“ก็ถ้าในเมื่อรักกันมากจะไปไหนทำอะไรก็ไป.. เอาที่สบายใจเลยค่ะคุณคิมหันต์ ”
เธอเม้มริมฝีปากแน่นเอาแต่จ้องมองเขาอย่างเอาเรื่องและเงียบไปนานจนอดที่พูดแวะอีกฝ่ายไม่ได้ ทำให้คิมหันต์ต้องถอนหายใจ
“ถึงให้อยู่นี้ไง...” เขาตอบเสียงราบอดที่จะพูดให้หญิงสาวผู้อวดดีตรงหน้าเจ็บปวดไม่ได้
แล้วใครใช้ให้มาประชดเขาก่อน.....
หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ ข้างในทั้งๆ ที่รู้ว่าการอยู่เป็นส่วนในชีวิตเขามันไม่ง่าย
เขานั้นรังเกียจเธอมากมายจนไม่อาจทนเห็นหน้ากันได้แม้เพียงสักเสี้ยววินาที
และที่ต้องอยู่ใกล้กันทั่งที่ไม่รัก เหตุผลของเขาก็มีเพียงข้อเดียว คือ ตอนนั้นเขาแค่ต้องการที่จะรับผิดชอบลูกในท้อง แต่ต่างจากเธอตรงที่มีทั้งเขาเเละลูกสองคนคือเหตุผล....
เมื่อคิดถึงความรู้สึกของตัวเองที่พบเจอในช่วงเวลาผ่านมา ที่ไม่มีสิทธิ์แม้จะไขว่คว้าเพียงแค่เอื้อมถึง ไม่มีสิทธิ์กอดแม้ว่าหัวใจและร่างกายของเธอจะรู้สึกโหยหามากแค่ไหน เขาพยายามให้เธอเจ็บปวดจนทนไม่ได้แล้วจากไปเองทั้งๆ ที่เธอนั้นพยายามประคับประคองชีวิตครอบครัวอย่างสุดความสามารถ อย่างสองวันมานี้ที่เธอไปหาเขาที่บริษัทคิดอยู่นานว่าจะไปดีไหม..จึงหาเหตุผลสนับสนุนการกระทำของตัวเอง
ถึงข้ออ้างที่จะไปนั้นมันไม่เข้าท่าเท่าไรนัก แต่ความรู้สึกของเธอมันบอกว่าให้ลองสักตั้งทำดีกับเขาสักครั้ง....สุดท้ายความหวังของเธอก็พังทลาย.....
แต่ก็คิดปลอบใจตัวเองมันก็ดีแล้วที่ชายหนุ่มปฏิเสธในการให้เข้าพบ เพราะเขาเห็นเธอเป็นแค่ฝุ่นนิเนอะ....ทำอะไรไปก็คงไม่พอใจอยู่ดี ถ้าได้เผชิญหน้ากันในตอนนั้นชายหนุ่มอาจจะรำคาญเธอไปกว่าเก่าก็ได้
“โอ๊ยยยย!! คุณปริม” เสียงร้องที่แสนเจ็บปวดทำให้ปริมมาศตื่นจากภวังค์ต้องก้มหน้าดูต้นเสียง
“กะ...เกต!” เธอต้องตกใจรีบชักปลายเท้าออกอย่างไวเมื่อพบว่าตนเองได้ไปเหยียบมือสาวใช้ที่กำลังจะก้มเก็บเศษแก้วที่แตกกระจัดกระจายที่พื้น
“มาเก็บทำไมตอนนี้...เห็นไหมฉันเหยียบให้เลย...ไหนขอดูแผลหน่อยสิ” อดที่จะพาลแล้วตำหนิสาวใช้ไม่ได้เมื่ออารมณ์ยังค้างกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ แล้วยังมีคนมาเจ็บเพราะเธออีก…..ดูจากแผลคงเจ็บน่าดู
“อ้าว...” เกตมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าที่กระวีกระวาดก้มหน้าก้มตาดูแผลถึงกับงุนงงนี้สรุปให้เธอผิดจนได้
ปริมมาศมัวแต่ก้มดูมือเป็นห่วงกลัวบาดแผลนั้นอาจจะกว้าง เมื่อเงยขึ้นมามองหน้าคนบาดเจ็บก็เห็นว่าเกตนั้นหลับตาปี้มีสีหน้าที่เจ็บปวดไม่ใช่น้อย อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่สาวใช้มาเจ็บเพระตัวเองแบบนี้และพาลใส่เมื่อครู่
“ขอโทษ” เกตถึงกับลืมตากว้างขึ้นมามองปริมมาศที่มีแววตาสำนึกผิดซึ่งไม่บ่อยมากนักที่จะเห็นหญิงสาวท่าทางแบบนี้
“เดียวปริม...เอ่อฉันทำแผลให้เธอไปรออยู่ตรงนั้นก่อนไป เดียวจะเก็บเศษแก้วตรงนี้เอง” ปริมมาศพูดติดๆขัดๆ ทำตัวไปถูกที่โดนสาวใช้ตรงหน้าจ้องมองมาแบบนี้
ทำอย่างกับเธอเป็นตัวประหลาดซะงั้น
“ออ...ค่ะ” เกตตอบรับคำอย่างว่าง่าย เพราะถ้าขืนเก็บกวาดต่อเลือดคงจะหยุดหยดลงพื้นเป็นแน่
ปริมมาศตั้งใจเก็บเศษแก้วอย่างระมัดระวังสายตาก็ต้องชงักเพราะมองเห็นรอยเลือดอีกจุด คงไม่ใช่ของเกตแน่ๆ
“ของคุณคิมหันต์ค่ะ” พอได้ยินชื่อเจ้าของรอยเลือด ปริมมาศก็แกล้งเป็นหูทวนลมไม่สนใจแล้วทำหน้าที่เก็บกวาดต่อไป
เกตได้แต่นั่งมองปริมมาศอย่างเห็นใจ คงเจ็บปวดจากการกระทำและคำพูดของชายหนุ่มมากเพราะหลังจากคิมหันต์ใช้วาจาทำร้ายกันเสร็จก็เดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวอย่างปริมมาศนั้นยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง พอเหลือกันสองคน เกตเห็นแบบนี้แล้วก็อยากไปปลอบผู้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่ก็ไม่กล้าได้แต่ก้มเก็บเศษแก้วเงียบๆจนปริมมาศเหยียบมือเข้าให้นี้แหละ....
แล้วเธอก็รู้อีกนะว่าปริมมาศไม่ได้ออกปากไล่น้ำหวานออกจากบ้าน ก็เพราะตอนนั้นเธอกำลังทำความสะอาดอยู่ตรงราวบันได เห็นน้ำหวานเปิดประตูออกจากห้องคิมหันต์ซึ่งเจ้าหล่อนนั้นก็อยู่ในชุดกระโจมอกด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ แต่เจอกับปริมมาศกำลังเดินมาเห็นเข้าให้ซะก่อน
ตรงที่เกตอยู่มันห่างจากสองสาวกำลังพูดคุยกันอยู่พอสมควร
แต่ถ้าตั้งใจฟังก็จะได้ยินอย่างชัดเจน...
“คือแชมพูห้องหวานหมด แล้ว.....” น้ำหวานเห็นสายตาปริมมาศมองมาที่เธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก็รู้เสียวสันหลังวาบ
“ก็เลยต้องมาเอาที่นี้...?”
“ค่ะ....คือหวานกำลังอาบน้ำแล้วเพิ่งเห็นว่ามันหมดพอดี...นะคะ” น้ำหวานพร้อมกับชูของที่อยู่ในมือตนเองประกอบกับคำอธิบายแบบเสียงสั้นๆ
“เข้าใจแล้วว่ามันหมดจริงๆ” ปริมมาศยิ้มพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินผ่านไปแต่
น้ำหวานกลับรู้สึกว่าหญิงสาวนั้นไม่พอใจเธออยู่ แล้วมันก็คงจะไม่ใช่แค่เรื่องนี้....
“คุณปริมค่ะ คุณไม่พอใจอะไรหวานหรือเปล่าที่หวานมาอยู่ที่นี้”
พอได้ยินน้ำหวานเรียกปริมมาศก็ต้องถึงหยุดนิ่งชงักกับคำถามนั้นทันที
“คุณปริมไม่พอใจใช่เรื่องนี้หรือเปล่าคะ.... คือพี่คิมเขาอยากให้หวานมาอยู่เองนะคะ หวานต้องขอโทษ ถ้าเกิดมีหวานอยู่นี้ทำให้คุณปริมไม่สบายใจหวานออกจากบ้านนี้ไปก็ได้”
“อืม... ก็ดี”
“อ่ะ...เสร็จแล้ว ระวังอย่าให้แผลถูกน้ำละ”
“ค่ะคุณหวาน เห้ย!!...คุนปริมขอบคุณที่ทำแผลให้เกตนะคะ มือเบาทำแผลให้เกตไม่รู้สึกเจ็บเลย” เกตถึงเสียงหลงเรียกชื่อผิดเพราะเมื่อกี้หัวสมองคิดเรื่องนั้นอยู่เลยทำให้สับสนไปชั่วขณะ
“ถ้ากลางคืนปวดยังไง..อ่ะยาแก้ปวด นี้ก็ดึกมากแล้วไปเข้านอนเถอะ เดียวฉันจะเอากล่องยาไปเก็บเอง”
ปริมมาศกำลังเดินถือกล่องยาสำหรับทำแผลไปเก็บไว้ในตู้ แต่ระหว่างที่เดินเธอก็เจอกับคิมหันต์กำลังลงจากบันไดขั้นสุดท้าย เขานั้นยืนเขย่งขาเล็กน้อยแล้วสบตากับเธอเข้าให้ สงครามเย็นก็เกิดขึ้นเพราะไม่มีใครได้พูดอะไร จนชายหนุ่มเหลือบไปมองกล่องยาเลยต้องเป็นเขาซะเองที่ทำลายความเงียบนี้
“ฉันจะทำแผล......” พูดพร้อมกับใช้สายตามมองไปที่มือหญิงสาว ปริมมาศรู้ได้ทันทีว่าเขาจะขอของที่อยู่ในมือเลยยืนให้แต่โดยดี แล้วเจ้าหล่อนนั้นก็เดินผ่านเขาขึ้นบันไดไปเลย โดยไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาสักคำ
เดินไปง่ายๆ อย่างนี้เลย.... น้ำใจจะทำแผลให้ก็ไม่มี!
........................