ตอนที่ 7 ปลาบาบับเกร็ดเงิน
แสงวับวาวระยิบระยับเป็นประกายเมื่อแสงแดดตอนเย็นกระทบ แม้ว่าจะใกล้ค่ำแล้วความงดงามของแสงที่สะท้อนมานั้นก็ยังไม่จางหาย วัตถุขนาดใหญ่ที่มากกว่ารถเก๋งถึง 2 เท่า แม้จะอยู่ไกลแต่ก็ไม่ถึง 100 เมตรจึงพอคาดเดาขนาดมันได้ ต้นไม้ขนาด 6-8 คนโอบ 2 ต้นพาดผ่านกัน กั้นวัตภุที่ลอยอยู่เหนือน้ำนั้น
เจ้าไผ่ไม่ต้องยืนดูให้เสียเวลามากมาย รีบวิ่งไปหยิบสายคาดเอวติดอาวุธ ที่มีมีดสั้น 1 ด้าม ปืนสั้นสองกระบอกซึ่งเป็นสีดำสนิท 1 กระบอก อีกกระบอกทำด้วยทองคำที่ผ่านการแปรรูปและผสมผสานโลหะให้แข็งแกร่งมาแล้ว กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ระเบิดอีก 1 ลูก เมื่อคว้าได้ก็รีบวิ่งไต่ไปตามต้นไม้ที่ล้มลงกับพื้น วิ่งไปยังเป้าหมาย แม้ตอนแรกๆการปีนขึ้นลำต้นของมันจะดูทุลักทุเลอยู่บ้าง แต่พอขึ้นได้แล้วการวิ่งไปยังเป้าหมายก็ง่ายขึ้น ลำต้นที่เปรียบเสมือนสะพานก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี
ชั่วครู่ก็ถึงเปาหมายที่อยู่ไม่ไกล
ปลาตัวหนึ่งขนาดใหญ่กว่ารถเก๋งถึงสองเท่านอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เกร็ดสีเงินวาววับทำให้อยากจะงัดออกมาทำเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ลักษณะปลาที่ลำตัวเป็นทรงออกกระบอก หัวของมันคล้ายคลึงกับปลายีสก หางสีแดงที่มีจุดสีดำเรียงกันเป็นรูปวงรี เกร็ดขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือสีเงินวาว ตัวเกร็ดมีลักษณะคล้ายหยดน้ำที่มีประกายเพชรที่เหมือนมีแก้วคลุมตัวเกร็ดอยู่ ส่วนตรงกลางสุดของเกร็ดที่เป็นรูปหยดน้ำนั้นเหมือนมีของเหลวที่มีประกายออกสีเงินเหมิแนเป็นโลหะที่มีชีวิต มันค่อยๆหมุนเละเคลื่อนที่เป็นวงกลมภายในนั้น
..................................................................................................
(นี่คือข้อมูลของปลานะครับ ซึ่งเจ้าไผ่มันไม่รู้หรอก เอามาให้ดูเพื่อที่จะเพิ่มรายละเอียดครับ)
ปลาบาบับเกร็ดเงิน
ระดับ 4 ดาว
เลเวล 32
ปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่และอันตราย เกร็ดของมันเป็นได้ทั้งอาวุธและเกราะที่แข็งแกร่ง หากมีศัตรูโจมตีเกร็ดของมันจะทำหน้าที่เป็นเกราะคอยป้องกัน และหากมันจะโจมตี เกร็ดสีเงินรูปหยดน้ำจะมีส่วนเล็กๆคล้ายเข็มยื่นออกมา เมื่อศัตรูโดนเข็มปักพิษโลหะเงินจะถูกปล่อยออกไปพร้อมกับเข็มที่จะฝังติดแน่น เมื่อโดนพิษนี้จะทำให้มึนหัว สายตาพร่าพราง และเป็นอัมพาตในที่สุด
คุณสมบัติ : เก็ดของปลาชนิดนี้หากนำพิษโลหะออกจะไม่มีอันตราย ส่ามารถนำไปสร้างเป็นชุดเกราะได้ และทำเป็นอาวุธระดับ 2 ดาวขึ้นไป
ส่วนพิษของมันนั้นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ในด้านการสร้างยาพิษและยารักษา ทั้งนี้หากนักปรุงยาเก่งพออาจนำไปเป็นส่วนผสมในการสร้างยาอายุวัฒนได้
.......................................................................................................
“เกล็ดปลาตัวนี้สวยมาก เหมาะสำหรับเอาไปประดับบ้าน บางทีหากไอ้ที่ระยิบระยับในเกร็ดนั่นเป็นโลหะก็อาจจะหาวิธีหลอมมันเพื่อสร้างอาวุธไปฟัดกับเจ้าพวกตัวใหญ่ที่อยู่นอกม่านนั่นได้ แต่ดูเหมือนว่าปลาตัวนี้มันยังไม่ตายแฮะ คงแค่ช๊อกเฉยๆ” ไผ่พูดไปด้วยแล้วค่อยๆเลื่อนสายตาสังเกตปลาตัวนี้ไปด้วย รอยยิ้มน้อยๆแย้มขึ้น พลันมือขวาก็ค่อยๆดึงปืนพกสีดำออกมาพร้อมกับปลดล๊อก
กริ๊ก
เสียงใสๆดังขึ้นเนื่องจามันเป็นปืนที่ออกแบบมาพิเศษ
ปลายกระบอกปืนสั้นเล็งไปยังใต้คางของเจ้าปลาตัวนั้น
ปุก!!
ปุก!!
ปุก!!
กระสุนปืนแบบพิเศษถูกยิงออกไปด้วยเสียงที่เล็กคล้ายๆกับเสียงของปืนยิงตะปูที่ใช้ลมอัด ตัวกระสุนที่ว่านี้มันสามารถเจาะเกราะหนาได้ และดีกว่าปีนไรเฟิลที่โยนทิ้งไปก่อนหน้า
เกล็ดปลาเล็กๆใต้คางถูกเจาะทุลุผ่านซอกเกร็ด เลือดสีแดงของปลาค่อยๆซึมออกมาอันเป็นเรื่องยืนยันว่าการยิงประสบผลสำเร็จ
ไผ่เก็บปืนเข้าที่ แล้วค่อยๆมองไปยังใต้น้ำ ก็เห็นปลาชนิดเดียวกันและต่างชนิดอยู่อีก 2- 3 ตัว แต่ก็ช่วยไม่ได้
เท้าทั้งสองกระโดดลงในน้ำทันทีพลันว่ายเข้าไปใกล้ๆปลาแล้วก็จับหนวดอันยาวเหยียดของมันมาแล้วก็ที่การปืนขึ้นลำต้นของต้นไม้ ก่อนที่จะปีนขึ้นไผ่ใช้ปากคาบหนวดปลาที่ใหญ่พอๆกับนิ้วชี้ของมือ เส้นมันยาวหลายเมตร มีดสั้นถูกชักออกมาเพื่อเป็นสิ่งที่ช่วยเกาะต้นไม้แล้วพาร่างเขาขึ้นไปบนนั้นพร้อมกับหนวดปลา แม้ว่าปลาที่อยู่ข้างล่างจะรับรู้ว่ามีอะไรลงมาในน้ำ แต่มันก็หาได้สนใจ เพราะแรงกระเกื่อมมันไม่เท่ากับต้นไม้ใหญ่ ที่ใหญ่กว่าตัวมันเสียอีก ก็ขนาดตัวของมันยังพอๆกับรถเก๋ง 2 คัน แต่ต้นไม้มันใหญ่กว่าไม่รู้กี่เท่า ฉะไหนเลยมันต้องสนใจสิ่งแปลกปลอมเล็กน้อยนั้นด้วย
มหกรรมการลากเกิดขึ้น แม้จะดูเหมือนเป็นชายหนุ่มอายุ 17 ส่วนสูง 175 หุ่นดีสมส่วนมาตรฐาน ส่วนปลานั้นก็ใหญ่กว่ารถ แต่แรงหนุ่มน้อยคนนี้กลับสามารถลากเจ้าปลานี้ไปอย่างง่ายๆ อาจเป็นเพราะมีนำคอยช่วยด้วย แต่พอถึงฝั่งก็ไม่ต่างอะไร เจ้าปลาถูกลากขึ้นไปจนถึงข้างบนฝั่ง
มีดเล็กๆถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อ การถอดเกร็ดของปลาได้เริ่มขึ้น เริ่มจากการชำแหละที่รอยแผลกระสุนก่อน มีดค่อยๆลากเข้ามา แต่เหมือนว่าปลามันจะยังไม่ตายนะ มันกระตุกทีสองทีก็มีเข็มเล็กๆโผล่ขึ้นตรงเกรดของมันแล้วทิ่มที่มือของไผ่ทันที แต่อนิจจาเหมือนว่าเมื่อเข็มทิ่มที่มือแล้วเข็มมันก็หักไปเฉยเลย มือผ่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
เจ้าตัวยืนถือมีด งงๆ
“อ้าว มีเข็มซ่อนไว้ด้วยเหรอ อย่างนี้ก็ดีสิจะได้นำมาใช้เย็บผ้า ทีนี้แหละจะนำหนังและเกร็ดมันนี่แหละมาทำประโยชน์” เจ้าไผ่พูดยิ้มๆเหมือนกับคนที่นึกจะขายของอะไรสักอย่างแล้วจะได้กำไรมากๆ
มันไม่ได้สนใจเลยว่าเข็มนั่นมันเป็นเข็มที่มีพิษ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วยว่าเข็มนั่นมันอันตรายเพียงไหน
การเลาะเกร็ดยังคงดำเนินต่อไป เกร็ดแล้วเกร็ดเล่าถูกเลาะไปเรื่อยๆ ยิ่เกร็ดที่มีขนาดใหญ่ เข็มที่ทิ่มออกมาเมื่อสัมผัสก็มีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ
“เข็มนี่แข็งแรงดี อืม เราสามารถนำมันมาทำเป็นหัวธนูได้ หรือไม่ก็น่าจะนำไปทำกับดักไว้จับกบข้างนอกนั่น นึกแล้วก็น่านัก เจ้าพวกกบตัวแสบเอ้ย อย่าให้ตูหาวิธีจัดการได้นะเมิง เดี๋ยวจะเอามาปิ้งจิ้มน้ำพริกเสียให้เข็ด ฮึ่ม” เจ้าไผ่ก็เลาะเกร็ดไปแล้วมันก็บ่นไปตามประสาคนอยู่ตัวคนเดียว มีอะไรก็พูดออกหมด คุยกับตัวเองไปวันๆ
เมื่อไผ่ลูบๆคลำๆที่ปลายเข็มดุก็เจอกับโลหะเหลวสีเงินที่ติดอยู่กับปลายเข็มนั้น เมื่อมือสัมผัสก็ทำให้รู้สึกเย็นๆ พลันเจ้าไผ่ก็นำปลายเข็มนั้นเข้าปากทันที โลหะสีเงินวับแวมถูกปากเจ้ากรรมดูดแล้วกลืนลงคอ
พลันเจ้าคนที่ดูดก็หลับตาพริ้มแล้วยิ้มออกมาทางปาก เข็มถูกนำออกมาแล้ววางไว้ข้างๆ
“เหล็กเหลวๆนี่มันพิษนี่ อืมๆ รสชาติขมๆกระตุกลิ้นรัวๆแบบนี้เหมือนจะเป็นพิษที่รุนแรงพอสมควร อีกอย่างเหมือนมันจะทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราวด้วย จี๊ดๆใต้ลิ้นแบบนี้น่าจะรบกวนระบบการมองเห็นด้วย สุดยอดเลยแฮะพิษนี่ เอาล่ะ เอาล่ะ ประเดี๋ยวคงต้องเอาหลอดแก้วมาใส่พิษพวกนี้แล้ว ตูจะใส่เก็บไว้เยอะๆ จะเอาไปล้างแค้นไอ้กบบรรลัยกับหมาสุดเฮงที่สะบัดหางทีเดียวเล่นเอาซะตูเกือบต้องเสียเสื้อผ้าที่มีอยู่ชุดเดียวไป แม้ว่าจะมีชุดลำรองแต่ว่ามันบอบบางเกินไป นี่ถ้าตูไม่หลบนะ เสื้อที่มีเพียงชุดเดียวตูคงต้องมลายหายไปกับอากาศ หรือไม่ก็อาจจะเป็นรอยตัดทางขวางก็ได้ นึกแล้วก็อยากจะผสมพิษพวกนี้ให้มันรุนแรงเสียจริง ติดอยู่ที่ไม่มีอุปกรณ์ เฮ้อ ทำไมต้องมาอยู่แบบนี้ด้วยฟ๊ะเนี่ย เพราะไอ้พวกลูกผู้มีอิทธิพลนั่นแท้ๆ ตูโดดร่มของตูดีๆมันก็ยังจะระดมยิงตัดสายร่มซะได้ แล้วไอ้ท้องฟ้ามันก็ดันไม่เป็นใจส่งมายังโลกบ้าอะไรไม่รู้ แล้วก็ต้องมาตกระกำลำบากพลัดพรากจากผู้ปกครองที่อาทิตย์นึงก็ใช้งานจนไม่ได้พักผ่อน การเรียนตูก็ย่ำแย่ลงถึงขนาดโดนไล่ออกมาจะ 15 มหาลัยแล้ว เหลือก็แต่มหาลัยปัจจุบันนี่แหละที่ตูคงจะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ นึกแล้วก็ปวดตับขนวดขมับก็คงไปหาย หัวใจมันคงไม่วายนี่ถ้าตูตายแล้วจะเอาอะไรมาพูดฟ๊ะเนี่ย....ทำงานต่อดีกว่า เสร็จนี่เมื่อไหร่จะไปอาบน้ำ อีกอย่างหวังว่าปลาที่มันยังวนๆอยู่ในนั้นมันคงไม่งาบเราไปรับประทานหรอกนะ” ไผ่นั่งบ่นไปเรื่อยๆตามประสาของคนเหงา เดี๋ยวก็วกเรื่องนั้นที วนมาเรื่องนี้ที งานก็ทำไปด้วย ปากก็บ่นไปด้วย มือขวาจับมีดแล้วทิ่มๆหนังรอบๆเกร็ด มือซ้ายก็ดึงตัวเกร็ดออกมาแล้วเอามาวางซ้อนๆทับกัน ผิดกับตอนอยู่กับภารกิจที่จะเป็นอีกบุคลิกหนึ่ง
เรื่องที่มันบ่นแต่ละเรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่อาจถึงแก่ชีวิตอย่างเรื่องหมาป่าสะบัดหางเป็นคมมีดสายลมตัดทุกอย่างที่ขวางหน้า เจ้าตัวก็หลบจนหน้าทิ่มพื้น ส่วนเหตุผลนั่นเหรอ ไผ่มันบ่นว่า ที่มันหลบเพราะเสียดายชุดเว้ยเฮ้ย ชุดมันสำคัญกว่าชีวิตเมิงรึ...
การเลาะเกร็ดใช้เวลาเป็นชั่วโมงครับ เพราะปลามันตัวใหญ่ พอไผ่มันเลาะด้านแรกเสร็จแล้วมันก็จัดการชำแหละปลา โดยแล่เอาหนังปลาออกก่อน จากนั้นก็ตัดเนื้อปลาเป็นแผ่นๆ ความหนาของเนื้อปลาแผ่นหนึ่งก็หนาประมาณ 1 คืบ ความกว้างของแผ่นก็แล้วแต่ขนาดปลา กว้างเล็กไม่เท่ากัน ครึ่งตัวของปลาก็ได้ประมาณ 10 แผ่นเห็นจะได้
เนื้อของปลานั้นมีสีขาวคล้ายกระดาษ ความเหนียวของมันนั้นเหนียวและแน่นกว่าเนื้อปลาทั่วไป ส่วนกลิ่นก็คล้ายๆกับกลิ่นชีส ที่พูดนี่ย คือเนื้อสดนะยังไม่ได้ผ่านการปรุงรสหรือกรรมวิธีทำให้สุก ปลาที่แล่เป็นแผ่นๆนั้นเจ้าไผ่มันลงทุนไปนำใบไม้ที่หล่นอยู่เกลื่อนพื้นไปล้าง แล้วเอามาปูเรียงกัน จากนั้นก็เลือกทำเลที่เป็นริมบึง ใบไม้แต่ละใบถูกปูอย่างบรรจง พลันเนื้อปลาที่แล่ไว้ก็ถูกนำมาวางเรียงกันเพื่อรับไอแดดที่ตอนนี้มันลับขอบฟ้าไปแล้ว สรุปก็คือมืดแล้วนั่นแหละ
เลาะไปได้ครึ่งเดียวก้รู้สึกว่ามีแสงอะไรไม่รู้พุ่งเข้ามายังร่างของไผ่ ทีแรกเจ้าตัวมันก็สะดุ้งจนหงายหลัง แต่พอไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากอาการคันๆที่หลังมันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อด้วยรอยยิ้มต่อไป
ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้นปลาอีกครึ่งตัวยังไม่ได้แล่ เจ้าไผ่ก็ต้องมาเลาะเอาก้างส่วนกลางออกแล้วแล่มันทั้งอย่างนั้นเลย เหลือไว้ก็แต่หนังกับเกร็ดซึ่งทำทีหลังเมื่อนำเนื้อปลาปวางริมแม่น้ำเสร็จแล้ว จากนั้นมหกรรมเลาะเกร็ดก็ดำเนินอีกครั้ง
แสงจันทร์สาดส่องลงผืนน้ำทำให้เห็นเงาจันทร์ดวงใหญ่สะท้อน แสงดาวที่ชัดเจนและมีขนาดใหญ่กว่าโลกเก่าประดับอยู่เต็มท้องฟ้า
หลังจากเสร็จสิ้นจากการเลาะเกร้ดปลา รวมถึงการเก็บงาน เก็บก้างไปวางไว้ข้างๆเนื้อ เจ้าไผ่ก็ลงมือก่อไฟโดยใช้ใบไม้แห้งริมบึงมาเป็นเชื้อเพลิง กิ่งไม้แห้งที่หล่นเกลื่อนพื้นถูกนำมาใช้ เครื่องจุดไฟสมัยใหม่ที่รูปร่างเป็นทรงกระบอกเล็กๆเท่าไฟฉายขนาดจิ๋ว กดสวิทต์แกร๊กเดียวก็มีไฟออกมาแล้วแถมไฟยังมีอุณหภมิที่สูงอีกด้วย อันเป็นว่าการก่อไฟค่ำคืนนี้เป็นไปด้วยดี
เนื้อปลาที่แบ่งไว่แผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่ง ถูกนำมาประกอบอาหารแบบป่าๆ ใบไม้ของต้นผลไม้ชนิดหนึ่ง ตัวใบนั้นเหมือนกับใบสัก แต่มีความเรียบ และความมันวาว แถมกลิ่นก็หอมใช่ย่อยถูกนำมาใช้ต่างตอง เนื้อปลาถูกห่อแล้วก็โยนเข้ากองไฟเพื่อรอมันสุก ทั้งนี้เนื้อปลาอีกส่วนหนึ่งก็ถูกนำมาย่าง ส่วนไม้เสียบนั้นก็คือเศษไม้จากต้นไม้สองต้นที่มันหักลงน้ำแล้วเหลือบางส่วนไว้ให้ใช้สอยต่อ
ไม่ต้องรอให้สุก ไผ่จัดการถอดเสื้อผ้าทั้งหมดทันทีแล้วหยิบของบางอย่างในกระเป๋าลงไปในน้ำ
กระปุก 3 กระปุกขนาดพอๆกับขวดน้ำขวดเล็ก ข้างในมีเม็ดเล็กๆเหมือนเม็ดโฟมอยู่เต็มกระปุก
เม็ดสีข้างในกระปุกทั้งสามถูกเทออกมากระปุกละเม็ด แล้วกวักน้ำให้เข้ามายังอุ้งมือที่มีเม็ดเล็กๆนั้นอยู่ ไม่ทันที่มันจะได้แสดงปฏิกิริยา ไผ่ก็นำเม็ดสีฟ้าวางไว้บนหัว เม็ดสีเขียวอ่อนเข้าปาก ส่วนเม็ดสีน้ำตาลนั้นอยู่ในอุ้งมือ เมื่อเม็ดที่ว่าโดนน้ำมันก็ละลาย ปริมาณนั้นมีมากกว่าตัวเม็ดถึง 20 เท่า ของเหลวสีน้ำตาลถูกนำมาถูกับตัว ศึ่งมันก็คือสบู่ที่ทำขึ้นมาแบบพิเศษเพื่อให้สะดวกต่อการพกพาและการใช้งาน ส่วนสีเขียวอ่อนก็คือน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดปาก สีฟ้าคือแชมพู ไผ่จัดการอาบน้ำอย่างสบายใจแล้วฮัมเพลงเบาๆตามประสา เสื้อผ้าที่ใส่มาหลายวันถูกนำมาซักด้วยเม็ดสีฟ้า เพื่อให้มันสะอาดและมีกลิ่นหอม เวลาใส่จะได้ไม่อับ
เสร็จจากการอาบน้ำก็นำผ้าไปตากแล้วก็มานั่งผิงไฟตอนกลางคืน เนื้อปลาที่ย่างส่งกลิ่นหอมกรุ่น เมื่อสุกได้ที่ก็ลองชิมดู ความเหนียวแน่นที่นุ่มนิ่มนั้นเป็นอะไรที่สร้างรสชาติให้กับคนกินอย่างมาก ไอร้อนที่ซึมอยู่ในเนื้อก็ทำงานของมันได้ดี แม้จะไม่ได้ใส่เครื่องปรุง แต่เนื้อนี้ก็ทำให้คนกินมีความสุขได้ รสชาติที่หอมกรุ่นกลิ่นชีส รสชาติของเนื้อที่หวานชุ่มฉ่ำจนต้องกัดเข้าไปอีกหลายๆคำ
อร่อย เพียงคำเดียวที่จะบอกได้สำหรับอาหารมื้อนี้
ใช่ว่าจะหมดนะ ยังมีเนื้อห่อใบไม้อีก ไผ่นำมันออกมาจากกองไฟ เมื่อแกะใบไม้ออกไอร้อนก็กระจายไปทั่ว กลิ่นหอมปนสมุนไพรของใบไม้รวมกับกลิ่นของเนื้อปลานั้นเป็นอะไรที่ลงตัวอย่างมาก โอ้ มันอร่อย ตัวเนื้อที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเนื้อต้มแต่ไม่ใช่ มันคือเนื้ออบไอใบไม้และความชื้นของเนื้อปลาที่มีน้ำกลิ่นหอมชีสเป็นองค์ประกอบ สัมผัสของเนื้อที่เหมือนละลายในปากทำให้ความสุขของการกินอิ่มเอมไปอีกขั้น
ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ไผ่เดินโต้งๆไม่ใส่เสื้อผ้าไปลากกระดูกปลาที่ยังมีหัวติดอยู่ แล้วโยนเข้าไปในกองไฟ จัดการเติมกิ่งไม้(ที่มีขนาดใหญ่) และใบไม้เพื่อเพิ่มเชื้อเพลิง อยากจะลองกินส่วนหัวของปลาว่าจะอร่อยสักเพียงไหน
ระหว่างรอให้มันสุกได้ที่ก็ไปหาใบไม้มาปูๆเพื่อทำที่นอนชั่วคราว แล้วก็นำเสื้อผ้ามาผิงไฟให้มันแห้งเร็วขึ้น
ร่างกายที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย เมื่ออยู่ในป่าที่ไร้ผู้คนแบบนี้ก็คงไม่มีใครที่จะต้องอาย ชุดรำลองก้ปล่อยให้มันอยู่ในกระเป๋าไปก่อน
กลิ่นหอมของน้ำมันปลาที่หยดลงถ่านไฟดังซู่ๆ ทำให้ความอยากปะทุขึ้นอีกครั้ง
และเมื่อถึงเวลาอันสมควร หัวปลาก็ถูกนำมาแทะทันที
อร่อยโฮก!!
เจ้าไผ่กินจนหนำใจแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนทั้งอย่างนั้น เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่ แล้วมันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีกด้วย
“เอ หรือว่าเราแพ้อากาศที่ป่านี่หว่า ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกคันๆที่หลังจังเลยแฮะ แต่ช่างเถอะอยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชินเองแหละ เอาล่ะ ราตรีสวัสดิ์ป่าไม้ ราตรีสวัสดิ์สิ่งที่มองไม่เห็นทั้งหลาย หลับก่อนละ อืมถ้าหากมีคนอื่นๆที่เจอชะตากรรมแบบโดนดึงมายังต่างโลกแบบเรา ก็คงจะมีสภาพคล้ายๆกันแหละมั้ง” เจ้าไผ่นอนพุดแล้วเกาหลังอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็หลับไป
..............................................................................................................
หากตอนนี้มีคนที่อ่านภาษาที่ค่อยๆเพิ่มบนหลังเจ้าไผ่ออกจะเห็นว่า
ระดับ 0 ดาว
เลเวล : 17
เผ่า : มนุษย์
พลังกาย : 0 ดาว เลเวล 9
ความคล่องตัว : 0 ดาว เลเวล 11
พลังเวทย์ : 0 ดาว เลเวล 1
สกิล :
-ไม่รู้จัก ระดับ(ไม่แน่ชัด) เลเวล(ไมชัดเจน)**สกิลนี้คือ สิ่งที่เรียกว่า คาถาอาคมนั่นแหละ**
ทักษะ:
-ก้าวสายลม 2 ดาว เลเวล 7 (ได้ตอนที่วิ่งหนีหัวคะมำ)
-ทรหด 2 ดาว เลเวล 6
-ทะลวงเกราะ 3 ดาว เลเวล 5 (ได้มาตอนที่มันขีดทำเครื่องหมายต้นไม้ต่างๆ แล้วระดับต้นไม้พวกนั้นก็สูงกว่า 4 ดาว แถมได้มาจังๆก็ตอนที่ตัดต้นไม้ทั้ง 2 ต้นนั่นแหละ)
-ต้านทานพิษ 2 ดาว เลเวล 15 (ได้มาตอนมันชิมพิษจากเข็มปลา)
-ฟื้นฟู 2 ดาว เลเวล 1 (ไอ้ที่มันกินเข้าไปนั่นแหละ ทั้งเนื้อปลาทั้งน้ำจากใบไม้ที่ไปคลุกเคล้ากับเนื้อปลา)
**อธิบายเล็กน้อย คุณสมบัติเหล่านี้จะวัดหลังจากที่ไผ่ก้าวเข้ามาในโลกนี้ครั้งแรก หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือมันจะเริ่มนับตั้งแต่ได้ตราประทับนี้
เพราะฉะนั้น ความสามารถเก่าๆที่อยู่โลกเดิมมันจึงไม่วัดให้ แต่ถ้าหากแสดงออกมาเมื่อไหร่ ตราประทับก็เพิ่มความสามารถนั้น เพราะมันเป็นเหมือนกับเครื่องบันทึก และการบันทึกนี้แม้เจ้าตัวจะลืมไปแล้ว แต่ถ้าหากต้องการใช้ก็จะใช้ได้ทันที แค่เพียงเอ่ยชื่อ หรือเชี่ยวๆหน่อยก็แค่นึกถึง แต่จะอย่างไรของพวกนี้มันต้องฝึกกันให้เชี่ยวชาญ**
………………………………………………………………………………………………………………