่ทำกุศลหรอกนะ “

“ ไอ้คม นี่เอ็งจำข้าไม่ได้หรือไงวะ ข้าเฒ่าเห กระดูกเหล็ก บรมครูนักเลงของเอ็งไงล่ะ “

คราวนี้ คมถึงกับเบิกตาโพลง แล้วหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น เขาจำแกไม่ได้จริงๆ ในเมื่อเฒ่าเหเล่นแต่งตัวยังกับนักสืบปลอมตัวมายังไงยังงั้น แล้วใครหน้าไหนมันจะจำได้ล่ะ

“ โอ๊ย ต้องขอโทษจริงๆลุง จำไม่ได้เลย “

“ ช่างเหอะ ข้าไม่ถือ ว่าแต่ตอนนี้เอ็งจะยืนเซ่อหัวเราะอยู่ตรงนั้น รอให้พวกมันมากระทืบเสียก่อนหรือไงวะ “

“ แหม เมืองนี้คนมันดุขนาดนั้นเชียวเรอะ  น่ากลัวจริงๆ “

คม หล่มสัก ทำท่าขนลุกขนพอง ซึ่งเฒ่าเหก็รู้ว่านั่นเป็นการแสร้งทำเสียมากกว่า คนอย่างคม หล่มสักนะหรือจะกลัวมนุษย์หน้าไหน ในเมื่อชายหนุ่มคนนี้เคยประกาศให้แกได้ยินเต็มสองหูว่า ไม่ว่าสัตว์หน้าขนหรือคนหน้าแหลมที่ไหนก็แล้วแต่ คนอย่างคม หล่มสักไม่เคยกลัวใคร ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว ด้วยการเป่านักเลงใหญ่เมืองหล่มดับคาซ่องมาแล้ว จนเขาต้องระเห็จเข้าไปสงบสติอารมณ์อยู่ในบางขวางเสียหลายปี

“ ดุหรือไม่ดุ เอ็งรู้แก่ใจดี รีบขึ้นมา ยืนอยู่ยังงั้นเป็นเป้าสายตาของพวกมัน “

“ พวกมันที่ว่านี่คือใครครับลุง “

“ แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง รีบขึ้นมาเถอะ “

คมกระโดดขึ้นไปนั่งทางด้านหลัง ก่อนที่สามล้อบุโรทั่งคันนั้นจะแผดเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งหนึ่ง

“ ลุงจะพาผมไปไหน “

“ อ้าว ก็กลับบ้านซีวะ หรือเอ็งมีที่จะไปอีก “

“ หิว อยากหาอะไรรองท้องสักหน่อย ว่าแต่เมืองหล่มของเรามีอะไรอร่อยๆกินบ้างล่ะ”

“ โอ๊ย มีเยอะแยะ ว่าแต่เอ็งจะกินอะไรล่ะ บอกมาดีกว่า ข้าจะนำทางเอง “

“ แหม เรื่องอย่างนี้มันแล้วแต่เจ้าถิ่นซีครับ คนเดนคุกอย่างผมจะรู้อะไร จริงไหมล่ะ “

“เออ เอ็งพูดถูกว่ะ เข้าไปนอนในรั้วคอนกรีตเสียนานเอ็งคงไม่รู้อะไรตอนนี้เมืองหล่มสักของเราเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียวเอ็งสังเกตตึกรามบ้านช่องก็ได้ ผิดหูผิดตามากหรือเปล่าวะ “

เขาพยักหน้าเห็นด้วย หล่มสักเดี๋ยวนี้ ได้ลบภาพอดีตออกจากความทรงจำเขาหมดแล้ว ภาพของถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่องที่ถูกแม่น้ำป่าสักไหลเอ่อเข้าท่วมนานนับสัปดาห์ได้หายไปหมดสิ้น ภาพสาวๆที่นุ่งกางเกงขาสั้นลุยเล่นน้ำคงไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ด้วยสภาพของถนนได้รับการก่อสร้างยกสูงขึ้นป้องกันน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี

ส่วนย่านโรงหนังโรจนศิลป์ โรงแรมเพ็ญศิลป์ อันเป็นย่านธุรกิจของคนหาเช้ากินค่ำ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนไปมากทีเดียว การชกต่อย ทะเลาะวิวาทที่เกิดจากการแย่งผู้หญิงในซ่องซึ่งอยู่ทางด้านหลังของโรงหนังแห่งนี้ น่าจะทุเลาเบาบางลงไปตามความเจริญของบ้านเมือง

“ ภัตตาคารเมืองหล่ม ยังเปิดอยู่หรือเปล่าครับลุง “

“ เปิด เอ็งจะไปเรอะ “

เขาพยักหน้า ทั้งที่เฒ่าเหไม่มีโอกาสเห็นเลย

“ ที่นั่นมีแต่พวกเศรษฐีเขาไปทั้งนั้น อาหารไม่แพงลิบโน่นเรอะ เอ็งอย่าดันสะเออะไปเทียบเขาเลยว่ะ “

คมหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครง ทำให้เฒ่าเหต้องเหลียวหลังมามอง ตั้งแต่มันออกจากบางขวางมานี่รู้สึกมันจะหัวเราะได้หัวเราะดี หรือบางขวางทำให้มันเสียสติไปแล้ว อะไรนิดอะไรหน่อยมันก็หัวเราะเสียเต็มคราบ ราวกับเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา

“ เปล่า ผมไม่ได้ทำท่าสะเออะจะเทียบชั้นกับเหล่าเศรษฐีเขาหรอก แต่อยากกินอาหารอร่อยๆให้เต็มอิ่มสักคาบ เป็นการฉลองอิสระภาพ “

“ ก็ดีเหมือนกัน ข้าไปส่งพวกเศรษฐีจอมปลอมบ่อยๆ เขาว่าอาหารมันสะเด็ดนัก โดยเฉพาะขนมจีบ ซาลาเปา “

คมหัวเราะหึหึในสำนวนค่อนแคะของเฒ่าบรมครูนักเลงของเขา

“ มันเป็นยังไง ไอ้เศรษฐีจอมปลอมของลุงน่ะ “

“ อ้าว ก็พวกดัดจริต คิดว่าตัวเองมีเงิน แอบขโมยเงินพ่อเงินแม่มาเที่ยวนะซี พวกนี้จ้างสามล้อข้าไปส่งก็ไม่ให้เข้าไปส่งถึงข้างในหรอก กลัวพวกเด็กๆในร้านมันเห็น ลงข้างนอกแล้วเดินเข้าไป ไปหลอกเด็กว่าจอดรถไว้ข้างนอก หรือไม่ก็บอกว่าเพื่อนเอารถไปรับเพื่อนอีกคนอยู่เดี๋ยวจะตามมา กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน ไปซุกหัวนอนในรูหนู แทบไม่มีเงินซื้อข้าวกิน “

“ ขนาดนั้นเชียวเรอะลุง “

“เอ็งไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้สังคมเมืองหล่มของเราชักจะเหลวแหลกไปใหญ่แล้ว เด็กวัยรุ่นเลิกจากห้องอาหารไปต่อกันที่ไนล์คลับ ไปดิ้นกันจนเกือบสว่างค่อยกลับไปนอน พอเจอท่านรัฐมนตรีจัดระเบียบสังคมเท่านั้น ร้องกันระนาวเลย เมืองงี้เงียบยิ่งกว่าป่าช้าเสียอีก “

“ ยังงั้นก็แย่ซีลุง “

“ แย่เฉพาะพวกมันนักเที่ยวเท่านั้นแหละ คนอื่นเขาสบายจะตาย “

“ ไม่เฉพาะพวกท่องราตรีหรอกที่แย่ เจ้าของไนล์คลับ และลุงด้วย “

“ ข้าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก เพื่อความสงบสุขความเป็นระเบียบของบ้านเมือง ข้ายอมเสียรายได้เล็กๆน้อยๆว่ะ“

“ดี ลุงเป็นคนเสียสละถ้าคนอื่นคิดเหมือนลุง บ้านเมืองคงเป็นระเบียบขึ้นอีกมากทีเดียว “

สามล้อบุโรทั่งแล่นเข้าไปจอดยังลานจอดรถของภัตตาคารอันลือชื่อ พนักงานจัดระเบียบยวดยานของร้านปรายตามองอย่างดูแคลน  แม้ทั้งสองเดินผ่านเข้าไปในร้านแล้ว ยังได้รับการต้อนรับอย่างเฉยชาจากพนักงาน

ไม่ใช่พวกเขาคิดดูถูกดูแคลนที่คนทั้งสองนั่งสามล้อเข้ามาดอก แต่ด้วยกิตติศัพท์ของเฒ่าเห กระดูกเหล็กทำให้พวกเขาไม่แน่ใจ ในเมื่อเมาที่ไหน แกมักจะคุยฟุ้งที่นั่น และนั่งแช่อยู่อย่างนั้นไม่ยอมลุกง่ายๆ จนเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมานิมนต์ให้แกลุกนั่นแหละแกถึงยอม

ลูกค้านั่งกันอยู่หนาตา ภัตตาคารแห่งนี้เปิดบริการในช่วงอาหารกลางวัน ก่อนจะไปเปิดรับลูกค้าในภาคกลางคืนอีกครั้งหนึ่ง

บริกรปราดเข้ามาถึงตัว พร้อมกับเมนูอาหาร สมุดและปากกาเตรียมจดรายการ

“ รับอะไรดีครับ “

“ เอาอะไรดีลุง “ คมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่โต๊ะกลางห้องโถงใหญ่ หันมาถามเฒ่าเหผู้ที่ลากเก้าอี้มานั่งไขว่ห้างอย่างน่าหมั่นไส้

“ อันดับแรก  เอาเหล้ามาแก้คอแห้งเสียก่อน “

พนักงานมองหน้าแกยิ้มๆแล้วโพล่งออกมาอย่างคนที่รู้จักสันดานเฒ่ากระดูกเหล็กเป็นอย่างดี

“ ไม่มีเหล้าขาวนะครับ “

คมหัวเราะก๊าก ในขณะที่เฒ่าเหหน้าเขียวด้วยความโกรธ แกผลุดลุกขึ้นยืน แผดเสียงดังปานฟ้าผ่า

“ เฮ้ย พูดแบบนี้มันดูถูกกันนี่หว่า เอ็งมองยังไงถึงเห็นข้าเป็นสิงห์เหล้าขาววะ “

แกฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง ทำให้บริกรถอยหลังออกไปยืนหน้าซีด ปากสั่นอยู่อีกด้านหนึ่ง

“ ปละ เปล่าครับ ผมพูดไปยังงั้นเอง “

“ เอ็งพูดเล่นว่างั้นเถอะ “

“ ครับ “

“ เอ็งสนุก แต่ข้าเสียหาย เอ็งรู้ไหมว่าการพูดของเอ็งมันลดเครดิตข้าลงไปเท่าไหร่ ข้ามากับแขกคนสำคัญเสียด้วย พูดแบบนี้ ธุรกิจของข้าก็เสียหายหมดซีวะ “

“ เอ่อ..ผม เขาะ.. ข อ โ ท ษ ค รับ…บ “    บ๋อยยกมือไหว้ปลกๆ

“ เออ ไม่เป็นไร คนอย่างข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว รีบไปเอาเหล้าอย่างดีมา ข้าจะดื่มแล้วคุยกับหลานของข้า “

บริกรปากเสียรีบวิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว มันไปสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มกลั้น หลังจากพ้นสายตาของเฒ่าเหมาแล้ว

“ เกือบแล้วไหมตู เกือบผู้จัดการได้ยิน มีหวังตกงานแหงๆ “

เฒ่ากระดูกเหล็กนั่งลงยังเก้าอี้ตัวเดิม จ้องหน้าชายหนุ่มผู้จากไปหลายปี ความเปลี่ยนแปลงมีไม่มากนัก นอกจากความกำยำ ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเยือกเย็นไม่วู่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ส่วนความหล่อเหล่ายังคมคายอยู่เหมือนเดิม

“ เอ็งหัวเราะอะไรวะคม “

“ ก็หัวเราะลุงนะซี ทำท่ายังกับโกรธบ๋อยคนนั้นเสียจริงๆ “

“ อ้าว ข้าก็โกรธจริงๆนี่หว่า มีอย่างเรอะมาดูถูกกัน ใครที่ไหนมันจะสั่งเหล้าขาวในภัตตาคารวะ “

“ ระวัง พอถึงตาบ๋อยคนนั้น มันจะไล่เตะเอา “

“ ไม่มีทางเสียล่ะ คนอย่างข้าเรอะจะยอมเสียเปรียบเด็กเมื่อวานซืน “

“ มันก็ไม่แน่ บางทีตอนกินอาหารเสร็จนี่ ลุงอาจจะต้องยกมือไหว้บ๋อยคนนั้นก็ได้ “

“ ทำไมวะ “

“ ลุงมีเงินอยู่เท่าไหร่ล่ะ “

“ ร้อยกว่าบาท “

“ ค่าเหล้าก็ไม่พอ “

“ อ้าว แล้วเอ็งล่ะ “

“ ผมมันเดนคุก จะเอาเงินที่ไหนติดตัว นี่ก็กะว่าจะให้ลุงเลี้ยงสักมื้อหนึ่ง “คมพูดหน้าตาย ทำเอาเฒ่าเหกระดูกเหล็กหน้าซีดหน้าเซียวด้วยความตกใจ

“เฮ้ยฉิบหายแล้วเอ็งทำไมไม่บอกข้าตั้งแต่ทีแรกวะดันมาพูดเอาตอนนี้จะแก้ไขอะไรทัน“

เฒ่าเหนั่งหน้าเศร้าคอตก ด้วยความเป็นทุกข์ เมื่อเห็นเช่นนั้นคมก็หัวเราะออกมา

“ อย่าคิดมากเลยนะลุง เรากินอิ่มแล้วออกวิ่งชักดาบกันเลยก็ได้นี่หว่า “

“ เฮ่ย ไม่ได้นะเว้ย คนเมืองนี้เขารู้จักข้ากันทั้งนั้น “

“ คนดังว่างั้นเถอะ “

“ เปล่า แต่คนมันรู้จักเอง “

“ ถ้ายังงั้น ก็เอาสามล้อของลุงประกันไว้ก่อนมีเงินค่อยมาไถ่คืน “

“ฉิบหายแล้ว รู้ไปถึงไหนก็อายเขาไปถึงนั่น เวรของกู คบกับเอ็งทีไร เป็นซวยทุกทีเลย “

คมหัวเราะ “ ก็ยังงี้แหละ คนเดนคุก ลุงไม่น่าเสียเวลามาคบค้าด้วยเลย “

“ ช่างมันเถอะ ข้ารักหัวใจเอ็งแล้วนี่หว่า จะห้ามได้ยังไงล่ะ “

พนักงานเสิร์ฟยกเครื่องดื่มและอาหารที่สั่งมาวางลงบนโต๊ะ คมรีบรินเหล้าส่งให้ครูนักเลงของเขา พลางว่า

“ เอ้า ดื่มให้ชื่นใจเสียก่อนเถอะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง “

“ ไอ้คม เอ็งหลอกข้าให้หัวใจมันเต้นดิสโก้อีกแล้วนะ นิสัยเอ็งนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลย “ แกว่าพร้อมกับคว้าแก้วเหล้ามาเทพรวดลงไปในคอรวดเดียวเกลี้ยง แล้วจัดการรินเอาเองอีกครึ่งแก้ว ดื่มราวกับว่าเหล้าคือน้ำอมฤตที่ขาดไม่ได้ยังไงยังงั้น

เหล้าพร่องไปครึ่งขวด อาหารในจานเกลี้ยงแล้วนั่นแหละคม หล่มสักจึงเอ่ยขึ้น

“ ไหนลุงบอกมาซิ ว่าพวกไหนมันจับตามองการมาของผมอยู่ “

“ พ่อเลี้ยงกำธร เดี๋ยวนี้มันใหญ่คับเมืองหล่มสัก ใครไม่กล้าต่อกรกับมันแล้ว “

“ ขนาดน้องชายของมันตายแล้ว มันยังกล้าแกร่งขนาดนั้นเรอะ “

“ พอเอ็งเข้าคุก หลังจากที่เป่าน้องชายมันตายคาซ่องปีนั้น มันก็รวบรวมมือปืนเป็นการใหญ่ มันประกาศเลยว่า ถ้าเอ็งกลับมาเหยียบหล่มสักอีกเมื่อไหร่ มันจะส่งเอ็งไปไว้กับน้องชายมันเลย  เพราะเหตุนี้แหละ ข้าถึงมารอรับเอ็งที่ท่ารถ “

คมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางครุ่นคิด เขาหลีกไม่พ้นการปะทะกับพวกมันจริงๆหรือ หลังจากออกจากคุกแล้ว คิดว่าจะกลับมาบ้านเกิด ทำมาหากินเงียบๆ ไม่อยากตอแยกับใครอีก ชีวิตอันผกผันของเขามันเหน็ดเหนื่อยเกินจะยืนหยัดต่อไปอีกแล้ว

 

“ มันควบคุมเมืองหล่มสักไว้ในกำมือหมดแล้วซี “

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว