คะนึงนิจอยากจะกรี๊ดให้ดังสุดเสียงหรือเด็ดมะม่วงลูกสีทองอร่ามขว้างใส่ใบหน้าคมสันที่ฉีกยิ้มจนปากกว้างในขณะที่เดินนำใกล้รุ่งชมสวนมะม่วงที่เป็นด่านแรกของไร่ฟ้าเพียงดินของชายหนุ่มตรงหน้า หากหญิงสาวยังเกรงใจอัสดงที่เดินคุมเชิงอยู่ไม่ห่างไปนัก ทำให้คะนึงนิจได้แต่เก็บอาการเอาไว้ในใจและทนมองผู้เป็นเจ้าของไร่แห่งนี้อวดสรรพคุณของตัวเองต่อไป
“แกอยากได้ที่ดินตรงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า แกเลือกทำเลเองได้เลยนะ แต่ที่ฉันบอกแกไปเมื่อวานเผื่อว่าแกอยากจะกลับไปดูไร่ของคุณย่าด้วย เลยให้มองหาที่ดินที่ติดๆกันไว้ให้”
“ขอบใจมากไอ้ชา เรื่องนี้ฉันคงต้องรอปรึกษาพี่ดงอีกที ตอนนี้พวกฉันยังไม่รู้เลยว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี”
ใกล้รุ่งเอ่ยกับร่างสูงที่เดินเยื้องไปด้านหน้า ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศรอบๆไร่ฟ้าเพียงดินที่แบ่งโซนการทำการเกษตรเอาไว้เป็นสัดส่วนเพื่อให้มีพืชผลหมุนเวียนตลอดปี กว่าที่ไร่ฟ้าเพียงดินจะเขียวขจีมีต้นข้าวในท้องนานับร้อยไร่ กว่าที่สวนผลไม้จะเติบใหญ่จนมีผลให้เก็บเกี่ยวได้ พงศ์พิชชาและอัสดงต่างช่วยกันประคับประคองและต่อสู้พลิกตำราทำเกษตรกันมามากมาย
พงศ์พิชชาเรียนรู้ที่จะจัดการไร่ของตนตั้งแต่ที่ชายหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัย เพราะไร่ฟ้าเพียงดินแห่งนี้เป็นมรดกเพียงชิ้นเดียวที่พ่อแม่ของเขาทิ้งไว้ให้หลังจากที่ทั้งสองเสียชีวิตกะทันหัน และที่ปรึกษาใหญ่ของพงศ์พิชชาในการทำเกษตรกรรมบนที่ดินนับพันไร่นี้ ก็คือ อัสดง และนายตะวันบิดาของเธอ
ทั้งสามคนล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกันพอๆกับระยะเวลาที่เธอจากบ้านไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ลองผิดลองถูกจนวันนี้ที่ไร่รุ่งอรุณและไร่ฟ้าเพียงดินสามารถสร้างผลผลิตมากมาย ดังนั้นในวันที่ไร่รุ่งอรุณกำลังจะเปลี่ยนสภาพไป พงศ์พิชชาก็อดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้
“ฉันว่าแกก็บอกน้าตะวันไปตรงๆนั่นแหละ ถึงแม้ว่าพวกท่านอาจจะเสียใจบ้างที่สุดท้ายไร่นี้ไม่ได้ตกถึงมือลูกหลาน แต่พวกเราก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะที่ดินนั่นเป็นของคุณย่าท่าน”
พงศ์พิชชาเอ่ยพลางเดินนำทุกคนไปยังศาลากว้างทรงสูงสำหรับพักหลบแดดหลบฝนชั่วคราว ที่ชายหนุ่มสร้างเอาไว้สำหรับให้คนงานพักผ่อน รับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้หาน้ำมาให้แขกที่เขาอาสาพาทัวร์ไร่ด้วยตัวเอง
“อันที่จริง นิดว่าพวกเราควรจะกลับไปคุยกับคุณย่าอีกครั้งดีกว่านะ หรือไม่อย่างน้อยรุ่งก็ควรคุยเรื่องนี้กับพี่นุดตรงๆ นิดเชื่อว่าพี่นุดจะต้องมีทางออกที่ดีสำหรับทุกคน และคุณย่าเองก็ไม่จำเป็นต้องบีบบังคับรุ่งแบบนี้เลย”
คะนึงนิจเอ่ยเกลี้ยกล่อมผู้เป็นเพื่อนอีกครั้ง หากใกล้รุ่งได้แต่ถอนใจก่อนจะอธิบายเพียงสั้นๆ
“คุณย่าแปลกไปมากจริงๆ ปรกติท่านไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแบบนี้”
“แล้วทำไมทางคุณปู่ถึงอยากได้ที่ดินตรงนี้ล่ะนิด” อัสดงถามขึ้นพลางทบทวนเรื่องราวที่น้องสาวเล่าให้ฟังอย่างละเอียด เพราะเท่าที่ใกล้รุ่งเล่ามา สิ่งที่คุณปู่ต้องการจริงๆอาจจะไม่ใช่ที่ดินอย่างที่ใกล้รุ่งเข้าใจก็ได้
“คุณปู่จะสร้างโครงการคอมเพล็กซ์ที่นี่ค่ะ อันที่จริงท่านก็ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นที่ดินของไร่รุ่งอรุณนะคะ เพราะตอนแรกที่ทางคุณพ่อกับยัยนิอรนั่นมาหาดูทำเลและอยากได้จริงๆ เป็นที่ดินในเมืองที่ไม่ห่างสนามบินมาก หรือไม่ก็ที่ดินฝั่งติดแม่น้ำน่านของไร่ฟ้าเพียงดินมากกว่า”
คะนึงนิจอธิบายคร่าวๆเท่าที่ตนเองรู้ พลางอดเหลือบสายตาไปยังเจ้าของที่ที่ทุกคนต้องการตัวจริงๆไม่ได้ วันนี้พงศ์พิชชาสวมเสื้อยืดสีขาวพลางสวมเสื้อยีนส์สีเข้มคลุมไว้แบบไม่ยอมติดกระดุมสักเม็ด โชว์แผงอกหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเพื่อหวังกระชากใจและกระชากวัยให้ดูใกล้เคียงกับใกล้รุ่งมากขึ้นหลังจากที่โดนคะนึงนิจค่อนแคะไปเมื่อวาน แต่สายตาที่ไม่เป็นมิตรที่จ้องมายังคะนึงนิจนั้นดูเหมือนจะไม่มีการพัฒนาระดับความสัมพันธ์ขึ้นเลยในขณะที่เอ่ยปากตอบโต้หญิงสาว
“อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นผมก็พอจะรู้เหตุผลแล้วล่ะ เพราะผมไล่ตะเพิดคนพวกนั้นออกไปเองแหละ หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่มีวันขายที่ของผมเด็ดขาด!”
“แล้วที่นายพูดปาวๆๆว่าจะขายที่ให้ใกล้รุ่งเพื่อนของฉันอยู่เนี่ย มันเป็นที่ดินเถื่อนหรือที่ป่ารกร้างหรือไง แค่นี้ก็เห็นๆกันแล้วว่านายกลับคำพูดชัดๆ”
คะนึงนิจสวนกลับทันควันจนร่างสูงนั้นหันมาหาเธอตรงๆ พลางเอ่ยย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ที่ดินของผม..ผมเลือกขายให้เฉพาะบางคนเท่านั้น กับพวกนายทุนที่ดีแต่จะทำลายสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ต่อให้เอาเงินเป็นพันล้านมากองตรงหน้า ผมก็ไม่ขาย!”
“ชัดเลยพี่ดง...เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าใครเป็นต้นตอตัวจริงที่ทำให้ครอบครัวพี่ต้องเดือดร้อน อีตาพงศ์พิชชานี่แหละที่ทำให้คุณปู่ต้องไปหาที่ดินที่อื่นมาทำโครงการ”
“แต่ตอนที่คุณย่าคุยกับรุ่ง คุณย่าไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลยนะนิด ท่านพูดแต่เรื่องแต่งงานอย่างเดียว แต่พอรุ่งยืนยันว่าไม่แต่ง ท่านเลยถึงพูดเรื่องไร่รุ่งอรุณขึ้นมา”
ใกล้รุ่งเบรกเพื่อนก่อนที่จะวางมวยกับเจ้าของไร่เสียเอง ก่อนจะหันไปทางอัสดงเป็นเชิงปรึกษา หากชายหนุ่มกลับยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
“พี่อยากไปคุยกับคุณย่าด้วยตัวเอง อย่างน้อยถ้าคุณย่าอยากแบ่งที่ให้คุณปู่พงศ์สิริจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไล่พวกเราออกไปทั้งหมด”
“นิดเห็นด้วยกับพี่ดงนะคะ พี่ดงกับรุ่งควรจะกลับไปคุยกับคุณย่าให้เข้าใจตรงกันเสียก่อน นิดว่าเรื่องที่ดินนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆค่ะ”
คะนึงนิจรีบสนับสนุนทันที เพราะอย่างน้อยถ้ากลับไปกรุงเทพฯเธอยังมีเวลาและโอกาสในการเกลี้ยกล่อมให้ผู้เป็นเพื่อนเปลี่ยนใจ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ที่ดีแต่จะมีคนคอยยุส่งให้ใกล้รุ่งปฏิเสธการแต่งงานกับพี่ชายของเธอ
“แต่ผมไม่เห็นด้วย ถ้ารุ่งกลับไป คนบางคนคงได้โอกาสหาทางบีบบังคับให้รุ่งยอมแต่งงานกับทางนั้นแน่ พี่ดงให้รุ่งอยู่ที่ไร่นี่ก่อนดีกว่าครับ เชื่อผม...”
พงศ์พิชชาเอ่ยพลางจ้องไปยังคะนึงนิจอย่างเปิดเผย ทำให้หญิงสาวแทบอยากจะลงไปดิ้นที่มีคนรู้ทัน หากอัสดงเอ่ยค้านขึ้นอย่างมีเหตุผล
“ไม่ได้ ยังไงรุ่งก็ต้องกลับไปคุยกับคุณย่าให้เข้าใจ และถ้าคุณย่ายังยืนยันคำเดิม พี่กับรุ่งก็คงต้องพึ่งแกแล้วล่ะไอ้ชา”
“ผมจะเตรียมโฉนดไว้รอพี่เสมอพี่ดง ถ้าคนกรุงเทพฯเขาข่มเหงน้ำใจเรานัก เราก็กลับมาอยู่บ้านของเราดีกว่า อยู่กับต้นไม้สดชื่น สบายใจกว่าอยู่กับคนเยอะ!”
พงศ์พิชชาเอ่ยกับคะนึงนิจอย่างจงใจ จนหญิงสาวได้แต่กัดฟันกรอดพลางนึกเข่นเขี้ยวในใจ ... เขารู้จักคนอย่างคะนึงนิจน้อยไป!
......................................................