เกื้อก้มลงมองรายงานผลประกอบการรายไตรมาสอย่างเคร่งเครียดจนใบหน้าที่เคยหนุ่มเสมอเกิดริ้วรอยให้เห็นชัดเจน หากมินทิราก็ยังคิดว่าเกื้อยังคงดูมีเสน่ห์อยู่ดี โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มนั้นที่จ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาที่เธอไม่เคยคาดเดาความคิดเขาได้เลย
“ผมคงต้องแสดงความยินดีกับคุณใช่มั้ยคุณมินทิรา ที่คุณสามารถทำผลกำไรของไตรมาสนี้ทะลุเป้าเกิน 50% ได้สำเร็จ”
“ดิฉันชนะเดิมพันแล้ว...ใช่มั้ยคะท่านประธาน”
หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเพื่อตอกย้ำในชัยชนะของตน โดยที่เกื้อได้แต่จำใจยอมรับสภาพความพ่ายแพ้และหยิบเอกสารสมัครงานตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การตลาดยื่นให้มินทิรา
“หรือถ้าคุณจะพูดว่าผม ‘แพ้พนัน’ คุณก็ได้ถ้าคุณอยากได้ยินคำนั้น...นี่เป็นเอกสารสำหรับคุณพ่อของคุณ คุณมนตรีจะกลับเข้ามาทำงานในตำแหน่งเดิม ส่วนคุณ...ผมจะยินดีมากถ้าคุณจะทำงานต่อกับเรานะมินทิรา”
เกื้อเอ่ยขึ้นกับหญิงสาวอย่างจริงใจจนมินทิราไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีนั้น จึงได้แต่ยิ้มตอบชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยเลี่ยงขอตัวออกไป
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าท่านประธานไม่มีธุระอะไรแล้วดิฉันขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว....”
เกื้อตัดสินใจเอ่ยขึ้น...พลางลุกขึ้นเดินมาหาหญิงสาวที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา ร่างสูงใหญ่ของเกื้อดูจะข่มร่างเล็กนั้นไว้สิ้นเมื่อชายหนุ่มก้มลงชะโงกหน้าเข้ามากระซิบเบาๆที่ข้างหูของอดีตเลขาและผู้ช่วยของลูกชายเขา
“ผมว่าคุณยังติดค้างผมอยู่ 2 คืนนะถ้าผมจำไม่ผิด”
“คะ?....สะ สองคืนอย่างนั้นเหรอคะ”
มินทิราเกิดอาการติดอ่างขึ้นมากะทันหัน เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเคยทำข้อตกลงนี้ไว้กับบุรุษกลางคนตรงหน้า หากเกื้อเผยรอยยิ้มเสน่ห์ของเขาก่อนจะเอ่ยดักคอหญิงสาวเอาไว้อย่างรู้ทัน
“ข้อตกลงนี้ เป็นคุณที่ขอร้องผมเองนะมินทิรา ...และแน่นอนว่ามันไม่ได้อยู่ในเดิมพัน 50% …ดังนั้น คุณจะบิดพลิ้วหรือว่าเหมารวมกับเดิมพันเดิมไม่ได้นะครับ คุณอดีตเลขา”
“แล้วถ้าฉัน...ยังไม่พร้อมละคะ”
มินทิราตัดสินใจถามหยั่งเชิง...งานนี้เป็นสัญญาปากเปล่า หากเธอกลืนน้ำลายตัวเองเสีย....ใครจะไปรู้ได้
หากเกื้อชี้ไปที่เอกสารที่หญิงสาวถือไว้ พลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ
“ผมก็คงยังไม่พร้อมที่จะรับพ่อของคุณเข้ามาทำงานเหมือนกันมินทิรา”
หญิงสาวหน้าถอดสีขึ้นมาทันที ... เธอลืมไปได้อย่างไรกันว่า ผู้ชายตรงหน้านี้คือเกื้อ ...ไม่ใช่กานต์! ไม่มีวันเลยที่เธอจะต้อนเขาจนมุมได้
“ผมให้เวลาคุณตัดสินใจคืนนี้หนึ่งคืน...พรุ่งนี้ผมจะไปรอคุณที่หัวหิน...ส่วนคุณจะไปหรือไม่ไป ผมคงไม่บังคับคุณนะมินทิรา...”
............................................................................................................................................................
วาสิตายืนชะงักอยู่หน้าประตู คำพูดของเกื้อเหมือนกับคำสาปที่ทำให้เธอกลายเป็นหิน แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่มีสิทธิ์เป็นตัวจริง หากที่ผ่านมาเกื้อไม่เคยมีใคร จนกระทั่งเมื่อเขามาเจอมินทิรา
ร่างเล็กของมินทิราเปิดประตูออกมา ก่อนจะผงะไปเมื่อเจอกับเลขาตัวจริงของประธานบริษัท หญิงสาวสองคนได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง จนกระทั่งกานต์เป็นผู้เข้ามาทำลายความเงียบที่ชวนอึดอัดนั้นเสีย
“อ้าวคุณตุ๊กตา ทำไมยังไม่เข้าไปอีกครับ ผมบอกว่าเอกสารตัวนี้ต้องรีบให้พ่อของผมเซ็นด่วนที่สุด”
วาสิตาที่ดูเหมือนเพิ่งจะได้สติหันไปหาชายหนุ่มคนลูกก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นน้อยๆ
“ดิฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะคุณกานต์...”
วาสิตาและมินทิราจึงได้โอกาสแยกย้ายโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆต่อกัน กานต์มองตามหลังเลขาและผู้ช่วยของเขาไปอย่างเงียบๆก่อนตัดสินใจเดินตามหญิงสาวไป
มินทิราเข้ามาเก็บของส่วนตัวที่ห้องทำงานของกานต์ ชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามามองดูด้วยหัวใจที่แปลบปลาบ ...เธอตัดสินใจที่จะไม่เลือกเขาจริงๆ
“คุณจะไม่ทำงานที่นี่ต่อหรือมินทิรา”
“ค่ะ...ดิฉันอยากทำงานที่ตัวเองถนัดมากกว่า ซึ่งคงไม่ใช่ตำแหน่งเลขาของคุณ”
มินทิราตอบโดยไม่ได้เงยหน้า จึงไม่ทันเห็นว่าชายหนุ่มเสียใจเพียงใด หากกานต์ยังคงเอ่ยต่ออย่างพยายามให้เป็นปรกติที่สุด
“ถ้าคุณอยากทำตำแหน่งอื่น ผมจะช่วยพูดกับคุณพ่อให้ ผมมั่นใจว่าเคเคกรุ๊ปยินดีต้อนรับคุณเสมอนะมินทิรา”
“ขอบคุณค่ะ แต่เคเคกรุ๊ปคงเหมาะกับพ่อมากกว่าดิฉัน”
กานต์ขยับตัวเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวพลางเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงนายมนตรี
“แล้วคุณไม่อยากสืบหาคนที่ใส่ร้ายพ่อของคุณแล้วหรือ... อย่างน้อยถ้าคุณทำงานที่นี่ คุณก็จะสามารถตามหาคนร้ายได้”
“พรุ่งนี้ดิฉันจะถามคุณเกื้อเองค่ะ...ท่านประธานคงให้คำตอบดิฉันได้”
มินทิราก้มหน้าหลบตาเมื่อตอบคำถามนี้ของกานต์ จนชายหนุ่มเอะใจในความผิดปรกติ
“พรุ่งนี้... คุณปิดบังอะไรผมอยู่หรือเปล่ามินทิรา”
“ไม่มีค่ะ... คุณรู้แค่ว่าหลังจากนี้ไป ดิฉันจะเป็นอิสระจากพันธะเดิมพันบ้าๆของพวกคุณเสียที ... ลาก่อนนะคะคุณกานต์ พวกเราคงไม่ได้เจอกันอีก”
มินทิราเอ่ยก่อนจะเก็บข้าวของเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ จนกานต์ได้แต่ยืนนิ่งไป ... แม้ว่าชายหนุ่มอยากจะรั้งตัวเธอไว้มากแค่ไหน หากผู้หญิงอย่างมินทิราคงไม่มีวันยอมใจอ่อนให้กับเขาอีกแล้ว
...........................................................................................................................
กานต์เดินมาที่รถอย่างซึมๆเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน หากเมื่อเหลือบตาไปยังที่จอดรถคันข้างๆ ก็ได้เห็นวาสิตายืนเหม่อลอยไม่ยอมขึ้นรถ
“คุณตุ๊กตา .... เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่สบายหรือเปล่า”
วาสิตาสะดุ้งอย่างตกใจพลางหันมาทางชายหนุ่มหน้าตาตื่น กานต์จึงเดินเข้าไปใกล้อย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ให้ผมขับรถไปส่งที่บ้านไหม”
ชายหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายยังดูเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาชนิดที่ไม่สนใจคนรอบข้างจนน่าเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันว่าจะยืนพักสักครู่แล้วค่อยกลับ คุณกานต์เชิญกลับได้เลยค่ะไม่ต้องห่วงดิฉัน”
วาสิตาปฏิเสธ หากกานต์แย่งกุญแจรถในมือหญิงสาวมาพลางดันให้อีกฝ่ายเดินไปยังอีกฟากของประตูพลางเอ่ย
“คุณตุ๊กตาเชิญขึ้นรถเลยครับ วันนี้ผมอาสาไปส่งคุณเอง ไหนๆเราก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว นานๆทีผมกลับบ้านบ้างพ่ออาจจะดีใจ”
“ดิฉันว่าคุณกานต์ไปส่งดิฉันที่คอนโดฯดีกว่าค่ะ บางทีคุณเกื้ออาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว”
วาสิตาเอ่ยขึ้นเมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว หากสารถียังคงหันมาถามหน้าตาเหลอหลา
“ความเป็นส่วนตัวอะไรกันครับคุณตุ๊กตา พ่อผมน่ะป่วยอยู่นะ ถ้าไม่มีคุณตุ๊กตาคอยดูแลสักคนแล้วใครกันจะดูแลท่าน”
“ก็คุณมินทิรายังไงคะ”
“มินทิรา?....หมายความว่ายังไงกันคุณตุ๊กตา มินทิรามาเกี่ยวอะไรด้วย”
กานต์ถามหน้าเคร่งขึ้นทันควัน ... แทบจะไม่มีสมาธิขับรถเอาเสียแล้ว เพราะชักสังหรณ์ใจแปลกๆตั้งแต่ตอนที่มินทิราพูดกับเขาเมื่อกลางวันแล้ว
“คุณเกื้อนัดให้คุณมินทิราไปพบท่านที่หัวหินค่ะ พรุ่งนี้”
“นัดไปพบที่หัวหิน?...”
“ค่ะ...ท่านแจ้งดิฉันไว้ว่าจะไม่เข้าออฟฟิศ 2-3 วัน ให้ดิฉันเลื่อนนัดทั้งหมด คงจะเตรียมไปค้างกับคุณมินทิรา”
กานต์นิ่งงันไปกับคำตอบของหญิงสาว จนกระทั่งขับรถมาจนจอดสนิทหน้าบ้านของตัวเองก่อนจะหันมาถามอีกครั้งด้วยเสียงแห้งระโหยไร้เรี่ยวแรง
“พ่อของผม ... กับมินทิราอย่างนั้นเหรอ”
“มันเป็นข้อตกลงของทั้งคู่เองค่ะ ดิฉันก็ไม่ทราบรายละเอียด คุณกานต์...ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ”
ประโยคสุดท้ายวาสิตาหลุดปากถามมาเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่มคล้ายกับคนใกล้ตาย .... หากกานต์ไม่มีกะจิตกะใจจะตอบอะไรทั้งสิ้น ... วาสิตาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยเสียเอง
“ดิฉันคงไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วค่ะ ดิฉันของตัวไปเก็บของก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้เช้าดิฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุด”
หญิงสาวเอ่ยก่อนจะแยกขึ้นห้องพักของตัวเองไป ในขณะที่กานต์ทรุดตัวลงนั่งที่ห้องรับแขกก่อนจะเรียกหาเหล้ามากินเพื่อดับความฟุ้งซ่านและความเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในหัวใจของเขาเอง!
............................................................................................................................................................
To be continue...
Final part!
######################################################################
สวัสดีค่ะ ไรท์เตอร์น้ำมิ้มมาทักทายอีกแล้ว พร้อมกับแจ้งข่าวดี.....
เสาร์อาทิตย์นี้ไรท์จะลงตอนจบให้นะ เย้เย้!!
และจะขออนุญาต "ติดกุญแจ" นะคะ... รีบสะสมไว้แต่เนิ่นๆ เน้ออออ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาตลอดจนจบนะคะ ....
จะทยอยเขียนมาลงเรื่อยๆค่ะ ... ฝากติดตามเรื่องใหม่ๆหลังจากนี้ด้วยนะคะ
#กราบรอบทิศ
.......น้ำมิ้ม