ในสมัยก่อนนั้น ไทยมีทาสเป็นจำนวนกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองของประเทศ เพราะเหตุว่าพ่อแม่เป็นทาสแล้ว ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสอีกต่อๆ กันเรื่อยไป ทาสนั้นจะต้องหาเงินมาไถ่ตัวเอง มิฉะนั้นแล้วก็จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต เพราะตามกฎหมายถือว่ายังมีค่าตัวอยู่
ทาส หมายถึง บุคคลซึ่งถูกนับสิทธิเสมือนสิ่งของของผู้อื่น ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต และมีหน้าที่รับใช้ผู้อื่นโดยมิได้รับการตอบแทนจากเจ้าของ(นายทาส)เช่น การรับใช้ทางด้านแรงงาน และหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง อาจถูกลงโทษได้ตามแต่นายทาสจะกำหนด ยกเว้นเป็นการกระทำอันทำให้ถึงแก่ความตาย
ชนิดของทาสในประเทศไทย ทาสได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด (ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา โดยในสมัยก่อนหน้านั้นยังเป็นข้อถกเถียงของนักวิชาการ) ได้แก่
ทาสสินไถ่- เป็นทาสที่มีมากที่สุดในบรรดาทาสทั้งหมด โดยเงื่อนไขของการเป็นทาสชนิดนี้ คือ การขายตัวเป็นทาส เช่น พ่อแม่ขายบุตร สามีขายภรรยา ดังนั้น ทาสชนิดนี้จึงเป็นคนยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวหรือตนเองได้ จึงได้เกิดการขายทาสขึ้น โดยสามารถเปลี่ยนสถานะกลับไปเมื่อมีผู้มาไถ่ถอน
ทาสในเรือนเบี้ย- เด็กที่เกิดขึ้นระหว่างที่แม่เป็นทาสของนายทาส ทาสชนิดนี้ไม่สามารถไถ่ถอนตนเองได้
ทาสที่ได้รับมาด้วยมรดก- ทาสที่ตกเป็นมรดกของนายทาส เกิดขึ้นก่อต่อเมื่อนายทาสคนเดิมเสียชีวิตลง และได้มอบมรดกให้แก่นายทาสคนต่อไป
ทาสท่านให้ - ทาสที่ได้รับมาจากผู้อื่น
ทาสที่ช่วยไว้จากทัณฑ์โทษ - ในกรณีที่บุคคลนั้น เกิดกระทำความผิดและถูกลงโทษเป็นเงินค่าปรับ แต่บุคคลนั้น ไม่มีความสามารถในการชำระค่าปรับ หากว่ามีผู้ช่วยเหลือให้สามารถชำระค่าปรับได้แล้ว ถึอว่าบุคคลนั้น เป็นทาสของผู้ให้ความช่วยเหลือในการชำระค่าปรับ
ทาสที่ช่วยไว้ให้พ้นจากความอดอยาก- ในภาวะที่ไพร่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองให้ประกอบอาชีพได้แล้ว ไพร่อาจขายตนเองเป็นทาสเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากนายทาส
ทาสเชลย - ภายหลังจากได้รับการชนะสงคราม ผู้ชนะสงครามจะกวาดต้อนผู้คนของผู้แพ้สงครามไปยังเมืองของตน เพื่อนำผู้คนเหล่านั้นไปเป็นทาสรับใช้
การพ้นจากความเป็นทาสสามารถเกิดขึ้นได้ จากเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ โดยการหาเงินมาไถ่ถอน การบวชเป็นพระสงฆ์โดยได้รับความยินยอมจากนายทาส ไปการสงครามและถูกจับเป็นเชลยหลังจากนั้นสามารถหลบหนีออกมาได้ แต่งงานกับนายทาสหรือลูกหลานของนายทาส ไปแจ้งทางการว่านายทาสเป็นกบฎและผลสืบสวนออกมาว่าเป็นจริง การประกาศไถ่ถอนจากพระมหากษัตริย์ในช่วงของการเลิกทาส
**********************************************************************************
"ฟักเอ้ย!! เองได้ยินพ่อมั้ย ไอ้ฟัก!!"
"พ่อ มีอะไรจ๊ะ ถึงได้มาปลุกฟักแต่เช้า" เสียงหวานเอ่ยขึ้น หลังจากที่ลุกออกจากที่นอน เมื่อได้ยินพ่อตัวเองเรียก
"เองไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยซะ จะได้มากินข้าว วันนี้ข้าจะพาเองไปเยี่ยมญาติที่พระนคร"
"ญาติ? ใครหรอจ๊ะ?" ฟักถามผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย
"เองอย่ามาถามข้าให้มันมากความ รีบไปล้างหน้าได้แล้ว จะได้รีบมากินข้าวกินปลา"
"จ่ะพ่อ"
ฟักเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าญาติที่พ่อจะพาไปเยี่ยมที่พระนครนั้นจะเป็นใคร ทำไมตนถึงได้ไม่รู้จัก แต่เมื่อถามพ่อก็ถูกดุกลับมา จึงเลิกสงสัย ไว้ไปถึงพระนครเมื่อไหร่ก็คงจะรู้เองแหละ
ฟักเป็นลูกกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก อาศัยอยู่กับพ่อสองคน โดยทั้งสองได้เช่าที่เพื่อทำไร่ทำนา แต่พอมาปีนี้เกิดฝนแล้ง ข้าวในไร่นาล้มตายเพราะขาดน้ำ ทำให้ไม่มีข้าวพอจะไปขาย เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ที่ไปยืมเขามา พ่อของฟักจึงตัดสินใจ จะนำฟักไปขายให้เป็นบ่าวรับใช้ที่บ้านคุณหลวงที่พระนคร โดยใช้กลอุบายบอกกับฟักว่าจะพาไปหาญาติที่พระนคร หากไม่ทำเช่นนี้ก็คงจะไม่มีเงินมาใช้หนี้เขา รวมทั้งจ่ายค่าเช่าที่ที่ไปเช่าเขามาทำไร่ทำนา หากปีไหนข้าวในไร่ในนาขายได้ราคาดี ก็คงจะมีเงินเก็บพอที่จะไปไถ่ตัวลูกชายคืนกลับมาได้
เมื่อสองพ่อลูกกินข้าวกินปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปที่พระนคร การเดินทางต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ใช้เวลาครึ่งค่อนวันกว่าสองพ่อลูกจะเดินทางมาถึงพระนคร
ณ เรือนคุณหลวงอัครเทพ
"นังป่วนๆ แกอยู่ไหนของแก นังป่วน!!" เสียงคุณน้ำทิพย์ภรรยาคุณหลวง เรียกหาคนรับใช้คนโปรด
"เจ้าค่ะ คุณน้ำทิพย์ มีอะไรให้ป่วนรับใช้คะ" นังป่วนที่อยู่ภายในครัว เมื่อได้ยินเสียงนายเรียก ก็รีบวิ่งออกจากครัวทันที
"ฉันเรียกหาเองตั้งนาน เองไปทำอะไรมาห๊ะ!! ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกหรือยังไง"
"อ่อ!! ป่วนเตรียมสำรับอยู่ในครัวอยู่เจ้าค่ะ "
"เออๆ เองเห็นคุณหลวงมั้ย เมื่อคืนคุณหลวงก็ไม่ได้มาที่เรือนข้า พอมาตอนเช้าข้าก็ยังไม่เห็น นังคุณหญิงมณีจันทร์ก็ไม่อยู่ ไม่รู้หายหัวไปไหนกันหมด"
"ป่วนก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่เห็นพากันนั่งเรือออกไปไหนตั้งแต่เช้าแล้วก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"
"แกเป็นบ่าว เจ้านายออกไปไหนทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้ห๊ะ! แกจะไปไหนก็ไป รีบไปสิ...!"
"เจ้าค่ะๆ ป่วนจะไปเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์ ภรรยาคุณหลวงอัครเทพเป็นคนอารมณ์ร้อน มีนิสัยขี้อิจฉาริษยา โหดเหี้ยมอำมหิต หากไม่ได้ดั่งใจก็จะโวยวาย หรือลงมือทุบตีบ่าวไพร่ในเรือนเพื่อระบายอารมณ์ร้อนของตัวเอง
ฟัก...
ตั้งแต่ข้าเกิดมาจนอายุข้าตอนนี้ก็ครบ 17 ปีบริบูรณ์แล้ว ข้ายังไม่เคยเข้ามาในเขตพระนครเลยสักครั้ง แถมยังต้องนั่งเรือมาไกลขนาดนี้ กว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลาไปตั้งครึ่งค่อนวัน ข้าเองก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าข้ามีญาติอยู่ที่พระนครด้วยหรอ? ถ้ามีแล้วทำไมพ่อถึงไม่เคยบอกข้าเลยสักครั้ง
"ในที่สุดก็มาถึงสักที หน่อยจังเลยจ่ะพ่อ"
"เองอย่าบ่นมากได้มั้ยไอ้ฟัก บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ข้ายังไม่บ่นสักคำเลยเองเห็นมั้ย?"
"ก็พ่อของข้ายังหนุ่มๆอยู่เลยนี่จ๊ะ"
"ฮ่าๆๆ เองก็พูดเกินไป ข้าจะ 50 แล้วนะเว้ย!!"
"จ่ะพ่อ แล้วบ้านญาติของพ่ออยู่ที่ไหนหรอจ๊ะ?"
"เอ่อ..คือ...อีกไม่ไกลหรอก ไปถึงแล้วเดี๋ยวเองก็รู้เองแหละ"
"จ่ะพ่อ! งั้นเรารีบไปกันเถอะ"
"อืม ไปเถอะ เดี๋ยวมันจะมืดค่ำซะก่อน!"
"จ่ะ!"
ขอบคุณสำหรับการติดตาม โปรดติดตามต่อใน Ep ถัดไป
1 เม้นท์ = 1 กำลังใจ