เอกกุลขมวดคิ้วมองจดหมายลาออกที่วางอยู่บนโต๊ะสองซอง แต่ไร้ซึ่งตัวบุคคลที่ทำเรื่องลาออกไป
“คุณจารุวัฒน์กับจักรวาล ลาออกพร้อมกันเลยเหรอ”
ชายหนุ่มถามหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน หากอีกฝ่ายได้แต่ตอบรับโดยที่ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม
“ครับคุณเอก...ถามคนงานอื่นที่สนิทด้วยก็ไม่มีใครรู้ครับ เห็นว่าฝากจดหมายมาอีกทีด้วยไม่ได้เอามาด้วยตัวเอง”
ชายหนุ่มมองจดหมายลาออกอย่างสงสัย ระดับหัวหน้างานอย่างจักรวาลนั้นเขายังพอไม่ใส่ใจได้เพราะเป็นตำแหน่งที่หาคนแทนได้ไม่ยาก หากในตำแหน่งระดับสูงอย่างผู้จัดการโรงงานนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องกลับมาคิดหนัก...หรือจะมีเรื่องอะไรอยู่เบื้องหลัง
“คุณไชยพลติดต่อคุณจารุวัฒน์ได้หรือเปล่าครับ”
เอกกุลถามขึ้นเมื่ออ่านจดหมายลาออกอย่างละเอียด หัวหน้าฝ่ายบุคคลจึงรายงานไปตามความจริง
“ผมโทรหาเขาแล้วครับเมื่อเช้า แต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไร แจ้งแค่ว่าเหตุผลส่วนตัว”
“ตามให้กลับมาทำต่อก่อนได้ไหม จนกว่าเราจะหาคนใหม่มาแทนได้”
“คิดว่าคงไม่ได้ครับ เพราะเท่าที่เขาบอกผมรู้สึกว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯแล้ว”
เอกกุลถอนหายใจเมื่อฟังจบ ก่อนจะสั่งงานอีกฝ่ายเบาๆ
“งั้นคุณไชยพลไปประกาศรับสมัครหาคนมาแทนสองคนนั้นด้วย ..ให้ฝ่ายบุคคลเป็นคนคัดมาเลยแล้วกัน แล้ววันสัมภาษณ์ผมจะเข้าไปช่วยตัดสินอีกที”
นายไชยพลรับคำก่อนจะถอยออกจากห้องไป ในขณะที่เอกกุลมองไปที่ผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของเขาอย่างสงสัย...แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแต่ชายหนุ่มมั่นใจลึกๆ สาเหตุของการลาออกจากงานไปแบบกะทันหันของจารุวัฒน์และจักรวาลอาจเกี่ยวข้องกับปานดวงใจก็เป็นได้...
........................................................................
ปานดวงใจอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อทราบข่าวการลาออกของจารุวัฒน์และจักรวาล หญิงสาวรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าศัตรูที่จ้องทำลายเธอได้ถูกจัดการไปตามที่ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นรับปากไว้...แต่แล้วปานดวงใจก็ตระหนักได้...กวินวัธน์ดูจะไม่ใช่แค่ลูกค้าธรรมดาๆเสียแล้ว ...ลางสังหรณ์บางอย่างเตือนเธออยู่ในใจ ...เธอควรอยู่ห่างจากผู้ชายคนนั้นให้มากที่สุด...
.....................................................................................
ปานดวงใจเรียนรู้งานจากเลขาของเอกกุลได้อย่างรวดเร็ว จนดวงดาวเอ็นดูเด็กสาวเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อปานดวงใจมาปรึกษาเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัย เธอจึงช่วยเหลืออย่างเต็มที่พลางเอ่ยปากว่าจะขออนุญาตเอกกุลให้เธอหยุดเสาร์อาทิตย์ได้เป็นพิเศษ
“ท่านประธานใจดีจะตาย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องการเรียนด้วยนะท่านประธานมีแต่จะสนับสนุน น้องปานไม่ต้องกังวล พี่จะไปขออนุญาตให้เอง”
ดวงดาวเอ่ยพลางยิ้มให้กำลังใจ ปานดวงใจพนมมือไหว้หัวหน้างานคนใหม่วัยกลางคนอย่างนอบน้อมก่อนจะกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
“ปานของคุณพี่ดาวมากเลยค่ะที่เมตตาช่วยเหลือปาน แต่ปานเพิ่งทำงานได้แค่ไม่กี่เดือน ปานเกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ”
“อืม...เชื่อพี่เถอะ แต่ปานอาจจะต้องทำงานจันทร์ถึงศุกร์ให้เยอะขึ้น แล้วเสาร์อาทิตย์พี่จะทำแทนปานเอง แค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก พี่เข้าไปคุยให้เดี๋ยวเดียวจ้ะ รอฟังผลอยู่ตรงนี้แหละ”
ดวงดาวเอ่ยตัดบทพลางถือแฟ้มงานเข้าไปให้เอกกุลเซ็นด้วยทีเดียว ปานดวงใจยิ้มรับอย่างขอบคุณ พลางอดลุ้นไปด้วยไม่ได้ ... ตั้งแต่ย้ายมาทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของดวงดาว หญิงสาวรู้สึกว่าสี่เดือนที่ผ่านมาเธอทำงานได้อย่างมีความสุขมากกว่าเดิม ได้ดวงดาวคอยเป็นพี่เลี้ยง อีกทั้งเอกกุลก็ใจดีและให้โอกาสกับเธอได้ทำงานอย่างที่เธอถนัด ...หญิงสาวรู้สึกว่าเรื่องราวร้ายๆคงจะผ่านพ้นเธอไปได้สักที ...อาจจะเป็นอย่างที่กวินวัธน์เคยบอกไว้ก็ได้...อนาคตของเธอจะไม่มืดมนอย่างแน่นอน...
“ขอบคุณค่ะคุณกวินวัธน์...ฉันโชคดีที่วันนั้นได้เจอคุณ”
ปานดวงใจเอ่ยพึมพำกับตัวเองอย่างโล่งใจ ก่อนที่ดวงดาวจะทำสัญญาณเรียกให้เธอตามเข้าไปพบเอกกุลในห้องทำงาน
“ถ้าอย่างนั้นเธอเปลี่ยนเวลาทำงานนะปานดวงใจ เป็นตั้งแต่ 8.30-19.30 จันทร์ถึงศุกร์ หลัง 17.00 ฉันจะให้เป็นโอทีเธอด้วย แล้วหยุดทุกวันเสาร์อาทิตย์ เธอสะดวกใจกับเวลาทำงานใหม่นี้มั้ย? ”
เอกกุลถามความเห็นจากอีกฝ่าย ปานดวงใจหันมามองหน้าหัวหน้างาน ซึ่งก็ดวงดาวหันมายิ้มให้กำลังใจเป็นเชิงเห็นด้วย หญิงสาวจึงตอบตกลงพลางยกมือไหว้ขอบคุณผู้ที่เมตตาเธอทั้งสองคน
“ปานขอบคุณท่านประธานกับพี่ดาวมากจริงๆค่ะ ถ้าไม่ได้ท่านประธานกับพี่ดาวเมตตาปาน ป่านนี้ปานคงไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้”
“ฉันไม่เคยปิดกั้นโอกาสของใคร ...โดยเฉพาะกับคนที่ใฝ่ดีและขยันขันแข็ง ฉันได้แต่หวังว่าเธอจะรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ให้เสมอต้นเสมอปลายนะปานดวงใจ”
เอกกุลเอ่ยกับหญิงสาวยิ้มๆหากแววตายังคงจับจ้องพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าที่เปลี่ยนแปลงจากวันแรกที่เขาเคยได้เห็นอย่างสิ้นเชิง ปานดวงใจในวันนี้ไม่เหลือคราบเด็กบ้านนอกที่สดใสมองโลกในแง่ดีอีกแล้ว...หากกลายเป็นปานดวงใจผู้หญิงที่เข้มแข็งขึ้น และรักความก้าวหน้าแบบคนหัวสมัยใหม่อย่างเต็มตัว...
.......................................................
“ปาน...ปานช่วยพี่หน่อยได้มั้ยจ๊ะ...วันนี้พี่ปวดท้องมากเลย พี่อาจจะขอลาครึ่งวัน ...ปานช่วยทำงานแทนพี่ทีนะ”
ดวงดาวเดินงอตัวเข้ามาหาปานดวงใจที่โต๊ะด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว หญิงสาวเห็นอาการหัวหน้างานก็รีบปราดมาช่วยประคองพลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“พี่ดาวเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ ให้ปานพาไปหาหมอมั้ย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่โทรบอกสามีให้มารับแล้วล่ะ แล้วก็ว่าจะเลยไปโรงพยาบาลเลย ปานไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ดาวไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงานเลยค่ะ เดี๋ยวปานจัดการแทนให้เอง พี่ดาวไปหาหมอเถอะนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยพลางช่วยประคองนางดวงดาวไปที่หน้าบริษัท ที่มีชายวัยกลางคนยืนรออยู่ที่รถพร้อมแล้ว ปานดวงใจรอให้อีกฝ่ายขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นไปแจ้งกับเอกกุลในห้องทำงาน
“ท่านประธานคะ พี่ดาวไม่สบายขออนุญาตลาครึ่งวันค่ะ ถ้าท่านประธานมีงานอะไรเรียกใช้ดิฉันได้เลยนะคะ”
“อ้าว คุณดาวเป็นอะไร แล้วไปหาหมอหรือยัง”
เอกกุลเงยหน้าขึ้นถามอย่างใส่ใจ ปานดวงใจจึงตอบไปตามความจริง
“พี่ดาวบอกว่าจะเลยไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลเลยค่ะ”
เอกกุลพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ ปานดวงใจจึงเดินเลี่ยงกลับออกไปทำงาน หากอีกฝ่ายกลับเรียกไว้อย่างเพิ่งจะนึกขึ้นได้
“อ้อ..เดี๋ยวก่อนคุณปาน ... เย็นนี้ผมมีนัดทานเลี้ยงกับลูกค้าวีไอพีพร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณช่วยไปแทนคุณดาวที ผมไม่แน่ใจว่าเอกสารคุณดาวเตรียมไว้เสร็จหรือยัง ถ้ายัง...คุณรีบทำมาให้ผมดูก่อนสี่โมงเย็นนะ”
เอกกุลสั่งงานรวดเดียวแถมเป็นงานเร่งด่วน ปานดวงใจจึงได้แต่รับคำก่อนจะรีบไปเตรียมมาให้ตามที่เจ้านายสั่ง หากเมื่อหญิงสาวเห็นรายชื่อลูกค้าแล้วก็อดใจเต้นไม่ได้...มีชื่อของกวินวัธน์เป็นหนึ่งในนั้นด้วย!
...........................................................
ห้องอาหารหรูในโรงแรมชื่อดังถูกจองแบบเหมาไปครึ่งหนึ่งเพื่อเลี้ยงแขกคนสำคัญของ บริษัท เอกกุลวัสดุก่อสร้าง ปานดวงใจเดินแจกเอกสารให้กับลูกค้าพลางเดินนำไปยังที่นั่งที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับแขกแต่ละคนอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ...หญิงสาวแอบเหลือบมองไปยังแขกระดับซูเปอร์วีไอพีอย่างกวินวัธน์บ่อยครั้ง หากชายหนุ่มทำได้ดังที่ลั่นวาจากับเธอไว้จริง...เขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอ หรือถ้าจะเอ่ยให้ถูกคือ เขาทำเหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตนเสียด้วยซ้ำ...
“สิ้นเดือนนี้เราจะมีงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าที่ภูเก็ตด้วย ผมถือโอกาสเรียนเชิญทุกท่านที่นี่ด้วยเลยนะครับ”
เอกกุลเอ่ยขึ้นเมื่อการคุยสังสรรค์ยาวนานกว่า 3 ชั่วโมงจบลง ก่อนจะแยกไปส่งลูกค้าที่ยังคุยติดพันกันในเรื่องสินค้า โดยที่ปานดวงใจมีหน้าที่ส่งแขกวีไอพีคนอื่นกลับไปตามมารยาท พร้อมโบรชัวร์เอกสารที่พักและตั๋วเครื่องบินในงานเลี้ยงขอบคุณ
“น้องเป็นเลขาใหม่ของคุณเอกหรือ...พี่ชื่อสิริวัฒน์ นี่นามบัตรของพี่...”
ชายสูงวัยที่ปานดวงใจมั่นใจว่าแก่กว่าพ่อเธอเอ่ยขึ้นพลางส่งนามบัตรให้หญิงสาว ปานดวงใจจึงจำใจต้องรับมาพร้อมกับยื่นนามบัตรตัวเองส่งให้ลูกค้า
“ดิฉันปานดวงใจ เป็นผู้ช่วยเลขาของท่านประธานค่ะ ทางบริษัทเราต้องขอบพระคุณท่านมากเลยนะคะที่ร่วมงานกับเรามาด้วยดีตลอด”
“พี่อยากได้เอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าตัวอื่นของบริษัท น้องช่วยหาแล้วตามเอาไปให้พี่ที่รถได้มั้ย พี่ไม่สะดวกถือไปเอง”
นายสิริวัฒน์เอ่ยถามตาพราวทั้งๆที่สองมือมีเพียงเอกสารชุดเดียวที่ถืออยู่ ปานดวงใจได้แต่แอบกลืนน้ำลายลงคอพลางตอบรับไปอย่างเสียไม่ได้...
“ได้ค่ะท่าน ดิฉันจะเอาไปให้ค่ะ”
ปานดวงใจหันกลับไปค้นเอกสารที่กระเป๋าตัวเอง ก่อนจะเดินถือตามชายสูงวัยที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของกวินวัธน์แอบมองตามไปห่างๆ...
ลานจอดรถแม้จะมีไฟสว่างจ้า หากบรรยากาศที่เงียบสนิท ทำให้หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดระแวง หากนายสิริวัฒน์ก็ดูจะไม่ได้แสดงอาการเจ้าชู้อะไรกับเธอจนปานดวงใจคิดว่าเธออาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ดังนั้นเมื่อส่งนายสิริวัฒน์ถึงที่รถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงยื่นเอกสารให้อีกฝ่าย พลางเตรียมจะหันหลังกลับหากนายสิริวัฒน์กลับเปิดประตูรถแล้วผลักหญิงสาวให้ล้มไปทางเบาะหลัง
“ว้าย...ท่านคะ...อย่าค่ะ”
ชายสูงวัยตามมาขึ้นคร่อมหญิงสาวไว้พลางตะปบหน้าอกหญิงสาวเต็มสองมือ นายสิริวัฒน์กระชากเสื้อของอีกฝ่ายจนหลุดลุ่ยก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกไซร้อย่างหื่นกระหาย
“กรี๊ดดดดดด....อย่านะ ออกไปนะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
ปานดวงใจดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดแรงพลางร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น
“อย่าร้องนะ...ฉันเป็นลูกค้าวีไอพีของบริษัทเธอ...ถ้าเธอโวยวายไปฟ้องเจ้านายเธอละก็ ฉันจะบอกให้คุณเอกไล่เธอออก!”
ชายชราขู่เสียงเข้มในขณะที่พยายามจะล้วงมือเข้าไปได้กระโปรงของเธอ...ปานดวงใจกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะยกขาทั้งเตะทั้งถีบอีกฝ่ายอย่างแรง จนนายสิริวัฒน์ทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อเข่าของหญิงสาวลอยไปกระแทกกับกล่องดวงใจพอดี
“เธอ....ฉันจะไปบอกให้คุณเอกไล่เธอออก..”
“ดิฉันไม่กลัว...ออกเป็นออก!”
หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นอย่างขวัญเสีย ก่อนจะรีบฉวยโอกาสหนีจากลูกค้าหื่นกามได้อย่างหวุดหวิด...
ปานดวงใจวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตโดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ จนกวินวัธน์ขับรถมาจอดเทียบ พลางสั่งเสียงเฉียบ
“ขึ้นรถ...เดี๋ยวนี้!”
ปานดวงใจเหลียวไปทางรถของนายสิริวัฒน์ เห็นอีกฝ่ายกำลังลุกขึ้นมามองหาเธอ หญิงสาวจึงตัดสินใจขึ้นรถยุโรปคันหรูของชายหนุ่มไป กวินวัธน์ขับรถกระชากออกไปทันทีโดยที่มีสายตาของชายชรามองตามไปอย่างคั่งแค้น....
.....................................................................